War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3201
WSSTH ตอนที่ 3,201 : 10 อันดับแรก
“อาวุโส ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อกลับเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแล้ว ดูเหมือนพวกมันจะกลับมาเพื่อรอเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 2 โดยเฉพาะ”
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อพึ่งเคลื่อนย้ายเข้ามายังเขตปลอดภัยของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไม่ทันไร ลูกชายของจางอวิ๋นถิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อฆ่าตาย ก็สังเกตเห็นทั้งคู่ และเร่งรายงานกลับไปที่เผ่าจิ้งจอกมายาทันที
“ท่านทูต”
ภายในเผ่าจิ้งจอกมายา จางตงหนานที่ได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว ก็เร่งส่งข้อความถึงจางจินอี้ที่พักอยู่ในเผ่าจิ้งจอกมายาทันที โดยบอกว่าพวกต้วนหลิงเทียนกลับเข้ามาแล้ว
“แดนลับสมบัติระดับ 2?”
สำหรับจางจินอี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงของมัน จึงไม่รู้เรื่องผลประโยชน์อะไรจากอันดับทั้งสิ้น
“ท่านทูต แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะทำการล้างอันดัใหม่ทุกรอบปี…และหลังจากทำการล้างอันดับแล้ว ผู้ที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรก จะถูกส่งไปยังแดนลับสมบัติที่แตกต่างกันถึง 3 แห่ง เรียกว่าแดนลับสมบัติระดับ 1 ระดับ 2 และ ระดับ 3 ”
จางตงหนานกล่าวอธิบาย “หากท่านทูตเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงตอนนี้ พอตารางอันดับถูกล้างใหม่ในวันพรุ่งนี้ ตัวท่านจะถูกอาคมในแดนสวรรรค์ใต้โบราณระดับสูง เคลื่อนย้ายไปยังแดนลับสมบัติระดับ 1 ทันที เพื่อให้ท่านกับอีก 9 คน มีโอกาสไปแสวงโชคในแดนลับสมบัติ”
จางจินอี้ก็ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกเช่นกัน เช่นนั้นมันย่อมได้โอกาสเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 1
“แล้วหากข้าเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 1 ที่ว่า ข้าจะได้เจอสตรีที่สงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั่นหรือไม่?”
จางจินอี้เอ่ยถาม
“ไม่อาจพบเจอ”
จางตงหนานกล่าว “แดนลับสมบัติระดับต่างๆจะแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์…สตรีนางนั้นกับต้วนหลิงเทียนจะถูกส่ตัวไปยังแดนลับสมบัติระดับ 2 ไม่มีทางที่ท่านจะพบเจอพวกมันได้”
“ถ้างั้นข้าก็คร้านจะเข้าไป…รอให้แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเปิดรอบใหม่ คราวนี้ข้าจะใช้นามแฝงเข้าไป และพยายามรักษาอันดับให้สามารถเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับเดียวกับพวกมัน”
จางจินอี้ไม่มีความสนใจใดๆในแดนลับสมบัติทั้งสิ้น อย่าว่าแต่สิ่งของในแดนลับสมบัติที่ว่าเลย…ต่อให้เป็นคลังสมบัติของวังจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ของแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ มันก็ไม่เหลียวแหล
เพราะสำหรับมันแล้ว แดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากดินแดนชนบทอันล้าหลัง สิ่งของที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าที่นี่ สำหรับมันก็คือของทั่วไปที่มันได้มาตั้งแต่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะด้วยซ้ำ
อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันทั่วไป?
ย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่มันสามารถทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะได้ ทางเผ่าก็มอบเป็นของรางวัลให้มัน…
เกราะอมตะจอมราชัน?
มันได้เป็นของขวัญตอนทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ
สำหรับโอสถอมตะใดๆ ไม่เว้นยันต์อมตะสำหรับใช้งาน มันมีเหลือๆ ไม่เคยขาด
ในมือของมันยังมีกระทั่งยันต์อมตะหลบหนีที่จักรพรรดิอมตะสมญานามเป็นผู้สร้างด้วยซ้ำ
“ท่านทูต ข้ามีความคิดบางอย่าง…นั่นคือหลังจากอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงถูกล้างใหม่แล้ว พวกเราไปหาผู้ฝึกตนไร้สังกัดที่ติดอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงสักคน และฆ่ามันเสีย!”
จางตงหนานเอ่ยความเห็น “จากนั้นเมื่อเริ่มต้นแข่งขันกันรอบใหม่ ท่านก็ใช้นามมันเสีย และพยายามรักษาอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกับของพวกต้วนหลิงเทียน พอครบปีท่านก็จะได้เข้าสู่แดนลับสมบัติระดับเดียวกับพวกมัน”
“เพราะท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้ท่านใช้นามแฝง แต่เมื่อปรากฏชื่อไม่คุ้นไต่อันดับขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ก็จักเผยพิรุธอยู่ดี…เช่นนั้นมิสู้สวมรอยใช้นามผู้อื่น สิ่งนี้ย่อมลดทอนความสงสัยของผู้คน และทำให้ต้วนหลิงเทียนนั่นไม่ทันเอะใจสงสัยแน่!”
จางตงหนานเอ่ยข้อเสนอจนจบ
“อืม เอาอย่างที่เจ้าว่าก็ได้”
บางทีอาจเป็นเพราะความผิดพลาดครั้งก่อน ครั้งนี้จางจินอี้เห็นด้วยทันที “อย่างไรก็ตาม ข้าไม่รู้จักผู้ฝึกตนอิสระพวกนั้น…”
“ขอท่านทูตโปรดวางใจ เพียงท่านตกลงเห็นด้วย ที่เหลือข้าน้อยจักจัดการให้ท่านเอง”
พอเห็นว่าจางจินอี้ยอมตกลงทำตามคำชี้แนะ จางตงหนานก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่ มันกลัวใจเหลือเกิน…ว่าอีกฝ่ายจะดื้อรั้นและเอาแต่หยิ่งผยองโง่ๆ จนเสียเรื่องอีก!
โชคดีที่คราวนี้มันสามารถเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายได้สำเร็จ
…
ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง
เสมือนพริบตาเดียวหากแต่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ได้มายืนรออยู่เกือบครบวันแล้ว และอันดับก็กำลังจะถูกล้างใหม่ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
และต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออยู่ในเขตปลอดภัยแบบนี้ เป็นธรรมดาว่าไม่มีใครหาญกล้าเข้ามาหาเรื่อง
ที่สำคัญตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็อยู่ในอันดับที่ 13 กับ 15…
กล่าวอีกอย่างได้ว่า…
ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลังฝีมือสูงกว่าทั้งคู่
‘เจ้านั่น…’
สายตาต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังมุมหนึ่งของเขตปลอดภัย ตกลงบนร่างของคนที่ลอบมองเขากับฮ่วนเอ๋ออยู่บ่อยครั้ง
คนผู้นี้เขาจดจำมันได้
เพราะนี่นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาเห็นมัน แถมทุกครั้งก็พบเจออีกฝ่ายในเขตปลอดภัยทั้งสิ้น
“ฮ่วนเอ๋อ…เจ้าเห็นคนผู้นั้นไหม เจ้าลองตรวจสอบดูหน่อย ว่าเจ้านั่นมันใช่คนของเผ่าจิ้งจอกมายารึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามผ่านพลัง
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบเอง แต่เขาก็สัมผัสได้แค่ว่าอีกฝ่ายแค่มีกลิ่นอายคล้ายๆจางอวิ๋นถิงของเผ่าจิ้งจอกมายาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจชี้ชัดได้
ทว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา หากอีกฝ่ายเป็นจิ้งจอกมายา ฮ่วนเอ๋อก็น่าจะตรวจสอบได้ทันที
พอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็มองตามสายตาต้วนหลิงเทียนจนตกลงบนร่างที่ต้วนหลิงเทียนมองอยู่ทันที และอีกฝ่ายก็คล้ายจะพบว่านางมองไป จึงเร่งงรุดหลบสายตาเป็นการใหญ่ อย่างไรก็ตามสำนึกเทวะของฮ่วนเอ๋อได้กวาดผ่านร่างมันไปเรียบร้อย
“พี่หลิงเทียน มันเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาแน่นอน”
ฮ่วนเอ๋อสามารถยืนยันได้ทันที
“ใช่จริงๆสินะ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ข้าก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าไฉนจางตงหนานนั่นถึงได้นกรู้นัก…ที่แท้มันวางหูตาไว้ที่นี่แต่แรก”
เป็นธรรมดาว่าถึงต้วนหลิงเทียนจะรู้ว่าชายผู้นั้นเป็นหูเป็นตาของเผ่าจิ้งจอกมายา แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรอีกฝ่าย
นอกจากนั้นที่นี่ก็คือเขตปลอดภัย ที่ห้ามใครลงมืออีกด้วย
เวลาครึ่งชั่วยาม ไม่นานก็ล่วงเลยผ่านไป
ตอนนี้เองตารางอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็หยุดเปลี่ยนแปลง และหลังจากหยุดนิ่งไปราวๆ 1 เค่อ รายชื่อทั้งหมดก็อันตรธานหายไปทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ที่อยู่ในเขตปลอดภัยเท่านั้น แม้แต่นอกเขตปลอดภัย ขอเพียงท่านมีรายชื่อติดอยู่ใน 100 อันดับแรกก่อนที่จะถูกล้างใหม่เมื่อครู่ ท่านก็จะถูกพลังอาคมเคลื่อนย้ายขุมหนึ่งนำตัวไปยังแดนลับสมบัติตามความเหมาะสมทันที
ทุกคนที่ถูกเคลื่อนย้าย ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แยกกันปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ๆแตกต่างกัน 3 แห่ง
1 ใน 3 กลุ่มมีคนทั้งสิ้น 9 คน และหันมองไปมาแต่ละคนก็คุ้นเคยหน้าตากันดี
“ไฉนคราวนี้มีแค่พวกเรา 9 คนเล่า? อีกคนไปไหน?”
ทั้ง 9 มองสำรวจหน้าตากันและกันปราดเดียวก็บอกได้ทันที…ว่าหน้าเดิมๆ ไม่มีคนใหม่!
“ดูเหมือนคนที่ไม่ได้เข้ามาจะเป็น จางจินอี้…”
ไม่นานก็มีคนระบุเรื่องนี้ได้
“จางจินอี้ผู้นั้น มิทราบมันเป็นใครมาจากไหนกันแน่…ไม่คิดเลยว่ากระทั่งทั่วขู่ยังพลาดท่าเสียทีมันจนตาย”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
“ทั่วเหย่ ทั่วขู่จะอย่างไรก็เป็นศิษย์น้องของเจ้า…ก่อนที่มันจะถูกจางจินอี้ฆ่าตาย ได้มีติดต่อส่งข้อความอะไรกลับมาถึงนิกายโพธิญาณ บ้างรึเปล่า?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว มือถือไว้ด้วยพัด หน้าตาหล่อเหล่า ลักษณะสง่ามากราศี หันไปมองถามหลวงจีนหนุ่มในชุดขาวจีวรดำที่อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มในชุดคลุมขาวหน้าตาหล่อเหลาถือพัดคนนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือ เหยียนหรูอวี้ ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับนั่นเอง
ยังเป็นอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงคนใหม่…
เป็นผู้ปิดตำนานไร้พ่ายของถังผิงซาน อัยฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านของนิกาฟ้าหมื่นศึก! กลับกลายเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านคนใหม่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงชั่วคราว…
และถ้าหากมันรักษาอันดับ 1 และไม่พ่ายแพ้ใครได้อีกครั้ง มันก็จะกลายเป็นตำนานบทใหม่…
“ก่อนตกตาย ศิษย์น้องทั่วขู่มิมีแม้แต่โอกาสสั่งเสียอันใดเลย…”
หลวงจีนหนุ่มที่ถูกเรียกหาว่า ทั่วเหย่ ส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มแหยๆ “หากศิษย์น้องทั่วขู่มีเวลาสั่งเสีย ไฉนไม่ใช้ทุบทำลายป้ายหยกประจำตัวเพื่อหลบหนีเล่า…”
“ก็นะ อย่างน้อยๆก็ยืนยันได้แล้ว ว่าทั่วขู่สมควรถูกฆ่าอย่างไม่คาดคิดจริงๆ”
พอทั่วเหย่กล่าวตอบ เหยียนหรูอวี้ก็สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้
“หรูอวี้ ตอนนี้เจ้าสมควรเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเรา…หากจางจินอี้นั่นปรากฏตัว เจ้าคิดว่าเจ้าจะจัดการมันได้รึเปล่า?”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตรคนหนึ่ง หันมามองถามเหยียนหรูอวี้ด้วยรอยยิ้ม
และฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย คล้ายจะสนิทสนมกับเหยียนหรูอวี้ไม่น้อย
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ ก็คือบุตรชายของประมุขนิกายนิกายร้อยบุปผา โอวหยางอวี้ฮ่าว และเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของนิกายร้อยบุปผา และที่ต้องกล่าวถึงเลยก็คือ มันเป็น 1 ใน ศิษย์บุรุษที่มีแทบนับนิ้วได้ของนิกายร้อยบุปผา!!
ข้างกายมันก็ปรากฏสตรียืนคล้องแขนของมันเอาไว้อย่างสนิทสนม สตรีที่ว่ารูปโฉมงดงามมากล้นไปด้วยเสน่ห์ ยามมายืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเช่นนี้ ประหนึ่งเป็นหงส์ที่หลงมาอยู่กลางฝูงไก่โดยแท้…
และนางก็คือ โฉมงามอันดับ 1 แห่งแดนสวรรค์ใต้ โอวหยางอวี่เวย ศิษย์ที่แท้จริงอีกคนของนิกายร้อยยบุปผา!
นางกับโอวหยางอี้หัวเป็นฝาแฝดกัน และนางเป็นนแฝดผู้น้อง ส่วนโอวหยางอวี้ฮ่าวเป็นแฝดผู้พี่
อย่างไรก็ตามทั้งคู่แลดูไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไหร่ โอวหยางอวี่เวยแลดูอ่อนแอบอบบาง ส่วนโอวหยางอวี้ฮ่าวแม้จะหล่อเหลาแต่ก็แลดูเข้มแข็งสมชายชาตรี
“ข้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”
เหยียนหรูอวี้ตบเก็บพัดดัง ‘ปับ’ ก่อนจะส่ายหัวไปมา “แต่อย่างน้อยๆหากข้าต้องปะทะกับทั่วขู่ ถึงแม้ข้าจะเอาชนะทั่วขู่ได้ แต่เรื่องจะให้ข้าฆ่าทั่วขู่นั้น บอกตรงๆข้าทำไม่ได้แน่นอน…”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
คำตอบของเหยียนหรูอวี้ก็ทำให้หลายๆคนเห็นด้วย “การป้องกันของทั่วขู่เรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจริงๆ…พวกเราในที่นี้จริงอยู่ที่อาจเอาชนะทั่วขู่ได้ แต่จะให้เอาชีวิตทั่วขู่นั้น ทำกันไม่ได้แน่ๆ”
“ข้าไม่ทราบจริงๆว่าที่แท้จางจินอี้ผู้นั้นมันเป็นใครมาจากไหนกันแน่…ไฉนถึงได้ร้ายกาจนักนะ”
หลายคนอดไมได้ที่จะสงสัยในเรื่องนี้
หลังสนทนาเรื่องจางจินอี้ต่อไปอีกสักพัก ในที่สุดทุกคนก็ค่อยๆเปลี่ยนเรื่อง
และเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แลดูขึงขังดุดัน ใบหน้าเหลี่ยมใหญ่ คิ้วเข้มปากหนา คล้ายกอริลล่าเถื่อนผู้หนึ่ง หันไปมองถามโอวหยางอวี่เวยด้วยรอยยิ้ม “น้องสาวอวี่เวย ข้าได้ยินมาว่าฮ่วนเอ๋อที่พึ่งโด่งดังขึ้นมานั้น ใครต่อใครก็ว่ากันว่างดงามกว่าเจ้าเสียอีก…”
“ยิ่งไปกว่านั้นพลังฝีมือของนางมิใช่ชั่วเลย เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงครั้งแรกก็ไต่มาถึงอันดับที่ 15…อีกทั้งข้ายังได้ยินมาอีกว่าบุรุษที่อยู่ข้างกายนางอันเรียกว่า ต้วนหลิงเทียน นั้น แม้จะอยู่ในอันดับที่ 13 แต่อันที่จริงไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงฆ่าไก่ และทั้งหมดสมควรเป็นนางที่ลงมือจัดการผู้คน และคอยมอบคะแนนให้มัน!”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ปานกอริลล่าภูเขาคนนี้ เรียกว่า โฮ่วตงเฉียน เป็นศิษย์ที่แท้จริงของนิกายวิถีวายุอัสนี
“ก็มิรู้สินะ หากมีโอกาสข้าเองก็อยากพบเจอนางเช่นกัน…”
สองตากลมใสงามกระจ่างล้ำกว่ามณีใดของโอวหยางอวี่เวยหรี่ลงเล็กน้อย ปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มอ่อนๆ “หากนางเป็นดั่งที่ผู้คนร่ำลือ เช่นนั้นนางก็นับเป็นโฉมงามพิลาศไร้คู่เปรียบจริงๆ”
“โฮ่วตงเฉียน เจ้าประเมินต้วนหลิงเทียนผู้นั้นต่ำไปแล้ว…ทุกอย่างที่เจ้าได้ยินมาล้วนผิดหมด เจ้านั่นน่ะ…มันไม่ใช่ธรรมดาๆ!”
ตอนนี้เองเหยียนหรูอวี้พลันหันไปมองกล่าวกับโฮ่วตงเฉียยนพลางส่ายหน้าไปมา “เมื่อ 30 ปีก่อนมันยังเป็นแค่ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่วิ่งเต้นไปทั่วแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง…แต่ 30 ปีต่อมาด่านพลังของมันกลับทะลวงถึงราชาอมตะ 3 ศักดิ์ กระทั่งยังได้อันดับที่ 13 ทั้งที่พึ่งเข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงครั้งแรก”
“เจ้าคิดว่ามันจะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงฆ่าไก่จริงๆหรือ?”
ในที่นี้คงไม่มีใครรู้เรื่องของต้วนหลิงเทียนดีไปกว่าเหยียนหรูอวี้อีกแล้ว
เพราะก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะไปคฤหาสน์เฉวียนโยว มันก็ได้รู้จักต้วนหลิงเทียนในฐานะยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งของนิกายอมตะเป้าผู่ เป็นแค่ศิษย์ตัวเล็กๆ ของ 3 นิกาย 2 ตระกูล ใต้อาณัติคฤหาสน์เฉวียนโยวอีกที
เป็นธรรมดาว่าในเวลานั้น มันไม่ได้ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นจริงจังอะไรเลย
ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่หัวข้อสนทนายิบย่อย ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคุยกันเป็นครั้งคราว ตอนที่มันกับสหายอย่างเฉินหลีมาพบปะกันก็เท่านั้น