Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2448 มิใช่เรื่องน่าอาย
“อ่า เช่นนั้นหรือ? ดูน่ากลัวไม่เบา”
แม้จะต้องเผชิญหน้ากับสามวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ของซินแต่เย่หยวนก็ยังคงทำหน้านิ่งเฉย
จากนั้นตัวเขาก็ได้ยื่นมือออกมาพร้อมกล่าว “ดาบจงมา” จากนั้นดาบแห่งมิติเวลามันก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น!
ความเย็นเยือกนั้นมันทำให้ใบหน้าของซินเปลี่ยนสีไป
เขานั้นก็ไม่ได้คาดคิดว่าเย่หยวนเองก็จะเรียกดาบขึ้นมาจากอากาศได้เช่นกัน
“เช่นนั้นก็ขอข้าดูหน่อยเถอะว่าสามวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์มันรุนแรงเท่าใด” เย่หยวนกล่าว
ซินนั้นยิ่งได้ฟังยิ่งโกรธแค้น
เย่หยวนไม่คิดจริงจังใดๆ แม้แต่น้อย!
“รนหาที่ตาย!”
ซินกัดฟันแน่นพร้อมพุ่งตัวด้วยปีกบนหลังผ่านอากาศพุ่งใส่ตัวเย่หยวนทันที
ความเร็วของมันนี้เหนือล้ำจนเกินไป!
เขายกแขนขึ้นบิดตัวพร้อมปล่อยดาบแห่งความว่างเปล่าตัดผ่านทะลุแม้แต่ห้วงมิติเข้ามา
พร้อมๆ กันนั้นมิติรอบๆ กายเย่หยวนมันก็ถูกแช่แข็งไปด้วย
พื้นที่รอบๆ ตัวของเขามันหยุดชะงักลงจริง!
พลังของสามวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์นั้นปะทุขึ้นมาด้วยพลังที่รุนแรงอย่างเหนือล้ำ
เหล่าบุตรเทวะรอบๆ ต่างตื่นเต้นดีใจชื่นชมพลังของซินอย่างสุดหัวใจ
“ตาย!”
ซินร้องลั่นขึ้นมาพร้อมส่งดาบแห่งความว่างเปล่าเข้าใส่อย่างไม่ลังเล
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่เย่หยวนก็ขยับตัวบ้าง
มันไม่มีพลังรุนแรงที่เหนือล้ำ ไม่ได้ใช้พลังแนวคิดแห่งห้วงมิติใดๆ เขานั้นแค่ยกเอาดาบของตนขึ้นมาปะทะดาบแห่งความว่างเปล่า
น้ำแข็งที่เกาะอยู่ตรงหน้าเขานั้นถูกตัดขาดลงในทันที
คลื่นพลังรุนแรงใดๆ มันกลายเป็นแค่เรื่องตลก
ซินเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อว่าดาบในมือเย่หยวนมันกลับจะคมกริบได้ถึงขั้นนี้!
พริบตาเดียวนั้นดาบทั้งสองก็เข้าปะทะถึงกัน!
แกรก… แกรก แกรก!
ดาบในมือซินนั้นมันร้าวออกเรื่อยๆ
“อ่อก!”
ซินเองก็เหมือนได้รับบาดเจ็บหนักหน่วงจนร่างปลิวลิ่วไป
ดาบแห่งความว่างเปล่าของเขานั้นมันรอยแตกจนมาถึงด้ามจับที่มือของเขา!
จนเมื่อมันลามไปทั่วดาบ วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ทั้งสามนั้นมันก็พังทลายลงพร้อมๆ กัน
เย่หยวนชนะ!
ซินนั้นกระอักเลือดออกมาพร้อมจ้องมองเย่หยวนอย่างตกตะลึง
คนทั้งหลายเองก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่อยากเชื่อว่ามันจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นตรงหน้าพวกเขา
วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์สามวิชานั้นกอปรกับพลังบ่มเพาะที่เหนือล้ำกว่าเย่หยวน ตัวเขานั้นกลับไม่อาจจะรับได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว?
นี่มันจะบ้าบอเกินไปแล้ว
“ม-ไม่มีทางน่า? ท่านซินนั้นกลับไม่อาจจะรับมือได้แม้กระบวนท่าหรือ?”
“ท่านซินนั้นคือตัวตนระดับต้นๆ ของหมู่เต๋าสวรรค์เก้าลาย ท่านนั้นกลับถูกมนุษย์ก้าวข้ามอาณาจักรบ่มเพาะมาจัดการลงเช่นนี้? ม-มันเป็นใครกัน?”
“ยอดฝีมือระดับนี้มันไปปรากฏขึ้นในเผ่ามนุษย์ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
…
เหล่าบุตรเทวะทั้งหลายนั้นรู้สึกเหมือนโลกที่ตัวเองเคยเข้าใจมันได้แตกสลายลงตรงหน้า
เผ่าเทวาที่เก่งกาจนั้นกลับพ่ายให้แก่มนุษย์!
“นี่หรือมันคือผลของความพยายามหลายต่อหลายปี? อ่อนแอเสียจริง!” เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างผิดหวังพร้อมยกดาบจ่อคอซิน
ซินนั้นแข็งแกร่งจริงเพียงแค่ว่าหากเอาไปเทียบกับเทียนเหอแล้ว แม้จะเป็นตอนที่บาดเจ็บสาหัสมันก็ยังเหนือล้ำกว่าซินไปมาก
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเวลานี้เย่หยวนนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนที่เพิ่งบรรลุขึ้นมาใหม่ๆ หลายเท่าตัว
ซินนั้นทำหน้าตาไม่คิดอยากเชื่อความจริง เขาบ่มเพาะฝึกฝนมาแสนนานหลบพ้นความตายหวุดหวิดหลายครั้งเพื่อจะรอให้มันถึงวันนี้
ตั้งแต่ที่พ่ายแพ้ไปคราวก่อนนั้นกำลังของเขามันพัฒนาอย่างไม่อาจเทียบกับก่อนหน้าหลายต่อหลายปีมานี้เขาคิดว่าจะต้องได้มีโอกาสไปแก้แค้นสักวัน
ใครจะไปคาดคิดว่าครั้งนี้เขากลับพ่ายลงในกระบวนดาบเดียว!
วรยุทธแท้เต๋าสวรรค์ทั้งสามนั้นมันกลับไร้ค่าใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน
ก่อนจะลงมือนั้นเขายังคิดว่าตนเองแข็งแกร่งอย่างมาก
แต่หลังได้ลองโจมตีแล้ว เขากลับอ่อนแอเสียเหลือเกิน!
“บ้าน่า! ข-ข้าแพ้แก่เจ้าได้อย่างไร? มันเป็นไปไม่ได้! ความพยายามมากมายหลายปีของข้านั้นมันก็เพื่อจะโค่นเจ้า! ข้าจะไม่แพ้! ข้าไม่มีทางแพ้!” ซินร้องกล่าว
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้ามันสนใจแต่การบ่มเพาะฝึกฝนไม่ได้สนใจเรื่องของโลกหล้า ไม่ได้รู้เลยว่าหลายปีมานี้มันเกิดเรื่องราวใดขึ้นบ้างในโลกภายนอก หากเจ้ารู้เจ้าคงไม่ทำตัวโง่ๆ เช่นนี้ อ่า… แต่ก็ช่างเถอะ บอกเรื่องลี่เอ๋อมาเสีย… ไม่งั้นตาย”
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันไม่ได้แฝงความหนักแน่นใด เหมือนเป็นแค่คำพูดคุยเล่นของสหาย
แต่ใครๆ ก็เข้าใจได้ว่าเขาคิดจะฆ่าซินลงจริง
ซินและหยวนเจี่ยวนั้นคือคนร้ายสำคัญที่ลักตัวลี่เอ๋อมา เย่หยวนย่อมจะไม่คิดลังเลหากต้องฆ่าสังหารคนทั้งสองนี้
“หึ! จะฆ่าก็ฆ่าสิ! ต่อให้ข้าต้องตายข้าก็ไม่พูดบอกอะไรหรอก!” ซินร้องลั่น
“อ่า งั้นก็ตายไป”
เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างไร้อารมณ์ใดๆ พร้อมดันดาบลงไปคิดสังหารทันที
สีหน้าของเหล่าบุตรเทวะทั้งหลายเปลี่ยนสีไปทันที ไม่นึกฝันว่าเย่หยวนกลับจะคิดลงมืออย่างไม่ลังเลใดๆ เช่นนี้
แต่ในเวลานั้นเองที่สีหน้าของเย่หยวนต้องเปลี่ยนสีไปก่อนจะพุ่งตัวถอยหลังไปไกล
มิติใกล้ๆ นั้นสั่นไหวเผยให้เห็นร่างของชายแก่ผู้หนึ่งก้าวออกมาขว้างหน้าซินไว้พร้อมๆ กับตัวหยวนเว่ย
เมื่อชายแก่คนนี้ปรากฏขึ้นมานั้นเย่หยวนกลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แสนหนักแน่น
ชายแก่ตรงหน้านี้มันดูสุดแสนจะธรรมดา
ธรรมดาจนเกินไป!
เช่นนั้นมันก็คงมีความเป็นไปได้เดียวคือเขานั้นแข็งแกร่งจนตัวเย่หยวนไม่อาจสัมผัสถึงความพิเศษเหนือล้ำได้!
ชายแก่คนนั้นหัวเราะขึ้นมา “โฮะๆ สมชื่อว่าเป็นนักบุญฟ้าครามนิรันดร์เสียจริง ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตานัก!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “เจ้าคือ… บรรพบุรุษของตระกูลสายเลือดลึก?”
ชายแก่พยักหน้ารับ “เฒ่าคนนี้มีนามว่าหยวนเซี่ยว เป็นบรรพบุรุษต้นตระกูลสายเลือดลึก”
ซินเองก็ได้แต่ทำหน้าตกตะลึงไม่นึกฝันว่าเรื่องราวมันจะไปถึงหูของบรรพบุรุษเช่นนี้!
“ท่านหยวนเซี่ยว ข้า… ข้าทำตระกูลสายเลือดลึกเสียหน้าแล้ว!” ซินลุกขึ้นมาคุกเข่าลงต่อหน้าชายแก่
หยวนเซี่ยวนั้นยิ้มตอบกลับไป “แค่พ่ายให้กับนักบุญฟ้าครามมันไม่เป็นอะไรหรอก ลุกเถอะ”
ซินได้แต่ผงะหลังไปอย่างมึนงง
หยวนเว่ยนั้นสะกิดเรียกซินและทำท่าให้เขาหุบปากลงอย่าได้พูดกล่าวใดๆ ต่อ
หยวนเซี่ยวกันไปหาทางเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้น “ด้วยตำแหน่งสถานะของนักบุญฟ้าครามแล้วเจ้าอย่าได้มาถือสาใดๆ เด็กมันเลย ลี่เอ๋อนั้นแตกต่างจากพวกมันนี้และไม่ได้เข้ามาบ่มเพาะที่พื้นที่ล่าศึกสวรรค์ ต่อให้เจ้าถามไปสักเท่าไหร่มันก็ไม่ได้เรื่องราวใดๆ หรอก ทำไมเจ้าไม่ไปที่พักเฒ่าคนนี้เสียหน่อยเล่า? เดี๋ยวเฒ่าคนนี้จะเล่าเรื่องราวที่พอรู้ให้เจ้าฟังเอง ว่าอย่างไร?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องขมวดคิ้วเพราะคำที่หยวนเจี่ยวเรียกเยวี่ยเมิ่งลี่ว่าลี่เอ๋อ
แต่สุดท้ายเขาก็ยังพยักหน้ารับไป “ได้!”
“ทางนี้เลย!” หยวนเซี่ยวยิ้มก่อนจะผายมือเชิญชวน
เย่หยวนไม่คิดต่อปากต่อคำใดๆ เดินหายเข้าไปในห้วงมิติทันที
คนทั้งหลายได้แต่ยืนนิ่งมึนงงเป็นไก่ตาแตก
จนสุดท้ายตัวหยวนเซี่ยวก็เดินหายไปในห้วงมิติบ้างแต่ภายในพื้นที่ล่าศึกสวรรค์นั้นมันกลับปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด
ท่านบรรพบุรุษต้นตระกูลกลับแสดงท่าทีมีมารยาทต่อมนุษย์?
นี่มันมีอะไรผิดพลาดหรือไม่?
โดยเฉพาะตัวซินนั้นที่ปากอ้าค้างจนแทบตกถึงพื้น
เขานั้นคิดว่าท่านบรรพบุรุษจะมาช่วยสังหารเย่หยวนให้ ไม่นึกฝันว่าสุดท้ายกลับจะแค่มาเชิญเย่หยวนไปหา
“ท่านหยวนเว่ย มัน… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ซินถามขึ้น
หยวนเว่ยนั้นจึงตอบด้วยเสียงถอนใจยาว “เย่หยวนนั้นมันมิใช่เย่หยวนคนก่อนแล้ว! เจ้าเอาแต่เก็บตัวบ่มเพาะมานานคงไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลายปีมานี้ ไม่ได้รู้ว่าที่โลกภายนอกนั้นมันเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นกันแน่ ที่เผ่าเทวาเราพ่ายแพ้สงครามมาก็เพราะมันผู้นี้!”
หยวนเว่ยนั้นไม่คิดปิดบังและค่อยๆ เล่าเรื่องของเย่หยวนออกมาให้คนทั้งหลายฟัง
พูดจบหยวนเว่ยก็ยกมือขึ้นตบบ่าซิน “แพ้ให้มันนั้นไม่ถือว่าเสียหน้าใดๆ หรอก เจ้าลองคิดดูเถอะ ต่อให้เป็นเก้าเต๋าบรรพกาลของฝ่ายมนุษย์เองก็ยังแพ้ให้มัน! ไม่เช่นนั้นด้วยอาณาจักรบ่มเพาะของมันนี้มีหรือที่มันจะเข้ามิตินรกเรามาได้?”
พูดจบตัวหยวนเว่ยก็เดินหายไปในห้วงมิติเช่นกัน
ซินนั้นนั่งนิ่งราวคนเสียสติ
ใครๆ ที่ได้ยินเรื่องของเย่หยวนก็คงทำหน้าตาเช่นนี้สิ้น
ใบหน้าของซินในเวลานี้มันไม่ได้แตกต่างจากหยวนเว่ยในตอนแรกที่ได้ยินเลย
………