Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1888 กดหัวเทพสวรรค์
เย่หยวนมองดูที่เขาลูกยักษ์ตรงหน้าด้วยจิตใจที่เย็นเยือก
ไม่มีใครเข้าใจไปได้ดีกว่าเขาว่าเขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นมันคืออะไร
มันคือแหล่งกำเนิดเต๋า เป็นจุดต้นของยอดเต๋าแห่งถงเทียน
เย่หยวนนั้นเชื่อมต่อมันเข้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมจะหมายความว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มันมิใช่โลกใบน้อยที่แสนเปราะบางอีกต่อไป
ต่อหน้ายอดเต๋าของถงเทียนนี้ ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วมันจะทำไม?
“เจี่ยวชาง ความแค้นของเราในครานี้มีฟ้าดินเป็นพยาน! วันนี้ข้าอ่อนแอเกินกว่าที่จะสังหารเจ้าลงได้ แต่…สักวันหนึ่งข้าจะเข้าไปลากวิญญาณของเจ้าลงนรกเอง! ไปเสีย!”
เย่หยวนสะบัดมือหนึ่งครั้งก่อนจะส่งเขาลูกนั้นให้จางหายไป ก่อนจะเกิดกลุ่มเมฆสีดำพุ่งพวยขึ้นไปยังท้องฟ้า
“เด็กน้อย จักรพรรดิผู้นี้จะจำเรื่องราวในวันนี้ไว้! หลังเจ้ากลับมายังมหาพิภพถงเทียนแล้ว… เจ้าจะต้องไม่ได้ตายดีแน่!”
ปัง!
เมฆดำนั้นเปิดช่องว่างมิติขึ้นและพุ่งตัวจางหายไป
เมื่อเห็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจากไปเช่นนั้นเย่หยวนก็ได้แต่มองดูมันด้วยความเสียดาย
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่แล้ว
แต่พลังฝีมือของเขายังอ่อนแอนัก!
แน่นอนว่ายอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันย่อมฆ่าไม่ตายง่ายๆ
ที่สำคัญนี่ยังเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางผู้ที่ขึ้นชื่อในเผ่าปีศาจว่าเป็นคนที่อึดถึกทนที่สุด
เมื่อต้องเจอกับยอดฝีมือประเภทนี้ เขาย่อมไม่สามารถฆ่าสังหารอีกฝ่ายลงได้
ที่สำคัญหากไม่ใช่เพราะจอมเทพนิรันดร์สร้างบาดแผลอันหนักหนาให้แก่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางไว้ แม้ว่าเย่หยวนจะหยิบเขาน้อยแห่งถงเทียนออกมามันก็คงเป็นการยากที่จะหลบหนีความตาย
แต่หลังจากวันนี้ไปจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเองก็คงต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานับหมื่นๆ ปี
ฟุบ ฟุบ…
สองเงาร่างสีดำนั้นพุ่งตัวขึ้นท้องฟ้าไปคิดที่จะหลบหนีตามจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเพื่อกลับสู่มหาพิภพถงเทียน
เย่หยวนมองดูที่เงาทั้งสองก่อนจะหัวเราะออกมา “สังหารเจี่ยวชางไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่สังหารพวกเจ้า! ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเถอะ!”
แค่สะบัดมือเขาลูกยักษ์นั้นก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง
ปัง!
สองยอดฝีมือเผ่าปีศาจนั้นถูกเขาน้อยแห่งถงเทียนกดทับอย่างไม่อาจขัดขืนจนร่างแหลกเป็นฝุ่นผงทันที
คนทั้งสองนี้คือเทพสวรรค์ขั้นต้น เทียบกับเจี่ยวชางแล้วมันย่อมเหมือนนรกกับสวรรค์
หากเย่หยวนคิดอยากสังหารเขา มันย่อมง่ายดาย
เพียงแค่ว่าในสายตาคนอื่นแล้วเรื่องมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
จ่าวมินและตู้หงทั้งสองมีใบหน้าที่ซีดเซียว
ตั้งแต่ที่พวกเขาขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มาพวกเขาต่างไม่เคยพบเจอกับพลังกดดันที่มหาศาลขนาดนี้มาก่อน
“นี่มัน…เรื่องนี้…เย่หยวน เรื่องราวก่อนหน้านั้นล้วนแต่เป็นความเข้าใจผิด” จ่าวมินร้องบอกด้วยใบหน้าเหยเก
เย่หยวนหัวมองอย่างเย็นชา “ตอนนี้เจ้ากลับมาบอกว่ามันเข้าใจผิด? ระหว่างทางมาทั้งศิษย์นภาสวรรค์ของเจ้าก็คิดฆ่าสังหารข้า ผู้อาวุโสเทพถ่องแท้ของเจ้าก็คิดจัดการข้าลง แถมยังมีเจ้า เทพสวรรค์คนนี้ที่คิดขู่จะฆ่าข้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับมีหน้ามาบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน?”
จ่าวมินหน้าซีดเผือดลงทันทีก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา “เจ้า…เจ้าสังหารข้าไม่ได้! ข้า…ข้าคือยอดผู้อาวุโสจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างนะ!”
เย่หยวนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้าง? มันคือที่ไหนกัน? เจ้าคิดว่าข้าที่กล้าท้าทายจักรพรรดิเทพสวรรค์จะมาสนใจเรื่องลบหลู่เมืองน้อยๆ ของเจ้าหรือ?”
เมื่อจ่าวมินได้ยินเขาก็หน้าเสียไปทันที
ใช่แล้ว!
เย่หยวนนั้นท้าทายตัวตนระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเจี่ยวชางไปแล้ว มีหรือที่เขาจะมาสนใจเรื่องอย่างยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างนี้?
“เอาล่ะ ไม่ต้องหวังให้เหนื่อยแล้ว! พวกเจ้าห้ามไปไหนทั้งสิ้น!”
พูดจบเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาทำให้ท้องฟ้าแผ่นดินเปลี่ยนสี
ตอนนี้ลายพระเจ้าหลายต่อหลายลายได้ไหลมารวมกันที่ปลายนิ้วของเขาก่อนจะพุ่งตัวออกมา
“อ่อก!”
“อ่อก!”
“อ่อก!”
จีคัง จี้ฉุน ฉูชิงทั้งหลายต่างแตกสลายกลายเป็นผง
เทพสวรรค์โหมวหยู่ที่หลบซ่อนอยู่ในจิตศักดิ์สิทธิ์ของจี้ฉุนเองก็ได้ถูกทำลายไปพร้อมๆ กับเจ้าของร่างเช่นกัน
จ่าวมินเบิกตากว้างก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปจับคว้าเล้งชิวหลิงไว้
เรื่องราวในครั้งนี้มันเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันไม่มีใครที่จะรับมือได้ทัน
เพียงแต่ว่าแม้เขาจะเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าเย่หยวน!
เพราะในพริบตาเดียวนี้เย่หยวนกลับเข้ามาขวางหน้าเล้งชิวหลิงไว้ก่อนแล้ว
ปัง!
เย่หยวนชี้นิ้วออกส่งร่างของจ่าวมินกระเด็นกลับออกไปอย่างไม่มีท่าทีจะต่อต้านได้
เวลานั้นเองเขายักษ์ลูกนั้นก็ตกร่วงลงมาอีกครั้ง
ตู้ม!
เหล่ายอดฝีมือเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างถูกเย่หยวนกดหัวจนเสียชีวิตไปหลายต่อหลายคน
คนอื่นๆ ก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่ที่จะหายใจ
ภายใต้เต๋าสวรรค์ใหม่นี้ เย่หยวนช่างแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน!
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเขาลูกนั้นที่มันสามารถฆ่าสังหารเทพสวรรค์ได้เหมือนฆ่าหมูฆ่าหมา!
เมื่อจัดการเรื่องเรียบร้อยเย่หยวนก็ได้ชี้นิ้วออกไปด้านหน้าทำให้เกิดหลุมดำขึ้นมา
“พวกเจ้าทั้งหลายไปเสีย!” เย่หยวนบอก
นั่นทำให้คนทั้งหลายต่างหันมามองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ตู้หงเป็นคนแรกที่กล่าวถามขึ้นมา “เจ้า…เจ้าจะปล่อยพวกเราไปจริงๆ?”
ในวินาทีนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันก็ไม่ต่างจากกรงขังขนาดใหญ่ของพวกเขา
ภายในกรงนี้ไม่ว่าจะเป็นยอดคนมาจากไหนมันก็ต้องก้มหัวให้แก่เย่หยวน
หากเป็นตัวพวกเขาทั้งหลายเอง พวกเขาคงไม่มีทางปล่อยให้มีผู้รู้เห็นกลับไป
แต่เย่หยวนกลับปล่อยพวกเขาไป
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่คิดอยากเชื่อและคิดว่าเย่หยวนอาจจะกำลังวางแผนหลอกลวงอะไรสักอย่างอยู่
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “ก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ รีบไปเสีย!”
ตู้หงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินเขาพุ่งร่างเข้าไปยังหลุมดำนั้นอย่างไม่คิดลังเลอีก
และตามคาดว่าเย่หยวนไม่ได้คิดจะห้ามใดๆ
ด้วยการนำของตู้หง เหล่าคนทั้งหลายเองก็รู้สึกเหมือนได้ยกเขาออกจากอกรีบตามผู้นำออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ทันที
เย่หยวนหันมาถามเล้งชิวหลิง “เจ้าจะเอาอย่างไรต่อ?”
เล้งชิวหลิงหันไปมองที่กู่เทียนเฉทีหันมามองที่เย่หยวนที ก่อนจะส่ายหัวออกมา “ข้า…ข้าก็ไม่ทราบ”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปก่อนจะหยิบหินรุ้งเจ็ดสีออกมาโยนให้แก่กู่เทียนเฉ “ผู้อาวุโสกู่ เย่หยวนนั้นได้รับการดูแลจากท่านอย่างดีมานานและไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ ถือเสียว่าเจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้เป็นของตอบแทนท่านแล้วกัน!”
กู่เทียนเฉเบิกตากว้างก่อนจะมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจ “นี่มัน…หลายชายคงไม่ได้ล้อเล่น?”
ด้วยเจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้เขามีความมั่นใจอย่างมากว่าตัวเองจะสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ได้
ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างแล้วจะทำไม?
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโสกู่ ท่านเองก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วท่านคงไม่มีทางกลับขึ้นเป็นเจ้าเมืองได้อีก เดิมทีต่อหน้าจี้ฉุนผู้อาวุโสกู่ท่านเองก็ได้ปกป้องข้าไว้ เจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากข้า เย่หยวนคนนี้ ส่วนเรื่องของชิวหลิง นางคงไม่อาจกลับไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นจากวันนี้ไปหากนางต้องการนางคงร่วมเดินทางกับข้าไป”
เย่หยวนนั้นสังหารยอดฝีมือจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างไปมากมาย แถมยังแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนด้วย
กู่เทียนเฉและเล้งชิวหลิงนั้นเป็นสองคนที่สนิทกับเขามากที่สุด แน่นอนว่าทุกผู้คนย่อมเห็นและรับทราบดี
หากพวกเขากลับไปแล้วมันคงไม่มีเรื่องดีๆ รอคอยอยู่แน่
กู่เทียนเฉนั้นต่างจากเล้งชิวหลิง เขานั้นเพียงแค่คิดว่าเย่หยวนนั้นมาจากค่ายสำนักใหญ่จึงพยายามที่จะเอาอกเอาใจเย่หยวนก็เท่านั้น
ตอนที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีเย่หยวนก็ได้เห็นธาตุแท้ของกู่เทียนเฉไปแล้ว
ส่วนเรื่องของเล้งชิวหลิง เย่หยวนนั้นมองนางว่าเป็นสหายสนิทคนหนึ่งไปแล้วเรื่องราวมันย่อมแตกต่าง
กู่เทียนเฉรีบตอบกลับมา “หึๆ การที่เฒ่าคนนี้ได้หินรุ้งเจ็ดสีไปเช่นนี้เฒ่าคนนี้คงต้องเริ่มเข้าการเก็บตัวในทันทีและคงไม่มีโอกาสไปดูแลชิวหลิงอีก เช่นนั้นข้าคงต้องขอให้หลานเย่คอยดูแลศิษย์คนนี้ให้ข้าด้วย”
ในสายตาของเขานั้นเย่หยวนสนใจตัวนางเล้งชิวหลิง ทำให้เขากล้าที่จะเสียมากขนาดนี้
เล้งชิวหลิงนั้นยังคงมีใบหน้าที่เรียบเฉยแต่สายตาของนางนั้นเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง
เย่หยวนย่อมเข้าใจดีว่ากู่เทียนเฉกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว แต่เย่หยวนเองก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ยืดยาว เขาทำแค่เพียงยกมือขึ้นมาคารวะ “ผู้อาวุโสกู่ ดูแลตัวเองด้วย”
…………………………