Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2532 ความเข้ากันได้
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างตกตะลึงถึงขีดสุด บ้างถึงขั้นอ้าปากค้างขึ้นมาก็มี
ในที่นี่ไม่มีใครจะโง่จนไม่เข้าใจว่าคำพูดของกู่เม่านี้มันมีความหมายว่าอย่างไร!
หรือว่าผู้บรรลุสวรรค์คนนี้มันจะมองทะลุอาจารย์ของพวกเขาได้ในพริบตา?
นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน?
นี่จะบอกว่ากู่เม่านั้นกำลังถูกพิษไฟทำร้ายจนหยั่งรากลึกลงไปถึงอวัยวะภายในจริงๆ หรือ?
แท้จริงแล้วพิษไฟนั้นมันก็ไม่ได้เป็นพิษที่ร้ายแรงถึงตาย
ชีวิตของนักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์นั้นมันถึกทนกว่าพิษนี้ไปมาก
แต่เมื่อพิษไฟมันสะสมไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว มันจะทำให้การควบคุมไฟของกู่เม่าแย่ลงอย่างมาก
นักหลอมโอสถสวรรค์ที่ไม่อาจควบคุมไฟได้ มันคงเป็นได้แค่ตัวตลก!
นามอันลือลั่นของกู่เม่านั้นมันจะสิ้นสลายลงในชั่วข้ามคืน!
ใครกันเล่ายังจะมาต้องการนักหลอมโอสถสวรรค์ที่หลอมโอสถไม่ได้?
กู่เม่าหรี่ตาลงก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ยังไม่ไปกันอีก?”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นต่างต้องก้มหัวเดินตามๆ กันออกจากโถงไป
ถังหยูนั้นหยุดร้องไห้ลงและอ้าปากค้างมองดูเย่หยวนแทน
กู่เม่าป่วยอยู่จริงๆ!
เย่หยวนนั้นกลับมองมันออกในพริบตา!
สิ่งที่คนทั้งตระกูลถังนั้นรวมไปถึงคนทั้งอาณาจักรตะวันออกไม่ทันรู้ แต่เย่หยวนนั้นกลับมองออกได้ในพริบตาเดียว!
นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ไม่มีใครรู้เลยว่ากู่เม่านั้นมีพิษร้ายโจมตีร่างกายภายในจนตอนนี้เขาไม่อาจจะหลอมโอสถได้อีกต่อไปแล้ว
เขานั้นซ่อนมันไว้อย่างแนบเนียน!
กู่เม่านั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าดำมืด “เด็กน้อย เจ้าช่วยข้าขับไล่พิษไฟนี้ออกจากกายแล้วเฒ่าผู้นี้จะรับเจ้าเข้าเป็นศิษย์!”
เย่หยวนยิ้มเย้ยขึ้นมา “เจ้ามันป่วยจริงๆ!”
กู่เม่านั้นแทบต้องสำลักออกมาเมื่อได้ยิน หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะสติไม่ดี รู้แต่คำพูดเดียวนี้?
‘ให้ตายเถอะ ข้าโดนหลอกแล้วหรือ?’ กู่เม่าคิด
กู่เม่ากล่าวขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้าคิดก่อกวนข้าแล้ว?”
เย่หยวนได้แต่กลอกตามอง “ครั้งนี้ข้าพูดถึงสมองของเจ้านั้นต่างหากที่ป่วย! แค่ฝีมืออย่างเจ้านี้ก็คิดรับข้าเป็นศิษย์หรือ? แล้วทำไมข้าจะต้องไปช่วยเจ้ากำจัดพิษไฟออกจากร่างด้วย? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน?!”
กู่เม่านั้นใช้ชีวิตอยู่บนคำชื่นชมจนเข้าใจว่าตัวเองนั้นสูงเหนือล้ำฟ้าดิน
เพราะฉะนั้นเวลาพูดกับเย่หยวนเองเขาก็ยังวางท่าเหนือหัวคนไว้เช่นกัน
ที่สำคัญไปกว่านั้นด้วยฐานะผู้บรรลุสวรรค์ของเย่หยวนมันจึงยิ่งทำให้กู่เม่าดูถูกเขาไปกว่าเก่า
แต่ศักดิ์ศรีของเย่หยวนนั้นมันสูงล้ำกว่าที่เขาคาดคิด!
หากกู่เม่านั้นเป็นสุดยอดฝีมือวิชาการโอสถจริงๆ ก็ยังพอว่าแต่วิชาที่เขาแสดงออกมานั้นมันอาจจะดูเหนือล้ำต่อหน้าเหล่าศิษย์ทั้งหลายของเขามากมาย
แต่ต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันกลับไร้ค่าใดๆ ให้พูดถึง!
เย่หยวนนั้นไม่เข้าใจโอสถสวรรค์ใดๆ แต่เขานั้นย่อมจะรู้จักวิชาการโอสถดี
พื้นฐานของเขานั้นมันหนักแน่นนอกจากเรื่องที่ว่าเขายังไม่เข้าใจระบบการหลอมโอสถสวรรค์แล้วความรู้เรื่องอื่นๆ ของตัวเขามันได้เหนือกว่ามาตรฐานการโอสถของภพเบื้องล่างไปแสนนาน
นักหลอมโอสถสวรรค์นั้นสำหรับเย่หยวนแล้วมันก็มิได้สูงล้ำมากมายใดๆ!
หรืออย่างน้อยๆ ตัวกู่เม่านี้มันก็ยังไม่เก่งพอจะได้รับคำชื่นชมจากเย่หยวน
หากคิดวางตัวโอหังมันก็ต้องมีความสามารถหนุนหลังอยู่ด้วย!
ถังหยูนั้นยังถอนหายใจไม่ทันสุดเย่หยวนก็กล่าวคำพูดนี้ออกมา
เวลานี้เขาคิดอยากจะตายลงให้ได้เสียอีกครั้ง
แน่นอนว่าเมื่อกู่เม่าได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าคนโอหัง! ถังหยู อย่าได้มาโทษข้าว่าข้าไม่ไว้หน้าตระกูลถังแล้ว! เจ้าเด็กคนนี้มันโอหังจนเกินทน!”
ถังหยูนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะรีบใช้แขนข้างเดียวนั้นยกขึ้นมาขวางหน้ากู่เม่าไว้ “อ-อาจารย์กู่ อย่าเพิ่งรีบร้อนลงมือไป! ท่าน… ท่านเทียบเขาไม่ได้!”
“หะ? เจ้าจะบอกว่าเฒ่าคนนี้ไม่อาจเทียบเคียงฝีมือของผู้บรรลุสวรรค์ได้หรือ?” เมื่อกู่เม่าได้ยินเขาก็ต้องหันมาถามด้วยน้ำเสียงตะคอก
ถังหยูตอบกลับไป “ใช่แล้ว! เมื่อวานท่านพี่นั้นเป็นคนจัดการตระกูลกุ้ยลงด้วยตัวเอง! แม้แต่กุ้ยไห่เฉิงเองก็ตายลงเช่นกัน!”
คำพูดนั้นมันเหมือนดั่งน้ำเย็นที่ราดลงบนหัวของกู่เม่าทำให้ความเร่าร้อนของเขาจางลงทันที
เขาได้แต่ต้องหันไปมองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เฒ่าคนนี้ไม่ขอเชื่อ!”
แต่ถังหยูก็ยังย้ำกลับมา “มันเป็นความจริง! อาจารย์กู่ มีหรือที่หลานจะยังมาโกหกอาจารย์?”
กู่เม่านั้นไม่คิดอยากเชื่ออย่างสุดหัวใจแต่เขานั้นก็รู้ดีว่าถังหยูย่อมจะไม่พูดล้อเล่นในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว
เพราะอย่างไรเสียเรื่องใหญ่โตเช่นนั้นหากเขาออกไปสืบหาดู คงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็รู้ความจริงได้
แต่นักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นต้นคนหนึ่งนี้จะสังหารกุ้ยไห่เฉิงลงได้อย่างไร?
นี่มัน… เป็นไปได้ด้วยหรือ?
กู่เม่านั้นรู้สึกขึ้นเต็มอกว่าเย่หยวนนั้นเป็นตัวตนที่ยากจะจัดการ
เอาชนะไม่ได้ทั้งด้วยกำลังและสถานะ?
ที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้าหมอนี่มันอาจจะช่วยให้เขารักษาพิษไฟในร่างได้ด้วย!
“หึ! เจ้าเด็กโอหัง บอกว่าเฒ่าคนนี้ไม่มีวิชาอย่างนั้นหรือ! หากเจ้ามีปัญญาจริงก็ลองเอาหญ้ากระดูกมังกรนี้ไปหลอมดูหน่อยเถอะ!” กู่เม่านั้นตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ยังไม่คิดเชื่อ
เย่หยวนจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เจ้าคิดวัดกำลังฝีมือของข้าว่าข้าจะสามารถช่วยเจ้ารักษาพิษไฟได้หรือไม่?”
กู่เม่านั้นหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ไม่คิดฝันว่าเย่หยวนกลับจะมองเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้
แต่เย่หยวนก็ยังก้าวขึ้นไปหยิบเอาหญ้ากระดูกมังกรขึ้นมาและยื่นมือดึงเต๋าไฟออกมาจากเต๋า
จากนั้นไฟบนมือของเย่หยวนมันก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าค่อยๆ เต้นระบำอย่างสวยงาม
มันเป็นภาพที่ช่างดูสุดแสนสบายตาและงดงาม
กู่เม่าและถังหยูต่างต้องเบิกตาค้างมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เมื่อยอดคนลงมือนั้นมันย่อมจะชัดเจนว่าเขาเป็นยอดฝีมือจริงหรือไม่
เย่หยวนนั้นมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
กู่เม่านั้นรู้สึกอับอายในความไร้ค่าของตัวเองขึ้นมาในทันที
เขานั้นได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเย่หยวนจึงได้ดูถูกฝีมือของเขา
หากวัดกันแค่ที่การควบคุมไฟแล้ว เขาไม่อาจจะเทียบเคียงเย่หยวนได้เลย!
“ช-ช่างเป็นวิชาควบคุมไฟที่เหนือล้ำนัก! ไม่สิ นี่มันมิใช่วิชาการควบคุมไฟแล้ว! นี่มันคือศิลปะชัดๆ!” ถังหยูกล่าวขึ้นมา
การจะหลอมโอสถสวรรค์ได้นั้นมันย่อมจะต้องมีวิชาการควบคุมไฟที่เหนือสวรรค์เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นเหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ทั้งหลายจึงมีวิชาการควบคุมไฟที่สุดแสนแข็งแกร่ง
หรืออย่างน้อยๆ มันก็แข็งแกร่งกว่าเหล่าผู้บรรลุสวรรค์ทั้งหลายมากนัก
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับมีวิชาการควบคุมไฟที่เหนือล้ำกว่ามาตรฐานของเหล่าผู้บรรลุสวรรค์ไปมากมายล้น
วิชาการควบคุมไฟของกู่เม่านั้นมันดูไร้ค่าไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวน!
กู่เม่านั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกไปทันทีที่ได้เห็นก่อนจะกล่าวขึ้น “หึ! ไม่ว่าจะมีวิชาควบคุมไฟที่เก่งกาจแค่ไหนมันจะยังมีค่าใด? ความเข้ากันได้ของผู้บรรลุสวรรค์มันสุดแสนต่ำต้อย ในอีกไม่เกินร้อยอึดใจหญ้ากระดูกมังกรจะต้องไหม้เป็นเถ้าแน่!”
ในความเป็นจริงตัวเย่หยวนเองก็รู้สึกได้
เพราะตั้งแต่ที่หยิบหญ้ากระดูกมังกรขึ้นมาเริ่มหลอมเขาก็รู้สึกได้ถึงความยากเย็นอย่างชัดเจน
แม้ว่าวิชาการควบคุมไฟของเย่หยวนนั้นมันจะเหนือล้ำฟ้าดินแค่ไหนเขาก็ยังไม่มีความเข้ากันได้กับโลกใบนี้ทำให้ไม่อาจจะอ่านโครงสร้างของสมุนไพรสวรรค์ได้เลย
การจะแยกมันออกมานั้นต้องใช้พลังของเต๋าไฟ
เพราะฉะนั้นความเข้ากันได้จึงสำคัญอย่างมาก
หากไม่มีความเข้ากันได้แล้วพวกเขาทั้งหลายก็ย่อมจะไม่มีทางแยกออกได้ว่าอันไหนคือส่วนเกิน
อันไหนคือส่วนแกน ส่วนไหนมากส่วนไหนน้อย ไม่อาจจะแยกส่วนประกอบของสมุนไพรสวรรค์ได้เลย
จะเทียบก็คงบอกได้ว่าความเข้ากันได้นั้นคือดวงตาที่ช่วยให้นักหลอมโอสถสวรรค์ได้มองเห็นสมุนไพรสวรรค์อย่างชัดเจน
เมื่อไม่มีความเข้ากันได้แล้วมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนตาบอด
เพราะเหล่าผู้บรรลุสวรรค์ส่วนมากจึงไม่มีใครที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ได้
วินาทีที่เย่หยวนลงมือทำนั้นเขาก็สัมผัสได้ชัดเจน
พลังและความซับซ้อนของมันนี้เหนือล้ำเกินความเข้าใจเขาไปมาก
สมุนไพรสวรรค์พื้นๆ อย่างหญ้ากระดูกมังกรมันกลับซับซ้อนเหนือล้ำกว่าสมุนไพรใดๆ ที่เย่หยวนเคยพบเจอมาในโลกเบื้องล่าง!
ตอนที่เขาคิดจะแยกแยะส่วนประกอบของหญ้ากระดูกมังกรออกมานั้นมันกลับเหมือนเขาได้เข้าไปสู่ห้วงแห่งความปั่นป่วนโกลาหลไม่รู้เหนือใต้
เขานั้นไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร!
เวลานี้ตัวเย่หยวนเริ่มจะได้เข้าใจคำที่ถังหยูบอกไว้ว่าผู้บรรลุสวรรค์นั้นไม่อาจจะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ได้ขึ้นมาแล้ว
หากไม่อาจแยกแยะได้ว่าส่วนประกอบของสมุนไพรสวรรค์มันแตกต่างกันอย่างไรแล้ว จะยังหลอมโอสถใดๆ ได้?
การดึงส่วนประกอบของสมุนไพรสวรรค์ออกมานั้นมันยากเสียยิ่งกว่าการหลอมโอสถเต๋า!
แค่พลาดไปนิดเต๋าไฟนั้นมันก็จะเผาสมุนไพรสวรรค์นี้จนกลายเป็นตอตะโก
สิบอึดใจ ห้าสิบอึดใจ ร้อยอึดใจ!
เย่หยวนนั้นไม่คิดยอมแพ้และใช้สัญชาตญาณอันเหนือล้ำของตนค่อยๆ หลอมดึงหญ้ากระดูกมังกรออกมาทีละน้อยๆ
หลังผ่านไปได้ราวสิบห้านาที มันก็ปรากฏก้อนสมุนไพรขึ้นบนมือเย่หยวน
กู่เม่าต้องเบิกตากว้าง!
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน? ความเข้ากันได้ของมันนั้นไม่น่าจะถึงสามเสียด้วยซ้ำ! ทำไมมันถึงยังหลอมหญ้ากระดูกมังกรได้กันเล่า?” กู่เม่ากล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง