War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3002
WSSTH ตอนที่ 3,002 : ร่วมทาง
ในระหว่างเดินทาง ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอผู้คนทั้งสิ้น 3 คน
หนึ่งในนั้นทันทีที่รับทราบว่าเขาอายุไม่ถึงร้อยปี มันก็เปิดฉากเข่นฆ่าใส่เขาทันที สุดท้ายจึงต้องสังเวยชีวิตคามือเขาแทน
ส่วนอีก 2 คนนั้น บังเอิญเห็นฉากตอนที่ต้วนหลิงเทียนประลองกับ เชวียจิงอวี่ องค์ชายรองของประเทศหนันฉี่ ทำให้พวกมันรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนดี
พวกมันก็เลยไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะต่อสู้ขัดขืนต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ ทำได้แต่ยอมรับชะตากรรมว่าต้องถูกฆ่าแน่แท้
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกมันไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มคิดเข่นฆ่าสังหารเข้ามาก่อน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีพวกมันเช่นกัน
เพราะสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว ตอนนี้การไปให้ถึงวังจอมราชันอมตะเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุด เพราะวังจอมราชันอมตะที่สมควรเป็นจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้สร้างทิ้งไว้นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีโอกาสดีๆรอเขาอยู่
หลังเร่งรุดเดินทางกว่าหนึ่งเดือน ต้วนหลิงเทียนที่โผล่พ้นเขตป่าทึบมาได้ ก็เผชิญหน้าเข้ากับที่ราบลุ่มทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ปานไร้ขอบเขต
กวาดตามองไปยังที่ทางเบื้องหน้านั้น นับว่ามันเป็นที่ราบทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่านัก จะเห็นก็แต่ภูเขาที่อยู่ไกลลิบๆ อีกทั้งไม่ใช่แนวเทือกเขาอะไร เป็นภูเขาที่ขึ้นอยู่โดดๆ ไม่ได้เรียงตัวติดกัน
“หืม?”
หลังมุ่งหน้าไปตามสัญญาณชี้นำอีก 3 วัน ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้ามาถึงเชิงเขาลูกหนึ่ง อีกทั้งพึ่งมาถึงตีนเขาได้ไม่ทันไร เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากขุนเขาเบื้องหน้า
เดิมทีต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่งแต่อย่างไร
ทว่าพอได้ยินเสียงหยิ่งผยองหนึ่งดังเข้าหู คิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขดย่นเป็นปม ร่างที่คิดผ่านเลยไปพลันหยุดชะงัก ทั้งเร่งหันกลับไปมองทิศทางต้นเสียง จากนั้นคนก็วูบไปดั่งภูตพรายหายไปบนเขาทันที
“หวงเจียเชา ตัวกระจอกเช่นเจ้าไหนเลยจะเป็นคู่มือข้าได้ ยังจะดิ้นรนหาสวรรค์วิมานอันใด!? รีบตกตายไปให้พ้นๆหน้าข้าเสีย!!”
เป็นเพราะเสียงวาจาผยองดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนจึงหยุดเดินทางและพุ่งร่างขึ้นเขาไปทันที
และไม่ทันไร เบื้องหน้าก็ปรากฏฉากผู้คน 2 คนที่กำลังไล่ฆ่ากันอยู่
หนึ่งในนั้นเห็นได้ชัดว่าอ่อนด้อยกว่าและทำได้แค่ดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสิ้นหวัง
ส่วนเจ้าของเสียงหยิ่งผยองก็ดังออกมาจากอีกคน ที่เป็นฝ่ายไลต้อนผู้คนอย่างสนุกสนาน
ผู้ที่ตกเป็นรองและกำลังจะถูกฆ่าตายนั้น หาใช่คนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียนไม่ แต่มันเป็นน้องชายของหวงเจียหลง หวงเจียเชา บุตรชายคนที่ 5 ของหวงเฟยเหยี่ยนเจ้าเมืองตู้อวิ๋นแห่งประเทศฝูชิว!
หลังวูบร่างมาถึงจุดหนึ่งบนเขา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดปกปิดร่องรอยแม้แต่น้อย กระทั่งยังจงใจแผ่กลิ่นอายยพลังกล้าแข็งนำไปก่อน
และเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันพลังที่อยู่ๆก็แผ่มาปกคลุมในบรรยากาศ ทั้ง 2 คนที่หนึ่งหนีตาย อีกหนึ่งไล่ฆ่าก็พร้อมใจกันหยุดลงทันที
“นะ…น้องต้วน!?”
หวงเจียเชานั้นเดิมทีคิดว่าหนึ่งชีวิตของมันต้องดับลงตรงนี้แน่แท้ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในห้วงเวลาคับขันเป็นตาย กลับมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาคลี่คลายวิกฤตหายนะ! แถมร่างดังกล่าวยังเป็นสหายของพี่ชายมันอีกด้วย!!
ทันใดนั้นใบหน้ามืดมิดอันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ก็กลับกลายเป็นสดใสด้วยรอยยิ้มร่า
วูบ!
ส่วนสีหน้าคนที่กำลังไล่ฆ่าหวงเจียเชาอยู่นั้นเปลี่ยนไปใหญ่หลวง เมื่อเห็นว่าหวงเจียเชากลับรู้จักกันกับคนที่พึ่งมาถึง
“น้องต้วน?”
และพอได้ยินคำอุทานทักด้วยยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดีของหวงเจียเชา ลูกตาที่จับจองผู้มาใหม่ของมันก็หดเล็กลงทันที “มัน…มันหรือว่าจะเป็นอัจฉริยะฝูชิว…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น!?”
“จะ…เจ้านั่นที่กระทั่งองค์ชายรองหนันฉี่ เชวียจิงอวี่ยังแพ้พ่ายไปอย่างง่ายดาย?”
พอฉุกคิดถึงจุดนี้ ชายในชุดแพรต่วนที่ไล่ฆ่าหวงเจียเชาอย่างสนุกมือ ก็หน้าซีดลงทันที ร่างยังเริ่มพร่าเลือนไปดังเงา ระเบิดความเร็วสูงสุดหมายหลบหนีไปให้ไกล!
ฟุ่บ!
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มชุดแพรต่วนแม้จะใช้ความเร็วชั่วชีวิตพุ่งร่างหนีไปแทบจะทันที แต่มันพึ่งไปได้ไม่ไกล เบื้องหน้าก็ปรากฏร่างหนึ่งผุดขึ้นมาขวางเอาไว้ปานภูตผี!
ร่างที่หยุดขวางมันแน่นอนว่าเป็นต้วนหลิงเทียนเอง
ถึงแม้ชายคนนี้จะไม่ได้หาเรื่องเขาก่อน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนที่คิดเข่นฆ่าน้องชายของหวงเจียหลงเพื่อนเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจปล่อยมันไปได้ง่ายๆ
“ตะ…ต้วนหลิงเทียน ขะ…ข้าท่านพวกเราล้ววนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใดๆต่อกัน เช่นนั้น…”
ชายหนุ่มนุชดแพรต่วนหรูหรามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงสั่นหน้าซีด ลูกตายังฉายแววหวาดผวาสุดใจ สองหมัดกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อ กระทั่งยังสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็นที่ชุ่มโชกเต็มฝ่ามือ
กระทั่งเชวียจิงอวี่ องค์ชายรองหนันฉี่ ก็ไม่ใช่ตัวตนที่มันจะตอแยด้วยได้แล้ว
ทว่าต้วนหลิงเทียนที่อยู่เบื้องหน้ามันตอนนี้ กระทั่งทุบตีองค์ชายรองหนันฉี่ผู้นั้นให้สิ้นท่าในกระบวนเดียวโดยไร้แม้แต่รอยขีดข่วน อีกทั้งเมื่อพินิจจากความเร็ววที่อีกฝ่ายวูบมาโผล่เบื้องหน้าปานผีสาง มันก็รู้ซึ้งไปถึงทรวงว่าพลังฝีมืออีกฝ่ายกล้าแข็งสุดที่มันจะตอแยด้วยได้ขนาดไหน…
อย่างไรก็ตามในขณะที่ชายหนุ่มในชุดแพรต่วนหรูหราคิดจะเจรจาอะไรกับต้วนหลิงเทียนนั้นเอง มือขวาต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดออกไปตามอำเภอใจ หากแต่ฉับไวปานฟ้าผ่า คว้าพลองที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า ทุบฟาไปยังศีรษะชายหนุ่มในชุดแพรต่วนจนแตกระเบิด ตายตกในบัดดล
เรียกว่าไม่ทันที่ชายหนุ่มชุดแพรต่วนจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด ศีรษะมันก็คล้ายแตงโมตกตึก แตกระเบิดคาพลองต้วนหลิงเทียนไปเสียแล้ว
เป็นธรรมดาว่าไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใดด้วยซ้ำ เพราะต่อให้มันมองเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนและเตรียมการรับมือเต็มที่ แต่มันก็ไม่มีพลังมากพอจะต้านทานหนึ่งพลองที่ฟาดทุบลงมานี้ของต้วนหลิงเทียนได้เลย
พลองที่ต้วนหลิงเทียนฟาดทุบออกไป แม้แลดูฟาดทุบออกไปส่งๆตามอำเภอใจ แต่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังเซียนอมตะที่ผสานเข้ากับพลังแห่งธาตุดิน ไหนจะยังมีวรยุทธ์อมตะราชันไม่เคลื่อนไหวกับปราณม่วงบูรพาอีก การโจมตีดังกล่าวจึงไม่ใช่อะไรที่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั่วไปจะต้านทานรับมือได้เลย…
“ท่านเป็นไรมากหรือไม่?”
หลังจบชีวิตชายหนุ่มในชุดแพรต่วนหรูหราและริบแหวนพื้นที่ของมันมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถามหวงเจียเชาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ข้าไม่เป็นไร”
หววงเจียเชากล่าวตอบด้วยยใบหน้าเปื้อนยิ้มโง่งม “แต่เกือบไปแล้วจริงๆ ดีที่น้องต้วนมาได้ทันเวลาและยื่นมือช่วยเหลือข้า…ไม่งั้นข้าได้ตายกลายเป็นผีคามือเซี่ยโหวจีนั่นแน่”
“เซี่ยโหวจี้?”
ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้าง “นี่พี่เจียเชารู้จักมันด้วยหรือ?”
มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็พึ่งนึกขึ้นได้ ว่าเป็นเพราะอีกกล่าวเชื่อหวงเจียเชาขึ้นมา เขาถึงได้มาที่นี่ ท่าทางอีกฝ่ายจะรู้จักกับหวงเจียเชามาก่อน
เพราะต่อให้มันไม่รู้จักหวงเจียเชามาก่อน แต่พึ่งจะมารู้จักหวงเจียเชาเอาตอนแนะนำตัวก่อนเข่นฆ่ากัน อีกฝ่ายก็คงไม่แลดูสะใจที่จะได้ฆ่าหวงเจียเชา โดยการกล่าววาจาทับถมซ้ำเติมผู้แพ้แบบนั้น
เพราะสุดท้ายแล้วคงเป็นไปไม่ได้เลย ที่สถานการณ์ของคนสองคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จะฟังเหมือนสะใจที่ได้ฆ่าผู้อื่นปานมีความเกลียดชังกันแบบนั้น
“ใช่ ข้ากับมันพวกเรารู้จักกัน”
หวงเจียเชาคลิ้มแห้งๆกล่าวเล่าเรื่องราวออกมา “ที่สำคัญพวกเรานับได้ว่ามีเรื่องบาดหมางกัน…แน่นอนว่าคนที่มันเคียดแค้นมากกว่าข้าก็คือท่านพี่ กล่าวไปก็เพราะมันมีเรื่องมีราวกับท่านพี่ ก็เลยพลอยเกลียดข้าไปด้วย…”
“มันมีเรื่องกับพี่เจียหลงรึ?”
คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้น เขาย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าท่านพี่ที่หวงเจียเชาเอ่ยถึงก็คือหวงเจียหลง
ถึงแม้ว่าหวงเจียเชาจะมีพี่ชายทั้งสิ้น 4 คน แต่นอกจากหวงเจียหลงแล้วคนอื่นๆก็อายุมากกว่าหลายร้อยปี และก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามประสาพี่น้องมากนัก ดังนั่นหวงเจียเชาจึงไม่เรียกอีกฝ่ายว่าท่านพี่อย่างสนิทสนมเช่นนี้แน่
มีแต่หวงเจียหลงเท่านั้น ที่หวงเจียเชาจะเรียกหาว่าท่านพี่ออกมาได้เต็มปาก
ในเมื่อหวงเจียหลงเป็นสหายที่ดีคนหนึ่งของเขา น้องชายสหายอย่างหวงเจียเชาเกิดเรื่อง เขาไหนเลยจะนิ่งดูดายไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้ เมื่อคิดส่งพระถังยังต้องพาไปส่งถึงชมพูทวีป เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงตัดสินใจพาหวงเจียเชาร่วมเดินทางไปด้วยกัน
“วังจอมราชันอมตะหรือ?”
ระหว่างเดินทางหวงเจียเชาก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับทราบเรื่องราวการคงอยู่ของวังจอมราชันอมตะจากต้วนหลิงเทียน เห็นได้ชัดว่ามันเองก็ไม่เคยรู้เรื่องวังจอมราชันอมตะมาก่อนเลย
“หากสะสมคะแนนครบ 10 แต้ม จะได้รับการชี้นำให้ไปยังวังจอมราชันอมตะงั้นเหรอ?”
หวงเจียเชาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็นึกเรื่องราวอะไรบางอย่างได้ออก “ข้าจำได้แล้ว…ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนยอดเซียนอมตะบางคนที่กลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำถึงได้ลืมเลือนเรื่องราวบางอย่างไป กระทั่งได้รับของล้ำค่ามา แต่ดันไม่รู้ว่าได้มาจากไหนหรือได้มาอย่างไร”
“และไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนถึงไม่มียอดเซียนอมตะหรือใครล่วงรู้ว่าต้องเก็บคะแนนให้ครบ 10 แต้ม…”
“ดูเหมือนว่าภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณจะมีพลังอำนาจจากค่ายกลบางประการที่สามารถลบความทรงจำของผู้ที่ได้คะแนนตั้งแต่ 10 แต้มขึ้นไป…”
หวงเจียเชากล่าว
“ยิ่งไปกว่านั้นข้าว่าคงไม่แค่ลบความทรงจำของผู้ที่ได้คะแนนตั้งแต่ 10 แต้มขึ้นไปเท่านั้น…แต่ความทรงจำของผู้ที่เคยติดต่อกับคนที่ได้คะแนนตั้งแต่ 10 แต้มขึ้นไปก็สมควรถูกลบออกไปด้วย! อย่างเช่นตัวข้า หากรอดกลับออกไปได้ น่ากลัวว่าความทรงจำเรื่องวังจอมราชันอมตะที่ได้ฟังจากน้องต้วนอาจจะถูกลบหายไป”
หวงเจียเชากล่าวสันนิษฐาน “หาไม่แล้วข้าสามารถนำเรื่องที่ท่านบอกข้าไปบอกเล่าให้ผู้อื่นรับทราบต่อได้…ทว่าตั้งแต่ในอดีตทุกคราที่แดนลับเปิดออก กลับไม่มีใครออกมาเล่าเรื่องนี้เลย ทั้งๆที่เหตุการณ์สมควรดำเนินไปในลักษณะนี้มาตลอด ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้ข้าเดาไม่ผิดแน่!”
“อืม สิบในสิบสมควรเป็นดั่งท่านว่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
“พี่เจียเชา ว่าแต่ตอนนี้ท่านมีกี่คะแนนแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามหวงเจียเชา
“แค่ 3 เอง…แหะๆ”
หวงเจียเชาคลี่ยิ้มออกมาราววตัวโง่งมอีกครั้ง “ข้าโชคดีพบเจอยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่มีพลังฝีมือทั่วๆไป 2 คน…หลังจากฆ่าทั้งคู่แล้ว ข้าก็เลยได้คะแนนสะสมของพวกมันมา 2 แต้ม”
หวงเจียเชากล่าวตอบ จากนั้นก็หันไปถามต้วนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้ “แล้วน้องต้วนเล่า ท่านมีกี่แต้มแล้วหรือ?”
“ข้า? เดิมทีข้ามี 16 แต้มก่อนที่จะฆ่าเจ้านั่น…”
พอได้ยินคำถามของหวเจียเชา ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบพลางแผ่สำนึกเทววะไปตรวจวสอบคะแนนในป้ายหยกสะสมคะแนนีท่เขาห้อยแขวนไวว้บริเวณเอวทันที “ตอนนี้ข้ามี 21 แต้มแล้ว”
“คิดไม่ถึง…ว่าเจ้านั่นจะมีถึง 5 แต้ม”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
ถึงแม้หวงเจียเชาที่เอ่ยถามออกไปจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว แต่มันก็ยังตกใจกับคะแนนที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งบอกไม่น้อย ด้วยคิดไม่ถึงจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะมีคะแนนสะสมถึง 21 แต้มแล้ว!
“หากเป็นเช่นนั้น เกิดเมื่อครู่เซี่ยโหวจี้ฆ่าข้าได้ มันก็จะมีคะแนนสะสม 8 แต้ม…โชคร้ายที่มันดวงกุดมาเจอกับน้องต้วนเข้า”
กล่าวถึงจุดนี้หวงเจียเชาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มองจ้องไปที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง “น้องต้วนข้ารู้ว่าท่านสนิทกับท่านพี่จึงยื่นมือช่วยข้าเพราะเห็นแก่ท่านพี่ และการช่วยเหลือข้าก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้หนักแรงอะไรสำหรับท่าน…”
“อย่างไรก็ตามข้าหวงเจียเชาจะจดจำบุญคุณช่วยชีวิตครั้งนี้ของท่านเอาไว้ไม่มีวันลืม และภายภาคหน้าข้าต้องหาโอกาสตอบแทนท่านให้จงได้!”
หวงเจียเชากล่าวด้วยสายตาแน่วแน่
เมื่อเห็นแววตาแน่วแน่ของหวงเจียเชา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะเกรงใจอะไร เพียงยิ้มให้อีกฝ่ายบางๆ
“จริงสิพี่เจียเชา…ถึงท่านจะไปวังจอมราชันอมตะกับข้าด้วยแบบนี้ แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าคิดจะเข้าไปในวังจอมราชันอมตะจำต้องมีคะแนนสะสมสูงถึงกำหนดรึเปล่า…เอาแบบนี้เถอะ ต่อไปข้าจะฆ่าคนที่พบเจอโดยสังหารมันให้ใกล้ๆท่าน คราวนี้ท่านจะได้มีคะแนนสะสม 10 แต้มขึ้นไป”
หลังจากเดินทางไปต่ออีกสักพัก ต้วนหลิงเทียนที่ฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ก็หันไปกล่าวบอกหวงเจียเชา
“เอ่อ…เช่นนี้จะดีหรือ? ข้าจะรับคะแนนของคนที่ท่านฆ่าได้อย่างไร?”
ถึงแม้ใจหวงเจียเชาจะหวั่นไหวไม่น้อย แต่มันก็เลือกจะส่ายหัวปฏิเสธออกมา “น้องต้วน ข้ารู้ว่าท่านคิดช่วยเหลือข้า…แต่ข้ายังหวังให้ท่านได้ ‘อันดับที่ 1’ ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้”
“เอาตามที่ข้าว่านี่ล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวยืนกรานออกมาอีกคำ ทั้งวาจายังไม่เหลือช่องให้หวงเจียเชาปฏิเสธใดๆ ทำให้หวงเจียเชาได้แต่ยิ้มแหยๆราวตัวโง่งมออกมาอีกรอบ แต่ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งตื้นตันไม่น้อย
การเดินทางหลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไร้ซึ่งความปราณีใดๆ เนื่องจากคิดจะรวบรวมคะแนนสะสมให้หวงเจียเชา
กล่าวได้ว่าแม้จะเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก และอีกฝ่ายไม่ได้เปิดฉากจู่โจมเข้าใส่เขากับหวงเจียเชาก่อน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ลงมือสังหารทิ้งทันทีที่เจอ และยังเลือกจะซัดอีกฝ่ายให้ตายตอนอยู่ใกล้หวงเจียเชามากกว่า
หลังจากฆ่าไปแค่ 2 คน คะแนนสะสมของหวงเจียเชาก็มีถึง 10 แต้มในที่สุด
“น้องต้วน ข้าก็ได้รับการชี้นำแล้วเช่นกัน”
หลังได้คะแนนสะสมครบ 10 ก็หันไปบอกต้วนหลิงเทียนทันที
“เอาล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
อย่างไรก็ตามแม้คะแนนของหวงเจียเชาจะได้ครบแล้ว แต่การเดินทางหลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ยังคงไร้ปราณีต่อผู้ใดอยู่ดี พบเจอผู้ใดก็ฆ่าไม่ถามไถ่ จึงได้รับคะแนนสะสมมาเพิ่มบางส่วน
อย่างไรเสียคนที่เลือกจะเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้ ก็คือผู้ที่พร้อมจะฆ่าคนและถูกผู้อื่นฆ่ามาเรียบร้อยแล้ว ในใจเขาย่อมไม่มีความรู้สึกผิดอะไรทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนนั้น ในห้วงเวลาสุดท้าก่อนที่สติมันจะดับลงตลอดกาล พวกมันไม่เพียงแต่สิ้นหวังเท่านั้น แต่ยังเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เลือกตัดสินใจเข้ามาที่นี่
เพราะต้วนหลิงเทียนร้ายกาจเกินไป พวกมันแค่เห็นหน้าแต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ก็ถูกเข่นฆ่าราวผักปลาเสียแล้ว…