Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 2670 ยอดอัจฉริยะอันดับสองแห่งแดนสวรรค์ใต้!
- Home
- Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ
- ตอนที่ 2670 ยอดอัจฉริยะอันดับสองแห่งแดนสวรรค์ใต้!
ตัวแทนของตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่งรีบถามขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นเต้นทันที “เจ้าหอสาม ท่านหมายความว่า…ทุกตระกูลในที่นี้มีสิทธิทั้งสิ้นหรือ?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ทุกตระกูลมีสิทธิสิ้น! หากตระกูลจากหัวเมืองต่างๆ คิดว่าตัวเองมีศิษย์ที่เก่งกาจพอก็สามารถส่งมาได้เช่นกัน! แต่ข้าจะขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าเจ้าหอผู้นี้มีมาตรฐานที่สูงในการรับคนเข้าเป็นศิษย์ หากคนเหล่านั้นไม่อาจจะผ่านมาตรฐานนั้นไปได้แล้วพวกเขาก็จะถูกส่งกลับไปทันที! แต่ตราบเท่าที่ข้ารับพวกเขาเข้ามาแล้วและพวกเขานั้นฝึกฝนอย่างไม่เกียจคร้าน ข้ายืนยันได้เลยว่าวันหน้าพวกเขาจะต้องกลายเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ได้แน่”
เหล่าคนทั้งหลายที่ได้ยินต่างต้องร่ำร้องขึ้นมา!
เพราะคำพูดนี้มันน่าดึงดูดจนเกินกว่าที่พวกเขาจะอยู่เฉยได้
เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายนั้นยังไม่อยากจะเชื่อมันมากนัก
“หึๆ เจ้าโง่เอ้ย เจ้าคิดว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่นั้นมันเป็นหินริมทางหรืออย่างไร? แค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองคนหนึ่งมันก็กล้ามาพูดอวดอ้างตัวเช่นนี้ น่าขันนัก!” หมินหนานชานนั้นหัวเราะเย้ยขึ้นมา
แม้ว่าคำพูดนี้มันจะฟังไม่เข้าหูใครหลายๆ คนแต่มันก็เป็นความจริงที่หลายคนคิดอยู่ในใจ
การขึ้นเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ได้นั้นมันเหมือนการขึ้นเป็นราชาในแดนสวรรค์ใต้นี้!
มันมิใช่ว่าทุกคนจะขึ้นไปถึงระดับสี่ได้!
เย่หยวนนั้นหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “มันจะเป็นหินริมทางหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวใดๆ กับคนอย่างเจ้าแล้ว! ผู้นำตระกูลหมิน เจ้านั้นถอนตัวออกจากหอโอสถสวรรค์ใต้ไปแล้ว มันคงไม่เหมาะใช่หรือไม่ที่จะยังมาแหกปากร้องพูดจาไร้สาระในงานของหอโอสถสวรรค์ใต้เช่นนี้?”
หมินหนานชานนั้นหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน เขานั้นรู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากรอบทิศ
เวลานี้เขาถูกขับไล่แล้วจริงๆ!
จ้าวซุนนั้นกล่าวขึ้นมาเสริม “หมินหนานชาน คนที่โง่อย่างแท้จริงมันคือเจ้า! แม้แต่เจ้าหอผู้นี้ยังต้องไปขอคำแนะนำมากมายจากเย่หยวน! หากได้รับคำสั่งสอนจากเขาไปแล้วยังขึ้นมาเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ไม่ได้ต่างหากที่มันจะแปลก!”
“อะไรนะ? มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“เจ้าหอใหญ่นั้นกลับต้องไปขอคำชี้แนะจากเจ้าหอสามหรือ?”
“หรือว่าในวันหน้านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่มันจะกลายเป็นแค่หินริมทางจริง?”
…
จ้าวซุนนั้นยอมรับออกมาต่อหน้าคนทั้งหลายว่าเขานั้นด้อยกว่าเย่หยวนไปมากทำให้เหล่ายอดคนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างขึ้นมาอีกครั้ง
ก็จริงที่ว่าเย่หยวนนั้นหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ขึ้นมาได้แต่สิ่งที่เขาหลอมขึ้นมาได้นั้นมันเป็นเพียงแค่โอสถสวรรค์ระดับสอง
นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นกลับไปชี้แนะนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ได้ ฟังอย่างไรมันก็นิทานหลอกเด็ก
แม้แต่หมินหนานชานที่ได้ยินเองก็ยังไปต่อไปไม่ถูก
“หึ! เช่นนั้นก็มารอดูกัน!” หมินหนานชานนั้นเดินหันหน้ากลับออกงานไป
จ้าวซุนนั้นหันไปมองเถี่ยซินก่อนจะกล่าวขึ้นมา “เถี่ยซิน จากวันนี้ไปหอโอสถสวรรค์ใต้เราจะไม่ขายโอสถสวรรค์ใดๆ ให้แก่คนของเจ้าและคนในตระกูลเจ้าอีก! ไปเสียเถอะ!”
เถี่ยซินนั้นต้องหน้าซีดขาวลงทันที เขานั้นแทบจะทรุดลงนั่งหลังได้ยิน
เหตุใดหอโอสถสวรรค์ใต้มันจึงเหนือล้ำหัวคนนัก?
เพราะว่าพวกเขานั้นคือผู้ดูแลโอสถสวรรค์ของแดนสวรรค์ใต้!
แต่ว่าก่อนหน้านี้เหล่าคนที่เข้าร่วมหอโอสถสวรรค์ใต้นั้นต่างมีเป้าหมายของตัวเองไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
แม้แต่จ้าวซุนกับอู้จี้อันทั้งสองเองก็ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะฉะนั้นแล้วการจะคว่ำบาตรใครสักคนมันจึงเป็นเรื่องยากยิ่ง
แต่เวลานี้เย่หยวนกลับได้ทำการรวบตระกูลโอสถทั้งหลายเข้าเป็นหนึ่ง
เช่นนั้นแล้วใครจะยังกล้าไปช่วยเหลือเถี่ยซิน?
เถี่ยซินนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นเดินจากไป
จ้าวซุนนั้นกล่าวประกาศขึ้นมา “จากวันนี้ไปเจ้าหอใหญ่และเจ้าหอรองเราทั้งสองจะเข้าสู่การเก็บตัว! เรื่องราวของหอโอสถสวรรค์ใต้นั้นข้าจะขอมอบให้เจ้าหอสามเป็นคนจัดการสิ้น! นอกจากนั้นแล้วหากใครคิดกล้าไปขายโอสถสวรรค์ให้แก่คนของเถี่ยซินแล้ว มันจะถือว่าเป็นคนทรยศของหอโอสถสวรรค์ใต้เราทันที!”
คนทั้งหลายที่ได้ยินต่างผงะไป!
ไม่มีใครคิดฝันว่าเจ้าหอใหญ่นั้นกลับจะเข้าสู่การเก็บตัวในช่วงเวลาเช่นนี้!
เช่นนั้นแล้วในระหว่างที่พวกเขาทั้งสองเข้าเก็บตัวนี้ผู้เป็นเจ้าหออย่างแท้จริงมันก็จะกลายเป็นเย่หยวนไป!
คนทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่ได้รู้เลยว่าช่วงที่ผ่านมานี้เย่หยวนได้ชี้แนะคนทั้งสองไปมากมายแค่ไหน พวกเขานั้นมีความรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ในเส้นทางโอสถก็ไม่ปาน
มันเหมือนเป็นการสร้างวิชาการโอสถแขนงใหม่ขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงต้องเข้าเก็บตัวเพื่อละลายความรู้ใหม่ที่ได้รับเข้ามาในหัวนี้
หากมิใช่เพราะต้องรอจัดงานวันนี้ พวกเขาคงเข้าเก็บตัวไปนานแสนนานแล้ว
…
ในเวลาแค่สามวันเหล่าศิษย์ของตระกูลและค่ายสำนักน้อยใหญ่มากมายก็ได้ถูกส่งมายังหอโอสถสวรรค์ใต้ทันที
การได้เรียนรู้วิธีหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้มีหรือที่คนทั้งหลายจะปล่อยมันผ่านไปได้?
ทฤษฎีหลอกล่อด้วยแครอทกับไม้เรียวนั้นมันใช้ได้ผลแทบทุกครั้งไป!
หากคิดอยากจะให้ตระกูลทั้งหลายยอมรับนับถือหมดใจนั้นพวกเขาย่อมจะต้องได้ผลประโยชน์กลับไปด้วย มิใช่แค่กลัวว่าจะถูกกำจัด
การสั่งสอนโดยตรงจากเย่หยวนนั้นย่อมจะเป็นสุดยอดของผลประโยชน์!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวจ้าวซุนที่ออกมารับว่าเขานั้นอ่อนแอและต้องรับการชี้แนะจากเย่หยวนนั้นมันยิ่งทำให้ตัวตนของเย่หยวนดูสูงใหญ่ล้ำเกินความเข้าใจของคนทั้งหลาย
มันทำให้เกิดความรู้สึกชื่นชมขึ้นมาลึกๆ ในใจคน
เวลานี้ศิษย์กว่าสองร้อยคนได้ถูกนำมารวมกันภายในห้องหลอมโอสถใหญ่ยักษ์หนึ่งของหอโอสถสวรรค์ใต้
หลังจากส่งคนทั้งหลายเข้ามาแล้วคนดูแลก็เดินจากไป
เวลานี้มันเหลือเพียงแค่เหล่าศิษย์ทั้งหลายภายในห้องนั้น
ในเมืองสวรรค์ใต้นั้นเหล่าศิษย์ของตระกูลน้อยใหญ่ต่างจะคุ้นเคยหน้ากันมาบ้างแล้วจึงได้จับกลุ่มคุยเล่นกันรอเวลาไป
หนึ่งในคนทั้งหลายนั้นจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามากล่าวยิ้มกว้างเหมือนดั่งเด็กหนุ่มที่ได้เห็นคนที่ตนเคารพ
“ยินดีกับพี่เหวินห่าวด้วย! เดิมทีท่านนั้นก็เป็นถึงยอดอัจฉริยะอันดับสองแห่งแดนสวรรค์ใต้อยู่แล้ว ด้วยการสั่งสอนโดยตรงจากอาจารย์เย่ในครั้งนี้ท่านย่อมจะสามารถหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ขึ้นมาได้แน่! เมื่อถึงเวลาแล้วตระกูลซ่งจะต้องกลายเป็นตระกูลโอสถอันดับหนึ่งแห่งเมืองสวรรค์ใต้แน่ๆ!”
“ยังจะนับเป็นยอดอัจฉริยะอันดับสองอีกหรือ? อาจารย์เจียงหลี่นั้นบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกไปได้แล้ว ท่านนั้นนับเป็นผู้อาวุโสไปแล้ว จะยังมาเรียกว่าเป็นยอดอัจฉริยะได้หรือ? พี่เหวินห่าวเรานั้นได้กลายเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนสวรรค์ใต้ไปแล้วต่างหาก!”
“ใช่ๆๆ ยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง! อัจฉริยะอันดับหนึ่ง!”
…
ซ่งเหวินห่าวนั้นเป็นยอดอัจฉริยะแห่งตระกูลซ่งและเขายังถูกขนานนามว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับสองแห่งแดนสวรรค์ใต้รองจากเจียงหลี่!
เขานั้นได้สร้างชื่อในด้านการโอสถมากมายไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เขานั้นมีกำลังฝีมือเหนือล้ำกว่าคนในรุ่นเดียวกันสิ้นเชิง!
ครั้งนี้ตระกูลซ่งที่แทบล่มจนแตกหักจากหอโอสถสวรรค์ใต้นั้นก็ได้รับสิทธิในการส่งศิษย์เข้ามาเช่นกันและแน่นอนว่าซ่งเหวินห่าวย่อมจะได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับหนึ่ง
แม้ว่าฝีมือของซ่งเทียนหยางนั้นจะไม่ได้เก่งกาจเท่าหมินหนานชานแต่ตระกูลซ่งนั้นก็ยังมีซ่งเหวินห่าวเป็นความหวังและชุบเลี้ยงเขามาอย่างดี
เมื่อได้ยินคำชมจากรอบกายเช่นนั้นซ่งเหวินห่าวก็ยิ้มกว้างขึ้นมา “โอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันถูกเรียกว่าเป็นโอสถปาฏิหาริย์แต่แท้จริงแล้วข้าว่ามันก็ไม่ได้ยากล้ำใดๆ หรอก! แดนสวรรค์ใต้เรานั้นแค่ไม่รู้วิธีหลอมมันเท่านั้น มันจึงทำให้โอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นเป็นสิ่งล้ำค่านัก! แต่ตราบเท่าที่นายน้อยผู้นี้สามารถเรียนรู้วิธีการหลอมได้แล้วโอสถสวรรค์ระดับแท้ใดๆ นั้นมันจะยังยากเย็นอีกหรือ?”
เขานั้นไม่เคยคิดว่าตัวเองด้อยกว่าเจียงหลี่เลย
เขานั้นไม่พอใจกับตำแหน่งที่คนเรียกขานเขาว่ายอดอัจฉริยะอันดับสองอยู่ไม่น้อย
ส่วนโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นตัวเขาย่อมรู้ดีว่ามันทรงพลังแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้เกรงกลัว
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็คงอยู่ที่วิธีการหลอมเท่านั้น!
ซ่งเหวินห่าวนั้นมีความเร็วในการฝึกฝนที่เหนือล้ำจนไม่อาจจะเอาใครมาเทียบเคียงได้เสมอๆ
ตราบเท่าที่เขานั้นรู้ถึงวิธีการแล้วการจะฝึกฝนให้บรรลุระดับแท้มันก็คงมิใช่เรื่องยากเย็นใดๆ
เวลานั้นค่อยๆ ผ่านไปแต่ก็ยังไม่มีใครเข้ามายังห้องหลอมโอสถนี้
ราวกับว่าพวกเขานั้นถูกลืมไปนานนับครึ่งวัน
หลายต่อหลายคนจึงเริ่มไม่พอใจขึ้นมา
บ้างนั้นเดินวนไปมาอย่างร้อนรน ส่วนคนอื่นๆ ก็เอาแต่บ่นกันไม่หยุดปาก
“หึ! ปล่อยเราทิ้งไว้เช่นนี้มันคิดจะทำอะไรกันแน่? เจ้าหอสามนั้นคิดดูถูกตระกูลใหญ่ของเมืองสวรรค์ใต้มากเกินไปแล้ว!” ซ่งเหวินห่าวนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างไม่อาจทนรอต่อไปไหว
“ใช่ไหมเล่า! ดูท่าแล้วเขาคงไม่ได้เรียกเรามาสั่งสอนใดๆ ด้วยซ้ำ เขาแค่คิดจะแสดงท่าทีดูถูกแก่เหล่าตระกูลทั้งหลายในเมืองสวรรค์ใต้!” อีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
“เจ้าหอสามนั้นไม่พอใจกับท่าทางของตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายในงานเลี้ยงท่านจึงได้คิดลงความแค้นแก่เราเป็นแน่!”
…
ยิ่งเวลาผ่านไปเสียงบ่นมันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เหล่ายอดศิษย์ทั้งหลายนั้นเริ่มจะไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป
แต่ว่ามันก็มีหลายคนที่ยังสงบนิ่งได้
หนึ่งในคนเช่นนั้นมันเป็นชายหนุ่มที่เดินมาฝึกวิชาการควบคุมไฟที่หม้อหลอม
“หึๆ ซ่งหมินเจ๋อ ฝีมือแค่นี้ของเจ้าก็กล้ามาอวดอ้างหรือ! คิดจะมาพยายามเอาวินาทีสุดท้ายเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าหอสามนั้นจะเลือกคนอย่างเจ้า?” ซ่งเหวินห่าวกล่าวขึ้นมาเยาะเย้ย