Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2473 ชายผู้ยืนอยู่ในระดับเดียวกับสวรรค์!
- Home
- Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ
- ตอนที่ 2473 ชายผู้ยืนอยู่ในระดับเดียวกับสวรรค์!
“ไม่! มันยังไม่ใช่! หรือว่าวิธีที่เราศึกษามันนี้จะผิดพลาด?” เต๋าบรรพกาลไฟกล่าวขึ้นมาด้วยความกังวล
เต๋าบรรพกาลทำลายล้างขมวดคิ้วกล่าวเสริม “เป็นไปไม่ได้! หากวัดกันที่ความเข้าใจต่อยอดเต๋าแล้วบนโลกนี้มันจะยังมีใครเหนือกว่าเราไปได้?”
เต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวขึ้นตาม “มันแปลกจริง! เย่หยวนนั้นใช้วิธีการใดกันแน่ในการศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียน? หรือว่าวิธีการเข้าหาของเขานั้นมันจะแตกต่างจากพวกเราไป?”
เต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้นต่างกล่าวพูดถึงความแปลกประหลาดและเจ็บใจ
พวกเขานั้นศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียนมายาวนานเกือบสามปีแล้ว
แน่นอนว่าพลังฝีมือของพวกเขามันย่อมจะพัฒนาไปอย่างมากล้ำ
เพียงแค่ว่ามันยังไม่ถึงระดับที่พวกเขาหวัง
การศึกษาไปตามแบบนี้มันย่อมจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งและทำให้วรยุทธบ่มเพาะสมบูรณ์ขึ้นได้
แต่ว่ามันกลับไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของสิ่งที่จะทำไปสู่การหลุดพ้น!
หลายปีมานี้พวกเขาทั้งหลายต่างแลกเปลี่ยนสิ่งที่ได้เรียนรู้และเข้าใจกันอย่างไม่มีหยุดพัก
แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันกลับไม่เป็นไปดั่งหวัง
เป้าหมายของพวกเขานั้นมันคือการหลุดพ้นจากโซ่ตรวนของเต๋าบรรพกาล
เพียงแค่ว่าไม่ว่าจะศึกษาและบ่มเพาะอย่างไรมันก็ยังคงปิดกั้นพวกเขาไว้ไม่เปิดช่องว่างให้ได้ผ่านไป
ความรู้สึกนี้มันคือสิ่งที่เรียกว่าความสิ้นหวัง
พวกเขานั้นพยายามเอาวรยุทธบ่มเพาะของตัวเองยกขึ้นมาเทียบกับวรยุทธบ่มเพาะและวิชายุทธของเย่หยวน
แต่ยิ่งเทียบกันไปเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น
กำลังของพวกเขานั้นมันไม่อาจจะเอาไปเทียบเคียงกับพลังของเย่หยวนได้แม้แต่น้อย!
จนสุดท้ายพวกเขาก็มาถึงจุดที่ยอมรับว่า… เย่หยวนนั้นแตกต่างไปจากพวกตน!
แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไหร่พวกเขานั้นก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ว่ามันต่างอย่างไรและต่างที่ตรงไหน
หลินเฉาเถียนนั้นเงียบมาตลอดอย่างไม่เปิดเผยความคิดตนออกมา
พวกเขาทั้งเก้านั้นคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดของมหาพิภพถงเทียนและก็เป็นเก้าคนที่เข้าใจเต๋าสวรรค์ได้มากที่สุด
หากให้พูดตามสามัญสำนึกแล้วพวกเขาที่ได้สมบัติล้ำค่านี้มามันย่อมจะเข้าใจและพัฒนาได้อย่างที่คนอื่นๆ ไม่อาจเห็นฝุ่น
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงเย่หยวนได้
ไม่ว่าจะศึกษาวิเคราะห์กันไปสักเท่าใด มันก็ไม่อาจจะเทียบเคียง!
เต๋าบรรพกาลไฟนั้นเห็นว่าหลินเฉาเถียนเงียบปากมาตลอดจึงอดถามขึ้นไม่ได้ “พี่เฉาเถียน ท่านลองพูดอะไรมาหน่อยสิ!”
เป็นเวลานั้นเองที่หลินเฉาเถียนได้แสดงความเห็นออกมา “ข้าว่าวิธีการศึกษาของเรานั้นมันผิด!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น
“อ่า? เช่นนั้นแล้วจะศึกษามันอย่างไรเล่า?” เต๋าบรรพกาลไฟถามขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ไปที่เขาแห่งถงเทียนกัน!” หลินเฉาเถียนบอก
…
พริบตาเดียวมันก็ผ่านไปอีกสามปี เวลานี้ ณ ความสูงกว่าล้านกิโลเมตรบนเขาแห่งถงเทียนเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าต่างต้องนั่งลงกุมขมับ
พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้อย่างไม่อาจห้าม
“ให้ตาย! ปัญหามันอยู่ที่ใดกันแน่?”
“เขาน้อยแห่งถงเทียนและเขาแห่งถงเทียนนั้นก็ยังคงส่งคลื่นพลังงานติดต่อกันตลอดแต่ทำไมเราถึงยังไม่อาจจะหาทางบรรลุหลุดพ้นขึ้นไปได้กัน?”
“ให้ตายสิ! บรรพกาลผู้นี้ได้ยินเสียงหัวเราะของเย่หยวนมันลอยมาตามลมแล้ว!”
…
สีหน้าของเต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้นมันดูไม่ได้อย่างยิ่ง
รอยยิ้มเย้ยหยันของเย่หยวนในครั้งก่อนมันได้กลับมาตามหลอกหลอนพวกเขาทั้งหลาย
เย่หยวนนั้นเคยบอกมาก่อนแล้วว่าต่อให้จะเอาสมบัติไปมันก็คงไร้ค่าใด!
พวกเขาทั้งหลายจะไม่อาจทำความเข้าใจมันได้!
เต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นเป็นยอดฝีมือมากพรสวรรค์ที่สุดของยุคสมัย มีหรือที่พวกเขาจะเชื่อฟังคำพูดเย้ยหยันเช่นนั้น?
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะถือความมั่นใจแย่งชิงมันมา!
พวกเขานั้นคิดว่าที่เย่หยวนมีทุกวันนี้ได้มันเป็นเพราะสมบัติล้ำค่าอย่างเขาน้อยแห่งถงเทียน
แต่เวลานี้ความเป็นจริงกลับช่างโหดร้าย
พวกเขานั้นไม่อาจจะศึกษาวิเคราะห์ใดๆ ได้มากมาย!
พลังสมองของเก้าเต๋าบรรพกาลนั้นมันก็ยังไม่อาจจะเข้าใจสมบัติชิ้นนี้ได้ถ่องแท้!
หลังจากพยายามมาถึงหกปี พวกเขาก็ยังไม่อาจจะหาทางหลุดพ้นใดๆ ได้!
การจะหลุดพ้นโซ่ตรวนนั้นมันคงมิใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้
ความเป็นจริงมันแสนโหดร้าย
หลินเฉาเถียนนั้นขมวดคิ้วแน่นกล่าวขึ้นมา “เย่หยวนนั้นมันช่างทำให้คนไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ! แต่พวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าตอนที่มันบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินตัวมันนั้นกลับไม่ต้องผ่านทุกข์ทลายใดๆ! เรื่องราวเช่นนี้มันเกินกว่าที่จะเชื่อได้!”
เต๋าบรรพกาลน้ำนั้นเป็นคนที่ฉลาดไม่แพ้หลินเฉาเถียน
เมื่อได้ยินคำของหลินเฉาเถียนนั้นเขาจึงเสริมขึ้นมา “เดิมทีพวกเรานั้นคิดว่าเย่หยวนใช้พลังของเขาน้อยแห่งถงเทียนจึงหนีหลบทุกข์ทลายมาได้! แต่ดูท่าแล้วมันคงไม่ใช่เป็นแน่!”
หลินเฉาเถียนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! ข้าเองก็เคยคิดเช่นนั้นแต่พอได้ลองมาสัมผัสเองเช่นนี้ มันดูจะไม่ใช่เลย!”
คนทั้งสองนั้นพูดตอบกลับไปมาอยู่สองคนทำให้เต๋าบรรพกาลไฟกล่าวขึ้นมาแทรก “พวกเจ้าพูดอะไรกัน ปัญหามันอยู่ที่ใดกันเล่า?”
คนทั้งสองจึงหันหน้ามาตอบพร้อมๆ กัน “วรยุทธบ่มเพาะ!”
เต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้นต่างผงะไปตามๆ กันอย่างไม่อาจเข้าใจ
หากพูดกันถึงเรื่องวรยุทธบ่มเพาะแล้วมันจะยังมีใครเทียบเคียงพวกเขาได้?
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันต้องเป็นวรยุทธบ่มเพาะใดที่จะช่วยหลบเลี่ยงทุกข์ทลายได้?
“นี่ พวกเจ้าทั้งสองอย่าได้ปล่อยระเบิดแล้วให้คนรอนักสิ รีบๆ ว่ามาต่อเถอะ!” เต๋าบรรพกาลไฟกล่าว
หลินเฉาเถียนขมวดคิ้งวแน่น “การศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียนมาหลายปีนี้มันทำให้ข้าพอจะเข้าใจว่าวรยุทธบ่มเพาะที่เย่หยวนสร้างขึ้นมานั้นมันคงจะอยู่ในระดับเดียวกับสวรรค์! เพราะฉะนั้นเขาจึงหลบเลี่ยงทุกข์ทลายไปได้!”
ยิ่งหลินเฉาเถียนกล่าวออกมาเท่าไหร่ คนทั้งหลายก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเท่านั้น
เขานั้นหยุดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นมาต่อ “พวกเจ้ายังจำที่ข้าเล่าเรื่องการปรากฏของเงาเขาแห่งถงเทียนและการฟื้นคืนพลังฟ้าดินได้หรือไม่? ข้านั้นคิดว่าตอนนั้นมันคือตอนที่สมบัตินี้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกจึงทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนั้นขึ้นมาได้! แต่หากลองมองย้อนกลับไปตอนนี้แล้วมันคงมิใช่เป็นแน่! ต้นเหตุของมันนั้นน่าจะมาจากการที่เย่หยวนนั้นสร้างวรยุทธบ่มเพาะชุดนี้ขึ้นมาสำเร็จจนทำให้เต๋าสวรรค์ลืมตาตื่น จึงได้เกิดเป็นเงาภาพเช่นนั้นขึ้นมา! เพราะระหว่างเขาน้อยแห่งถงเทียนและเขาแห่งถงเทียนนั้นมันมีสายสัมพันธ์ที่ผูกเกี่ยวกันไว้ ตอนนั้นเขาน้อยแห่งถงเทียนคงถูกมันหลอมได้สำเร็จจึงทำให้พลังงานบนเขาแห่งถงเทียนนั้นฟื้นกลับมา!”
“เพราะฉะนั้นเราจึงคิดผิดมาแต่ต้น! ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดมันไม่ได้อยู่ที่เขาน้อยแห่งถงเทียนนี้เลย แต่มันอยู่กับคนที่ศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียนนี้ต่างหาก!”
เมื่อเหล่าเต๋าบรรพกาลได้ยินเช่นนั้นพวกเขาแต่ละคนต่างก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นตามๆ กัน
พวกเขานั้นอยากจะปฏิเสธมันแต่ก็ไม่อาจจะหาเหตุผลใดมาบอกปัดได้
เพราะสิ่งที่หลินเฉาเถียนกล่าวมามันสมเหตุสมผลอย่างมาก!
เต๋าบรรพกาลไฟนั้นจึงกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ด้วยอะไรเล่า? มันคิดค้นวรยุทธบ่มเพาะขึ้นมาได้ แล้วเราจะทำไม่ได้หรือ? พวกเราทั้งเก้าผสานกำลังกันแล้วยังจะบอกว่าไม่อาจสร้างวรยุทธบ่มเพาะที่เหนือล้ำเท่ามันได้?”
หลินเฉาเถียนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “การสร้างวรยุทธบ่มเพาะมันย่อมไม่ยาก! ด้วยความสามารถของพวกเราแล้วการจะสร้างสุดยอดวรยุทธบ่มเพาะขึ้นมาโดยมีเขาน้อยแห่งถงเทียนเป็นแบบนั้นมันคงสร้างได้นับสิบอย่าง! เพียงแค่ว่าการจะสร้างวรยุทธบ่มเพาะที่อยู่ระดับเดียวกับสวรรค์นั้นมันย่อมจะยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์! ข้านั้นมั่นใจว่าเย่หยวนคงมิใช่เจ้าของคนแรกของเขาน้อยแห่งถงเทียนนี้แน่ แต่มันนั้นเป็นคนเดียวที่สร้างสุดยอดวรยุทธบ่มเพาะนั้นขึ้นมาได้! ข้าเกรงว่าต่อให้เย่หยวนเอาวรยุทธบ่มเพาะนั้นมากางตรงหน้าเราเราก็คงไม่อาจจะเข้าใจมันได้หมดสิ้น! เพราะฉะนั้นมันถึงได้ส่งเขาน้อยแห่งถงเทียนมาให้เราแต่ง่ายเพราะว่ามันมั่นใจว่าต่อให้มีเขาน้อยแห่งถงเทียนพวกเราก็คงไม่อาจก้าวข้ามตัวมันไปได้!”
พูดมาถึงตรงนี้หลินเฉาเถียนก็ได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ขึ้น
ความพยายามหลายปีนี้มันได้ทำให้เขารู้ว่าตัวเองนั้นต่ำต้อยแค่ไหน
เต๋าบรรพกาลนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็แสนอ่อนแอ!
เมื่อเทียบกับเต๋าสวรรค์แล้ว เต๋าบรรพกาลมันสุดแสนจะไร้พลัง!
แต่เย่หยวนนั้นกลับเป็นชายที่ยืนอยู่ในระดับเดียวกับสวรรค์!
เรื่องราวนี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะทำใจรับ
เต๋าบรรพกาลทั้งหลายต้องอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อความจริงตรงหน้า
เต๋าบรรพกาลทั้งเก้าร่วมมือกันแล้วแต่ก็ยังไม่อาจจะเอาชนะเย่หยวนแค่คนเดียวได้?
เรื่องราวเช่นนั้นพวกเขาเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายย่อมไม่อาจจะรับมันได้ง่ายๆ
“ให้ตายสิ! เราต้องหาทางจับมันมาขุดเอาวรยุทธบ่มเพาะของมัน!” เต๋าบรรพกาลไฟกัดฟันกล่าวขึ้น
หลินเฉาเถียนนั้นเงยหน้ามองฟ้าพร้อมถอนใจยาว “สายไปแล้ว! เวลานี้ปีกของมันคงสยายกว้างไปแล้ว! คิดจะจับตัวมันนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้อีกต่อไป!”
…………………..