War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3064
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
ท่ามกลางความว่างเปล่า แว่วเสียงเสียดแก้วหูดังขึ้นระรัว เส้นด้ายสีเงินที่มันตวัดฟันฟาดออกมา ไม่เพียงซัดคลื่นพลังสะบั้นเข่นฆ่านำมาเท่านั้น ยิ่งมายิ่งก่อเกิดคมมีดสายลมมากขึ้นเรื่อยๆ!
คมมีดสายลมดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าควบแน่นก่อเกิดจากพลังธาตุลม และมันก็คือพลังจากความลึกซึ้ง ‘คมมีดสายลม’ หนึ่งในความลึกซึ้งที่มุ่งเน้นการโจมตีเป็นหลักของกฏแห่งลม!
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้
เพราะความว่างเปล่าเบื้องของนักฆ่าที่กำลังตวัดเส้นด้ายสีเงินซัดคลื่นสะบั้นทั้งก่อเกิดคมมีดสายลมไม่หยุดนั้น เริ่มบิดเบือนปั่นป่วนอย่างรุนแรง สายลมทั่วหุบเขาเสมือนหลั่งไหลมาควบรวม จากนั้นก็อุบัติเป็นพายุใต้ฝุ่นลูกหนึ่ง คมมีดสายลมทั้งคลื่นสะบั้นเองก็เริ่มม้วนวนกลมกลืนเข้าไปกับพายุดังกล่าว!!
ไม่ทันไร ด้วยพายุที่ก่อตัวทั้งคมมีดสายลมสีเขียวที่ม้วนวนไปกับพายุ ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่อาจแลเห็นร่างของนักฆ่ากะโหลกเลือดด้านหลังพายุได้อีกต่อไป!
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ตอนนี้พายุพร้อมด้วยคมมีดสายลมรวมถึงคลื่นพลังสะบั้นอันน่ากลัว ได้ปิดกั้นทัศนวิสัยระหว่างต้วนหลิงเทียนกับนักฆ่ากะโหลกเลือดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ที่สำคัญพายุใต้ฝุ่นดังกล่าวยิ่งมายิ่งขยายใหญ่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ!!
“นี่มัน…ความลึกซึ้ง ‘พายุ’ ของกฏแห่งลม!!”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนบัดนี้ฉายความเคร่งเครียดถึงขีดสุด
เพราะถึงตอนนี้ นักฆ่ากะโหลกเลือดเบื้องหน้า ได้ใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งลมออกมาทั้งสิ้น 6 ประการเข้าไปแล้ว!!
ธาตุลม ลมกรด ควบรวมสายลม สะบั้น คมมีดสายลม และสุดท้ายก็เป็นพายุ!
หากไม่นับรวมความหมายแห่งลม กล่าวได้ว่าคนผู้นี้ได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมได้ถึง 5 ประการแล้ว!
“ไอ้หนู แม้เจ้าจะใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง แต่อย่างไรเจ้ามันก็แค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดกระจ้อยร่อยคนหนึ่งเท่านั้น การที่เจ้าได้ตายด้วยการโจมตีอันทุ่มพลังทั้งหมดของข้าแบบนี้ เจ้าสมควรภูมิใจได้แล้ว!”
นักฆ่ากะโหลกเลือดกล่าวจบ ร่างก็โจนทะยานเข้าสู่พายุมหาประลัยเบื้องหน้าทันที ไม่ได้สนใจคลื่นพลังสะบั้นพร้อมด้วยคมมีดสายลมอันน่ากลัวแม้แต่น้อย!!
“ลงมือเต็มกำลัง?”
ได้ยินคำพูดของนักฆ่ากะโหลกเลือด ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายคิดจะลงมือปะทะเข่นฆ่ากับเขาโดยตรงแล้ว
นอกจากอาวุธประหลาดที่มีลักษณะเป็นด้ายสีเงินที่แผ่กลิ่นอายดุจเดียวกับอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ผ่านการขัดเกลาจากจอมราชันอมตะ อีกฝ่ายยังได้ปลดปล่อยพลังความลึกซึ้งของกฏแห่งออกมาถึง 6 ประการ!
ต้องทราบด้วยว่า ความลึกซึ้งทั้งหมดของกฏแห่งลมนั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 9 ประการ และนักฆ่าผู้นี้กลับเข้าใจความลึกซึ้ง 6 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว…
มองไปทั่วแดนสวรรค์ใต้ ผู้ที่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏใดๆได้ครบ 9 ประการนั้น แม้ทั้ง 9 ประการที่เข้าใจจะเป็นแค่ขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น แต่ก็นับว่ามีอยู่น้อยคน!
ความลึกซึ้งทั้ง 9 ประการของกฏใดกฏหนึ่งนั้น การเข้าใจความลึกซึ้งไม่กี่ประการนับว่าไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
แต่ทว่าความลึกซึ้งหลังๆ ยิ่งมาจะยิ่งยากเข้าใจ!
เนื่องจากความลึกซึ้งบางกระการ มันมีบางจุดที่ขัดแย้งกันเอง มีเพียงต้องเข้าใจถึงจุดสมดุลระหว่างความลึกซึ้งที่ขัดแย้งกันแล้วเท่านั้น ถึงจะเข้าใจความลึกซึ้งดังกล่าวได้
และการที่ราชาอมตะ 6 ผสานคนหนึ่ง สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมได้ถึง 6 ประการ ก็นับว่าเป็นอะไรที่หาได้ยากไม่น้อย!
“ไอ้หนู ยอมรับความตายเสีย!!”
เสียงตะคอกคำอำมหิตของนักฆ่ากะโหลกเลือดดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด!
และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงตะคอกอำมหิตดังขึ้น พายุใต้ฝุ่นอันหอบหิ้วพลังมหาประลัยดังกล่าวก็พัดกรรโชกไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง! ความเร็วของมันยังรวดเร็วเหนือกว่าความเร็วในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนเสียอีก แม้จะไม่เหนือกว่ามากมายอะไรก็ตามที!
หากต้วนหลิงเทียนเลือกที่หลบหนีด้วยความเร็วในตอนนี้ เขาก็ยังพอหนีได้พักหนึ่ง!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจประคองความเร็วระดับนี้ได้นานนัก เพราะพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศของเขามันมาจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง
เมื่อพินิจจากสถานการณ์ในปัจจุบัน และระดับพลังที่ใช้ประคองสภาวะความเร็วสูงสุด ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ชัดเจน ว่าเขาสามารถรักษาสภาวะสูงสุดนี่ได้แค่ 30 ลมหายใจเท่านั้น! เมื่อครบแล้วด่านพลังของเขาสมควรถดถอยไปอยู่ที่ขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก!!
ถึงตอนนั้นความเร็วของพายุมหาประลัยนั่น จะกลายเป็นเหนือกว่าเขามาก สุดท้ายแค่พริบตาเดียวก็คงพัดโถมเข้ามาฮุบกลืนปั่นร่างเขาจนแหลกเป็นเศษเนื้อ!!
“ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจักรักษาระดับพลังเซียนอมตะในตอนนี้ได้นานแค่ไหน…แต่ข้าเชื่อว่าภายใน 50 ลมหายใจเจ้าได้ตายแน่!!”
เมื่อพายุใต้ฝุ่นพัดกรรโชกเข้าใส่ร่างต้วนหลิงเทียน นักฆ่ากะโหลกเลือดที่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนเลือกจะเปลี่ยนทิศทางเป็นฉากหลบล่าถอย ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
‘ข้าไม่อาจปล่อยให้พลังเสียไปโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้ได้นาน…หาไม่แล้วอีกไม่ถึง 30 ลมหายใจข้าได้ตายแน่’
ต้วนหลิงเทียนที่ประคองสภาวะพลังสูงสุด เหินร่างฉับไวพุ่งหนีไปในหุบเขา พยายามรักษาระยะห่างจากพายุใต้ฝุ่นมหาประลัยนั่นให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าเขาสามารถรักษาความเร็วสูงสุดได้แค่ 30 ลมหายใจเท่านั้น หลังจากผ่านไปครบ 30 ลมหายใจระดับพลังในร่างของเขาก็จะถดถอยลงไปขั้นหนึ่ง!
พายุใต้ฝุ่นกรรโชกพัดมาอย่างเกรี้ยวกราด ส่งเสียงคำรามน่ากลัวสะท้านหุบเขา นอกเหนือจากความหมายแห่งลมแล้ว พายุใต้ฝุ่นลูกนี้ยังอัดแน่นไปด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึง 5 ประการ!
‘ด้วยระดับพลังในร่างของข้า ถ้าใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ก็ไม่ยากที่จะทำลายกระบวนท่าสังหารของมัน…ทว่าหลังจากทำลายกระบวนท่ามันได้แล้ว ระดับพลังในร่างข้าไม่พ้นต้องตกฮวบลงไปอยู่ที่ขอบเขตราชาอมตะ 8 ชะตา กระทั่งอาจจะถดถอยลงไปมากกว่านั้น’
‘ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าจะทำลายกระบวนท่ามันได้ก็จริง แต่มันที่สมควรไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย คิดจะฆ่าข้าคงกลับกลายเป็นเรื่องราวอันง่ายดายแล้ว’
เมื่อเผชิญกับพายุใต้ฝุ่นมหาประลัยที่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนห้วงเวลามันไหลผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ขณะเดียวกันเขาก็สูดได้ถึงกลิ่นอายความตายที่คืบคลานใกล้เข้ามาทุกขณะ
“ทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล…คราวนี้พวกเราทั้ง 3 คนต้องร่วมมือกันแล้วล่ะ ไม่งั้นเจ้าหนูนี่ดับอนาถแน่!”
เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นภายในร่างของต้วนหลิงเทียน และเสียงกล่าวของมันยังจริงจังทั้งตึงเคียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้าย่อมรู้”
เสียงทองเทพสุดลี้ลับดังขึ้นขานรับ ยังหนักอึ้งไม่น้อย
“เจ้าหนู เจ้าทุ่มสมาธิทั้งหมดไปกับการโจมตีเถอะ เล็งจุดตายเพื่อดับชีพมันให้ได้ในกระบวนเดียว…ตอนนี้พวกเรามีโอกาสลงมือเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”
ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนเสียงเครียด
“เจ้าอย่าได้ร้อนรนไป…ความเร็วของเจ้าตอนนี้มิได้ด้อยกว่ามันมากมายอะไร คิดจะเล็งจุดตายของมันยังไม่ใช่เรื่องยาก”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่ตระหนักว่ามือที่กอบกุมกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเริ่มกระชับแน่นผิดจากที่เคย ก็เร่งกล่าวปลอบออกมา “นอกจากนั้น หากมันเห็นว่าเจ้าเลือกจู่โจมสวนเข้าไป มันย่อมคิดว่าเจ้ากำลังจักดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อสู้แค่ตาย มันที่ชะล่าใจย่อมไม่มีทางคิดหลบหนีกระบวนท่าสิ้นหวังอย่างโง่งมของเจ้าแน่!!”
“และกว่ามันจะรู้ตัวว่าผิดท่า และตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของกระบี่เจ้าหลังได้ทองเทพสุดลี้ลับฉาบเคลือบให้ในห้วงเวลาเป็นตาย…ก็สายไปแล้ว!”
เสียงกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินรอบนี้ เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด
“การปะทุพลังสังหารครานี้เรียกว่า ‘ทุบหม้อจมเรือ’ แม้เจ้าจะฆ่ามันได้ และมีพลังของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินปกป้องร่างกาย แต่เจ้าไม่พ้นต้องเจ็บหนักแน่นอน”
ตอนนี้เองเพลิงเทพโกลาหลยังกล่าวเสริมออกมาอีกว่า “หลังเจ้าใช้กระบวนท่าสังหารฆ่ามันได้แล้ว ให้พยายามรวมรั้งพลังที่เหลือทั้งหมดลงสู่เกราะอมตะ เพื่อป้องกันผลพวงจากการโจมตีที่เหลืออยู่”
ได้ยินคำพูดของเหล่าเทพแห่งธาตุในร่างทั้ง 3 ใจต้วนหลิงเทียนก็ปั่นป่วนเล็กน้อย แต่ก็สามารถสงบสติลงได้แทบจะทันที
เสมือนคลื่นทะเลที่กำลังปั่นป่วนคุ้มคลั่ง อยู่ๆกลับกลายเป็นสงบลงในชั่วพริบตา
ที่ไฉนต้วนหลิงเทียนสามารถครองสติและสงบอารมณ์ได้ดีขนาดนี้ เพราะในอดีตเขาผ่านห้วงแห่งความเป็นตามามากแล้ว
เขาย่อมรู้ดีแก่ใจว่ายิ่งตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตายมากเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือครองสติและสงบจิตใจให้ได้มากที่สุด ผลลัพธ์ของเรื่องนี้เรียกว่าสามารถตัดสินได้เลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป! คนที่เสียสมาธิและไม่อาจครองสติได้ มักจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ตกตายเสมอ!!
ฟุ่บบบ!!
ในสายตาของนักฆ่ากะโหลกเลือดที่กำลังขับเคลื่อนพายุใต้ฝุ่นมหาประลัย พบว่าร่างที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงอันพุ่งหนีไปปานดาวตกนั้น อยู่ดีๆก็หยุดลงกลางหาว!
ยิ่งไปกว่านั้นเปลวเพลิงที่ลุกโชนท่วมร่างของอีกฝ่าย ยังมอดดับลงชั่วขณะ จนเผยให้เห็นร่างชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่ด้านใน จากนั้นพร้อมกันกับที่คนหันหลังกลับมามวลเพลิงก็ปะทุลุกโชนขึ้นอีกครา ที่สำคัญยังพุ่งเข้ามาทางมัน!!
ซู่มมมม!!
ฟู่มมมม!!
…
เปลวเพลิงลุกโชนทะยานข้ามฟ้าแผดเผาบรรยากาศเข้ามาเร็วรี่ มองไปยังเห็นคลื่นความร้อนกำจายออกไปดั่งระลอกคลื่น ความว่างเปล่าตามรายทางที่ร่างเพลิงพ้นผ่าน ปรากฏไฟลุกติดพรึ่บอยู่ครู่หนึ่งค่อยดับลง
หากมีใครเหินร่างผ่านมายังหุบเขาแห่งนี้ คงเห็นได้ชัดเจน
ว่าภายในหุบเขาปรากฏดวงเพลิงลุกโชนสว่างจ้าลูกหนึ่ง กำลังพุ่งสวนเข้าใส่พายุใต้ฝุ่นสีเขียวเปี่ยมพลังทำลายล้างด้วยสภาวะปานดาวตก!
“หึ! ไอ้หนู ในที่สุดเจ้าก็เลิกดิ้นรนอย่างสูญเปล่าแล้วรึ?”
นักฆ่ากะโหลกเลือดพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น มุมปากค่อยๆยกยิ้มแสยะเย้ยหยัน
ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเปลวไฟในตะเกียงสิ้นน้ำมัน ที่พยายามลุกโชนขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดับมอดลง…เรียกว่านี่เป็นดั่งการโจมตีอันสิ้นหวังที่ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย!!
และในเมื่อตัวมันเองก็กระจ่างแจ้งในความแข็งแกร่งทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนแล้ว เช่นนั้นมันยังต้องกลัวอันใด?
ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะเป็นแค่ยยอดเซียนนอมตะขั้นสูงสุด แต่ด้วยพลังของอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองอีกฝ่ายจึงถือครองพลังขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ ทว่าความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟที่เข้าใจก็มีแค่ 3 ประการเท่านั้น….
และในสายตาของมัน ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีอุปกรณ์อมตะระดับราชาและเกราะอมตะระดับราชาที่ผ่านการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะมาแล้วก็เท่านั้น เพราะมันเองก็มีเช่นกัน ส่วนนี้จึงไม่ถือว่าส่งผลอะไรทั้งสิ้น
ครืนนนน!!
ฟู่มมม!!
…
พายุใต้ฝุ่นคงพัดไปด้วยสภาะวะพลังดุร้ายเกรี้ยวกราด ฝุ่นดินหินทรายต้นไม้ใบหญ้าตามรายทางบัดนี้ถูกพลังมหาประลัยป่นปี้ทำลายจนแหลกไม่มีชิ้นดี กระทั่งห่างออกไปจากรัศมีทำลาย อาศัยแค่แรงลมก็สร้างความฉิบหายให้บุปผาน้อยใหญ่ ทั้งต้นไม้ที่ไม่เติบโตมากนัก ต่างกระเด็นปลิดปลิวไปทั้งรากทั้งโคน จะมีก็แต่ต้นไม้ใหญ่ราวๆ 5-8 คนโอบไกลๆเท่านั้นที่ยังยืนหยัดค้านทานสายลมวิปริตเอาไว้ได้
นอกจากนั้นผนังผาโดยรอบก็ปรากฏร่องรอยเชือดเฉือนปริแตกแยกร้าว หน้าดินถล่มลงวุ่นวายไปหมด ฝุ่นละอองธุลีคลีปลิวว่อนฟุ้งขจรไปทั่วหุบเขา!
“มันอยู่ใจกลางพายุเลย…”
“ข้าเห็นตัวมันแล้ว…หากเข้าไปใกล้ๆ คิดจะเพ่งเล็งจุดตายของมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
เมื่อเปลวเพลิงที่ห่อหุ้มคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเริ่มสัมผัสกับวงนอกของพายุใต้ฝุ่น เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่เคี่ยวกรำเข้ามา พาลให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกอยู่บ้าง
ขณะเดียวกันพลังของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็เริ่มหลั่งไหลออกมาผสานเข้าร่าง กลมกลืนไปกับเปลวเพลิงสีแดง ช่วยลดแรงกดดันให้เขาไม่น้อย
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
พายุใต้ฝุ่นมหาประลัยกับดาวตกเพลิงปะทะหักหาญกันเช่นนี้ ย่อมก่อเกิดเป็นแรงระเบิดอันน่าพรั่นพรึง มวลอากาศโดยรอบยังแตกระเบิด ก่อเกิดคลื่นกระแทกทั้งคลื่นลมวิปริตพุ่งกวาดซัดทำลายไปทั่วทุกสารทิศ หุบเขาที่โดนคลื่นกระแทกพัดกวาด ก็ถล่มทลายประหนึ่งบังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เสียงอึกทึกคึกโครมกระหึ่มขึ้นไม่หยุดปานทัพม้ายาตรา
ในเวลาเดียวกัน
“ทางด้านนั้นเหมือนจักมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง!”
ห่างออกไปจากหุบเขาทางทิศตะวันออกหลายร้อยลี้ ซุนเหลียงเผิงที่กำลังเหินร่างปูพรมค้นหาต้วนหลิงเทียนอยู่ พลันชะงักร่างหยุดลงกลางหาว และหันขวับไปมองยังขอบฟ้าไกลตา อันเป็นทิศทางเดียวกันกับที่ตั้งหุบเขามืดมิด
ถึงแม้ว่าแรงสั่นสะเทือนจากการปะทะจะแผ่ขยายมาไม่ถึงจุดที่มันอยู่ไม่มากนัก แต่มันก็ยังพอจับสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่าง ทั้งได้ยินเสียงระเบิดที่แว่วดังมาแต่ไกล ทำให้มันเดาได้ไม่ยากว่าเบื้องหน้าไกลห่างทิศทางนี้ กำลังเกิดการปะทะของพลังอันรุนแรงขึ้น!!
“เป็นที่นั่นไม่ผิดแน่!!”
สีหน้าซุนเหลียงเผิงฉายความตึงเครียดมากกังวล ร่างคนพุ่งทะยานตัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุด มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่บังเกิดการปะทะรุนแรงดังกล่าวเร็วไว “ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องอดทนเอาไว้…รอข้าก่อน!!”
“ทางนั้น!”
ในขณะที่ซุนเหลียงเผิงกำลังเหินตัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุด น้องรองของมันอันเป็นชายหนุ่มชุดคลุมเขียว ก็คืนร่างเดิมกลับกลายเป็นสัตว์อมตะรูปลักษณ์เสมือนเหยี่ยวภูเขาตัวเขื่อง จากนั้นก็เร่งโฉบทะยานตัดฟ้าไปด้วยความเร็วจนร่างเขื่องกลับกลายเป็นเงาเลือน!
“ดูเหมือนทางนั้นจักมีการปะทะอะไรบางอย่าง!”
“ไป! ไปกันเร็วเข้า!!”
“การปะทะดูเหมือนจะอยู่ห่างออกไปไกลไม่ใช่เล่น…แต่กลับส่งผลกระทบมาถึงตรงนี้ สองคนที่ประมือกันอยู่ย่อมมีพลังฝีมือมิใช่ชั่วแน่ น่าจะเป็นนักฆ่ากะโหลกเลือดกับต้วนหลิงเทียน!!”
…
เหล่าอาวุโสของนิกายอมตะเป้าผู่ที่ออกมาช่วยตามหาต้วนหลิงเทียนบางส่วน พอจับสัมผัสความเคลื่อนไหวรุนแรงจากที่ไกลๆได้ ก็เร่งมุ่งหน้าไปยังหุบเขาที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ทันที!!