Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2435 ตบแล้วจะทำไม?
เทือกเขากำเนิดตรัสรู้นั้นมันคือเทือกเขาที่ติดกับเขาแห่งถงเทียน
คลื่นพลังงานวิญญาณฟ้าดินของบริเวณนี้มันไม่ได้ด้อยไปกว่าบนเขาแห่งถงเทียนเลย
นี่แห่งนี้มันคือที่ตั้งของวังพำนักเต๋าบรรพกาลชีวิตและเป็นดินแดนต้องห้ามของทุกผู้คน
ในเวลานี้มันมีเงาร่างสองเงาบินผ่านท้องฟ้ามายังเทือกเขากำเนิดตรัสรู้นี้
“หยุด! พวกเจ้าเป็นใครกัน?!” เวลานี้ปรากฏหลายเงาร่างยอดฝีมือขึ้นมาบดบังทางคนทั้งสองไว้
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องขมวดคิ้วแน่นตอบกลับไป “หลินหลาง เจ้าไม่รู้จักแม้แต่หน้าของจักรพรรดิผู้นี้? ถึงกับกล้ามาหยุดข้าไว้!”
หลินหลางนั้นเป็นยอดอัจฉริยะในตระกูลหลิน เป็นถึงเจ้าฟ้าดินสามทลายคนหนึ่ง
หลินหลางนั้นยกมือขึ้นมาคารวะด้วยรอยยิ้ม “อ่า เป็นท่านเฉียนจี้นี่เอง แน่นอนว่าท่านย่อมเข้าเทือกเขากำเนิดตรัสรู้ไปได้ แต่… เขานั้นไปไม่ได้!”
พูดไปหลินหลางก็ยกนิ้วชี้เย่หยวน
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หัวเราะขึ้น “หลินเฉาเถียนมันอยากเจอท่านนักบุญฟ้าครามข้าจึงไปพาท่านมา เวลานี้เจ้ากลับบอกไม่ให้ท่านเข้าไป?”
เมื่อหลินหลางได้ยินนั้นเขาก็หันมามองเย่หยวนด้วยดวงตาแปลกประหลาด “เจ้าคือเย่หยวนที่ปล่อยศัตรูร้ายไปเพราะผู้หญิง? หึ คนเช่นนี้ก็ควรค่ากับนามนักบุญฟ้าคราม? ในความคิดข้าแล้วเรียกมันว่าไอ้ทรยศจะเหมาะกว่า!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หรี่ตาลงด้วยใบหน้าดำมืด เขานั้นย่อมรู้ว่าหลินหลางนั้นจงใจหาเรื่องแล้ว
แต่ตัวหลินหลางน้อยๆ ย่อมจะไม่มีทางกล้ามาวางตัวเช่นนี้ต่อหน้าเขา
คนที่สั่งการมามันย่อมเป็นหลินเฉาเถียนอย่างแน่นอน
แล้วหลินเฉาเถียนมันต้องการอะไรกันแน่?
ในเวลานี้เทือกเขากำเนิดตรัสรู้มันย่อมจะกลายเป็นแหล่งรวมตัวของยอดคนจากทั่วทุกมุมโลก คนทั้งหลายนั้นจึงได้หันมาสนใจเรื่องราวนี้ไม่น้อย
หลินหลางนั้นกล่าวพูดออกมาอย่างดุร้าย!
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำหลินหลางและหันไปถามทางเฉียนจี้แทน “นี่มันคือ?”
เฉียนจี้ตอบกลับไป “หลินหลาง มันเป็นหลานรุ่นที่สี่ของหลินเฉาเถียน!”
“โอ้?”
เย่หยวนพยักหน้าขึ้นแสดงว่าเข้าใจ
จากกนั้นเขาก็ตบฝ่ามืออกมาอย่างไม่แยแส
ฝ่ามือที่ตบออกมานี้มันแสนธรรมดา ธรรมดาจนเหมือนการตบของคนทั่วไป
แต่เวลานี้รอบกายหลินหลางนั้นมันมีเจ้าฟ้าดินสองและสามทลายอยู่อีกไม่น้อย
เมื่อเย่หยวนคิดลงมือพวกเขาย่อมจะรีบเข้ามากันไว้
“โอหัง! นี่แห่งนี้มันคือเทือกเขากำเนิดตรัสรู้ เจ้ากลับคิดกล้าโจมตีนายน้อยหลินหลางหรือ?”
ยอดฝีมือทั้งหลายรีบเข้ามาล้อมตัวเย่หยวนไว้ทันที
ส่วนหลินหลางนั้นมองดูภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าเย้ยหยัน มีหรือที่ฝ่ามือธรรมดาๆ เช่นนั้นจะมาตบถึงตัวเขาได้?
เพียะ!
เสียงตบนั่นดังสนั่นขึ้นไปทั่วทั้งเทือกเขา
หลินหลางนั้นไม่ทันตั้งตัวจึงลอยลิ่วออกไปไกลจากแรงตบนั้น นานสองนานกว่าที่จะตั้งตัวกลับขึ้นมาได้
ใบหน้าของเขาในเวลานี้มันมีรอยมือสีแดงฉานห้านิ้วประทับไว้
สีหน้าของเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างถอดสี พวกเขานั้นหยุดเย่หยวนไว้แล้วแท้ๆ ทำไมเย่หยวนยังโจมตีออกไปได้?
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างเป็นเจ้าฟ้าดินสิ้น แต่พวกเขานั้นกลับไม่อาจจะทันเห็นว่าเย่หยวนลงมืออย่างไร
แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็ยังต้องอ้าปากค้าง
หลังจากเย่หยวนบรรลุขึ้นมาได้นั้นมันยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเย่หยวนลงมือต่อสู้
กำลังของเขานี้มันสามารถสังหารเจ้าฟ้าดินสามทลายได้ในอึดใจ!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือไม่มีใครรู้ว่าเย่หยวนลงมืออย่างไร
เย่หยวนนั้นมีแนวคิดแห่งมิติเวลาที่เหนือล้ำจนทำให้คนทั้งหลายต้องขนลุกตั้ง!
เพราะจะอย่างไรเสียความห่างของหนึ่งทลายนั้นมันก็ย่อมจะเหนือล้ำกว่าใหญ่กว่าอย่างที่ไม่อาจเอาความห่างของดาวในจักรพรรดิเทพสวรรค์มาเทียบ
เย่หยวนที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินขึ้นมาได้นี้กลับมีพลังต่อสู้ที่น่าเกรงกลัวถึงปานนี้
หากวันหนึ่งเขาไปถึงยอดของอาณาจักรเจ้าฟ้าดินได้แล้วมันจะแข็งแกร่งปานใด?
ถึงเวลานี้ตัวเขาเริ่มจะเข้าใจถึงความกลัวที่หลินเฉาเถียนมีขึ้นมาบ้าง
หากเย่หยวนได้เติบโตถึงที่สุด แม้แต่ตัวเทียนชิงนั้นมันก็คงได้เป็นได้แค่เศษธุลีแล้ว?
พวกเขานั้นไม่อาจจะคาดฝันเลยว่าตัวตนที่มหาบรรพกาลมิติเวลาไม่อาจจัดการสังหารลงได้นั้นเย่หยวนกลับจะสังหารมันลงได้ง่ายๆ
“เจ้า! เจ้ากล้าตบข้า?” หลินหลางมองดูเย่หยวนด้วยความไม่อยากเชื่อ
ตัวตนของเขานั้นเรียกได้ว่าอยู่เหนือผางเจิ้นขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ!
เพราะว่าเขานั้นคือทายาทของเต๋าบรรพกาลชีวิต!
เต๋าบรรพกาลชีวิตนั้นคือผู้นำของเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย!
เวลานี้เย่หยวนกลับตบหน้าเขาจนลอยลิ่วไปบนเขตเทือกเขากำเนิดตรัสรู้
นี่มันย่อมจะเป็นความอับอายอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน!
นักบุญฟ้าครามใดๆ ตัวหลินหลางนั้นย่อมไม่สนใจ
เพราะตัวเขานั้นนับถือเพียงแค่เต๋าบรรพกาลชีวิต!
“ตบแล้วจะทำไมเล่า?” เย่หยวนยืนตอบกลับไปด้วยมือไพล่หลัง
หลินหลางตอบกลับมาด้วยท่าทางเคืองแค้น “เจ้าคนหน้าไม่อาจที่ทรยศเผ่าพันธุ์ คนอย่างเจ้านี้มีสิทธิใดจะมาตบข้าได้?”
เพียะ!
เสียงนั้นยังไม่ทันขาดหายเย่หยวนก็ส่งฝ่ามือตบออกไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ใบหน้าของหลินหลางจึงเริ่มบวมขึ้นมาเท่าๆ กันทั้งสองฝั่ง
รอยมือสิบนิ้วมันประทับอย่างแจ่มชัด
“พูดอีกข้าจะสังหารเจ้าเสีย!” เย่หยวนกล่าวออกมาราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
แน่นอนว่าเวลานี้ตัวหลินหลางย่อมไม่กล้าพูดกล่าวใดๆ อีก
ในหมู่ยอดฝีมือเจ้าฟ้าดินทั้งหลายนั้นมันมีแต่คนทำใบหน้ามึนงง
พวกเขานั้นมาเพื่อปกป้องหลินหลางแท้ๆ แต่เวลานี้พวกเขากลับเป็นได้แค่ของประกอบฉาก!
เมื่อเห็นหลินหลางเงียบปากไปเย่หยวนก็ค่อยกล่าวขึ้นมาอีก “นักบุญผู้นี้ทำคุณทำโทษใดไว้มันมิใช่หน้าที่เด็กน้อยอย่างเจ้ามาว่ากล่าวได้! ต่อให้จะเป็นเจ้าหลินเฉาเถียนนั้นเองมันก็ยังต้องพูดกล่าวอย่างระวังต่อหน้านักบุญผู้นี้! ใครมันสั่งสอนให้เจ้ามาพูดจาไร้สาระเช่นนี้? ไสหัวไปเสีย!”
หลินหลางหน้าถอดสีลงทันที การถูกคนต่างว่าหน้าประตูบ้านเช่นนี้มันย่อมทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก
เพียงแค่ว่าเขานั้นก็ไม่นึกฝันว่านักบุญฟ้าครามกลับจะแข็งแกร่งได้ถึงปานนี้
เฉียนจี้นั้นยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ “หลินหลาง หากเจ้าไม่รู้ถึงระดับอาวุโสของท่านนักบุญฟ้าครามแล้วก็จงกลับไปถามหลินเฉาเถียนมันเถอะ! ผู้นำทุกเผ่าพันธุ์บนมหาพิภพถงเทียนนี้หากได้เจอท่านนักบุญฟ้าครามต่างต้องแสดงความเคารพสิ้น! แล้วเจ้านี้เป็นใครกลับกล้ามาชี้หน้าว่าท่านเช่นนี้?”
…
ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่โถงใหญ่กำเนิดตรัสรู้ หลินเฉาเถียนต้องถอนหายใจยาวออกมา “หลินฮวน เจ้าไป!”
“ขอรับ!” ที่ด้านหลังของเขานั้นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตอบรับกลับมาก่อนจะค่อยก้าวเดินออกจากโถงไป
หลังเห็นว่าหลินฮวนจากไปแล้วหลินเฉาเถียนจึงกล่าวขึ้นมา “ดูท่าบรรพกาลผู้นี้จะยังประเมินนักบุญฟ้าครามต่ำไป! บรรพกาลผู้นี้คิดว่าเขาเพิ่งบรรลุมาคงมีพลังไม่เกินเจ้าฟ้าดินสองทลาย คงไม่อาจเทียบเคียงเจ้าฟ้าดินสามทลายได้ ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับสามารถจัดการเจ้าฟ้าดินสามทลายได้อยู่หมัดเช่นนี้! น่ากลัวเสียจริง! พวกเจ้าเห็นชัดเจนแล้วหรือไม่?”
เต๋าบรรพกาลไฟกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเกไม่แพ้กัน “สมชื่อเป็นนักบุญฟ้าครามแห่งนิรันดร์ กำลังฝีมือเช่นนี้มันน่ากลัวจนเกินรับจริงๆ!”
เต๋าบรรพกาลน้ำกล่าวขึ้นแทรก “พี่เฉาเถียน ท่านคิดจริงๆ หรือว่าเขานั้นจะมีอะไรที่ทำลายโซ่ตรวจได้?”
หลินเฉาเถียนยิ้มตอบกลับไป “ไม่ผิดแน่! ก่อนนั้นเขาแห่งถงเทียนมันเคยมีปรากฏการณ์ประหลาดขึ้น คลื่นพลังวิญญาณเริ่มตื่นตัวกันขึ้นมา โลกที่แห้งเหี่ยวค่อยๆ ฟื้นชีวิต เรื่องนี้มันกลับบังเอิญไปตรงกับช่วยที่เย่หยวนปรากฏตัวขึ้นพอดี! จากนั้นมาบรรพกาลผู้นี้ก็ได้ส่งคนไปสืบสาวเรื่องราวหลังผ่านไปได้หลายพันปีในที่สุดก็ได้พบเบาะแส ข้านั้นได้ไปพบว่าราวสามพันปีก่อนมันได้มีภาพเหลือเชื่อปรากฏขึ้นมา ณ เมืองเนินมณีในแดนใต้ มันเกิดเงาของเขาแห่งถงเทียนปรากฏขึ้นบนฟ้ากว้างของเมืองน้อยๆ เมืองหนึ่ง! เรื่องนี้มันเกิดกว่าจะเชื่อได้!”
“และเรื่องราวครั้งนี้มันกลับไปซ้อนทับกับเวลาที่เขาแห่งถงเทียนนั้นเริ่มปะทะพลังงานขึ้นมา! เรื่องนี้มันย่อมแสดงให้เห็นว่าในเมืองเนินมณีนั้นมันต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นแน่! แต่มันจะเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นใดขึ้นในเมืองน้อยๆ ได้? เดิมทีตัวบรรพกาลผู้นี้ไม่อาจคาดเดาได้เลย! แต่ราวกับว่าโชคนั้นเข้าข้าง มันกลับกลายเป็นว่าวันนั้นคือวันที่เย่หยวนปรากฏตัวขึ้นมาในเมืองเนินมณีพอดิบพอดี!”
…………………………