Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2328 มิติสงครามดึกดำบรรพ์!
“ในเมื่อพวกเขานั้นไร้ต้านทำไมมนุษย์จึงยังเอาชนะมาได้เล่า?”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่เข้าใจ
เจียนหยุนซินจึงยิ้มตอบกลับมา “เต๋าบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งไร้ต้านจริงๆ แต่พวกเขานั้นเองก็มจุดอ่อนที่สำคัญที่เหล่ามนุษย์ทั้งหลายใช้เพื่อจะเอาชนะโค่นล้มพวกเขาลงได้”
ยิ่งพูดมาอย่างนี้ความสงสัยในจิตใจของเย่หยวนก็ยิ่งเพิ่มพูน
เขานี่มันคือความลับสุดยอดของมหาพิภพถงเทียน มันเป็นสิ่งที่แต่เดิมเขาย่อมไม่อาจคาดถึง ที่แท้แล้วเต๋าบรรพกาลนั้นกลับมีจุดอ่อนร้ายแรงอยู่กับตัว
“จุดอ่อนใดกัน?” เย่หยวนถาม
เจียนหยุนซินตอบกลับมา “แนวคิดที่เต๋าบรรพกาลทั้งหลายควบคุมนั้นมันเป็นพลังชั่วคราว มิใช่พลังถาวร ในแต่ละยุคสมัยนั้นพรแนวคิดที่เต๋าบรรพกาลได้มามันจะถูกเต๋าสวรรค์ดึงกลับไปและในช่วงเวลานี้เองที่เต๋าบรรพกาลจะกลับมาสู่สภาพดั้งเดิม กลายเป็นคนผู้หนึ่งและนับว่าเป็นเวลาที่เต๋าบรรพกาลอ่อนแอที่สุด เผ่ามนุษย์เรานั้นได้เตรียมการหลบซ่อนรอเวลานั้นแสนนานและใช้ช่วงโอกาสนั้นจัดการโค่นเหล่าเต๋าบรรพกาลลง”
เย่หยวนนั้นต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย เป็นเวลานี้เองที่เขานั้นได้เข้าใจถึงความลับของตัวตนเต๋าบรรพกาล
เขานั้นคิดมาเสมอว่าเต๋าบรรพกาลนั้นไร้ต้านนิรันดร์ ไม่นึกไม่ฝันว่ามันกลับจะมีจุดอ่อนเช่นนั้นอยู่
เพียงแค่ว่าช่วงยุคสมัยนั้นมันสุดแสนยาวนาน สำหรับคนทั่วๆ ไปอย่างจอมเทพนิรันดร์หรือหวู่เฉินแล้วมันย่อมจะมองว่าเต๋าบรรพกาลกาลนั้นแข็งแกร่งจนเป็นนิรันดร์
“ในเมื่อเป็นเช่นัน้นแล้วทำไมเต๋าบรรพกาลของยุคสมัยนี้ถึงยังไม่ลงมือออกมาจัดการเผ่าเทวาทั้งหลายเล่า เวลานี้พลังของเต๋าบรรพกาลของเราทั้งหลายน่าจะยังไม่ถูกเต๋าสวรรค์ดึงพลังกลับไปใช่หรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้น
พูดไปเช่นนั้นทางเจียนหยุนซินก็แสดงสีหน้าดูถูกออกมาจางๆ “เต๋าบรรพกาลของยุคนี้หรือ หึๆ ด้วยพรแห่งแนวคิดนั้นพวกเขาย่อมจะเก่งกาจล้ำ เพียงแค่ว่าสหายหนุ่มเย่เจ้าเองก็ดูถูกเผ่าเทวาจนเกินไป เจ้าลองคิดดูเถอะ แมวที่ได้รับพรมันจะเทียบเคียงกับเสือที่ได้รับพรได้หรือ?”
“แปดบรรพบุรุษของเผ่าเทวานั้นล้วนแล้วแต่เป็นอดีตเต๋าบรรพกาลสิ้น แม้ว่าพลังแนวคิดที่พวกเขาได้รับพรมาจะถูกเต๋าสวรรค์ดึงกลับไปแล้วแต่พวกเขานั้นก็ยังเรียนรู้มันได้ และการเรียนรู้ถึงหนึ่งยุคสมัยนั้นมันมิใช่เรื่องเล่นๆ เลย ตอนนั้นแม้แต่ตอนที่พวกเขาเสียพลังเหล่ายอดฝีมือชาวมนุษย์ทั้งหลายก็ยังไม่อาจจะฆ่าสังหารพวกเขาลงได้และต้องเป็นฝ่ายสูญเสียไปเอง เวลานี้เพื่อพวกเขาทั้งหลายได้ฟื้นคืนกลับมาสู่จุดสุดยอดแล้วพลังฝีมือของเขาทั้งหลายนั้นมันคงไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าเต๋าบรรพกาลของเราเลย”
“กลับกัน ทางเต๋าบรรพกาบของเผ่ามนุษย์ในเวลานี้มันเป็นเพียงแค่ผู้มากโชคที่บังเอิญได้รับผลึกแห่งแนวคิดจากสงครามสิ้นโลกนั้น พวกเขาทั้งหลายจึงขึ้นมายิ่งใหญ่ได้อย่างในทุกวันนี้”
เย่หยวนต้องสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่นึกไม่ฝันว่ากำลังฝีมือของเผ่าเทวามันจะเหนือล้ำจนแม้แต่เต๋าบรรพกาลก็ยังไม่อาจจะกำราบลงได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือฟังจากน้ำเสียงของเจียนหยุนซินนี้แล้วตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็คงไม่ได้ด้อยกว่าเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายมากนัก
กำลังของเขานั้นมันเทียบเคียงได้กับเต๋าบรรพกาล!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในหมู่เจ้าฟ้าดินห้าทลายจริงๆ
เย่หยวนนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาคนนี้ถึงสามารถขึ้นไปพูดคุยกับเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายได้
แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วสภาพของเวลานี้คือต่างฝ่ายต่างเกรงกันจึงยังไม่ได้ลงมือหนักหน่วงเริ่มสงครามเต็มรูปแบบ
เผ่าเทวานั้นกำลังรอ รอให้ถึงเวลาที่เต๋าสวรรค์ดึงพลังพรแนวคิดกลับไป
ถึงเวลานั้นแล้วเหล่ามนุษย์ทั้งหลายก็จะไม่มียอดฝีมือปกป้อง ไม่อาจต้านทานเหล่าบรรพบุรุษของเผ่าเทวาได้อีก
เย่หยวนนั้นย้อนนึกกลับไปถึงเรื่องของเทียนเหอขึ้นมาและสงสัยในใจว่าเขานั้นจะเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของเผ่าเทวาทั้งหลายหรือไม่จึงได้เปิดปากถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินเย่หยวนกล่าวถึงตัวเทียนเหอนั้นเจียนหยุนซินก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย “มันกลับยังมีเรื่องเช่นนั้นด้วย? สหายหนุ่มเย่ได้สร้างคุณครั้งใหญ่ให้มนุษย์อีกแล้ว! เทียนเหอผู้นี้มันคือบรรพบุรุษลำดับที่สองของตระกูลสายเลือดสวรรค์แห่งเผ่าเทวา แม้ว่าฝีมือของเขานั้นจะไม่ได้เก่งกาจเหนือล้ำขั้นบรรพบุรุษแต่ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ากันเลย ในยุคก่อนนั้นมนุษย์ต้องเสียกำลังไปอย่างมากเพื่อที่จะปิดผนึกตัวเขานั้นลง ข้าได้ยินว่าเพื่อผนึกเขาผู้นี้ฝ่ายมนุษย์ต้องเสียทั้งเจ้าฟ้าดินสี่และห้าทลายไปหลายคน! เมื่อเขากลับขึ้นมาจากผนึกได้แล้วมันก็ย่อมจะเป็นกำลังสำคัญให้แก่เผ่าเทวาได้”
เย่หยวนนั้นต้องสั่นสะท้านขึ้นทันทีที่ได้ยิน
เพราะก่อนนั้นเขายังคิดไปเสียว่าคำพูดของเทียนเหอมันเป็นคำโม้เสียส่วนมาก
แต่เวลานี้เมื่อได้ยินคำยืนยันเขาก็ไม่อาจจะไม่เชื่อได้อีก
เทียนเหอนั้นคงเก่งกาจกว่าหยวนเว่ยเสียด้วยซ้ำหากอยู่ในสภาพสมบูรณ์
“เอาล่ะ เรื่องราวอื่นๆ ไว้ค่อยพูดคุยกันต่อวันหลัง เวลานี้แม้สหายหนุ่มเย่จะมีพลังฝีมือไร้ต้านปานใดแต่เรื่องราวของมหาพิภพถงเทียนนี้มันก็ยังใหญ่เกินกว่าที่เจ้าจะกังวลไป” เจียนหยุนซินกล่าว
เย่หยวนจึงขมวดคิ้วแน่นถามขึ้นมา “หืม? เช่นนั้นแล้วผู้อาวุโสท่านมาหาข้ามีธุระใดหรือ?”
เจียนหยุนซินจึงตอบกลับไป “แท้จริงแล้วตั้งแต่ที่ท่านพ่อบรรลุเต๋านั้นท่านก็ได้คาดเดาว่ามนุษย์จะต้องเผชิญหายนะเช่นนี้อีกครั้งแน่ เพราะฉะนั้นหลายล้านปีที่ผ่านมานี้ท่านจึงได้เตรียมการรับมือภัยนี้มาตลอด…”
เมื่อเย่หยวนได้ฟังคำของเจียนหยุนซินแล้วจิตใจของเขามันก็ได้ให้กำเนิดความเคารพต่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้อย่างมาก
ที่แท้แล้วตั้งแต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้บรรลุเต๋าเขาก็คิดห่วงแต่เรื่องอนาคตของเผ่าพันธุ์มนุษย์เสมอมา
เขานั้นจึงได้ส่งเหล่าคนตระกูลเจียนไปตั้งรกรากทั่วมหาพิภพถงเทียนเพื่อที่จะเสาะหายอดอัจฉริยะมากฝีมือ
เว้นเสียแต่ว่าแม้มนุษย์จะเอาชนะมาได้มันก็เป็นชัยชนะที่ไม่สวยหรู วิชาเต๋ามากมายหายสาบสูญไปกับสงครามนั้น
หลังจากนั้นฝ่ายมนุษย์ก็ใช้เวลากว่าพันล้านปีเพื่อที่จะกลับมาฟื้นฟูเผ่าพันธุ์อีกครั้งและกลับมาลุกยืนได้อีกครา
แต่แม้จะลุกยืนได้ มันก็ยังห่างไกลจากยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองไปมาก
สนามรบเทพโบราณที่เย่หยวนเคยเข้าไปนั้นมันคือซากพื้นที่ของสงครามสิ้นโลก
และพื้นที่ที่เขาเคยเข้าไปถึงนั้นมันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของสนามรบเทพโบราณทั้งหมด
แม้ว่ามันจะเป็นดินแดนรกร้างแต่มันก็มีสมบัติวิญญาณมากมายหลับใหลอยู่
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นทุ่มแรงกายใจไปมากมายเพื่อที่จะดึงเอาสุดยอดสมบัติสืบทอดจากร้อยยอดคนมาจากสนามรบเทพโบราณนั้น
ในหมู่สมบัติทั้งหลายนั้นมันมีสมบัติสืบทอดสิบอย่างที่ตกทอดมาจากยอดคนผู้ปกครองโลกหล้าในยุคก่อนมีพลังงานเหนือล้ำมหาศาลจนถึงขั้นพลังงานแห่งแนวคิดต้นกำเนิด
นอกจากนั้นแล้วจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยังได้สร้างโลกใบน้อยหนึ่งขึ้นมาด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์พร้อมเรียกมันว่ามิติสงครามดึกดำบรรพ์
โลกใบน้อยแห่งนี้มันเป็นสถานที่ที่ใช้เพื่อคัดสรรสุดยอดอัจฉริยะจากฝ่ายมนุษย์เพื่อเข้าไปยังดินแดนสืบทอดรับความรู้และพลังจากยอดคนในยุคก่อนไป
แต่ทว่าจะอย่างไรเสียเผ่าเทวามันก็ปรากฏตัวขึ้นมารวดเร็วกว่าที่คาดไปมากทำให้แผนการของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ล่มไม่เป็นท่า ไม่มีเวลาให้เหล่ายอดอัจฉริยะได้เติบโตใดๆ
แต่จะอย่างไรเสียกำขี้ก็ดีกว่ากำตด อย่างน้อยๆ หากให้ไปตอนนี้มันก็พอจะมีอะไรให้ต่อสู้กลับไปได้บ้าง
ในช่วงเวลาที่เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้นยังมีพลังอยู่นี้ จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จึงได้สั่งให้เริ่มแผนการนี้รวดเร็วก่อนกำหนด
เจียนหยุนซินนั้นมาวันนี้ก็เพื่อที่จะเชิญเย่หยวนไปยังมิติสงครามดึกดำบรรพ์เพื่อร่วมศึกของเหล่ายอดอัจฉริยะนั้น
เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยินเรื่องราว จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นกลับดึงเอาร้อยสมบัติสืบทอดออกมาจากซากสงคราม มันเป็นวิธีการที่คงไม่อาจมีใครคิดถึงได้
แต่จะอย่างไรมันก็เป็นงานใหญ่มหาศาล ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็คงต้องเหนื่อยยากไม่น้อย
“จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นกลับยอมลงแรกเค้นสมองหาทางรอดให้แก่เผ่ามนุษย์ เย่ผู้นี้มองเขาผิดไปแล้ว ผู้อาวุโสท่านโปรดรับคำขอโทษของเย่ผู้นี้ต่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ไว้ด้วย” เย่หยวนบอก
เพราะก่อนหน้านั้นเขายังคิดว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และยอดคนทั้งหลายวันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่มุดหัวอยู่ในวัง ยึดถือตนเองเป็นศูนย์กลางฟ้าดินทำไมเผ่ามนุษย์ต้องตกต่ำลงมาจนมีสภาพเช่นนี้
แต่เมื่อได้รู้ถึงเรื่องราวเบื้องหลังแล้ว เย่หยวนก็ได้แต่ต้องยอมรับว่าเขาเข้าใจจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ผิดไป
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเป็นยอดคนวีรบุรุษแห่งเผ่ามนุษย์อย่างแท้จริง ควรค่าแก่ความเคาสพของเย่หยวนอย่างมาก
กับยอดคนผู้มีจิตใจกว้างใหญ่เช่นนี้เย่หยวนย่อมเคารพอย่างสุดใจ การก้มหัวขอโทษใดๆ นี้มันไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โต
เจียนหยุนซินนั้นยกมือขึ้นมาโบกปัด “สหายหนุ่มเย่นั้นเองก็มีท่าทางและการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ก็จริงที่ว่าการกระทำของท่านพ่อข้านั้นมันสมควรได้รับการยกย่อง แต่การที่สหายหนุ่มเย่ปัดเป่าเภทภัยช่วยเหลือผู้คนมากมายไว้นั้นมันก็ควรค่าแก่การยกย่องไม่แพ้กัน”
เจียนหยุนซินนั้นกล่าวคำพูดทั้งหลายนี้ออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ เพราะหากแผนการของหยวนเว่ยสำเร็จจริงๆ แล้วเรื่องราวที่ตามมาจากนั้นมันคงฉิบหายอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้
………………………..