Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2488 พวกเจ้าไสหัวไป!
“ส่งผลึกลึกลับนั้นมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
“ไสหัวไป! แค่คนอย่างเจ้าก็จะมาสั่งข้า?”
“ตาย!”
“ตาย!”
…
บนถนนเส้นหลักนั้นมันมีเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดดังลอยมา
ระหว่างทางคดเคี้ยวนั้นมันก็เริ่มจะมีการรวมผสานของเส้นทางมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักยุทธมากมายเริ่มที่จะพบเจอและแย่งชิงสมบัติกัน
คนที่กล้าขึ้นมาบนเขาแห่งถงเทียนนั้นต่างไม่มีใครอ่อนแอ พวกเขานั้นต่อสู้กันอย่างดุเดือด
บนถนนเส้นหลักนี้มันมีเจ้าฟ้าดินกว่าสิบคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อผลึกลึกลับบางอย่าง
แรงปะทะของคนทั้งหลายนี้มันทำให้ม่านหมอกถึงกับแตกกระเจิงไป
แต่วินาทีต่อมานั้นมันกลับมีคลื่นพลังแห่งกฎค่อยๆ ขยับเคลื่อนขึ้นมาจากด้านล่าง
สีหน้าของคนทั้งหลายเปลี่ยนสีไปทันที พวกเขาหยุดมือลงอย่างไม่ได้นัดหมายและหันไปมองยังเส้นทางนั้นด้วยความตื่นเต้น!
ใครกันเล่าที่จะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
ผลึกแห่งกฎ!
มันมีใครบางได้ครอบครองผลึกแห่งกฎมาแล้ว!
“ฮ่าๆๆ… ข้าไม่นึกเลยว่าผลึกแห่งกฎนั้นจะปรากฏขึ้นมาตั้งแต่ระยะนี้ได้!”
“พวกเจ้าห้ามเอาไปเด็ดขาด! ผลึกแห่งกฎนี้มันเป็นของข้า!”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ขึ้นมาก็ค่อยฆ่าแล้วมาแบ่งกัน!”
…
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นปล่อยจิตสังหารออกมารุนแรงเตรียมพร้อมลงมือ
ในม่านหมอกนั้นมันมีเงาร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ฆ่า!”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้องสั่งแต่คำพูดนี้มันทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายพุ่งตัวออกไปตามๆ กัน
แม้ว่ามันจะเหาะเหินบนเขาไม่ได้ แต่แค่พลังฝีเท้าของเจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นมันก็มากพอจะเข้าถึงในพริบตา
พริบตาเดียวนั้นคนทั้งหลายก็พุ่งมาถึงด้านหน้าคนผู้นั้น
แต่เมื่อได้เห็นว่าเป็นใครอย่างชัดเจนคนทั้งหลายกลับต้องหยุดเท้าลงทันที
คนทั้งหลายที่ได้เห็นผู้มาถึงนั้นต่างยืนนิ่งเหมือนราวถูกสาบเป็นหิน
“ท-ท่านนักบุญฟ้าคราม!”
เมื่อเหล่ายอดฝีมือเห็นเย่หยวนนั้นดวงตาของพวกเขาก็ต้องเบิกกว้าง
ไม่มีใครคิดว่าการแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลเพิ่งเริ่มขึ้นไม่นานตัวนักบุญฟ้าครามนั้นก็จะได้ถือครองตำแหน่งเต๋าบรรพกาลไว้ในมือแล้ว
ผลึกแห่งกฎในมือของเย่หยวนนั้นมันแตกต่างจากผลึกแห่งกฎในมือของคนอื่นสิ้นเชิง
คนที่พอจะทำอะไรเย่หยวนได้นั้นมันมีแต่เหล่าคนที่มีฝีมือระดับมหาบรรพกาลเท่านั้น
ที่สำคัญแค่มหาบรรพกาลทั่วๆ ไปก็ยังไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้
ใครกันเล่าจะเบื่อชีวิตเข้าไปแย่งชิงผลึกแห่งกฎจากมือของเขาคนนี้?
เย่หยวนหันไปมองดูรอบๆ จนทำให้คนทั้งหลายแทบไม่อาจหายใจราวกับว่าถูกเต๋าสวรรค์จ้องมองลงมา
มีหรือที่พวกเขาจะกล้าแสดงความโลภใดๆ ออกมาต่อหน้าเย่หยวน? พวกเขานั้นรีบเก็บความโลภที่พลุ่งพล่านนั้นลงไปลึกสุดใจทันที
ในหมู่คนทั้งหลายนี้ กว่าครึ่งมันเป็นคนที่เย่หยวนพามา
แต่ว่าเย่หยวนนั้นได้กล่าวบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาแค่จะพามาเท่านั้น เรื่องอื่นๆ จงหาทางเอาเอง
ส่วนใครที่จะได้เห็นเต๋าบรรพกาลนั้น มันย่อมขึ้นอยู่กับดวงและฝีมือของคนผู้นั้น!
ในความเป็นจริงนั้นต่อให้เย่หยวนจะอย่างยุ่ง ตัวเขาก็คงไม่อาจห้ามปรามใดๆ
โอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นเต๋าบรรพกาลนั้น มีใครบ้างที่จะปล่อยมันไปง่ายๆ เพราะคำพูดไม่กี่คำ?
การเป็นเต๋าบรรพกาลนั้นมันเหมือนการได้ขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง!
“พวกเจ้าสู้กันต่อเถอะ” เย่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินผ่านหน้าคนทั้งหลายไป
“ข-ขอท่านนักบุญฟ้าครามเดินทางปลอดภัย!” คนทั้งหลายร้องขึ้นมาแทบพร้อมๆ กันก่อนจะส่งเย่หยวนไป
เมื่อเย่หยวนหายลับไปจากสายตาของพวกเขาแล้วคนทั้งหลายจึงได้ถอนหายใจยาวออกมาแทบพร้อมๆ กัน
พวกเขานั้นสัมผัสได้เลยว่าร่างกายนั้นมันเปียกไปด้วยเหงื่อเย็นเหยียบ!
นักบุญฟ้าครามในเวลานี้มันน่ากลัวจนเกินรับ!
ในหมู่คนนั้นมันมีนักยุทธผู้หนึ่งที่เบิกตากว้างร้องขึ้นมา “ห-หยาดชีวา! เรายังมีหวัง! ตราบเท่าที่เราหาหยาดชีวาได้ด้วยนิสัยของท่านนักบุญฟ้าครามแล้วท่านย่อมจะส่งผลึกแห่งกฎให้เราแน่!”
คนอีกผู้จึงกล่าวเสริมขึ้น “ใช่แล้ว! มันยังมีเรื่องของหยาดชีวา! ตราบเท่าที่เราหาหยาดชีวามาได้ มันมิใช่แค่ท่านนักบุญฟ้าครามจะมอบผลึกแห่งกฎให้เราแต่จะช่วยคุ้มครองเราขึ้นไปถึงยอดจนกลายเป็นเต๋าบรรพกาลด้วย!”
เวลานี้เหล่ายอดฝีมือที่เย่หยวนพามานั้นต่างหันมองคนอื่นๆ ด้วยสายตาสงสาร
คนทั้งหลายนั้นเป็นคนที่ติดตามมากับเต๋าบรรพกาลทั้งเก้า
“หึ พวกเจ้าอย่าได้ลืมไป! คำว่า ‘พวกเรา’ นี้มันไม่รวมพวกเจ้าด้วย!”
“ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นแยกแยะรักและชังไว้อย่างชัดเจน! ต่อให้พวกเจ้าจะได้หยาดชีวามาเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นมันก็คงแย่งชิงเอาสมบัติไปอย่างหน้าไม่อาย! เพราะฉะนั้นอย่างได้คิดจะหามันเลย!”
นักยุทธทั้งหลายที่เย่หยวนพามาด้วยนั้นต่างรู้สึกว่าตนมีโอกาสเหนือกว่าอีกฝ่ายขึ้นมา
ส่วนอีกด้านนั้นแต่ได้ยืนคอตกท่าทางสิ้นหวัง
พวกเขานั้นเริ่มจะเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆ
นี่มันคือโอกาสที่จะได้บรรลุเต๋าขึ้นเป็นเต๋าบรรพกาล!
การหาหยาดชีวานั้นมันง่ายกว่าการหาผลึกแห่งกฎมาก
เพราะอย่างน้อยๆ หยาดชีวานั้นมันก็ไม่ได้ปล่อยพลังออกมาล่อให้ผู้คนทั้งหลายเข้าโจมตีเหมือนผลึกแห่งกฎ
…
เย่หยวนนั้นก้าวเดินไปเรื่อยๆ อย่างระมัดระวังแต่ก็ยังไม่เจอร่องรอยของอะไรที่จะเป็นหยาดชีวาได้
เหมือนโชคชะตานั้นเล่นตลก เขาได้ผลึกแห่งกฎมาอย่างง่ายดายแต่กลับไม่อาจจะหาหยาดชีวาเจอ
ตูม!
ตูม!
ตูม!
จู่ๆ ที่ด้านหน้าของเขานั้นมันก็เกิดคลื่นพลังรุนแรงกระจายออกมา
พร้อมๆ กันนั้นเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังกฎแห่งไฟจากด้านหน้า
ไม่ต้องเดาเย่หยวนก็พอรู้ว่ามันมีเรื่องอะไรกัน
ผลึกแห่งกฎธาตุไฟได้ปรากฏขึ้น!
ด้านหน้านั้นมันมีคลื่นพลังรุนแรงห้าสายกำลังปะทะกันอย่างรุนแรงและคนทั้งหลายนี้ต่างเป็นคนคุ้นหน้ากันสิ้น
มุมปากของเย่หยวนเผยอยิ้มขึ้นมาก่อนจะกล่าว “น่าสนใจ!”
“คลื่นห้อมล้อมทิศ!”
“สายฟ้าแท้อมตะตำหนิ!”
“ฝ่ามือทลายสวรรค์!”
“กายาพรหม!”
…
เย่หยวนนั้นค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นมาระหว่างที่ยอดฝีมือระดับมหาบรรพกาลห้าคนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด
สามเต๋าบรรพกาลนั้นกำลังปะทะอยู่กับสองบรรพบุรุษเผ่าเทวา เป็นการต่อสู้ที่สุดแสนรุนแรงจนม่านหมอกรอบๆ นั้นจางหายสิ้น
ไกลออกไปนั้นมันมียอดฝีมือมากมายกำลังมองดูเรื่องราวอย่างไม่กล้าเข้าใกล้
ท่ามกลางหมู่คนทั้งห้านั้นมันมีลูกบอลสีแดงเพลิงกำลังลอยอยู่
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่แย่งเอามันไปคนที่หยิบไปย่อมจะกลายเป็นเป้าโจมตีของคนที่เหลือจึงได้ปล่อยให้มันลอยค้างอยู่กลางวงอย่างนั้น
แต่วินาทีต่อมาคนทั้งห้านั้นก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังรุนแรงอีกสายจนต้องหยุดเท้าลง
คลื่นพลังกฎธาตุน้ำจากผลึกแห่งกฎที่เย่หยวนเอามาด้วยนั้นมันน่าสนใจจนทำให้พวกเขาต้องหยุด
เดิมทีคนทั้งห้านั้นคิดว่าจะได้มีผลึกแห่งกฎอีกชิ้นปรากฏขึ้นมาแต่เมื่อได้เห็นว่าคนที่ถือมันมาเป็นเย่หยวนสีหน้าของพกวเขาต่างก็ต้องเปลี่ยนสีไป
พวกเขานั้นต่อสู้กันแทบเป็นตายแต่เย่หยวนนั้นกลับได้ผลึกแห่งกฎธาตุน้ำไปครองแล้ว!
เมื่อเต๋าบรรพกาลน้ำเห็นเย่หยวนนั้นเขาก็รีบร้องบอกออกมาทันที “เย่หยวน! เรื่องราวก่อนหน้านี้มันล้วนเป็นความผิดของบรรพกาลผู้นี้! เจ้าช่วยข้าแย่งเอาผลึกแห่งกฎธาตุไฟนี้ไว้แล้วหมื่นล้านปียุคสมัยต่อไปนี้บรรพกาลผู้นี้จะช่วยเหลือเจ้าทุกเรื่องราว!”
นี่มันคือผู้ช่วยที่สำคัญ!
เต๋าบรรพกาลน้ำนั้นมีความคิดรวดเร็วที่สุดจึงได้ตัดสินใจลงในทันที
เมื่อเต๋าบรรพกาลสายฟ้าได้ยินเช่นนั้นมีหรือที่เขาจะยอมน้อยหน้า? “เย่หยวน เจ้าและข้านั้นรู้จักกันมานาน! เจ้าช่วยบรรพกาลผู้นี้ครั้งนี้แล้วตระกูลผางทั้งหมดจะขอรับใช้เจ้าเป็นนายไปตลอดยุคสมัยต่อไป!”
เมื่อเต๋าบรรพกาลทำลายล้างได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่คิดยอมแพ้กล่าวขึ้น “เย่หยวน สิ่งที่พวกมันทำนั้นข้าเองก็ทำได้สิ้น! บรรพกาลผู้นี้ขอให้เจ้าช่วยข้าสักครั้งหนึ่ง!”
อีกด้านสีหน้าของสองบรรพบุรุษเผ่าเทวามันก็เปลี่ยนสีไปทันทีเมื่อได้ยิน
พวกเขานั้นไม่นึกฝันว่ายอดคนเผ่ามนุษย์นั้นจะทำทุกสิ่งอย่างขนาดยอมก้มเลียเท้าศัตรูเพื่อแย่งชิงเอาผลึกแห่งกฎมา
คนทั้งหลายนี้ก่อนหน้ายังจะคิดหาทางไล่สังหารเย่หยวนอยู่เลยมิใช่หรือ?
วินาทีเดียวนี้ความคิดของพวกเขากลับพลิกผันได้ขนาดนี้?
พวกเขานั้นเริ่มจะไม่เข้าใจแล้วว่ามนุษย์นั้นใช้อะไรเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ
แต่ว่าพวกเขานั้นก็ได้แต่ทำหน้าเหยเก เพราะถ้าเย่หยวนเข้าร่วมศึกด้วยจริงๆ แล้วพวกเขาคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่!
ตั้งแต่ที่เย่หยวนจัดการเต๋าบรรพกาลไฟลงด้วยดาบเดียวนั้นตัวเขาก็ได้กลายเป็นเรื่องหนักหัวให้แก่ทุกคนในเผ่าเทวา
“เย่หยวน เราอย่าได้มายุ่งเรื่องของกันดีกว่า! เจ้านั้นก็ได้ผลึกแห่งกฎไว้แล้ว หากเจ้ายังจะมาเข้าร่วมการแย่งชิงผลึกแห่งกฎธาตุไฟด้วยแล้วเจ้าจะได้มีศัตรูมากเกินไป!” บรรพบุรุษตระกูลสายเลือดเหลืองอี้เฟิงกล่าวขึ้น
แต่เย่หยวนนั้นกลับตอบไปด้วยรอยยิ้ม “ข้านั้นไม่สนใจจะเป็นเต๋าบรรพกาลแต่ในเมื่อข้าได้มาเจอผลึกแห่งกฎตรงหน้าแล้วข้าก็ไม่อาจจะปล่อยมันผ่านไปได้เช่นกัน! ข้านั้นจะขอรับผลึกแห่งกฎธาตุไฟนี้ไว้! พวกเจ้าจงไสหัวไปเสีย!”