Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1828 กระบวนท่าอันหนักหน่วง
ตอนที่ 1828 กระบวนท่าอันหนักหน่วง
แค่กระบวนท่าเดียว!
ใช้แค่กระบวนท่าเดียวจริงๆ!
ไม่มีการสวนกลับที่รุนแรง ไม่มีการใช้วรยุทธที่สวยหรู
สิ่งที่พวกเขาทั้งหลายเห็นคือดัชนีหนึ่งนิ้ว
เหล่าศิษย์ของนิกายใหญ่ทั้งหลายต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง สายตาของทุกผู้คนเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
คำพูดดูถูกวางท่าของเหอหยวนก่อนหน้านี้มันกลายเป็นคำพูดโง่ๆ ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที
นิกายสว่างชัดเก่งมากหรือ?
คำพูดที่ฟังดูน่าตลกของเย่หยวนนั้นมันกลับถูกยืนยันด้วยฝีมือของเขา
นิกายสว่างชัดมันอ่อนแอจริงๆ!
กระบวนท่าอันยิ่งใหญ่ของเหอหยวนเองก็เป็นได้แค่เรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าทางสบายๆ ของเย่หยวน
เย่หยวนมองดูเหอหยวนที่ร่วงลงไปพร้อมบอก “ความพิโรธของเจ้ามันอ่อนแอจริงๆ ข้ายังมีเรื่องต้องไปทำ ขอตัวล่ะ”
พูดจบเย่หยวนก็จากไป หายร่างไปจากสังเวียนเหลือทิ้งไว้เพียงเหล่าผู้ชมที่มองดูเรื่องราวอย่างงงงัน
“ไอ้เด็กคนนี้มันแข็งแกร่ง!”
“นี่มันหมายเลขหกสิบสี่จริงหรือ? หรือว่าจารึกอาณาจักรล้ำจะวัดพลาดกัน?”
“การชนะเหอหยวนได้ด้วยกระบวนท่าเดียวเช่นนี้ คงมีแค่ไม่กี่คนที่ทำได้ใช่ไหม?”
…
ด้านล่างเวลานี้หยางเชินได้แต่ทำหน้าตาไม่สู้ดี
ดัชนีนี้ของเย่หยวนมันตบหน้านิกายสว่างชัดของพวกเขาเข้าเต็มๆ
กว่าหมื่นปีที่ผ่านมานี้นิกายสว่างชัดไม่เคยพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายเช่นนี้มาก่อน
แต่วันนี้เหอหยวนกลับแพ้ลง
“หลี่อี้ผิง ต่อไปตาเจ้าใช่ไหม? จงนำชัยกลับมาให้ได้ล่ะ!” หยางเชินบอกด้วยสีหน้าคร่ำเครียด
ชายหนุ่มผมสั่นที่ด้านหลังคนนั้นจึงรีบรับคำขึ้นมา “ศิษย์พี่หยางโปรดวางใจ ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเทียบเคียงข้าได้!”
หลี่อี้ผิงคนนี้นับเป็นอันดับห้าของคนนิกายสว่างชัดที่มาในครั้งนี้ทั้งแปด เขามีพลังอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาวขั้นกลาง
เทียบกับเหอหยวนแล้ว เขานั้นเก่งกาจกว่ามาก
นิกายสว่างชัดนั้นไร้คนอ่อนแอ คำพูดนี้ไม่ได้มีเล่นๆ
ต่อให้เขาจะเป็นแค่ระดับห้าของนิกาย แต่หากเทียบกับนิกายอื่นแล้วเขาคงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าระดับหนึ่งหรือสองของพวกนั้นเลย
เพราะฉะนั้นเขาจึงกล้าที่จะรับปากเช่นนี้
…
ด้านในห้องหลอมโอสถตงน้อยเห็นการกลับมาของเย่หยวนพร้อมแสดงท่าทีตื่นตะลึง
“เร็วกว่าที่คิดเสียอีก!” ตงน้อยบอก
หมูสมบัติที่เดิมทีกำลังนอนอยู่ก็รีบลุกตัวขึ้นพุ่งใส่เย่หยวนทันทีที่มันเห็นว่าเย่หยวนกลับมาพร้อมส่ายหางสั้นๆ ของมันอย่างไม่มีหยุด
ตงน้อยถอนหายใจยาว “เจ้าหมูโง่ รู้จักแต่กินจริงๆ!”
หมูสมบัติหันหน้ากลับออกมาหลับตาปี๋ใส่ตงน้อย
เย่หยวนยิ้มตอบ “ไอ้หมอนั่นมันอ่อนแอเกินไป ข้าชนะมันได้ด้วยกระบวนท่าเดียวไม่มีค่าใดๆ ให้จดจำหรอก”
ตงน้อยหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน เขาตื่นตะลึงในพลังฝีมือของเย่หยวนไม่น้อย
แต่ไม่นานนักท่าทางเช่นนั้นก็จางหายไปและตงน้อยก็บอกขึ้น “นี่คือสมุนไพรที่เจ้าบอกให้เตรียม เริ่มหลอมโอสถได้เลย”
เย่หยวนยิ้ม “ฮ่าๆ ขอบคุณจริงๆ ไม่นึกเลยว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าจะมีประโยชน์มากขนาดนี้”
ตงน้อยหน้าตาดำมืดลงทันทีด้วยอารมณ์ที่แทบแตกปะทุ แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวเองในตอนนี้คงเอาชนะเย่หยวนไม่ได้เขาก็รีบหดตัวเก็บความโกรธแค้นนั้นกลับลงไป
“ไอ้เด็กเวร รอเทพสวรรค์คนนี้ได้พลังคืนมาก่อนเถอะ เจ้าจะได้รู้ ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ก้นแยกเป็นสองซีกเลย!”
เย่หยวนเห็นว่าตงน้อยนั้นอยู่ว่างๆ จึงได้ใช้ให้เขาช่วยเตรียมสมุนไพรให้ก่อนที่เย่หยวนจะลงมือทำการหลอมโอสถ
แต่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าตงน้อยคนนี้จะสามารถทำงานนั้นได้อย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบ
ตั้งแต่เย่หยวนขึ้นมหาพิภพถงเทียนมานี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนเช่นนี้
เพราะฉะนั้นมันจึงยิ่งทำให้เย่หยวนเชื่อว่าปู่ของตงน้อยคนนี้ต้องเป็นนักหลอมโอสถขั้นสูงแน่ๆ
ที่สำคัญเย่หยวนยังพบว่าตงน้อยนี้มีความเข้าใจในศาสตร์แห่งโอสถอยู่ไม่น้อย
การคุยเล่นไปเรื่อยกับเด็กคนนี้ บางครั้งก็ทำให้เย่หยวนนึกเรื่องราวใหม่ๆ ออกทำให้เย่หยวนเริ่มคิดอยากเจอกับปู่ของตงน้อยคนนี้เข้าจริงๆ แล้ว
เมื่อเย่หยวนเริ่มลงมือหลอมโอสถ เขาก็ลืมเรื่องกาลเวลาไปอย่างสิ้นเชิง
จนสามวันต่อมาที่การหลอมโอสถของเย่หยวนถูกซู่เหยียนมาขัดจังหวะ
“มีอะไรหรือผู้อาวุโสซู่?” เย่หยวนถาม
เพราะก่อนหน้านี้เขาได้บอกไปแล้วว่าหากไม่มีเรื่องจริงๆ อย่าได้มารบกวนเวลาหลอมโอสถของเขา
เมื่อซู่เหยียนยังคิดมาขัดจังหวะเขาเช่นนี้ มันย่อมต้องมีเรื่องใดเกิดขึ้นแล้ว
ซู่เหยียนทำหน้าหนักใจออกมา “เจ้าไปดูอี้ชิงเซียงหน่อยได้หรือไม่? ตอนนี้เขาคงไม่อาจเข้าร่วมงานชุมนุมต่อสู้ได้อีกแล้ว หากมันมีทางเลือกอื่นข้าเองก็คงไม่คิดจะมาตามเจ้าหรอก”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นทันทีด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะพยักหน้ารับไป “ได้ ข้าจะไปดูให้”
อี้ชิงเซียงนั้นถูกหามเข้ามาเมื่อเย่หยวนเห็นร่างของอี้ชิงเซียงบนเปลหามเขาก็แทบจะอยากหันหน้าหนีทันที
อี้ชิงเซียงนั้นมีสภาพสุดเกินจะบรรยาย ร่างกายของเขาทั้งหมดผิดรูปผิดร่างไปสิ้นความเป็นคน
โดยเฉพาะที่หน้า ตอนนี้ดวงตาของเขาถูกทุบจนถลนออกมาเป็นใบหน้าที่ไม่มีทางจดจำได้ว่าคือเขา
อาการบาดเจ็บขั้นนี้ย่อมไม่มีทางใดที่จะเข้าร่วมงานได้อีกแล้ว
หากเป็นการรักษาปกติ คงต้องใช้เวลานับสิบปีจึงจะพอรักษากลับมาได้
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันไปถามซู่เหยียน “นี่ฝีมือคนนิกายสว่างชัด?”
ไม่ต้องคิดให้มาก มันต้องเกิดมาจากการที่นิกายสว่างชัดเสียหน้าจึงคิดจะมากู้หน้าของตนคืนกันมาต่อสู้ของอี้ชิงเซียง
เว้นเสียแต่ว่ามันช่างเป็นการลงมือที่ชั่วร้ายเกินบรรยาย
การต่อสู้ที่กินเวลายาวนานขนาดนี้ หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญย่อมเป็นการรักษาตัวไม่ให้ได้รับบาดเจ็บหนัก
โดยปกติแล้วเมื่อพวกเขาตัดสินได้ว่าสถานการณ์มันเกินรับไหว พวกเขาทั้งหลายก็จะยอมแพ้ออกมาในทันที
แต่ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงไม่ได้ปล่อยให้อี้ชิงเซียงมีโอกาสยอมแพ้
ซู่เหยียนบอกด้วยท่าทางโกรธแค้น “อี้ชิงเซียงเองก็โชคไม่ดี ไปเจอเข้ากับศิษย์นิกายสว่างชัดนามเบียนซือเชียวเข้า มันจัดอยู่ในอันดับสี่ของนิกาย แน่นอนว่าช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นแสนจะยิ่งใหญ่ อี้ชิงเซียงนั้นไม่พอที่จะรับมืออีกฝ่ายมาได้ตั้งแต่แรก ใครจะไปรู้ว่าวินาทีที่เริ่มศึกมันกลับพุ่งเข้ามาโจมตีในนาทีที่อี้ชิงเซียงยังไม่ทันระวังและปลดกรามล่างของอี้ชิงเซียงไป ทำให้เขาไม่อาจะพูดออกเสียงเป็นคำได้ จากนั้นเบียนซือเชียวก็ไล่ซ้อมอี้ชิงเซียงไปทั่วสังเวียน หากเด็กคนนี้ไม่ฉลาดพอเขาคงได้ตายไปแล้ว”
ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่นั้นไม่ได้ห้ามการฆ่าสังหาร หากไม่มีโอกาสได้ทันยอมแพ้ การจะตายบนสังเวียนก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
เย่หยวนหรี่ตามองด้วยความเย็นเยือก
นิกายสว่างชัดมันจะลงมือหนักเกินไปแล้ว
แม้ว่าเขาและอี้ชิงเซียงจะมีเรื่องกันมาก่อนหน้าแต่อี้ชิงเซียงนั้นต่างจากเชียนเย่ เขาไม่ได้ลงมือใดๆ โดยตรงต่อเย่หยวน
ตอนนี้อี้ชิงเซียงยิ่งไม่กล้าทำอะไรเย่หยวนไปใหญ่
นิกายสว่างชัดนั้นตั้งเป้าหมายหัวเย่หยวนอย่างแน่นอน
อี้ชิงเซียงนั้นเป็นได้แค่คนที่โดนลูกหลงเท่านั้น
เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะลงมือกับอี้ชิงเซียงอย่างหนักหน่วงขนาดนี้เพียงเพื่อสิ่งที่เรียกว่าหน้าตาชื่อเสียง
ตอนนี้อารมณ์ของเย่หยวนพลุ่งพล่านอย่างมาก
เย่หยวนรีบบอก “ใจเย็นก่อน มีข้าอยู่ด้วยเขาย่อมไม่ตาย! ศึกหน้าเขาก็จะสามารถลงสู้ได้ด้วย”
เมื่อซู่เหยียนได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ
เขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อนว่าจะมีนักหลอมโอสถที่สามารถรักษาบาดแผลหนักหนาขนาดนี้ได้ด้วยเวลาไม่กี่วัน
ตั้งแต่เข้าสวนป่าบนมาเย่หยวนก็ได้ลองทำการหลอมโอสถต่างๆ นาๆ มามากมาย แต่เรื่องที่ว่าเขามีทักษะด้านโอสถมากแค่ไหนนั้นตัวซู่เหยียนเองก็ไม่อาจะทราบได้
“ศิษย์พี่ไป่หลี่ ศิษย์พี่เจียง หากพวกท่านต้องไปเจอเจ้ากับศิษย์นิกายสว่างชัดอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาวในวันหน้า พวกท่านจงยอมแพ้เสียก่อนขึ้นสังเวียนเถอะ ไม่เช่นนั้นไอ้คนพวกนั้นมันอาจทำร้ายท่านถึงตายบ้างก็ได้” เย่หยวนบอกสองสาวงาม
เจียงเชอเหยียนหน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัว
แต่ไป่หลี่ชิงหยานกลับตอบมาอย่างหนักแน่น “ไม่มีทาง! ข้าอยากรู้ว่าศิษย์นิกายสว่างชัดมันจะเก่งกาจสักแค่ไหน!”
เมื่อเห็นท่าทางสุดมั่นใจของไป่หลี่ชิงหยานเช่นนั้นเย่หยวนก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ตอนนี้เขารู้ว่าตัวเองคงไปพูดหว่านล้อมใดๆ ไม่ได้แล้วจึงได้แค่บอก “เช่นนั้นก็ได้ แต่ท่านต้องระวังตัวให้มาก!”
…………………………