War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2955
ตอนที่ 2,955 : สัตว์ขี่ของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้
“สำหรับเผ่าที่ผู้เฒ่าโม่จากมาก็นับว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน…และเผ่าที่อยู่เบื้องหลังผู้เฒ่าโม่ก็เรียกว่า เผ่าพญาอินทรีย์ขนดำ!”
“เผ่าพญาอินทรีย์ขนดำ ก็เหมือนกับเผ่าพยัคฆ์เหิน ภายในเผ่าได้จำแนกสายพันธุ์ต่างๆเอาไว้ และระดับพลังความเข้มแข็งก็เกี่ยวพันกับสายพันธุ์อย่างแยกไม่ออก”
“ผู้เฒ่าโม่นั้นเป็นอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกต หนึ่งในสายพันธุ์ของเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีสายพันธุ์ที่ต่ำกว่าอย่างพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรสีชาด พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรส้ม พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรเหลือง ซึ่งเป็นสัตว์อมตะระดับขุนนางขั้นกลาง ขั้นสูง แล้วก็ขั้นสูงสุดตามลำดับ”
“ส่วนสายพันธุ์ที่เหนือกว่าผู้เฒ่าโม่ก็จะเป็น พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรฟ้า พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรคราม และพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วง ซึ่งเป็นสัตว์อมตะระดับราชาขั้นกลาง ขั้นสูง และก็ขั้นสูงสุดตามลำดับ”
“และสถานะของพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงในเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำ ก็เทียบได้กับพยัคฆ์เหินลายทองเข้มของเผ่าพยัคฆ์เหิน นับว่าเป็นจ้าวของเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำก็ว่าได้…”
“อย่างไรก็ตามเนื่องจากพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงนั้น จัดเป็นสัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูงสุดทั่วไป แต่พยัคฆ์เหินลายทองเข้มเป็นถึงสัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูงสุดที่ค่อนข้างพิเศษ ทำให้ศักยภาพของพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงด้อยกว่าพยัคฆ์เหินลายทองเข้มอยู่บ้าง…ในเผ่าพันธุ์พญาอินทรีย์ขนดำ จึงไม่ค่อยมีตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะปรากฏตัวขึ้นให้เห็นมากนัก”
“หรืออย่างน้อยๆเท่าที่รู้…ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำของแดนสวรรค์ใต้ตอนนี้ ก็เป็นพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนหนึ่งที่มีระดับพลังราชาอมตะ 10 ทิศเท่านั้น และยังเป็นผู้นำเผ่าในปัจจุบันอีกด้วย”
“สำหรับสัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูงสุดที่ไม่มีอะไรพิเศษแล้ว คิดจะทะลวงให้ถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง และเท่าที่ข้าทราบมาทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้เราในปัจจุบัน ก็มีพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด! ทว่าพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนนั้นไม่ได้อยู่ในเผ่า!!”
“แต่ก็เป็นธรรมดาว่าถึงพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนนั้นจะไม่ได้อยู่ในเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำ…ทว่าก็สามารถลบคำปรามาสที่ผู้คนมักกล่าวว่าเผ่าพญาอินทรีย์ทมิฬขนดำไร้จอมราชันอมตะได้มากพอสมควร…และยังมีส่วนช่วยทำให้เผ่าพญาอินทรีย์ขนดำเจริญรุ่งเรืองขึ้นไม่น้อย เพราะการดำรงอยู่ของมันทำให้ไม่มีใครกล้าแตะต้องเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำอีกเลย”
กล่าวถึงจุดนี้หงเจียหลงก็หยุดลงครู่หนึ่ง
‘หืม มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ ไม่ได้เป็นสมาชิกเผ่า แต่กลับมีระดับพลังฝึกปรือเหนือกว่าผู้นำเผ่าที่สมควรมีทรัพยากรมากที่สุด แถมสะกดให้คนทั้งแดนสวรรค์ใต้ไม่กล้าแตะต้องเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำได้อีก?’
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหลือเชื่อ ในสายตาเขาเรื่องนี้มันค่อนข้างเกินจริงอยู่บ้าง
ในแดนสวรรค์ใต้กลับมีพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนหนึ่งที่บรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้ แต่ทว่าพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนนั้นกลับไม่ได้อยู่ในเผ่า?
แล้วทำอย่างไรถึงได้มีพลังอำนาจพอจะยืนหยัดได้ในสวรรค์แดนใต้จนไม่มีใครกล้าแตะต้อง?
“หรือพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนนั้น จะไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อะไรทำนองนั้น จนมีพลังเข้มแข็งถึงขั้นเหนือกว่าจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดทั้งมวล?”
ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา จึงเอ่ยถามออกไป
“ไม่!”
ทว่าหวงเจียหลงกลับปฏิเสธข้อสันนิษฐานนี้ของต้วนหลิงเทียนทันที “พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนนั้น อย่างไรก็เป็นแค่จอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด อาศัยพลังฝีมือของมัน ไม่เพียงพอจะปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือได้หรอก…”
“แล้วเพราะอะไรหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอน
“เป็นเพราะว่า…พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงตนนั้นมีฐานะที่ไร้ผู้ใดสั่นคลอนได้ในแดนสวรรค์ใต้! มันเป็นสัตว์ขี่ของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้!!”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หวงเจียหลงก็ค่อยๆกล่าวตอบออกไปชัดถ้อยชัดคำ!
และวาจาดังกล่าวของมัน หลังส่งตรงเข้าไปถึงหูต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากระเบิดลง ทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปพักหนึ่งกว่าจะหาย
พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรม่วงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดตนนั้น…เป็นสัตว์พาหนะของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้?
จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้คือผู้ใดน่ะหรือ?
นั่นคือจ้าวผู้ปกครองแดนสวรรค์ใต้!!
ในแดนสวรรค์ใต้นั้น มีจอมราชันอมตะสมญานามอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น…นั่นก็คือจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้!
จึงกล่าวได้ว่าภายในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้เพียงโบกมือก็เรียกลมฝนได้ตามใจ หนึ่งคำสั่งก็บันดาลให้เลือดเจิ่งนองเป็นสายธาร ล้านศพทับถมเป็นภูเขา…
แม้จะมียอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะคนอื่นดำรงอยู่ แต่ก็ยากที่จะขัดบัญชาของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ได้!
“มิน่าล่ะ…แบบนี้นี่เอง”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าที่แท้มันเป็นเรื่องราวอันใด “ในเมื่อเป็นถึงสัตว์พาหนะของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดของแดนสวรรค์ใต้ ไหนเลยยังจะมีใครกล้าแตะต้องเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำ…”
“กระทั่งกล้าล่วงเกินเผ่าพยัคฆ์เหิน แต่ไม่กล้าล่วงเกินเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำ! เพราะถ้าเป็นข้าก็คงไม่กล้าไปแตะต้องคนของเผ่าพญาอินทรีย์ขนดำสุ่มสี่สุ่มห้า…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำ
“ใช่”
หวงเจียหลงพยักหน้า
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็รับทราบ ว่าไม่ว่าจะเป็นอาไป๋หรือผู้เฒ่าโม่ ล้วนแล้วแต่มีขุมกำลังอันยิ่งใหญ่และทรงอำนาจไม่ใช่ชั่วอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
เป็นเพราะสาเหตุนี้ ทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่คิดจะแตะต้องคนของทั้ง 2 เผ่า จำต้องคิดให้มากเข้าไว้ คิดจะมีเรื่องมีราวอะไรกัน ก็ยังต้องไตร่ตรองทบทวนซ้ำสองรอบ!
หลังจากคุยถามเรื่องราวสัพเพเหระกับหวงเจียหลงต่ออีกสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็แยกตัวไปนั่งขัดสมาธิสงบจิตใจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มหยิบเตาหลอมโอสถอมตะระดับสูงออกมา เพื่อฝึกซ้อมทักษะหลอมโอสถอมตะต่อ
“นะ…น้องต้วน…นี่เจ้ายังมีความสามารถในการหลอมโอสถอมตะด้วยหรือ!?”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนที่นั่งเงียบไปพักหนึ่งอยู่ๆก็หยิบควักเตาหลอมโอสถอมตะออกมา สีหน้าหวงเจียหลงก็เต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยทันที
“หืม?”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังดึงดูดความสนใจจากหวงเหยี่ยนเฟยและไป๋กังเช่นกัน
หลิวก่วงหลินนั้น ล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงก็เลยไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร แต่ตัวมันก็เข้าใจดีว่าไฉนพวกหวงเจียหลงและคนอื่นๆถึงได้แลดูตกอกตกใจนัก
ต้องทราบด้วยว่าตัวมันเองก็พึ่งได้ทราบว่านายท่านผู้นี้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงไม่นาน อีกทั้งยามหลอมโอสถหลัวเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นโอสถอมตะระดับสูงที่หลอมยากหลอมเย็น อีกฝ่ายก็สามารถหลอมปรุงออกมาได้เป็นจำนวนมากในหนึ่งเตา ทีท่ายังแลดูสบายๆเหมือนกินข้าวดื่มน้ำ เรียกว่าตอนเห็นต้วนหลิงเทียยนหลอมโอสถหลัวเทียนเตาแรก มันยังหน้าเหวอไปปากอ้าค้างอยู่หลายสิบลมหายใจ!
ท่ามกลางสายตาชมมองมาด้วยความตกตะลึงทั้งไม่อยากจะเชื่อของหวงเจียหลง หวงเฟยเหยี่ยนและไป๋กัง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหยิบโอสถสมุนไพรออกมา และเริ่มต้นหลอมยาทันที
และหลังผ่านไปได้แค่ 2 เค่อ ต้วนหลิงเทียนก็จบสิ้นขั้นตอนอุ่นเตา จากนั้นผ่านไปไม่นานนักก็สามารถหลอมโอสถเสร็จแล้ว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!ฟุ่บ!
…
เมื่อเห็นโอสถสิบกว่าเม็ดพุ่งออกจากเตาหลอมโอสถมาลอยล่องอยยู่เหนือฝ่ามือต้วนหลิงเทียน หวงเฟยเหยี่ยน ไป๋กัง ทั้งหวงเจียหลงก็หยีตามองจ้องเรื่องราวอน่างแตกตื่น เรียกว่ากลางหน้าผากคล้ายมีคำตกตะลึงเขียนแปะเอาไว้…
“โอสถหลัวเทียน!”
กระทั่งผู้เฒ่าโม่ที่เหินร่างพาทุกคนเดินทาง ยังอดไม่ได้ที่จะหันมามองกล่าวอุทานด้วยความตกใจ เนตรสีมรกตกลมใหญ่ ฉายถึงความเหลือเชื่อให้เห็นชัด!
เพราะนี่นับเป็นครั้งแรกที่มันเห็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนหนึ่งสามารถหลอมโอสถหลัวเทียนได้มากมายขนาดนี้ในหนึ่งเตา กระทั่งเวลาที่ใช้หลอมยังเร็วกว่าที่มันรู้มามากโข!
กระทั่งปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางที่มันรู้จักมักคุ้น ยังห่างไกลจากการทำเวลาและมีอัตราความสำเร็จในการหลอมสูงถึงขนาดนี้!
“ให้ตายเถอะ โอสถหลัวเทียนเตานึง…หลอมได้เยอะขนาดนี้เลยหรือ?”
“เจ้าหนูผู้นี้…จะน่าทึ่งเกินไปแล้ว!!”
หวงเหยี่ยนเฟยกับไป๋กังถึงกับต้องหันหน้ามามองสบตากันอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะเห็นถึงความเหลือเชื่อในสายตากันและกัน
“น้องต้วน…ท่าน…นี่ท่าน…คงไม่ได้คิดจะหลอมโอสถเฉียนจินด้วยตัวเองหรอกนะ?”
หวงเจียหลงที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ค่อยเอ่ยถามออกมาเสียงสั่น
ในความคิดของมัน ด้วยความสามารถในการหลอมโอสถหลัวเทียนที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งแสดงให้เห็น น่ากลัวว่าต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางก็ต้องมีหน้าม้านกันไปบ้าง…!
เกรงว่าคงมีแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถหลอมโอสถหลัวเทียนได้รวดเร็วเท่าต้วนหลิงเทียน และมีอัตราความสำเร็จได้ถึงระดับนี้!
“ใช่ ข้าจะหลอมเอง”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
แม้ก่อนจะถามออกไปหวงเจียหลงก็พอจะเดาได้รางๆ ว่าไม่แน่ต้วนหลิงเทียยนอาจจะหลอมโอสถเฉียนจินด้วยตัวเอง แต่พอได้ยินคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียน ใจของมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวเต้นไปไม่เป็นจังหวะ!
ด้านหวงเหยี่ยนเฟยตอนนี้ ลูกตาก็หดเล็กลงแทบปิดอยู่รอมร่อ!
ก่อนหน้านี้ตอนฮ่องเต้ฝูชิวบอกว่าต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ต้องการให้ช่วยเรื่องติดต่อกับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่หลอมโอสถเฉียนจินได้ มันก็คิดไม่ต่างจากฮ่องเต้ฝูชิวว่าต้วนหลิงเทียนอาจมีคนรู้จัก และได้ติดต่อเอาไว้แล้ว
ทว่ามาตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนกลับพูดออกมากับปาก ว่าจะหลอมโอสถเฉียนจินด้วยตัวเอง!
ต้องทราบด้วยว่าโอสถเฉียนจิน ไม่ใช่อะไรที่หลอมกันได้ง่ายๆเลย!
ในบรรดาปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงนับหมื่นคน อาจไม่มีแม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำที่หลอมออกมาได้! และต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนาง ในร้อยคนก็ไม่แน่ว่าจะมีใครหลอมได้สักคนเช่นกัน!!
จะมีก็แต่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชาขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะรับประกันความสำเร็จในการหลอมโอสถเฉียนจินได้!
“เจ้าหนู…นี่เจ้าคิดจะหลอมโอสถเฉียนจินด้วยตัวเองจริงๆหรือ? เรื่องนี้เจ้ามิอาจล้อเล่นได้นา…”
ไป๋กังมองจ้องต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงทุ้ม “เจ้าสมควรรู้ดีว่าการไปประมูลไส้เดือนฝอยทองที่เมืองหลวงประเทศตันจี้ครานี้ ไม่พ้นต้องใช้ผลึกอมตะจำนวนมหาศาล…หากเจ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมาผลึกอมตะที่ใช้ประมูลไส้เดือนฝอยทองไม่หายไปกับสายลมแล้วหรือ…”
“ข้ารู้…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าอีกรอบ
“เจ้า…”
ในขณะที่ไป๋กังคล้ายจะพูดอะไรอีกรอบ กลับเป็นหวงเหยี่ยนเฟยที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลุกวาวเอ่ยถามออกมาเสียก่อน “เสี่ยวเทียน…เรื่องหลอมโอสถเฉียนจินเจ้ามีความมั่นใจเท่าใดว่าจักทำได้สำเร็จ?”
“มากกว่า 9 ส่วน…”
ขณะต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบ ดวงตาเขาก็ฉายแววมั่นมาดเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจออกมา!
“มากกว่า 9 ส่วน!!”
ไป๋กังกับหวงเฟยเหยี่ยนตกใจกับคำตอบของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย โดยเฉพาะไป๋กังถึงกับขมวดคิ้วเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนออกมาเสียงเข้มอีกรอบ “เจ้าหนู! เรื่องนี้เจ้ามิอาจล้อเล่นได้นา เจ้าอย่าทะลึ่งกล่าวคุยโวอันใดเชียว…หากเจ้าคิดล้อข้าเล่น ก็สารภาพมาเถอะข้าไม่โกรธเจ้าหรอก”
“อาไป๋ ข้าไม่มีวันพูดอะไรที่ข้าไม่มั่นใจออกมาหรอก”
ต้วนหลิงเทียนก็มองสบตาไป๋กังอย่างไม่นอบน้อมไม่ถือดี พลางกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด
“ดี ดีมาก! เช่นนั้นข้าจะรอดู!!”
เจอกับสายตามากล้นไปด้วยความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน แม้แต่ไป๋กังก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก นอกจากนี้โอสถเฉียนจินนั่น…กล่าวไปผู้ที่ต้องการรับประทานมันที่สุดก็คือตัวต้วนหลิงเทียนเอง หากพลาดก็เป็นตัวต้วนหลิงเทียนที่ต้องเสียดายกว่าใครเขา…
“เสี่ยวเทียน หากเจ้ามั่นใจว่าจะหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จถึงขนาดนี้…หลังเจ้าได้ไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวนั่นมา เช่นนั้นนอกจากเจ้าจะหลอมโอสถเฉียนจินกินเองเม็ดนึงแล้ว เจ้ายังสามารถหลอมโอสถเฉียนจินออกมาอีกเม็ด! เพื่อให้ประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงประมูลแข่งกัน…ใครให้ราคามากกว่าก็ขายให้ผู้นั้น!!”
หวงเฟยเหยี่ยนยิ้มกล่าว
ความมั่นใจในตัวเองของต้วนหลิงเทียน พลอยทำให้มันติดเชื้อไปด้วยอีกคน ยังทำราวกับมันได้เห็นฉากต้วนหลิงเทียนหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จแล้วอย่างไรอย่างนั้น…
โอสถเฉียนจินนั้นเป็นโอสถอมตะระดับสูงที่ค่อนข้างพิเศษกว่าโอสถอมตะระดับสูงใดๆ ต่อให้หลอมได้สำเร็จ หากแต่หนึ่งเตาก็ได้เพียงหนึ่งเม็ดยาเท่านั้น
และต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับจักรพรรดิมาเอง โอสถเฉียนจินเตาหนึ่งก็หลอมออกมาได้แค่หนึ่งเม็ดยาเช่นกัน
“เจ้าเมืองหวง…”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนคิดจะถามอะไรบางอย่างกับหวงเหยี่ยนเฟย แต่พอเห็นสีหน้าแววตาไม่พอใจของหวงเหยี่ยนเฟยเขาก็ตระหนักอะไรได้ จึงเปลี่ยนคำเรียกหาทันที “ลุงหวง”
“ถึงแม้ไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวอาจจะทำให้ข้าหลอมโอสถเฉียนจินได้ 2 เม็ด…แต่ข้ามีบุปผาวิญญาณลี้ลับแค่ดอกเดียวเท่านั้น เป็นดอกเที่ฝ่าบาทให้ข้ามานั่นล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขื่นขม “ต่อให้ท่านจะประมูลไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวนั่นมาได้…ข้าก็ต้องมีบุปผาวิญญาณลี้ลับอีกดอกเสียก่อนถึงจะหลอมกลั่นโอสถเฉียนจินได้อีกเม็ด”
การหลอมกลั่นโอสถเฉียนจินออกมา วัตถุดิบสมุนไพรที่หายากที่สุดก็คือไส้เดือนฝอยทองกับบุปผาวิญญาณลี้ลับเท่านั้น ส่วนวัตถุดิบสมุนไพรที่เหลือสามารถหาซื้อได้ตามร้านโอสถใหญ่ๆ ราคาก็ไม่ได้สูงอะไรมากมาย
“ฮ่าๆๆ…ข้าย่อมคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้ว!”
หวงเหยี่ยนเฟยหัวเราะออกมาด้ววยท่าทางถูกใจ จากนั้นก็สะบัดมือเบาๆคราหนึ่ง ก่อนจะปรากฏบางสิ่งผุดจากความว่างเปล่ามาลอยล่องเหนือฝ่ามือ “พอดีว่าข้าเองก็มีบุปผาวิญญาณลี้ลับอยู่ดอกนึง!”