War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3110
อารามตกใจกับเรื่องราวที่อุบัติขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนหยุดจ่ายพลังวิญญาณไปประคองสภาพโลกใบเล็กชั่วขณะ
อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะเผลอหยุดจ่ายพลังวิญญาณไปประคองสภาพ หากแต่กระบวนการสร้างโลกใบเล็กกลับดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น ถึงขั้นที่ดำเนินการต่อไปด้วยความเร็วที่เหนือล้ำกว่าเดิม!
โลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนยังคงถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลหลั่งไหลออกจากชีพจรสวรรค์ 99 สายไปเองราวกับโดนบางอย่างควบคุม และพวกมันก็ช่วยให้ต้วนหลิงเทียนสร้างโลกใบเล็กได้ดียิ่งขึ้น
“นี่มัน…เป็นเพราะกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ!”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบว่า
กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพแต่เดิมที่เพียงทิ่มแทงรากไปยังโลกใบเล็ก บัดนี้มันได้ไปอยู่กลางห้วงมิติภายในโลกใบเล็กที่ยังสร้างขึ้นไม่เสร็จดีของเขาแล้ว แถมรากยังเริ่มยืดยาวออกมาชอนไชเบื้องล่าง
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ใต้กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพบัดนี้ ได้ปรากฏผืนดินขึ้นมาอย่างฉงน! และผืนดินดังกล่าวยังมีแสงสีเขียวอาบไล้ไปทั่ว!!
แสงสีเขียวอาบไล้ผืนดินไม่นาน ก็เริ่มปรากฏหญ้าผุดขึ้นเรียงรายแลดูประหนึ่งทุ่งหญ้า นอกจากนั้นอยู่ๆบุปผานานาพรรณก็เริ่มงอกเงยขึ้นมาจากทุ่งหญ้าดังกล่าว พริบตาก็มีนับร้อยๆสายพันธ์ เบ่งบานอย่างพร้อมเพรียง แลดูงดงามเหลือเกิน
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมแลเห็น ว่าแสงสีเขียวที่อาบไล้ไปทั่วนั้น มันสาดส่องออกมาจากกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ
ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 สาย ก็เริ่มแผ่เข้ามาเติมเต็มห้วงมิติในโลกใบเล็กของเขา ทำให้โลกใบเล็กที่ว่างเปล่าร้างพลังวิญญาณฟ้าดินเมื่อครู่ เริ่มท่วมท้นไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินทันที
จากนั้นขุนเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งก็ราวกับจะผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า ต่อมาก็แผ่ขยายใหญ่โตห้อมล้อมชายขอบห้วงมิติของโลกใบเล็กจนทำให้จุดศูนย์กลางห้วงมิติประหนึ่งอยู่ในหุบเขา จากนั้นบนยอดเขาก็เริ่มปรากฏสายธารไหลรินลงมา พร้อมต้นไม้เขียวขจีที่เริ่มเติบโตขึ้นมาตั้งตระหง่านในเวลาชั่วพริบตา
ผ่านไปไม่นานนัก บัดนี้ขุนเขาดังกล่าวก็อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยความเขียวขจี จากนั้นสายธารที่ไหลรินบนแนวอดเขาก็ไหลมารวมกันที่หน้าผาแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เกิดเป็นน้ำตกงดงามตระการตา มวลน้ำของน้ำตกก็เริ่มหลั่งไหลไปรวมังที่แห่งหนึ่ง ก่อเกิดเป็นทะเลสาบเล็กๆภายในหุบเขา
ภายในทะเลสาบที่น้ำใสกระจ่างก็ค่อยๆปรากฏหินหลากสีสันขึ้นที่ก้นทะเลสาบอย่างอัศจรรย์
“นี่มัน…”
วินาทีต่อมาต้วนหลิงเทียนยังเห็นอีกว่า
บนสนามหญ้าภายในหุบเขา เริ่มปรากฏร่างเล็กๆขึ้นจากความว่างเปล่า เป็นนกและสัตว์ป่าตัวเล็กตัวน้อย พวกมันเริ่มโผบินทั้งวิ่งเล่นไปในหุบเขาอย่างมีความสุขราวสถานที่แห่งนี้คือแดนเซียน นับว่าทำให้ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงอึ้งไปโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามทั้งวิหกและสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ก็พร้อมใจกันหลีกเลี่ยงกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ตั้งตระหง่านกลางหุบเขา
“ดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมด สมควรเกิดจากกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ…”
ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ไม่ยากว่าความเปลี่ยนแปลงอัศจรรย์ภายในโลกใบเล็กของเขาเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพอย่างแยกไม่ออก
“เย่! สำเร็จแล้ว!!”
ทันใดนั้นอยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินโพล่งดังขึ้นอย่างดีใจ
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้วว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่เดิมฝังอยู่ในต้นแขนของเขา ได้ผละออกจากตรงนั้นและพุ่งเข้ามายังโลกใบเล็กของเขาที่ยังสร้างไม่เสร็จ
อย่างไรก็ตามดูจากความเสถียรภาพของมัน เกรงว่ากระบวนการสร้างโลกใบเล็กของเขาคงสิ้นสุดลงในเวลาไม่นาน
หลังจากปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเคลื่อนมาถึงโลกใบเล็ก มันก็เริ่มควบรวมพลังชีวิตสร้างร่างมนุษย์ขึ้นมาทันที รูปลักษณ์ยังเป็นเด็กชายตัวน้อยอายุราวๆ 2-3 ขวบ รูปร่างเจ้าเนื้อ แก้มจ้ำม่ำสีอมชมพูแลดูหมั่นเขี้ยวน่าหยิกนัก
อย่างไรก็ตามแม้จะก่อสร้างร่างมนุษย์ขึ้นมาแล้ว แต่ร่างมนุษย์ของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็แลดูเสมือนภาพมายา ราวกับหมอกกลุ่มหนึ่งที่อาจกระจัดกระจายสลายหายไปได้ง่ายๆหากต้องสายลมเบาๆพัดพา
“เจ๋ง! เยี่ยมไปเลย! พลังชีวิตในโลกใบเล็กจากกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพนี่มีมากพอให้ข้าสร้างร่างมนุษย์ได้แล้ว!”
เด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่กลางหุบเขาและจับจ้องมองไปยังกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพไม่ไกล พยักหน้างึกๆแลดูพึงพอใจถึงขีดสุด
ซูว! ซูวว!!
หลังเด็กชายตัวน้อยปรากฏตัวขึ้นในหุบเขา ก็มีร่างอีก 2 ร่างค่อยๆก่อตัวขึ้นมา
และเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้แต่แรกว่าทองเทพสุดลี้ลับ กับเพลิงเทพโกลาหลในร่างเขาได้เริ่มเคลื่อนย้ายเข้ามายังโลกใบเล็กที่สร้างไม่เสร็จดีของเขา
ทองเทพสุดลี้ลับได้ก่อร่างเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทอง ใบหน้ามันเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลา หว่างคิ้วแผ่พุ่งความเคร่งขรึมจริงจัง ไม่ขาดสง่าราศี
เพลิงเทพโกลาหลก็ได้ควบรวมพลังก่อร่างเป็นชายชราในชุดคลุมสีแดงเพลิง รูปร่างสูงใหญ่ หว่างคิ้วปรากฏปานรูปเปลวเพลิงโดดเด่น แลดูมากอำนาจบารมี สองตาฉายชัดถึงความมากประสบการณ์
อย่างไรก็ตามดุจดั่งเด็กชายตัวน้อย จะชายวัยกกลางคนในชุดคลุมสีทองก็ดีหรือชายชราในชุดคลุมสีแดงเพลิงก็ดี ร่างกายของทั้งคู่ก็แลดูเสมือนเงาเลือนดั่งภาพมายา
“ท่านทั้งหลาย ผู้ใดบอกข้าได้บ้างว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนทนความอยากรู้ไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงเอ่ยถามทั้ง 3 ออกไปตรงๆ
“ฮ่าๆๆ เจ้าหนู เจ้าโชคดีจริงๆ พึ่งจะเปิดสร้างโลกใบเล็กแท้ๆ แต่เจ้ากลับได้รับการยอมรับจากกิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพจนมันหยั่งรากลงในโลกใบเล็กของเจ้าแล้ว”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่บัดนี้กลายเป็นเด็กชายตัวน้อยไปแล้ว หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานพลางกล่าวตอบ “ก่อนอื่นเลยเจ้าต้องรู้ว่าเรื่องแบบนี้โอกาสเกิดขึ้นมันน้อยแสนน้อย…ต่อให้เป็นเจ้าที่มีชีพจรสวรรค์ยังมีโอกาสเกิดขึ้นไม่ถึง 3 ส่วนด้วยซ้ำ”
“แล้วสิ่งนี้มันมีประโยชน์อย่างไร?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา เพราะสิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุดก็คือมันมีประโยชน์อะไรกับเขากันแน่
“ประโยชน์แน่นอนว่ามี!”
เด็กน้อยกล่าวออกเสียงดัง ยังเชิดหน้าขึ้นวางมาดราวมหาปราชญ์ตัวจิ๋ว “กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพหยั่งรากลงในโลกใบเล็กของเจ้าแบบนี้ นอกจากทำให้เส้นทางสู่ผู้แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าพบพานอุปสรรคน้อยลงแล้ว มันยังจะช่วยให้เจ้าเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้แน่นอน!”
“ก่อนหน้าหากเจ้าคิดจะทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิต แม้กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพจะยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว แต่เจ้าก็ยังต้องพึ่งตัวเอง…ทว่าตอนนี้กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพไม่เพียงแต่จะยอมรับเจ้าเป็นนาย มันยังเลือกจะลงหลักปักฐานในโลกใบเล็กของเจ้า ทำให้ต่อให้ตัวเจ้าจะไม่สนใจทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิตเลย แต่ภายใต้พลังชีวิตมหาศาลที่อุดมอยู่ในโลกใบเล็กของเจ้า วันหนึ่งเจ้าก็จะเข้าใจมันไปตามธรรมชาติ!”
“กระทั่งตราบใดที่เจ้ามีชีวิตอยู่นานพอ ให้เจ้านั่งๆนอนๆทั้งวันเจ้าก็จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งชีวิตทั้งหมดได้แน่นอน…ที่สำคัญความลึกซึ้งทั้งหมดของกฏแห่งชีวิตของเจ้า สักวันจะเข้าใจถึงความสำเร็จขั้นตอนยิ่งใหญ่ไปเอง!!”
“แต่เป็นธรรมดาว่ามันต้องใช้เวลานานมากๆเลยทีเดียว…”
“แต่ถ้าเจ้าไม่รอให้เข้าใจไปเองหรือไม่อยากเสียเวลานานขนาดนั้น เจ้าก็สามารถริเริ่มทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิตด้วยตัวเอง และความเร็วในการทำความเข้าใจของเจ้า ก็จะไม่น้อยกว่าความเร็วในการทำความเข้าใจกฏของธาตุทั้ง 5 ยามได้รับความช่วยเหลือจากพวกเราเลย”
เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็กๆกล่าวออกมารวดเดียวจบคำ พอมันพูดจบสองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที
เขาไม่คิดเลยว่าการที่กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพเลือกจะมาหยั่งรากลงในโลกใบเล็กของเขา มันจะให้ผลประโยชน์เลิศล้ำขนาดนี้!
“เจ้าหนู ตอนนี้เจ้ารีบฉกฉวยโอกาสตอนกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพสร้างโลกใบเล็กเพื่อทำความเข้าใจกระบวนการสร้างโลกใบเล็กเถอะ…บางทีเจ้าอาจจะเข้าใจกฏมิติได้”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมทอง หรือก็คือทองเทพสุดลี้ลับกล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนออกมา “กฏแห่งมิติเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด หากเจ้าคิดจะทำความเข้าใจมันเจ้าต้องเคาะประตูสู่ความลึกลับของมันให้ได้เสียก่อน…และตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเจ้าในการเคาะประตูดังกล่าว”
“มิแน่ว่าการเคาะประตูครั้งนี้ของเจ้า อาจทำให้เจ้าโชคดีจนสามารถเปิดประตูสู่กฏแห่งมิติได้”
วาจาประโยคท้ายของทองเทพสุดลี้ลับ ยังเต็มไปด้วยการกระตุ้นนัก
พอได้ยินคำแนะนำของทองเทพสุดลี้ลับ ใจต้วนหลิงเทียนก็เต้นไปไม่เป็นจังหวะทันที
และในเวลาเดียวกัน เขาก็พบว่าไม่จำเป็นต้องงมือทำอะไรเพื่อสร้างโลกใบเล็กอีกแล้ว กระบวนการทั้งหมดมันดำเนินการไปเอง ทำให้เขาสามารถทุ่มสมาธิทำความเข้าใจความลึกลับของห้วงมิติได้เต็มที่
กิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพมันคอยดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบให้หลั่งไหลผ่านชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 สายและขัดเกลาเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดโดยอัติโนมัติ ยังควบคุมมาสร้างโลกใบเล็ก ให้มีเสถียรภาพมากขึ้นทุกขณะ
“กฏแห่งมิติ!”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ตื่นเต้น ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มแผ่สำนึกเทวะไปปกคลุมโลกใบเล็กที่กำลังสร้างอยู่ทั้งหมด ราวกับต้องการดูว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
โลกใบเล็กของเขากำลังก่อตัวขึ้นด้วยความเร็วสูง และพอสัมผัสกระบวนการถือกำเนิด ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างได้คลุมเคลือ
และนั่นก็คือการสัมผัสถึงกฏเกณฑ์แห่งมิติ
แน่นอนว่าข้อมูลเชิงลึกนั้นต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจทำความเข้าใจได้ ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจพอสมควรเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสัมผัสกฏแห่งมิติมาก่อนเลย
ไม่ทันรู้ตัวจิตสมาธิของต้วนหลิงเทียนก็จดจ่ออยู่กับกระบวนการสร้างโลกใบเล็กโดยสมบูรณ์ พริบตาก็ผันผ่านไปครึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว
บัดนี้ในห้วงสำนึกเขาจดจ่ออยู่กับห้วงมิติของโลกใบเล็กที่ค่อยๆมีเสถียรภาพมากขึ้นทุกขณะ
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังพยายามจะทำความเข้าใจกับความลึกลับของห้วงมิตินั้น ก็ทำให้เขารู้สึกท้อใจอยู่บ้าง เพราะสิ่งนี้เสมือนคิดวัดปริมาณน้ำในห้วงสมุทรสุดไพศาลว่ามีกี่หยด…ทั้งที่ตัวเองกำลังลอยคออยู่ในมหาสมุทรดังกล่าว ทำให้ไม่อาจจับต้นชนปลายได้ถูก ยากจะเข้าใจใดๆได้
“หืม?”
หากทว่าในห้วงสำนึกของต้วนหลิงเทียน อยู่ๆพลันมีข้อมูลอันลึกลับและคลุมเครือหนึ่งผุดขึ้นอย่างมหาศาล จากนั้นข้อมูลลึกลับดังกล่าวก็เริ่มย่อยสลายและหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเขา
ข้อมูลลึกลับที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาอย่างมหาศาลนี้ หลั่งไหลประดังเข้ามาสู่จิตใจของต้วนหลิงเทียนประหนึ่งมวลน้ำเชี่ยวกราด ทำให้ต้วนหลิงเทียนสมองอื้ออึงไปพักใหญ่ เนิ่นนานกว่าจะผ่อนคลาย
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ตามสัญชาติญาณว่า…ข้อมูลลึกลับดังกล่าว อาจจะเกี่ยวข้องกับพลังของผลเทพสังเวยสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง!
เพราะในขณะที่ความลึกลับและคลุมเครือดังกล่าวประดังเข้ามาสู่จิตใจ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่าพลังของผลเทพสังเวยสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขากำลังลดลงด้วยความเร็ว ประหนึ่งเลือดไก่ที่ถูกต้มจนเริ่มจับตัว
จากนั้นเขาก็รู้สึกเสมือนทั่วร่างร้อนลวกปานเพลิงไฟ ขณะเดียวกันสมองก็อื้ออึงจนหนังศีรษะคล้ายกลับกลายเป็นด้านชา
“นี่มันอะไรกัน…”
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความรู้สึกลึกลับบางอย่าง พอลืมตาขึ้นมาขยับมือเบาๆ เขาก็สัมผัสได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับความว่างเปล่ารอบกายของเขา
ความรู้สึกลึกลับที่ว่า เหมือนจะเป็นความรู้สึกดั่งทุกสิ่งถูกควบคุมอยู่ในกำมือ ราวกับเขาสามารถควบคุมความว่างเปล่ารอบๆตัวได้
“ไม่จริงหน่า…”
ห้วงเวลาดุจฟ้าแลบ ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความคิดอุกอาจประการหนึ่งขึ้น สองตายังลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที
ตอนนี้หากมีใครมาอยู่ใกล้ๆและมองสบตาต้วนหลิงเทียนล่ะก็…
จะพบว่าสองตาคู่นี้ของต้วนหลิงเทียนมันเปล่งประกายระยับปานดวงดาราสุกสกาวกลางฟ้ายามราตรีกาล! กระทั่งยังเจิดจ้าเสียจนทำให้ผู้คนที่ชมมองตาแทบบอด!!
“ฟืดด!!”
ต้วนหลิงเทียนสูดหายใจเข้าลึกยาวคำใหญ่ เพื่อบังคับให้สติอารมณ์ของตัวเองสงบลง ขณะเดียวกันก็เริ่มแยกแยะข้อมูลลึกลับในใจ ซึ่งเดิมทีเขารู้สึกถึงมันอย่างคลุมเครือ
แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพบว่าข้อมูลลึกลับที่ทำให้เขารู้สึกคลุมเครือนั้น ราวกับมันติดตัวเขามาแต่กำเนิดและทำให้เขาเข้าใจมันไปเองโดยธรรมชาติ
และข้อมูลนี้ก็บ่งบอกถึงสิ่งหนึ่ง…
ว่าการคาดเดาในใจก่อนหน้าของเขามันถูกต้อง!
“ให้ตายเถอะ…ใช่จริงๆด้วย!”
ต้วนหลิงเทียนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น ร่างยังสั่นเทิ้มไปเบาๆ หากทว่ายิ่งมาก็ยิ่งสั่นแรงขึ้นอย่างยากจะควบคุม!
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้วนหลิงเทียนจะตื่นเต้นจนตัวสั่น เพราะหากใครอยู่ที่นี่และได้ล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาก็ไม่พ้นต้องตกใจครั้งใหญ่แน่!
“กฏมิติ!!”
“กฏที่ผลเทพสังเวยสวรรค์ช่วยให้ข้าเข้าใจกลับเป็นกฏแห่งมิติจริงๆ!!”
เหตุผลที่ไฉนตอนนี้ต้วนหลิงเทียนถึงได้ตื่นเต้นหนักหนานั้น…
เพราะพลังที่ช่วยให้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏจากผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เขารอคอยอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดหลังผ่านไปครึ่งเดือนมันก็ปรากฏขึ้นแล้ว และมันยังช่วยทำให้เขาเข้าใจกฏแห่งมิติ 1 ใน 4 กฏสูงสุดที่กระทั่งหลับเขายังฝันถึง!!