Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2100 ท้าทายจักรพรรดิเทพสวรรค์
“ซินหลัวกราบคารวะท่านกงหยาง!”
ในโถงใหญ่นั้นมียอดฝีมือชายวัยกลางคนผมสีชาดในชุดนักบวชเดินนำกลุ่มคนเข้ามาก้มลงกราบด้วยท่าทางเคารพนบน้อมอย่างมาก
พวกเขาทั้งหลายทั้งสิ้นนี้ต่างเป็นยอดคนผู้ปกครองดินแดน เป็นถึงระดับเทพสวรรค์กันทั้งสิ้น
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากงหยางเลี่ย ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่นนี้พวกเขาย่อมจะไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาเชิดชูบูชาอย่างแท้จริงนั้นมันคือตัวตนของมหานักบวชขนแดงที่อยู่เหนือหัวกงหยางเลี่ยไปอีกชั้น
ศิษย์ทั้งสิบเอ็ดของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นแต่ละคนย่อมจะเป็นยอดคนผู้ปกครองอาณาจักรกว้างใหญ่ เป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุดในแต่ละดินแดน
แต่พวกเขาทั้งหลายในเวลานี้กลับมึนงงสงสัยถึงตัวตนของหนุ่มน้อยอาณาจักรเทพถ่องแท้ที่นั่งอยู่ข้างท่านกงหยางเลี่ยนี่
เด็กหนุ่มอาณาจักรเทพถ่องแท้ใดจะมีตัวตนสูงส่งพอนั่งข้างกงหยางเลี่ยได้?
หรือว่าจะเป็นศิษย์คนใหม่ที่มหานักบวชขนแดงรับเข้ามา?
กงหยางเลี่ยยกมือขึ้นบอกคนทั้งหลาย “พวกเจ้าทั้งหลายมาคารวะท่านรองมหาปราชญ์”
นั่นทำให้ผู้คนทั้งหลายสั่นสะท้านไปทั้งกาย มองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ
“เขา…เขานี้คือรองมหาปราชญ์ที่ท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเลือก? ยังอายุน้อยแท้!”
“แค่เทพถ่องแท้ก็ก้าวข้ามหัวสิบเอ็ดศิษย์ขึ้นไปได้หรือ? เด็กคนนี้มันมีดีอะไรกัน?”
“มันด้วยเหตุผลใด? เด็กน้อยเช่นนี้จะเก่งกาจไปกว่ามหานักบวชขนแดงได้? ข้าไม่เชื่อหรอก!”
…
ที่ด้านล่างมันเกิดเสียงไม่เห็นด้วยขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายจากเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลาย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะมึนงงกับคำพูดแนะนำนี้ของกงหยางเลี่ย
แต่หลังจากผ่านความตกตะลึงไปได้ พวกเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
พวกเขาทั้งหลายนี้เป็นยอดนักบวชเจ็ดดาวแห่งอาณาจักรวิญญาณประจิม แน่นอนว่าย่อมจะต้องเชิดชูมหานักบวชขนแดงอย่างมากมาย
หากเป็นศิษย์พี่ของมหานักบวชขนแดงอย่างท่านมหานักบวชถ้ำเมฆาที่ได้รับนาม ‘รองมหาปราชญ์’ ไป พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่คิดพูดจาขัดว่าใด ๆ
แต่ว่าเย่หยวนนั้นยังเป็นแค่เด็กหนุ่มน้อย พลังบ่มเพาะเองก็ต่ำต้อย
เด็กหนุ่มเช่นนี้กลับมายืนบนหัวของมหานักบวชขนแดง ใครกันที่จะยอมรับมัน?
ยอดฝีมือผมสีชาด ซินหลัวคนนั้นกล่าวขึ้น “ท่านกงหยาง อย่าได้หาว่าเราไม่มีมารยาทเลยแต่เด็กหนุ่มคนนี้มันมีอายุแค่พันกว่าปี อาณาจักรบ่มเพาะของเขาเองก็แค่ระดับหกขั้นปลาย ให้เขาได้ตำแหน่งรองมหาปราชญ์ไปเช่นนี้เราไม่อาจจะยอมรับได้จริง ๆ!”
“ใช่แล้ว ท่านกงหยาง! ให้เราก้มหัวให้เด็กหนุ่มเช่นนี้ เราไม่อาจจะยอมรับได้จริง ๆ!”
“ท่านกงหยาง อย่าหาว่าข้าถือตัวเลย แต่แม้เราจะก้มหัวให้เขาจริง ๆ ตัวเขาจะรับความเคารพของเราไว้ได้หรือ?”
…
เสียงไม่พอใจดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาทั้งหลายย่อมไม่อาจจะยอมรับการปรากฏตัวของรองมหาปราชญ์คนนี้ได้
มหานักบวชขนแดงและศิษย์พี่ทั้งหลายนั้นต่างเป็นยอดคนในหมู่ยอดจักรพรรดิเทพสวรรค์
ในหมู่นักบวชแปดดาวด้วยกันแล้ว พวกเขาล้วนเป็นสุดยอดตัวตนเหนือโลกหล้า
แต่แม้คนเช่นนั้นก็ยังไม่อาจจะเป็นรองมหาปราชญ์ได้ เหตุใดเด็กหนุ่มเช่นนี้ถึงได้กลายเป็นรองมหาปราชญ์ไป
คนทั้งหลายนั้นพูดออกมาอย่างไม่พอใจ แต่ก็มีคำพูดหนึ่งที่ติดอยู่ในใจแต่ไม่กล้ากล่าว นั้นก็คือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว
หลายปีก่อนมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นได้ประกาศต่อเผ่าอสูรว่าให้เรียกเย่หยวนเป็นรองมหาปราชญ์
ไม่มีใครรู้จักนามเย่หยวนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน
การประกาศนี้มันสุดแสนเลื่อนลอย เพียงแค่บอกว่าเย่หยวนนั้นมีเต๋าโอสถที่เหนือล้ำและสามารถแก้หมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ ได้
ไม่มีรายละเอียดอื่นใดนอกจากนั้น
ในตอนแรก ๆ คนทั้งหลายต่างจะตื่นตะลึง
แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มพูดกันไปว่ารองมหาปราชญ์นี้อาจจะเป็นยอดคนในระดับเดียวกับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
เขานั้นเป็นยอดคนที่จู่ ๆ ก็มาถกเต๋าโอสถกับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและอ่อนแอกว่านิดหน่อยจึงได้ชื่อว่าเป็นรองมหาปราชญ์ไป
แต่ตอนนี้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างเห็นแค่เทพถ่องแท้อยู่ตรงหน้า ที่สำคัญเขายังเป็นมนุษย์ แล้วจะบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือผู้ได้รับฉายานามรองมหาปราชญ์ พวกเขาคงไม่อาจยอมรับได้แน่
แม้จะได้เห็นท่าทางปฏิเสธอย่างดุดันนั้น กงหยางเลี่ยกลับไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจใด ๆ แต่กลับสะใจขึ้นมาแทน
แน่นอนว่าคนเฒ่าที่อยู่มาแสนนานอย่างเขาย่อมจะปกปิดสีหน้าได้อย่างแนบเนียนไม่แสดงอาการใด ๆ
จากนั้นเขาก็กล่าวตะคอกขึ้น “โอหัง! เรื่องของรองมหาปราชญ์เป็นเรื่องของท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเจ้าจะไปยุ่งย่ามการตัดสินใจของท่านได้? อย่าว่าแต่เทพถ่องแท้ ต่อให้จะเป็นแค่ปัจฉิมพระเจ้าพวกเจ้าก็ต้องก้มหัวลงกราบเขา!”
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เดือดดาลมันย่อมจะทำให้พื้นดินสั่นไหวตาม
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้ยินต่างเงียบปากลงทันที
เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายนี้ก็เป็นอสูรเฒ่าที่อยู่มาแสนนานจึงพอจะเข้าใจได้ถึงความหมายที่แฝงมากับคำพูดของกงหยางเลี่ย
ท่านกงหยางพูดด้วยความหมายแฝง!
แน่นอนว่ากงหยางเลี่ยย่อมจะหันไปหาเย่หยวนด้วยรอยยิ้มปลอม ๆ “ท่านรองมหาปราชญ์ ท่านนั้นมีตำแหน่งสูงส่ง อย่าได้ไปสนใจคนชั้นต่ำทั้งหลายนี้กล่าวว่าใด ๆ เลย”
เย่หยวนที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้นในใจ มีหรือที่เขาจะมองการแสดงนี้ของกงหยางเลี่ยไม่ออก?
การทำเช่นนี้มันก็คือยืมปากคนอื่นพูดเท่านั้นมิใช่หรือ?
งานใหญ่เช่นนี้หากเขาไม่ได้จงใจเขาย่อมจะไปพูดคุยกับคนทั้งหลายนี้ก่อนเริ่มงานกันเพื่อไม่ได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่มีทางมาปล่อยให้คนทั้งหลายพูดพล่ามแล้วทำเป็นโกรธเคืองห้ามเช่นนี้แน่
ด้วยตำแหน่งของตัวแทนมหานักบวชขนแดงและความเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์ หากเขาคิดห้ามคนทั้งหลายพูดจริงมันก็คงไม่มีใครกล้าปริปาก
เพราะมันมิใช่ที่ที่คนทั้งหลายจะพูดได้!
เพราะนาม ‘รองมหาปราชญ์’ นี้มันเป็นการตัดสินใจแต่งตั้งจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ต่อให้เป็นตัวมหานักบวชขนแดงก็คงไม่อาจไปยุ่งย่ามได้
ตอนนี้ใบหน้าของเย่หยวนกลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้อารมณ์ “หึ ๆ แต่วันนี้ข้าจะลดตัวไปยุ่งกับพวกมันทั้งหลาย!”
เมื่อเย่หยวนกล่าวเขาก็ปล่อยคลื่นพลังสะท้านฟ้าขึ้นกดดันโลกทั้งใบ
กงหยางเลี่ยที่เห็นเช่นนั้นต้องหน้าเสียทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะตอบสนองรุนแรงปานนี้
เขานั้นคิดว่าด้วยเทพสวรรค์ทั้งหลายผสานกับจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเขา จะหลอกว่าเย่หยวนมันก็คงไม่มีปัญหาใด ๆ อย่างแน่นอน
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดเล่นไปตามเกมของเขาเลย!
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันจะยังเหมือนเด็กน้อยอาณาจักรเทพถ่องแท้หรือ?
กงหยางเลี่ยได้แต่หรี่ตาลงมอง
“กงหยางเลี่ย เจ้าเองก็ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อใจคดเช่นนี้หรอก! เผ่าอสูรนั้นมีนิสัยเถรตรงแต่ไหนมา หากเจ้าไม่พอใจข้าเจ้าก็พูดกล่าวออกมา ไม่ต้องมาทำการหลอกด่าข้าอ้อม ๆ เช่นนี้ เจ้านี่คงแปลงกายเป็นมนุษย์มานานจนลืมรากเหง้าตนไปเสียแล้วใช่ไหม?” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ
กงหยางเลี่ยได้แต่แสดงสีหน้าดำมืดออกมา ปากเฒ่า ๆ ของเขานี้แทบจะต้องกระอักเลือด
เมื่อเย่หยวนทำการว่ากล่าวนี้ เขาไม่ได้คิดจะไว้หน้ากงหยางเลี่ยผู้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์นี้แม้แต่น้อย
หากเด็กคนอื่นว่าเช่นนี้ต่อหน้าเขา มันคงถูกบดขยี้ตายไปเรียบร้อยแล้ว
แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้คือรองมหาปราชญ์ที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่งตั้งขึ้นมาเอง ใครจะกล้าแตะต้องทำร้ายเขา?
การเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นยังพอว่า แต่หากจะให้กล่าวออกมาซึ่งหน้านั้นเขาย่อมจะไม่กล้าทำ
“จักรพรรดิผู้นี้…จักรพรรดิผู้นี้ไม่อยากยอมรับ! เจ้าเด็กน้อยเทพถ่องแท้คนหนึ่งนี้จะมีปัญญารับชื่อรองมหาปราชญ์ได้หรือ?” กงหยางเลี่ยกล่าวออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ตอนนี้เหล่าเทพสวรรค์ที่ด้านล่างทั้งหลายนั้นต่างได้แต่มองภาพตรงหน้านี้อย่างมึนงง
เทพถ่องแท้น้อย ๆ ผู้หนึ่งกลับกล้าว่ากล่าวจักรพรรดิเทพสวรรค์ พวกเขาทั้งหลายอยู่กันมาเป็นล้าน ๆ ปีก็เพิ่งจะเคยพบเคยเห็น
เพราะสองอาณาจักรนี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่อาจเทียบเคียงใด ๆ กันได้!
อย่าว่าแต่เทพถ่องแท้ แม้แต่พวกเขาเหล่าเทพสวรรค์เองก็คงตายลงด้วยฝ่ามือเดียวจากจักรพรรดิเทพสวรรค์
ด้วยพลังบ่มเพาะของกงหยางเลี่ยแล้ว หากเขาคิดจะสังหารเย่หยวนมันย่อมง่ายกว่าพลิกฝ่ามือ
แต่ตำแหน่งรองมหาปราชญ์ของเย่หยวนนั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินไป!
“ฮ่า ๆ ๆ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของกงหยางเลี่ย เย่หยวนก็หัวเราะขึ้นมา “กงหยางเลี่ย เจ้าคงคิดว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแก่จนเลอะเลือนแล้วใช่หรือไม่เล่า?”
กงหยางเลี่ยที่ได้ยินต้องตอบกลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้า…เจ้าพูดจาเหลวไหล! ทำไมข้า…จักรพรรดิผู้นี้จะไปคิดเช่นนั้น!”
เย่หยวนตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องปิดบังหรอก ข้ารู้ว่ามิใช่แค่เจ้าเท่านั้นที่คิด แต่พวกเขาทั้งหลายนี้ก็เช่นกัน! แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่าเวลานี้ข้าอาจจะไม่สามารถเทียบเคียงมหานักบวชขนแดงได้จริง ๆ แต่ไม่นานนักข้าจะก้าวข้ามเขาไปแน่!”
…………………………