Virtual World – Peerless White Emperor - ตอนที่ 647 : ลูกสาวของตาแก่เซี่ย
เย่ฉางนั่งอยู่บนเตียงมองเซี่ยหยู่เอ๋อร์ และพูดอย่างจริงจังว่า “ไปซื้อเบียร์สุดโปรดของฉันให้หน่อย…”
“ …… ” เซี่ยหยู่เอ๋อร์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ‘หรือว่านายจะทำพิธีดื่มชารับศิษย์? นายจะหัวโบราณไปหน่อยไหม? นอกจากนั้นคนอื่นเขาใช้ชา แต่นายกลับใช้เบียร์? โอเคไม่เป็นไร แต่เบียร์สุดโปรดของนายคืออะไร!? เบียร์ราคาถูกอันนั้นน่ะเหรอ!?’ เธอถอนหายใจและพูดว่า “เอ่อ ฉันขอคิดเป๊บหนึ่งได้ไหม?”
“ฝ่ามือสังหาร…” เย่ฉางยกมือขึ้นช้าๆ และเซี่ยหยู่เอ๋อร์รีบพูดทันที “โอเคๆ ฉันจะไปซื้อเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือสังหารของเย่ฉาง ทำให้เซี่ยหยู่เอ๋อร์ได้แต่จำยอม ‘โชคดีที่ปีศาจเด็กบ้านั่นไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย’
เซี่ยหยู่เอ๋อร์ไปที่ร้านค้าใกล้เคียงเพื่อซื้อเบียร์ เมื่อเธอกลับมา เธอยื่นกระป๋องเบียร์ให้เขา
“เนื่องจากนี่เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ ดังนั้นเธอจะต้องแสดงความจริงใจ และเราจะต้องปฏิบัติตามกฎพื้นฐาน…” เมื่อเห็นเซี่ยหยู่เอ๋อร์ยืนยื่นกระป๋องเบียร์ให้เขา เย่ฉางยักคิ้วแล้วพูดอย่างจริงจัง
เซี่ยหยู่เอ๋อร์ถอนหายใจ ขณะที่เธอคุกเข่าลงและยื่นกระป๋องเบียร์ให้เขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยากทำ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเย่ฉางทำให้เธอขัดคำสั่งเขาไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเขาอาจมากกว่าอาจารย์ของเธอเสียอีก!
เย่ฉางรับกระป๋องเบียมาแล้วจิบ “เอาล่ะ! เธอถือว่าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของนิกายสะเดาะกุญแจแล้ว จำไว้ว่าในนิกายเราเธอมีศิษย์พี่หญิงสองคน, ศิษย์พี่สองคน และผู้อาวุโสสี่คน เธอได้พบกับผู้อาวุโสไปสองคนแล้ว หากมีโอกาสเธอจะได้พบอีกสองคนที่เหลือ ส่วนที่เหลือเธอจะได้พบพวกเขาในอีกไม่ช้า”
‘หือ … ยังมีการจัดอันดับอาวุโสด้วย!’ เซี่ยหยู่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้
“ศักยภาพของมนุษย์เรานั้นแทบจะไร้ขีดจำกัด แต่น่าเสียดายที่มันถูกล็อคไว้ด้วยห่วงโซ่มากมาย พรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดเหล่านี้ที่เกิดในตัวเธอ จะถูกฝังลึกลงไปในพันธุกรรมของเธอ มันแตกต่างจากการค้นหาศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดภายนอก เรานิกายสะเดาะกุญแจก่อตั้งขึ้นเพื่อปลดล็อค และปล่อยสิ่งเหล่านั้นกับสมบัติที่เป็นของเรา ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอ เธอสามารถปลดล็อคพันธุกรรมขั้นแรกได้ และอาจจะติดอยู่ที่ธรณีประตูของขั้นที่สอง”
เซี่ยหยู่เอ๋อร์เห็นท่าทางที่จริงจังของเย่ฉาง ‘คนๆนี้จริงจังเกินไปไหม?’ จากนั้นเธอก็ใช้ความคิด ‘เพื่อปลดล็อคพันธุกรรมขั้นแรก คงมีราคาที่จะต้องจ่ายสินะ’ เธอถาม “จะต้องจ่ายอะไรบ้าง?”
เย่ฉางยิ้ม “การต่อสู้, ประสบการณ์เฉียดตาย, ความกลัว และการตระหนักรู้ มันมีหลายวิธีในการปลดล็อค แต่โดยปกติแล้วประสบการณ์ที่เฉียดตายคือสิ่งที่ตรงและชัดเจนที่สุด สามารถนับได้ว่ามันเป็นการฝึกขั้นพื้นฐานในการปลดล็อคครั้งแรกสำหรับนิกายสะเดาะกุญแจของเรา เมื่อเธอเชี่ยวชาญมัน อันอื่นๆก็จะง่ายขึ้นเยอะ”
“แล้ววิธีการฝึกคืออะไร?” เซี่ยหยู่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว
“ต่อสู้กับฉันเป็นเวลา 2 นาที” เย่ฉางยิ้ม
“ฉันจะลองดู” เซี่ยหยู่เอ๋อร์ลังเลสักครู่
“เธอควรคิดใหม่อีกครั้งนะ…” เย่ฉางหยุดยิ้ม และการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันที ดวงตาสีชมพูของเขาดูเย็นชา ราวกับว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่แผ่กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันออกมา “เพราะเธออาจจะตายจริงๆ … ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะทำเล่นๆกับเธอ”
เมื่อโดนเย่ฉางจ้องมอง เซี่ยหยู่เอ๋อร์รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงจนร่างกายของเธอด้านชา กลิ่นอายของเย่ฉางนั้นแตกต่างจากนักฆ่าคนอื่นๆ พวกเขานั้นบ้าคลั่ง แต่เย่ฉางนั้นเย็นชาและเห็นความตายเป็นแค่ของเล่น หน้าผากของเธอปกคลุมไปด้วยเหงื่อ และเธออ้าปากเพื่อสูดหายใจ เธอจำคำพูดของพ่อเธอได้เป็นอย่างดีเมื่อตอนเขาจากไป เธอกัดฟันและดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทันที เธอรู้ว่าเย่ฉางนั้นน่ากลัวมากเพียงใด เพราะเขาเกือบจะฆ่าเธอด้วยกลิ่นอายของเขา จากนั้นเธอก็หายใจเข้าลึกๆ “ฉันจะต้องไม่ตาย…”
เย่ฉางตกตะลึงชั่วครู่และยิ้ม ‘ตาแก่เซี่ย นี่คือลูกสาวของคุณสินะ’ เขานึกถึงช่วงเวลาที่ชายวัยกลางคนหัวโล้นที่ชื่อ Mediterranean โชว์รูปภาพหญิงสาวที่ร่าเริงคนหนึ่งให้เขาดู
“Silver Demon นี่คือลูกสาวของฉัน เธอดูเป็นยังไงบ้าง? น่ารักใช่มั้ยล่ะ?”
“เจ้าโล้น Mediterranean คุณแน่ใจนะว่าเธอเป็นลูกสาวของคุณ? หัวโล้นเหม็นเขียวอย่างคุณจะมีลูกสาวน่ารักๆแบบนี้ได้ไง?”
“เชี่ย……นายนี่มัน! เมื่อตอนฉันยังหนุ่มๆ ฉันนั้นหล่อเหลามาก พวกเขาเคยเรียกฉันว่า ‘Mediterranean ผู้สง่างาม’ ”
“เมื่อตอนคุณเป็นหนุ่ม คุณก็หัวโล้นอยู่แล้วนี่ มันจะหล่อตรงไหนกัน?”
“และยังหัวเหม็นเขียวอีก…”
“ไอ้เด็กบ้านี่! เฮ้อ! เมื่อจบงานนี้แล้ว ฉันวางแผนจะเกษียณจากกลุ่มมังกร มันนานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ดูแลเธอเหมือนพ่อคนอื่นๆ แม่ของเธอเสียชีวิตหลังจากให้กำเนิดเธอ และฉันใช้เวลาในการทำงานมากกว่าดูแลเธอ ตอนนี้ฉันคิดถึงมันแล้ว…ฉันรู้สึกผิดต่อเธอ…”
“อืม จงดูแลเธอให้ดีๆล่ะ! ตาแก่เซี่ย ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงใช้ชีวิตและเวลาอันมีค่าอยู่กับคนที่คุณรักเถอะ…”
“โอ้พระเจ้า! นายหยุดพูดเถอะ คำพูดเหล่านี้ฟังดูทะแม่งๆ เมื่อมันออกมาจากปากของนาย นายคิดว่าเราสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอีกครั้งได้ไหม?”
“ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้ ตราบใดที่เรามีหัวหน้าอย่าง Red Dragoness”
เย่ฉางมีสีหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมากในภารกิจกวาดล้างตระกูลเอนอส ‘คนส่วนใหญ่นั้นตายหมด เหลือแค่เร็นลอง, Flame Hunting, ColdMoon, Red Dragoness, BloodHand, BurriedCorpse, PeerlessNight, และฉันที่รอดชีวิต ซึ่งตอนนั้นพวกเราเกือบจะทำภารกิจล้มเหลวแล้ว และตาแก่เซี่ยก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันในกลุ่มมังกร’
เมื่อมองไปที่เซี่ยหยู่เอ๋อร์ ราวกับว่าเย่ฉางเห็นเจ้าโล้น Mediterranean ผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศจีน มีไม่มากที่เย่ฉางจะนับถือใครสักคน แต่เซี่ยจงหยงเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นแน่นอน เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องประเทศจีน “เอาล่ะ! มาเริ่มกันเลย ฉันขอย้ำอีกครั้งนะว่าอย่าเสียสมาธิเด็ดขาด แค่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยเธออาจจะตายได้ … ”
เมื่อเย่ฉางพูดจบ เซี่ยหยู่เอ๋อร์ก็เตรียมต่อสู้ทันที ทันใดนั้นก็มีเสียงกระดูกแตกดังออกมาจากหน้าอกของเธอ ราวกับว่าเธอถูกรถบรรทุกชน และเธอก็กระเด็นลอยออกไป เซี่ยหยู่เอ๋อร์รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่อธิบายไม่ได้ เธอตกลงที่มุมห้อง ขณะที่เธอนอนกุมหน้าอกอยู่ เธอเห็นเย่ฉางเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มสบายๆเหมือนมัจจุราช ‘เขาจะฆ่าฉันจริงๆ!’ เธอจึงลุกขึ้นและเริ่มวิ่งหนี ขณะที่เธอวิ่งแผลที่หน้าอกก็ทำให้เธอทรมานยิ่งขึ้น ถึงกระนั้นเธอก็หันกลับมาเตะคลื่นพลังซี่ใส่เย่ฉางที่กำลังตามมา เพื่อพยายามรักษาระยะห่างจากเขาไว้ให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามเย่ฉางหลบมันได้อย่างง่ายดาย เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็พุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเซี่ยหยู่เอ๋อร์ และเตะใส่เธอเต็มแรง เธอบล็อคลูกเตะด้วยแขนทั้งสองข้าง “กร๊อบ” ทันใดนั้นกระดูกแขนของเธอก็แตกทันที พลังซี่ที่เธอใช้ป้องกันนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง จากนั้นเธอก็กระเด็นลอยออกไปราวกับกระสุนผ่านห้องนั่งเล่น และพุ่งทะลุกระจกหน้าต่างออกไป
เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังลอยออกจากห้องพักของเธอ เซี่ยหยู่เอ๋อร์จำได้ว่าเธออยู่บนชั้น 51 เธอหันมองไปข้างล่าง และเห็นพื้นคอนกรีตที่อยู่ด้านล่างของเธอ เธอหันกลับมาและเห็นเย่ฉางยังอยู่ที่หน้าต่างที่แตกและจ้องมองเธอ เธอหลับตาลงอย่างช้าๆและรู้สึกกลัวที่ตกลงมาจากที่สูง
“จงพยายามสัมผัสถึงสิ่งที่เป็นของเธอ กฎและพันธุกรรมเหล่านั้นที่เกิดมาพร้อมกับเธอ พวกมันเพียงถูกกังขังไว้เท่านั้น ลองสัมผัสถึงจังหวะและการเคลื่อนไหวของมันที่ต้องการช่วยเธอ ปลดปล่อยพวกมัน ปลดปล่อยพวกมันออกมา ถ้าเธอทำไม่ได้…เธอจะต้องตาย…” เสียงไร้อารมณ์ของเย่ฉางดังขึ้นมา
เซี่ยหยู่เอ๋อร์ลืมตาขึ้นและจ้องมองที่พื้นคอนกรีตซึ่งใกล้เข้ามาแล้ว แขนของเธอหักและกระดูกซี่โครงของเธอก็หักเช่นกัน เนื่องจากความเจ็บปวดทำให้เธอไม่สามารถใช้พลังงานใดๆได้ เธอทำได้แค่จ้องมองพื้นคอนกรีตที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอหวาดกลัวและสิ้นหวัง ‘ฉันไม่อยากตาย! ฉันยังตายไม่ได้! พ่อ!’
“อ๊ากกก!!!”
เสียงกรีดร้องของเซี่ยหยู่เอ๋อร์ดังขึ้นมา เย่ฉางเห็นปีกเรืองแสงปรากฏที่เท้าของเธอ ร่างกายของเธอกำลังเคลื่อนตัวลงอย่างช้าๆ และปีกเรืองแสงก็กระพือปีกเหมือนนกอินทรีส่งเธอไปยังสระน้ำที่อยู่ข้างๆ
เย่ฉางยิ้มเล็กน้อย ‘น่าเสียดายที่เธอยังห่างไกลจากศักยภาพสูงสุดและอ่อนแอเกินไป ด้วยบาดแผลที่เธอได้รับ เธอจะตกถึงพื้นในที่สุด แม้ว่าเธอจะไม่ตายจากการตก แต่เธอจะพิการ แต่แค่นี้ก็ถือว่าเธอประสบความสำเร็จ’ จากนั้นเขาก็กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งไปหาเซี่ยหยู่เอ๋อร์และอุ้มเธอ เขาพาเธอกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองเธอที่กำลังจะตายและพูด “ แม้ว่าเธอจะทนไม่ถึง 2 นาที แต่ก็ถือว่าเธอประสบความสำเร็จ เธอช่างสมกับเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ”
หลังจากได้ยินคำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ แล้ว เซี่ยหยู่เอ๋อร์ก็กำลังจะหมดสติ แต่ทันใดนั้นเย่ฉางยื่นมือออกไปช่วยเชื่อมกระดูกและรักษาเธอ จากนั้นทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องอันน่ากลัว