Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1815 ตาต่อตา
ตอนที่ 1815 ตาต่อตา
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้เจ้านิกายต้องตะลึง
ตอนนี้สายตาของผู้อาวุโสทั้งเก้าต่างมองดูเย่หยวนราวกับเขาเป็นแค่คนโง่
ไอ้หมอนี่มันดื้อด้านเสียจริงๆ!
“เย่หยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่มันยิ่งใหญ่แค่ไหน? ทั้งนิกายตั้งแต่หัวจรดหางไม่ว่าจะเป็นวรยุทธบ่มเพาะ วรยุทธต่อสู้หรือโอสถใดที่เจ้าต้องการ ต่อให้เจ้าจะอยากขอให้ข้าผู้นี้ช่วยลงมือออกหน้าเองข้าก็ไม่คิดจะขัด ตราบเท่าที่มันเป็นเรื่องราวที่นิกายทำให้ได้ เจ้านิกายคนนี้ย่อมจะไม่ปฏิเสธแน่นอน!”
เจ้านิกายคิดว่าเย่หยวนไม่ได้รู้ความสำคัญของการตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่เขาจึงบอกเล่ากล่าวออกมาว่ามันยิ่งใหญ่เพียงใด
เก้ายอดผู้อาวุโสถ่ายทอดเองก็หันไปมองดูเย่หยวนและคิดว่าท่านเจ้านิกายคงอธิบายได้อย่างชัดแจ้งแล้ว
พวกเขาคิดในใจว่าเย่หยวนคงไม่คิดใช้คุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้กับเรื่องโง่เง่า
แต่ว่าเย่หยวนกลับตอบ “ขอบคุณท่านเจ้านิกายที่เตือนบอก แต่เย่หยวนผู้นี้มีคำขอแค่อย่างเดียวคือการสังหารเอาชีวิตเชียนเย่!”
นั่นทำให้เจ้านิกายขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันไปหาเจียงหง
เจียงหงเข้าใจท่าทางนั้นได้ทันทีและเริ่มเล่าเรื่องราวระหว่างเชียนเย่และเย่หยวนออกมาด้วยท่าทางลำบากใจ
หลังจากเจ้านิกายฟังไปแล้วเขานิ่งเงียบไปนาน
เย่หยวนนั้นไม่ได้รีบอะไรเขาจึงยืนรอคำตอบของเจ้านิกายไป
ไม่นานจากนั้นเจ้านิกายก็เปิดปากพูดขึ้น “เย่หยวนทำไมเจ้า… ไม่ลองคิดดูอีกทีล่ะ นี่คือโอกาสหนึ่งเดียวในชีวิตของเจ้าเลยนะ แค่ขยะข้างทางอย่างเชียนเย่นั้นไม่อาจขวางทางสู่การเป็นใหญ่ของเจ้าได้ การใช้เรื่องนี้เพื่อแลกกับการสังหารมันจะไม่คุ้มค่าเอานะ”
พูดจบเจ้านิกายก็หันไปมองดูเย่หยวนด้วยสายตากดดัน เขารู้ว่าเย่หยวนไม่ใช่คนโง่ เขาต้องรู้ตัวดีว่าควรตัดสินใจอย่างไรแทน
แต่ว่าเย่หยวนกลับทำให้เขาผิดหวัง
เพราะเย่หยวนนั้นยิ้มออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ท่านเจ้านิกาย อย่ามาใช้คำพูดจาสวยหรูหลบเลี่ยงมันเลย ให้พูดตรงๆ ก็คือท่านไม่อาจตัดใจทำลายศิษย์อัจฉริยะเชียนเย่คนนี้ทิ้งไปได้แค่นั้น ท่านเจ้านิกาย ท่านไม่มีทาง… จะเหยียบเรือสองแคมได้”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวเหล่าเก้ายอดผู้อาวุโสถ่ายทอดต่างหน้าถอดสีทันที
เจียงหงรีบพูดขึ้นทันที “โอหัง! เด็กน้อยเจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?”
เย่หยวนตอบ “ข้าแค่พูดความจริง!”
ตอนนี้เจ้านิกายนั้นมีใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะมากพรสวรรค์แต่มันก็ช่างอวดดี
เขาได้แต่ต้องยอมรับว่าเย่หยวนคนนี้จัดการไม่ได้ง่ายๆ
อย่างที่เย่หยวนว่ามา เขานั้นไม่อาจตัดใจสังหารเชียนเย่ลงได้
เพราะในสายตาของเขานั้น ยิ่งมีอัจฉริยะมากมันยิ่งเป็นประโยชน์ต่อนิกาย
แม้เย่หยวนยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏตัวออกมาก่อนจะมีประโยชน์และคุณค่าต่อนิกายอย่างมาก เชียนเย่เองก็เป็นยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก
ทุกๆ อัจฉริยะล้วนแล้วแต่เป็นอนาคตของนิกาย เขาจึงอยากให้ทั้งสองอยู่ในนิกายต่อไป
เพียงแค่ว่าเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนนั้นจะจัดการหว่านล้อมได้ยากกว่าที่เขาคาดมาก แค่พูดคำเดียวก็มองเจตนาของเขาออกได้
เวลาตอนนี้มันจึงมีแต่ความอึดอัด
เจ้านิกายบอกมาด้วยใบหน้าไม่พอใจ “แล้วหากข้าบอกว่าไม่?”
ราวกับว่าเย่หยวนคาดคิดถึงคำตอบนี้มาก่อนแล้วจึงยักไหล่ออกมา “เช่นนั้นนิกายนี้คงพูดอะไรเหมือนการผายลม นิกายเช่นนี้มันย่อมไม่มีประโยชน์ใดต่อข้าอีก”
เจ้านิกายปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมถาม “หมายความว่าหากข้าปฏิเสธ เจ้าจะคิดทรยศนิกาย?”
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถสังหารเชียนเย่ แต่คำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้เขาเสียหน้าไม่น้อย
ในนิกายเงาจันทร์นี้เขาควบคุมได้ทุกสิ่งอย่าง แต่การปรากฏตัวของเย่หยวนในครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองไม่อาจควบคุมอะไรได้เลย
ความรู้สึกนี้มันรบกวนเขาอย่างมาก
แม้จะเป็นอย่างนั้นเย่หยวนก็เป็นคนที่ตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่
เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยิน “คำพูดนี้ของท่านเจ้านิกายไม่ถูกนัก! ข้าไม่ได้ต้องการทรยศนิกาย แต่เป็นนิกายต่างหากที่ทอดทิ้งข้า เชียนเย่คิดสังหารข้ามานับครั้งไม่ถ้วน แต่นิกายกลับไม่คิดจะลงโทษมัน ข้าชนะการต่อสู้ได้อย่างตรงไปตรงมาแต่กลับถูกผู้อาวุโสถ่ายทอดเข้ามาขัดขวาง ข้าตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ได้แต่จนสุดท้ายก็ยังไม่อาจได้รับความยุติธรรม! ท่านลองบอกข้ามาหน่อยเถอะท่านเจ้านิกาย นิกายเช่นนี้มันจะมีประโยชน์ใดๆ ให้ข้าอยู่ต่อกัน?”
เย่หยวนพูดอย่างมีเหตุผลจนทำให้เจ้านิกายไม่อาจตอบโต้
เฉียวฟูที่เห็นสภาพนั้นว่าท่านเจ้านิกายเริ่มหน้าเสียขึ้นเรื่อยๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปห้ามเย่หยวน “เย่หยวน อย่าได้พูดจาไร้สาระ! ท่านเจ้านิกายนั้นล้วนคิดถึงอนาคตวันหน้าของนิกายเรา!”
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยท่าทางเคารพ “ท่านผู้อาวุโสช่วยชีวิตข้าไว้เย่หยวนจะไม่มีทางลืมได้ แต่เรื่องนี้เย่ผู้นี้คิดว่าตนได้สร้างประโยชน์แก่นิกายอย่างมหาศาลมากกว่าที่เชียนเย่จะทำได้ทั้งชีวิต ข้าเพียงแค่ขอให้ได้รับความยุติธรรม! เย่หยวนผู้นี้รู้ดีว่าคำพูดของผู้น้อยนั้นมันไร้ซึ่งน้ำหนักใดๆ หากท่านเจ้านิกายไม่คิดรับมันก็จงสังหารข้าทิ้งเถอะ!”
คำพูดนี้ของเย่หยวนทำให้เหล่าเก้ายอดผู้อาวุโสถ่ายทอดต้องอ้าปากค้าง
ไอ้เด็กคนนี้มันจะป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
เจ้านิกายเองก็ยิ่งหน้าเสียขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาต้องพูดออกมา “เจ้าคิดว่าด้วยพรสวรรค์ที่เหนือล้ำของเจ้าแล้วเจ้านิกายคนนี้จะไม่กล้าสังหารเจ้า?”
เย่หยวนไม่คิดตอบและทำเพียงแค่มองจ้องตาเจ้านิกายกลับไป
เขานั้นแสดงจุดยืนของตนออกมาอย่างเด่นชัด
เจ้านิกายกัดฟันแน่น “ดี ดีมาก! นิกายเงาจันทร์ข้าได้สร้างศิษย์ที่เก่งกาจขึ้นมาจริงๆ! เจ้านิกายคนนี้อยากรู้เหลือเกินว่ากระดูกเจ้ามันจะแข็งสักแค่ไหน!”
จู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็เหมือนถูกเสาน้ำแข็งเสียบแทง คลื่นพลังอันหนักหน่วงถูกกดทับลงมาบนร่างของเขาทำให้เขาไม่อาจแม้แต่จะหายใจ
แต่เย่หยวนกลับยังยืนนิ่งอย่างมั่นคง ดวงตาจ้องมองไปยังเจ้านิกายพร้อมกัดฟันแน่น
เมื่อเห็นดวงตานั้นของเย่หยวนท่านเจ้านิกายก็ยิ่งไม่พอใจหนักเข้าไปอีก
ตอนที่เขากำลังคิดจะปล่อยพลังออกมาจริงๆ นั้นมันกลับมีความมืดตกลงมาปกคลุมทำให้คลื่นพลังอันน่าเกรงกลัวของเจ้านิกายนั้นหายเข้าไปในความมืดนี้
เย่หยวนรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองนั้นเบาขึ้นมาก ราวกับคนจมน้ำที่ได้พุ่งขึ้นมาหายใจ
เรื่องราวนี้มันทำให้เจ้านิกายหน้าถอดสีทันที “อ-อาจารย์ลุง!”
เสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า “โจวชิง เจ้าในฐานะเจ้านิกายมันจะตกต่ำลงทุกวันแล้ว! เจ้าคิดจะกลับคำที่บรรพบุรุษได้ให้ไว้หรือ?”
เจ้านิกายหน้าถอดสีทันทีพร้อมยกมือขึ้นคารวะ “โจวชิงมิกล้า!”
“หึ! กล้าที่จะผิดคำสัญญาที่บรรพบุรุษให้ไว้เช่นนี้จะยังมามิกล้าเรื่องใดอีก?” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากความว่างเปล่าอีกครั้ง ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงไม่พอใจการกระทำของโจวชิงมาก
โจวชิงนั้นเหงื่อไหลท่วมกาย เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวในครั้งนี้จะไปเข้าตาของอาจารย์ลุงเข้า
เขาคนนี้คือไพ่ตายสุดท้ายของนิกายเงาจันทร์ ปกติแล้วเขาจะเก็บตัวอยู่ตลอดชั่วตานาปีไม่คิดออกมาสู่โลกภายนอกและไม่เคยคิดไถ่ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย
แต่วันนี้เพื่อเย่หยวนแล้วเขากลับออกมา!
เก้ายอดผู้อาวุโสถ่ายทอดได้แต่หันไปมองหน้ากัน เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้เลยว่านิกายเงาจันทร์ยังมีตัวตนที่แสนทรงพลังขนาดนี้อยู่ด้วย
โจวชิงนั้นรู้ดีถึงความน่ากลัวของอาจารย์ลุงคนนี้และย่อมไม่กล้าเถียงใดๆ กลับไป เขาได้แต่พยายามอธิบายตัวเอง “โจวชิงนั้น… แค่คิดถึงอนาคตของนิกาย!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้ง “โจวชิง เจ้ามันช่างตกต่ำลงทุกวันเสียจริงๆ! เจ้าลองนึกถึงตัวก่อนเมื่อก่อนสิว่าเจ้าเหยียบย่ำผ่านศพคนที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะมาเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่? ยอดคนของนิกายนั้นมีแค่คนเดียวมันก็มากพอ! เขาคือยอดอัจฉริยะที่สามารถตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่ได้ แต่เจ้ากลับคิดสังหารเขาลง? เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?”
ยิ่งโดนว่าโจวชิงยิ่งหน้าเสีย จนสุดท้ายเขาจึงตัดสินใจก้มหัวลงบอก “ขอรับอาจารย์ลุง โจวชิงผิดไปแล้ว! โจวชิงรู้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องจัดการอย่างไร!”
“แม้เฒ่าคนนี้จะไม่ชอบยุ่งเรื่องทางโลกนักแต่ข้าก็พอรู้เรื่องของนิกายอยู่บ้าง เดิมทีการปะทะกับของพรรคพวกค่ายกลุ่มคนนั้นมันเป็นผลดี แต่ตอนนี้ทั้งนิกายต่างแยกแตกเป็นพวก ปล่อยบรรยากาศสุดน่าสมเพชออกมาทั่วทุกหนแห่ง แต่เจ้านั้นก็ยังปล่อยให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไป! โจวชิงเจ้านี่มัน… ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
พูดจบเสียงนั้นก็หายไปพร้อมเงามืด
…………………………