War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2949
WSSTH ตอนที่ 2,949 : ยันต์อมตะสื่อสารราคาสูงลิ่ว!
หูหลินอี้ฮ่องเต้ประเทศฝูชิวกระทั่งหลับยังไม่เคยฝันถึง ว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้านั้น ที่แท้จะยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์!
ที่สำคัญยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ผู้นี้ถึงกับรับการโจมตีเต็มกำลังของหวงเจียหลง บุตรชายของ หวงเฟยเหยี่ยน เจ้าเมืองตู้อวิ๋นได้อย่างง่ายดายในการประลองสวรรค์ใต้ไม่กี่วันก่อน กระทั่งยังเอาชนะหวงเจียหลงได้ในกระบวนท่าเดียว!
ต้องทราบด้วยว่า ต่อให้เป็นองค์ชาย 4 หูจี้หย่ง บุตรชายที่มันภาคภูมิใจที่สุด พลังฝีมือยังห่างไกลนักหากคิดจะสยบหวงเจียหลงให้ได้ในกระบวนท่าเดียว!
และบุตรชายของมันคนนี้ ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวขึ้น ก็ได้ชื่อว่ายอดเซียนอมตะอันดับ 1 ของประเทศฝูชิวแล้ว!
แม้ตอนแรกชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้จะปกปิดพลังฝีมือเอาไว้ แต่มันก็เชื่อว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแน่นอน
คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่แท้ยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์เท่านั้น!
เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ?
มันหมายความว่าหากด่านพลังฝึกปรือก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น พลังฝีมือก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย!
เรียกว่ายอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ผู้นี้ ยังเหลือพื้นที่ให้ยกระดับพลังฝีมืออีกมาก!
สิ่งนี้แตกต่างจากลูกชายของมันอย่างสิ้นเชิง เพราะเว้นเสียแต่ลูกชายของมันจะได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชามาฝึกปรือและบรรลุขั้นตอนความสำเร็จสูงถึงระดับหนึ่ง หาไม่แล้วย่อมไม่เหลือพื้นที่ให้ยกระดับพลังฝีมือแต่อย่างใด!
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ อาศัยด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ยังร้ายกาจขนาดนี้แล้ว! หากมันทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเล่า…พลังฝีมือมันจะเพิ่มพูนขึ้นถึงขนาดไหนกัน?’
หูหลินอี้มองต้วนหลิงเทียนด้วยใจสะท้าน ‘หากมันทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้สำเร็จ…พลังฝีมือของมันต่อให้เทียบกับยอดฝีมือของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ยังต้องอยู่ระดับแนวหน้าใช่ไหม?’
คิดถึงจุดนี้หูหลินอี้ก็ต้องเร่งสูดอากาศเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ตื่นเต้น จากนั้นสีหน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“ตะ…ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดจะเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลจริงๆใช่ไหม?”
หูหลินอี้เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจังถึงขีดสุด
เพราะหูหลินอี้นั้น แม้จะตื่นเต้นดีใจแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสูญเสียความคิด จากความสามารถของต้วนหลิงเทียนนั้น มันเชื่อสุดใจว่าอีกฝ่ายต้องมีความเป็นมาไม่ธรรมดาแน่นอน! จึงบังเกิดความกังวลว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้คิดเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ตระกูล!!
หากเป็นเช่นนั้น ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะโดดเด่นแค่ไหน แต่ตัวมันก็จะไม่ได้รับรางวัลใดๆจาก 3 นิกาย 2 ตระกูล!
“เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลแน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนยอมเดาออกได้ไม่ยากว่าหูหลินอี้กำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เช่นนั้นเขาจึงมองสบตาหูหลินอี้ เอ่ยออกไปเสียงดังฟังชัด ไม่มีความรู้สึกผิดทั้งพิรุธอะไรแม้แต่นิดเดียว
หูหลินอี้เห็นเช่นนั้นจึงพยักหน้ารับเป็นมั่นเหมาะ
“ไม่ว่าจะเป็นบุปผาวิญญาณลี้ลับหรือไส้เดือนฝอยทอง นับเป็นวัตถุดิบสมุนไพรที่หาได้ยากทั้งสิ้น…บุปผาวิญญาณลี้ลับนั้นไม่เป็นไรเพราะพอดีข้ามีติดตัวอยู่ ทว่าไส้เดือนฝอยทองนั้นข้าไม่มีและในคลังหลวงเองก็ไม่มีเก็บไว้เลย”
ขณะพูดหูหลินอี้ก็โบกมือเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏบุปผาดอกหนึ่งที่เปล่งแสงสว่างเรืองรองผุดจากอากาศว่างเปล่ามาลอยล่องเหนือฝ่ามือ
บุปผาดอกนี้ ตัวดอกกับก้านเปล่งแสงสีหม่นออกมาสลัวๆ กลีบดอกทั้ง 9 เบ่งบานล้อมยอดเกสรที่ตั้งชูชันเอาไว้แลดูสวยงามนัก
และถึงแม้ดูแล้วบุปผาดอกนี้สมควรถูกตัดออกมานาน หากแต่มันยังไร้วี่แววว่าจะเหี่ยวแห้ง สีสันยังคงสดใสไม่เฉาลงแม้แต่น้อย
“บุปผาวิญญาณลี้ลับดอกนี้เป็นข้าได้มาโดยบังเอิญเมื่อไม่กี่ปีก่อน หากเจ้าต้องการข้าจะมอบให้เจ้า…ว่าแต่เจ้ารู้จักปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่สามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้หรือไม่?”
หูหลินอี้เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงงสัย ขณะยื่นส่งบุปผาวิญญาณลี้ลับไปให้
“ขอบคุณฝ่าบาท…น้ำใจนี้ของท่านข้าจดจำไว้แล้ว”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับทั้งรับบุปผาวิญญาณลี้ลับมาอย่างไม่เกรงใจ “ส่วนเรื่องปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่หลอมโอสถเฉียนจินได้ ข้าไม่รบกวนให้ฝ่าบาทต้องเป็นกังวล”
สองตาหูหลินอี้ทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
แม้มันจะเตรียยมใจไวแล้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปอยู่บ้าง
ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่สามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้นั้น แม้มันจะพอรู้จักอยู่บ้าง แต่หากคิดให้อีกฝ่ายหลอมโอสถเฉียนจินให้ มันก็ต้องจ่ายราคาออกไปไม่น้อย
“วัตถุดิบยาหลัก 2 ชนิดที่จำเป็นต้องใช้ในการหลอมโอสถเฉียนจินนั้น ไส้เดือนฝอยทองเป็นอะไรที่หายากกว่าบุปผาวิญญาณลี้ลับหลายส่วน…ข้าจะเร่งติดประกาศรับซื้อออกไปทั่วประเทศ”
หูหลินอี้มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจังพลางกล่าว “ตราบใดที่มีเบาะแสไส้เดือนฝอยทอง ข้าจะรีบแจ้งเจ้าให้เร็วที่สุด”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนเองก็ส่องแสงจ้าออกมาทันทีเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของหูหลินอี้ เพราะหากคิดตามหาไส้เดือนฝอยทองนั้น เมื่อได้อีกฝ่ายที่เป็นฮ่องเต้ช่วยเหลือ ก็เหมือนได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าแม้จะลงแรงไปแค่ครึ่งเดียว!
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอขอบคุณฝ่าบาทเอาไว้ล่วงหน้า”
หลังกล่าวขอบคุณฮ่องเต้ฝูชิวอีกครั้ง ต้วนหลิงเทีนนก็ประสานมืออำลาค่อยจากมา
เมื่อกลับมาถึงบ้านลานที่พักในเขตตำหนักจวี้หยวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ยันต์อมตะสื่อสารชิ้นหนึ่งเพื่อติดต่อไปหา หวงเจียหลง เจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองตู้อวิ๋น
และยันต์อมตะสื่อสารที่เขาพึ่งใช้ไป ก็เป็นยันต์อมตะสื่อสารระดับสูงในระนาบเทวโลก มันจำเป็นต้องใช้รอยประทับวิญญาณที่เป้าหมายทิ้งไว้ให้ เพื่อส่งยันต์อมตะสื่อสารไปหาอีกฝ่าย
และยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้ หากใช้งานแล้ว ก็ยากจะมีใครหยุดยั้งมันได้ กระทั่งในทางทฤษฎีแล้ว…แม้แต่จักรพรรดิอมตะก็ทำไม่ได้!
เนื่อจากยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้ จะถ่ายโอนข้อมูลผ่านรอยประทับวิญญาณโดนตรง!
ยันต์อมตะสื่อสารประเภทดังกล่าวจึงมีค่ามากกว่ายันต์อมตะสื่อสารทั่วไปมาก กระทั่งให้เป็นยันต์อมตะสื่อสารที่ตัวตนขอบเขตราชาอมตะชนชั้นยอดฝีมือสร้างขึ้น ก็ยังด้อยค่ากว่ายันต์อมตะสื่อสารประเภทดังกล่าวมาก
และยันต์อมตะสื่อสารที่ว่า ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับมาจากตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูชิวตั้งแต่วันที่เขาได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณ ขณะเดียวกันตระกูลราชวงศ์ยังมอบลูกแก้ววิญญาณของฮ่องเต้ฝูชิวให้เขาด้วย เพื่อให้เขาสามารถใช้ยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวติดต่อถึงฮ่องเต้ฝูชิวได้โดยตรง
แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณทุกคนจะได้รับแจกยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวว
เพราะหลังได้ฟังคำแจกแจงจากตระกูลราชวงศ์ที่นำยันต์อมตะสื่อสารที่ว่ามามอบให้เขาแล้ว ก็พบว่านอกจากองค์ชาย 4 ผู้ที่ได้รับแจกยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าว ก็มีแค่ตัวเขา หวงเจียหลงและหวงเจียเชาเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆ แม้จะเป็นสตรีที่มีอุปกรณ์อมตะระดับราชานางนั้น ก็ไม่ได้รับ
แต่เป็นธรรมดาว่าสตรีนางนั้นคงไม่ต้องการ
เพราะต้วนหลิงเทียนเองก็ได้ยินจากหวงเจียหลงมาแล้ว ว่าหญิงชราที่อยู่ข้างกายสตรีนางนั้น เป็นผู้ฝึกตนพเนจรที่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ!
และสตรีคนดังกล่าวที่ได้รับสิทธิ์ในการประลองสวรรค์ใต้ครั้งนี้ ก็เป็นผู้ฝึกตนพเนจรด้วยเช่นกัน และไม่เพียงแต่นางต้องการเข้าไปแสวงหาโอกาสในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ แต่นางยังตัดสินใจจะเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ตระกูลอีกด้วย
และเรื่องทั้งหมดเป็นหงเจียหลงได้ยินมาจากบิดา ซึ่งบิดาของหวงเจียหลง หวงเฟยเหยี่ยน นั้น ก็ได้ยินมาจากฮ่องเต้ฝูชิวโดยตรง
ในประเทศฝูชิวแห่งนี้ ด้วยความที่หวงเฟยเหยี่ยนเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ใต้ราชาอมตะ จึงได้รับการยกย่องจากผู้คนทั้งประเทศ ผู้คนยังกล่าวขานถึงไม่น้อยไปกว่าฮ่องเต้ฝูชิวด้วยซ้ำ และให้เรียกว่าเป็นมือขวาของฮ่องเต้ฝูชิวก็ไม่เกินเลย
หลังจากใช้ยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าวไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็แลดูงุนงงเล็กน้อย “ข้าใช้ผิดวิธีงั้นหรือ…แต่เท่าที่ฟังมาก็สมควรใช้แบบนี้นี่นา”
ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะเคยใช้ยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้เป็นครั้งแรก พอเห็นว่าผ่านไปสักพักแล้วแต่หวงเจียหลงยังไม่ติดต่อกลับมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงง
“ไหนคนที่เอามาแจกบอกว่ามันส่งข้อมูลได้รวดเร็วมากไง…แต่ไฉนใช้ไปอยู่นานแล้วหวงเจียหลงยังไม่ตอบกลับมาอีกเล่า?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสงสัยนั้นเอง
เขาพลันได้ยินเสียงเรียกหาของหวงเจียหลง จากด้านนอกบ้านลาน “น้องต้วน!”
“ทำไมท่านถึงถ่อมาที่นี่ได้เล่า แค่ส่งข้อความมาก็ได้แล้วนี่นา?”
หลังเปิดประตูบ้านออกไปต้อนรับหวงเจียหลงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปด้วยความสงสัย
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน มุมปากหวงเจียยหลงก็กระตุกขึ้นมาตงิดๆ “น้องต้วน…หรือท่านไม่ทราบ ว่ายันต์อมตะสื่อสารที่ใช้การถ่ายโอนข้อมูลผ่านรอยประทับวิญญาณมีค่ามากเพียงใด?”
“ปกติแล้วท่านพ่อยังให้ข้าพกติดตัวไว้แค่ 3 ชิ้นเท่านั้น…นอกจากข้ากับน้องเล็ก ไม่ว่าจะพี่ใหญ่พี่รองหรือพี่สาม ก็ล้วนมีติดตัวไว้แค่คนละชิ้นเท่านั้น”
“ที่ฝ่าบาทให้คนนำยันต์อมตะสื่อสารเหล่านี้มามอบให้ท่าน เป็นฝ่าบาทตั้งใจให้ท่านใช้มันเพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทยามตกอยู่ในอันตราย…”
หวงเจียหลงกล่าว
“หืม ช่วยข้างั้นเหรอ? หรือยันต์อมตะสื่อสารนี่มันส่งข้อมูลได้รวดเร็วถึงขนาดนั้นเลย?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่าคนของตระกูลราชวงศ์ที่นำยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้มามอบให้เขารวมถึงลูกแก้ววิญญาณของฮ่องเต้ฝูชิววันนั้น จะบอกเขาไว้แล้วว่าให้เขาใช้มันเพื่อขอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้ฝูชิวยามเกิดเรื่อง…
ทว่าต้วนหลิงเทียนคิดว่ากว่าความช่วยเหลือของฮ่องเต้ฝูชิวจะมาถึง ตัวเขาไม่พ้นคงเริ่มเย็นไปแล้วแน่นอน…
ด้วยเหตุนี้วันก่อนถึงแม้เขาจะเจอหลี่เวยที่มาดักฆ่า เขก็เลยไม่ได้ใช้มันแต่อย่างใด เพราะคิดว่ากว่าฮ่องเต้ฝูชิวจะได้รับแจ้งเรื่องราว ไหนยังกว่าจะมาช่วยเขาอีก ตอนนั้นไม่พ้นคงสายเกินการณ์!
อีกทั้งเขายังกลัวว่าหากใช้ยันต์อมตะสื่อสารออกมา ยังจะเป็นการกระตุ้นให้หลี่เวยรีบลงมือจนเขาตายเร็วขึ้นด้วยซ้ำ เขาก็เลยไม่ได้คิดจะใช้มันเลย
ประการที่สอง หากให้เทียบกับความช่วยเหลือหลังใช้ยันต์อมตะสื่อสารดังกล่าว กับอุปกรณ์อมตะจอมราชั้นสิ้นเปลือง เขาย่อมเชื่อมั่นในอย่างหลังมากกว่า
“ย่อมเร็ว!”
หวงเจียหลงกล่าวตอบเสียงดังฟังชัด “ยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้ หลังจากที่ท่านบดขยี้ใช้มัน ผู้ที่ท่านติดต่อจะรู้ตัวแทบจะทันที เพราะมันเป็นการส่งข้อความเจ้าผ่านรอยประทับวิญญาณโดยตรง”
“ยันต์อมตะสื่อสารนั่น ในตลาดมืดของประเทศฝูชิวเรายังขายกันในราคา 100 ผลึกอมตะระดับสูง ทว่ามักมีแต่คนซื้อไม่มีคนขาย…”
หวงเจียหลงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าปวดใจ “น้องต้วนหากวันหลังเจ้ามีเรื่องอะไรคิดติดต่อกับข้า หากเจ้าไม่สะดวกมาหาข้า ก็ให้หลิวก่วงหลินไปตามข้าเถอะ…อย่าได้ใช้ยันต์อมตะสื่อสารนั่นอีกเลย”
“อะไร?”
“ยันต์อมตะสื่อสารเมื่อครู่…มีราคา 100 ผลึกอมตะระดับสูงงั้นเหรอ?”
ได้ยินคำพูดของหวงเจียหลง ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะอึ้ง กระทั่งหลิวก่วงหลินที่อยู่ด้านหลังก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง ด้วยไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่ากับอีแค่ยันต์อมตะสื่อสารจะมีราคาสูงลิ่วขนาดนี้!
ผลึกอมตะระดับสูง 100 ชิ้น หากนำไปเปลี่ยนเป็นผลึกอมตะระดับกลาง ก็มีค่าถึง 10,000 ชิ้น
และต้องทราบด้วยว่า สายแร่ผลึกอมตะที่ประเทศฝูชิวครอบครองอยู่ ก็เป็นแค่สายแร่ผลึกอมตะระดับกลางเท่านั้น…
ปกติแล้วผลผลิตที่ได้ก็เป็นผลึกอมตะระดับกลางเสียเป็นส่วนใหญ่ นานๆทีถึงจะขุดเจอผลึกอมตะระดับสูง เรียกว่าหากเทียบสัดส่วนกันแล้ว ช่างน้อยนิดจนน่าเวทนา
“มิใช่ว่า…อุปกรณ์อมตะระดับขุนนาง ยังมีราคาแค่ 1,000 ผลึกอมตะระดับกลางหรือไร…เช่นนั้นหมายความว่ายันต์อมตะสื่อสารที่นายท่านพึ่งใช้เมื่อครู่ มีค่าเท่ากับอุปกรณ์อมตะระดับขุนนาง 10 ชิ้นหรอกหรือ?”
หลิวก่วงหลินกล่าวพึมพำด้วยสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ
มูลค่าของอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางในประเทศฝูชิวนั้น แทบจะไม่ต่างอะไรจากพื้นที่ชายแดนแม้แต่น้อย หลิวก่วงหลินก็ได้รับทราบเรื่องนี้หลังมาถึงประเทศฝูชิวได้สักพัก
“10 อุปกรณ์อมตะระดับขุนนาง?”
หวงเจียหลงพอได้ยิน ก็ส่ายหัวไปมาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่วงหลิน หากท่านไปตลาดมืด แล้วคิดใช้อุปกรณ์อมตะระดับขุนนางเพื่อแลกยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้ล่ะก็ เกรงว่าหากท่านไม่ควักอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางออกมาสัก 15 ชิ้น คงไม่มีใครคิดแลกกับท่านแน่…”
“เพราะยันต์อมตะสื่อสารประเภทนี้หายากกว่าอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางมาก…เพราะมันเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ค่ายกลอมตะมากฝีมือสร้างขึ้น ความเร็วในการส่งข้อมูลของมันแทบจะเหมือนกับการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยซ้ำ…”
“และเท่าที่ข้ารู้มา…ปรมาจารย์ค่ายกลอมตะที่จะสร้างยันต์อมตะประเภทนี้ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีความรู้ความสามารถพอๆกับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะหรือปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะระดับราชาอีกด้วย…”
“เพราะผู้ที่จะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะหรือปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะระดับราชาได้ อย่างไรก็ต้องเข้าใจถึงเรื่องอาคมและการจัดตั้งค่ายกลเสียก่อน…ไม่ว่าจะโอสถอมตะระดับราชาก็ดี หรืออุปกรณ์อมตะระดับราชาก็ดี ล้วนแล้วแต่มีศาสตร์แห่งค่ายกลชั้นสูงอันลึกล้ำแฝงอยู่ทั้งสิ้น”