War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3019
อย่างไรก็ตามแม้มูลค่าของอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณจะทัดเทียมกับเกราะอมตะระดับราชา หากทว่าผู้ที่มีเกราะอมตะราชา จะไปหาแลกเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางนั้น คงเป็นไปไม่ได้
เพราะต่อให้เป็นเกราะอมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงโดยจอมราชันอมตะ ก็ยังไม่อาจหาแลกเครื่องรางคุ้มกันระดับขุนนางได้ด้วยซ้ำ!
นั่นเพราะเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางหายากเกินไป แถมไม่เพียงยากที่จะหลอมสร้างขึ้นมาได้ แต่วัตถุดิบเฉพาะที่ต้องใช้หลอมมันนั้น เรียกว่าหาได้ยากเย็นอย่างยิ่ง!
สำหรับพลังอำนาจของเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณ ก็สามารถต้านทานการโจมตีทางวิญญาณใดๆที่มีระดับต่ำกว่าขุนนางอมตะได้อย่างสมบูรณ์!
เรียกว่าหากเป็นการโจมตีทางวิญญาณต่ำกว่าขอบเขตขุนนางอมตะ ต่อให้จะเป็นการโจมตีทางวิญญาณที่แฝงไปด้วยพลังจากความลึกซึ้งความหมายแห่งกฏ ยังสามารถป้องกันได้อยู่
แต่หากผู้ที่โจมตีแตกฉานความลึกซึ้งของกฏบางประการถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว ก็คงยากที่จะป้องกันเอาไว้ได้
ส่วนพลังของน้ำพิฆาตวิญญาณนั้น มันก็แค่เทียบได้กับการโจมตีทางวิญญาณของขุนนางอมตะที่ไม่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏเท่านั้น ทำให้แค่เครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางก็สามารถต้านทานได้อย่างง่ายดาย กระนั้นนั่นก็ไม่ใช่อะไรที่เกราะอมตะระดับราชาจะต้านทานได้เลย!
ด้วยเหตุนี้ มูลค่าของเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนาง จึงค่อนข้างสูงกว่าเกราะอมตะระดับราชามาก แม้จะเป็นเกราะอมตะระดับราชาที่จอมราชันอมตะใช้พลังหล่อเลี้ยงขัดเกลามาแล้วก็ตาม!
“เจ้าหนู เจ้ามีอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางพกติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”
เมื่อตงฟางจิ่นหลุนมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาละโมบ ทุกผู้คนก็ตระหนักได้ทันทีว่าตงฟางจิ่นหลุนบังเกิดความสนใจในเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณของต้วนหลิงเทียนขึ้นมาแล้ว
“ทำไม? เจ้าอยากได้รึ?”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องตงฟางจิ่นหลุนเขม็ง พลางเอ่ยถามเสียงเบา
“ส่งเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางนั่นมาให้ข้าเสีย จากนั้นข้าไม่เพียงแต่จะไว้ชีวิตเจ้า แต่ข้ายังจะคุ้มครองเจ้าให้รอดกลับออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณแห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย”
ตงฟางจิ่นหลุนกล่าว
ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้านั้นยังมีอายุไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำ สำหรับมันอีกฝ่ายไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรเลย
ให้ถอยไปหมื่นก้าว ต่อให้อีกฝ่ายจะเข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏ 2 ประการ มันก็ไม่จำเป็นต้องกลัว!
“เครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางแม้จะมีมูลค่า แต่มันก็คงไม่มีค่าเท่าหนึ่งชีวิตของเจ้ากระมัง”
ตงฟางจิ่นหลุนเอ่ยออกมาอีกครั้ง สองตายังฉายแววแหลมคม เผยเจตนาฆ่าฟันออกมาชัดเจน
“ไม่ผิด”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวอย่างเห็นด้วย “อย่าว่าแต่เครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางเลย ต่อให้เป็นของที่มีค่ามากกว่านี้ ก็ยังไม่มีค่าอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าหนึ่งชีวิต…เพราะสุดท้ายมันก็แค่ของนอกกายชิ้นหนึ่ง”
“โฮ่? ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องนี้ดีแล้วเช่นนั้นก็ประเสริฐ! รีบมอบเครื่องรางงนั่นมาให้ข้าเสีย! หากชักช้าจนข้าลงมือ ถึงตอนนั้นเจ้าคิดจะเสียใจก็คงไม่ทัน!!”
ตงฟางจิ่นหลุนเย้ยเยาะ
ถึงแม้ในสายตาของตงฟางจิ่นหลุน มันจะสามารถฆ่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าได้อย่างง่ายดาย และสามารถชิงสิ่งของใดๆในตัวอีกฝ่ายมาได้ไม่ยาก
แต่หากมันเลือกได้ มันก็ไม่คิดจะเข่นฆ่าใครในวังจอมราชันอมตะมั่วซั่ว
ใครจะไปรู้ล่ะ เกิดมันฆ่าชายหนุ่มชุดม่วงแล้วพอดีมีคนตายครบกำหนด จนแดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดออกอีกครั้งให้คนรีบกลับ มันจะทำอย่างไรล่ะ?
เพราะสุดท้ายแล้วเงื่อนไขในการเปิดออกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำก็ชัดเจนนัก นั่นก็คือมีคนตายครบ 7 ส่วนของผู้ที่เข้ามา!
ดังนั้นหากเลือกจะไม่ฆ่าได้ มันก็ไม่คิดฆ่าคน เพราะมันไม่อยากด่วนออกจากวังจอมราชันอมตะเร็วนัก ยังอยากไปแสวงหาโชคและโอกาสทั้งหลายที่รอคอยมันอยู่ในวังจอมราชันอมตะ
ในสายตาของตงฟางจิ่นหลุนแล้ว แม่ในร่างของชายหนุ่มชุดม่วงอาจจะมีของดีอย่างอื่นอีก แต่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เพราะมันคงไม่ขาดของเหล่านั้น ที่มันสนใจก็มีแต่เครื่องรางคุ้มกันวิญญาณของอีกฝ่ายเท่านั้น
“งั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาลงพลางเอ่ยออกด้วยรอยยิ้มบางๆ “ถ้างั้นให้ข้าดูหน่อย ว่าเจ้าจะทำอย่างไรถึงทำให้ข้าคิดเสียใจก็สายเกิน”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ พลังในร่างต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหวตามห้วงคิด จิตสังหารที่คล้ายหลับใหลไปเนิ่นนานก็เสมือนได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ในเมื่อเจ้าเบื่อชีวิตคิดอยากตายนัก ข้าจักสงเคราะห์ให้!”
ตงฟางจิ่นหลุนไม่คิดเลยจริงๆว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าจะเพิกเฉยคำขู่ของมัน! หน้ามันจมลงโดยพลัน จากนั้นพลังเซียนอมตะที่ผสานไปด้วยสายฟ้าสีม่วงก็เริ่มลุกโชนขึ้น!!
ซู่มม!!
วินาทีต่อมา ดาบเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือตงฟางจิ่นหลุน จากนั้นคนก็คล้ายกลับกลายเป็นสายฟ้าเส้นใหญ่ ฟาดผ่าไปทางต้วนหลิงเทียน!
ตงฟางจิ่นหลุนที่ชักดาบเข่นฆ่าเข้ามา คนดาบให้สภาวะดุร้ายน่าเกรงขามนัก! เห็นชัดว่ามันไม่ได้ลงมืออย่างขอไปที!!
ถึงแม้มันจะไม่คิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงจะสร้างปัญหาอะไรให้มันได้ แต่ยามลงมือมันกลับใช้ออกด้วพลังทั้งหมด ไม่มีคำว่าประมาทแม้แต่น้อย!
พอทุกคนเห็นตงฟางจิ่นหลุนมีเรื่องกับต้วนหลิงเทียน กระทั่งเปิดฉากเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ พวกมันก็ชมดูเรื่องราวด้วยความลุ้นระทึกทันที!
ทว่าฉากเรื่องราวในสายตาของพวกมัน อยู่ดีๆก็อุบัติเรื่องประหลาดขึ้น ร่างต้วนหลิงเทียนที่ลอยล่องอยู่นั้น อยู่ๆก็ปรากฏรังสีกระบี่พวยพุ่งออกมาเปล่งประกายหลากสีสัน มีทั้งม่วงครามน้ำเงินเขียวเหลืองแสดแดง พวกมันเริ่มควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง อันฉาบคลุมไปด้วยพลังสีกากี สีทอง ทั้งไอพลังสีม่วงอีกชั้น!
ฟั่ฟฟฟ!!
ทันใดนั้นเอง เสียงหอนกระบี่หนึ่งก็ดังขึ้นกรีดหู! อีกเสียงดังกล่าวยังชวนให้ผู้คนใจสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ แม้ลำแสงกระบี่หลากสีสันดังกล่าวจะไม่ได้เพ่งเล็งมาที่พวกมันก็ตาม!
“นี่มัน…”
สองตาทุกคนไม่อาจไม่เบิกโพลง ยังท่วมท้นไปด้วยความสยดสยอง! เนื่องเพราะตงฟางจิ่วหลุนที่เดิมพุ่งเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนฉับไวปานเส้นสายอัสนีนั้น พอพุ่งมาถึงกลางทางร่างมันก็ชะงักกลางหาวเล็กน้อย! เป็นหว่างคิ้วของมันถูกกระบี่หลากสีที่พุ่งไปปานลำแสงเจาะทะลวงผ่านไปในพริบตา!!
อีกทั้งกระบี่หลากสีดังกล่าวไม่ว่าพุ่งผ่านไปที่ใด ความว่างเปล่าก็ยังคงสงบไร้ระลอกประหนึ่งย่ำหิมะไร้รอยเท้า! ยามปะทะกับม่านพลังดาบที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังสายฟ้าอันฉาบคลุมกายของตงฟางจิ่นหลุนเมื่อครู่ มันก็ทะลวงผ่านไปได้อย่างง่ายดาย คล้ายไม่ได้เจออุปสรรคขวางกั้นใดๆ!
พรูด!
หลังกระบี่หลากสีสันที่พุ่งไปดั่งลำแสงนั่น ทะลวงเจาะหว่างคิ้วตงฟางจิ่นหลุนแล้ว โลหิตก็พุ่งทะลักออกมาเป็นเส้นสาย กลิ่นอายพลัง ทั้งเส้นสายอัสนีใดๆที่แล่นวาบแปลบปลาบอยู่รอบตัวตงฟางจิ่นหลุนก็เริ่มดับหายไปจนหมด
สองตาของตงฟางจิ่นหลุนอันเต็มไปด้วยคววามดุร้ายก่อนหน้า บัดนี้กลับกลายเป็นไร้ประกายดั่งปลาตาย หากแต่ร่างคนยังเหินทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนตามแรงเฉื่อย…
ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นมาสะบัดเบาๆดั่งปัดแมลงวัน ซัดพลังฝ่ามือขุมหนึ่งออกไปหยุดร่างตงฟางจิ่นหลุนไม่ให้เข้าใกล้ปนรังเกียจ จากนั้นก็แผ่พุ่งพลังไร้สภาพไปดูดรั้งดาบอมตะพร้อมแหวนพื้นที่ในมืออีกฝ่าย ไม่เว้นเกราะอมตะที่ตงฟางจิ่นหลุนสวมใส่ มาเก็บไว้เป็นของตัวเอง
ตูมมม! ซ่า!!
จนเมื่อร่างตงฟางจิ่นหลุนร่วงตกลงน้ำพิฆาตวิญญาณเบื้องล่างทั้งจมหายไปแล้ว ผู้คนถึงค่อยทยอยกันได้สติกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
ตอนนี้นอกจากสีหน้าของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ยังคงสงบแล้ว คนอื่นๆไม่เว้นอัจฉริยะของด่านน้ำแข็งยะเยือกอย่างโอวหยา ก็พากันมองต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นตระหนก!
“กระบี่เล่มนั้นมัน…”
โอวหยามองจ้องกระบี่หลากสีสันที่เหินย้อนกลับมาอยู่ในมือต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ในแววตายังฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ “การลงมือของมันเมื่อครู่ ไม่ว่าจะกลิ่นอายพลังจากวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังอย่างดีก็แค่ระดับราชา นอกจากนั้นพลังแห่งกฏที่มันใช้ หากข้าสัมผัสไม่ผิดก็มีแต่พลังจากความลึกซึ้งอย่างความหมายแห่งดิน…”
“ที่มันสามารถสังหารตงฟางจิ่นหลุนได้อย่างง่ายดาย…ล้วนอาศัยพลังอานุภาพของกระบี่ประหลาดเล่มนั้น!”
“กระบี่เล่มนั้น…ใช่อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันหรือไม่?”
“ไม่! ต่อให้เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน อาศัยปฏิกิริยาตอบสนองและพลังฝีมือของตงฟางจิ่นหลุน เมื่อครู่มันย่อมสามารถหลบหลีกได้ทัน อย่างน้อยๆก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด มิใช่ตกตายไปอย่างไม่รู้ตัว…”
“มันเป็น…จักรพรรดิ…กระบี่อมตะระดับจักรพรรดิ!?”
จากนั้นเมื่อพบว่ากระบี่หลากสีสันในมือต้วนหลิงเทียนค่อยๆกลับกลายเป็นลำแสงหลากสี จากนั้นก็วูบหายเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียน ลูกตาโอวหยาก็หดหยีลงแทบปิด สีหน้าแววตาฉายชัดถึงความตกใจเหลือเชื่ออันยากอธิบาย!
เพราะเท่าที่นางรู้ ต่อให้เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน ก็ไม่อาจหลอมรวมผสานเข้าร่างผู้คนได้แบบนั้น
มีแต่อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิอย่างเดียว ที่ทำอะไรแบบนั้นได้!
“นี่มัน…”
“นั่น…คือ”
…
ในขณะที่โอวหยาแลเห็นกระบี่หลากสีสันในมือต้วนหลิงเทียน กลับกลายเป็นรังสีแสงก่อนจะวูบหายเข้าร่างต้วนหลิงเทียนไป หลายคนที่ตระหนักได้ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรก็เบิกตากว้างปากอ้าค้าง หนังศีรษะกลับกลายเป็นชาด้าน!
โอสวรรค์!
พวกมันเห็นอะไรอยู่กัน!?
กระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้สังหารตงฟางจิ่นหลุนเมื่อครู่ สามารถหลอมรวมเข้าร่างผู้คนได้ ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย!
“เกิดอะไรขึ้น? กระบี่นั่นไฉนอยู่ๆก็หลอมรวมเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียนได้เล่า?”
“นั่นมันอาวุธอมตะระดับใดกัน!? เป็นอาวุธอมตะระดับจอมราชันรึ?!”
“ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดหลอมรวมอาวุธเข้าร่างตัวเองแบบนี้มาก่อนเลย…แล้วอาวุธนั่นมันหลอมรวมเข้าร่างผู้คนได้อย่างไร หรือต้วนหลิงเทียนคนนั้นได้เปิดโลกใบเล็กภายในกายแล้ว?”
“เหลวไหล! ต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเท่านั้น มันที่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะไฉนจะสามารถเปิดโลกใบเล็กภายในกายได้? ”
“แล้วตกลงมันยังไงกันแน่เล่า?”
…
หลายคนพากันตกใจยกใหญ่ เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนที่ยังเป็นยอดเซียนอมตะคนหนึ่ง กลับทำให้กระบี่หลากสีนั่นผสานเข้าร่างตัวเองได้! พวกมันไม่อาจเข้าใจได้จริงๆว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไร!!
“ถึงแม้ขุนนางอมตะจะสามารถเปิดโลกใบเล็กภายในกายได้ แต่ก็ไม่มีใครคิดเก็บอาวุธคู่กายไว้ในนั้นหรอก…เพราะคิดจะเรียกอาวุธตัวเองออกมาจากโลกใบเล็กภายในกาย มันค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวายกว่าเก็บไว้ในแหวนพื้นที่มาก”
ชายยวัยกลางคนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตื่นตระหนก หว่างคิ้วขดย่นเป็นปม เอ่ยออกมาเสียงหนัก “ที่สำคัญด่านพลังต้วนหลิงเทียนก็ยังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเท่านั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดโลกใบเล็ก เพื่อซ่อนอาวุธแบบนั้นได้”
“อย่างไรก็ตามเท่าที่ข้ารู้มา ยังมีอาวุธอมตะประเภทหนึ่งที่สามารถผสานหลอมรวมเข้ากับร่างกายผู้ใช้ได้แบบนี้…และนั่นคืออุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของชายวัยกลางคนไม่เพียงแต่จะดังขึ้นผิดปกติ ยังสั่นเครือไปชัดเจน!
อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!
และวาจาดังกล่าวของชายวัยกลางคน พอดังเข้าหูเชวียจิงอวี่กับคนอื่นๆ ที่ไม่รู้จักลักษณะพิเศษของอาวุธอมตะระดับจักรพรรดิ ก็ทำให้พวกมันตกตะลึงอึ้งไปอยู่นาน ขณะเดียวกันร่างของพวกมันก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!?
สำหรับพวกมันแล้ว อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิเป็นอะไรที่อยู่ห่างไกลแสนไกล กระทั่งในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่พวกมันเข้ามาครั้งนี้ 3 นิกาย 2 ตระกูลก็ไม่มีปัญญาหาอุปกรณ์อมตะจอมราชันมาใส่ไว้ให้พวกมันช่วงชิงด้วยซ้ำ
อุปกรณ์อมตะรดับจักรพรรดินั่น ยังเป็นอะไรที่อยู่เหนืออุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันไปอีก กวาดตามองไปทั่วแดนสวรรค์ใต้ทั้งหมด น่ากลัวว่าอาจจะมีเพียงแค่ไม่กี่ชิ้น
แต่ตอนนี้ กลับมีชิ้นหนึ่งมาปรากฏอยู่ในมือต้วนหลิงเทียน!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…มันเป็นผู้ใดในโลกกันแน่!?”
ในฐานะคนที่เคยประมือกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน เชวียจิงอวี่ย่อมดึงสติกลับมาได้ก่อนใคร พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใจมันก็สะท้านไปอย่างแรง
เป็นยอดเซียนอมตะผู้หนึ่ง แต่กลับถือครองอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!
ก่อนที่จะมาเห็นฉากเรื่องราวก่อนหน้ากับตา ให้คนมาพูดเรื่องนี้จนปากฉีก หรือตีมันให้ตาย…มันก็ไม่มีวันเชื่อ!
เพราะแม้แต่ทายาทสายเลือดหลักของจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ จ้าวผู้ปกครองแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ น่ากลัวจะยังไม่มีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิไว้ใช้ด้วยซ้ำ!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้เป็นใครมาจากไหนกันแน่…ไฉนมันถึงมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิได้!?”
“ให้ตายเถอะ…ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!?”
“อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ…ข้าไม่คิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้ข้าจะมีโอกาสได้เห็นมันกับตา!”
…
จากนั้นหลายๆคนก็ทยอยกันคืนสติ
“อุปกรณ์อมตะรดับจักรพรรดินั่นของมัน…คงมิได้มาจากวาสนาสถานภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณแห่งนี้หรอกนะ?”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งคาดเดา
และข้อสันนิษฐานของมันก็ถูกคนอื่นคัดค้านอย่างแรงทันที!
“เจ้าฝันไปหรือ! อย่าพูดถึงแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำแห่งนี้เลย ให้เป็นระดับกลางหรือระดับสูง ก็ไม่มีทางมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิให้ผู้คนพบเจอได้!”
“อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดินั่น กระทั่งจอมราชันอมตะสมญญานามอย่างจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ของพวกเรา จะมีใช้หรือไม่ก็ไม่รู้ มันเป็นดั่งสมบัติที่พบพานด้วยโชควาสนา แสวงหามิอาจพานพบ!!”