War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3219
WSSTH ตอนที่ 3,219 : แย่งเนื้อจากปากเสือ
คนที่ก้าวออกมากล่าวสั่งให้ต้วนหลิงเทียนส่งมอบผลอมตะหลิวหยวนนั้น เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินผู้หนึ่ง ใบหน้ามันเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลา ไฝสีดำทะมึนกลางหัวเหม่งของมันเป็นอะไรที่เตะตานัก
“จอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด?”
ตั้งแต่ตอนที่ชายวัยกลางคนเหินร่างมาถึง ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดจากกลิ่นอายพลังเซียนอมตะบางเบาที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว
“หากอยากได้ผลไม้อมตะในมือข้า นั่นก็ต้องดูด้วยว่าเจ้ามีปัญญาสามารถพอไหม”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวคำด้วยน้ำเสียงเฉยเมย แต่ต้นจนจบทำราวกับไม่เห็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดอยู่ในสายตา
และนั่นก็ทำให้ผู้ที่อยู่รอบๆผงะไปเป็นแถบ พากันมองต้วนหลิงเทียนตาปริบๆอย่างเหลือเชื่อ
“มารดามันช่างห้าวยิ่ง…แค่ราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง กลับกล้าพูดกับผู้เฒ่าซุนหยูแบบนี้เลยหรือ?”
“ไอ้หน้าขาวนั่นไม่รู้หรือไรว่าผู้เฒ่าซุนหยูไม่เพียงแต่จะเป็นอาวุโสของนิกายอมตะเหิงซาเฉวียนเท่านั้น แต่ยังเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดมือดีแถบนี้อีกด้วย…มันเสียสติไปแล้วเรอะ?”
“เฮอะๆ เจ้านั่นไม่พ้นดับอนาถแน่”
…
เหล่าผู้ที่มุงชมเรื่องราวต่างมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนา เพราะปากของต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรกับหาเรื่องตายเลย
“ไอ้หนู ในเมื่อเจ้าแส่หาที่ตายนัก เช่นนั้นข้าจักสงเคราะห์ให้เจ้าเอง!”
ขณะที่สองตาของซุนหยูเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างมันก็ไหววูบก่อนจะห้อเหยียดข้ามฟ้าไปด้วยความเร็วสูง มันไม่แม้แต่จะชักอุปกรณ์อมตะใดๆ เพียงตบฟาดฝ่ามือเปล่าเปลือยออกไป เพราะในสายตาของมัน อาศัยราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง ยังไม่ถึงขั้นให้มันชักอาวุธ!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
กฏที่ซุนหยูเข้าถึงก็คือกฏแห่งลม ยามพุ่งจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียน คนก็กลับกลายคล้ายสายลมกรรโชกหอบหนึ่ง!
อย่างไรก็ตามเมื่อร่างมันอยู่ห่างต้วนหลิงเทียนไม่กี่ก้าว คลื่นพลังจากฝ่ามือที่เข่นฆ่านำมาก็ได้แต่ถล่มลมดังขวับ เนื่องเพราะร่างต้วนหลิงเทียนได้อันตรธานหายวับไปแล้ว!
“เคลื่อนมิติรึ?”
ซุนหยูกล่าวเย้ยคำหนึ่ง “ต่อให้เจ้าเข้าใจกฏมิติแล้วจะอย่างไร!? อาศัยความเร็วของข้า คิดไล่ล่าเจ้ายังง่ายดายนัก!”
“อ้อ จริงรึ?”
ต้วนหลิงเทียนที่ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างไปอยู่ด้านหลังซุนหยู 100 หมี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน “งั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าเล่นไล่จับกับข้าดูสักคราเป็นไง ดูว่าเจ้าจะไล่ข้าทันได้ง่ายๆจริงรึเปล่า?”
หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ปล่อยให้ชายวัยกลางคนไล่ล่าป้อนกระบวนท่าสังหารเข้ามา โดยเขาเอาแต่เคลื่อนย้ายข้ามมิติวูบไปวูบมาถ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าชายวัยกลางคนแซ่ซุนจะรีดเค้นเร่งเร้าพลังห้อตะบึงบึ่งตามแค่ไหน กลับไม่มีวี่แววว่าจะไล่ต้วนหลิงเทียนได้ทันเลย สิ่งนี้ทำให้สีหน้ามันยิ่งมายิ่งอัปลักษณ์หนักข้อ
“ไหงเจ้าช้าเป็นเต่าขาเจ็บเลยเล่า…เสียทีที่เป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดที่ใช้กฏแห่งลมโดยแท้…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองซุนหยูที่หมดปัญญาจะไล่เขา พลางกล่าว “เช่นนั้นก็พอเถอะ ข้าคร้านจะเล่นกับเจ้าแล้ว”
พอกล่าวจบคำ ท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปผุดโผล่ด้านหลังซุนหยูในฉับพลัน!
ในขณะที่ซุนหยูจับสัมผัสได้ถึงการปรากฏของต้วนหลิงเทียน พลังเซียนอมตะผสานธาตุลมทั่วร่างของมันก็ปะทุขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด รวมรั้งพลังชั่วชีวิตตบฟาดกลับหลังไปทันที ทว่าด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้สะบัดมือออกมาส่งๆคราหนึ่ง ปรากฏคมพลังสีทองเข่นฆ่าสังหารออกไป
คมพลังสีทองดังกล่าวก็คือคมมีดมิติ 3 สายที่พุ่งออกจากรอยแยก โดยมีพลังงานสีทองดั่งเปลวไฟฉาบเคลือบ
ซัว! ซัว! ซัว!
คมมีดมิติทั้ง 3 พุ่งผ่ากระบวนท่าฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังชั่วชีวิตของซุนหยูไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะผ่าร่างจบชีวิตซุนหยูลงในพริบตา
จอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด ตกตายเพียงเท่านี้
“เหอะๆ เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนเล็กน้อยแค่ 3 ประการ…แต่ยังกล้าเสนอหน้าหาเรื่องผู้อื่น?”
หลังฆ่าซุนหยูตาย ต้วนหลิงเทียนที่ริบสินสงครามมาแล้ว ก็กล่าวทิ้งท้ายออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นคนก็วูบร่างจากไปทันที
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนหายไปต่อหน้าต่อตาได้สักพัก หลายๆคนค่อยดึงสติกลับมาได้ “อะ…อาวุโสซุนหยูถูกฆ่าง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ?”
“มารดามันเถอะ! เจ้านั่นมันแค่ราชาอมตะ 10 ทิศไม่ใช่หรือไร! ไฉนถึงสังหารอาวุโสซุนหยู ที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ง่ายนักเล่า!?”
“เมื่อครู่ ห้วงเวลาสุดท้ายก่อนอาวุโสซุนหยูจะตาย ชุดเกราะอมตะยังไม่ทันได้สำแดงพลังป้องกันอันใดด้วยซ้ำ…เจ้าหนุ่มนั่นมันจะไม่ลงมือรวดเร็วเกินไปหน่อยหรือ?”
“ความเข้าใจในกฏมิติของมันน่ากลัวมาก…เมื่อครู่ข้าสัมผัสได้รางๆ ว่าอย่างน้อยๆความลึกซึ้งของกฏมิติที่มันใช้ ก็ต้องบรรลุขั้นตอนเล็กน้อยไปแล้ว 4 ประการ ที่สำคัญพวกเจ้าเห็นพลังที่เสมือนเปลวไฟสีทองที่ปกคลุมคมมีดมิติของมันหรือไม่? ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวยิ่งนัก ไม่ทราบเป็นทักษะผีสางอันใดกันแน่…”
“เมื่อครู่ต่อให้อาวุโสซุนหยูจะชักอาวุธออกมาก็ไม่มีทางรอดตายไปได้ เพราะเจ้านั่นมันก็ไม่ได้ใช้อาวุธอะไรเหมือนกัน…อาวุโสซุนหยูสู้มันไม่ได้เลย”
“ไม่ทราบมันเป็นผู้ใดและมาจากไหนกันแน่ ราชาอมตะ 10 ทิศเช่นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ชื่อเสียงเรียงนาม…ข้าอยู่ละแวกนี้มาชั่วชีวิต ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามียอดฝีมือเช่นมันอยู่ด้วย”
…
หลังจากทุกคนหายจากอาการตกใจก็มีพูดคุยเรื่องต้วนหลิงเทียนกันสักพัก จากนั้นก็เริ่มแยกย้ายออกไปหาผลไม้และสมุนไพรอมตะกันต่อ
ถึงแม้ตอนนี้สมุนไพรอมตะจะแทบไม่มีประโยชน์อะไรกับต้วนหลิงเทียน แต่เขาก็เก็บมาหากเป็นสมุนไพรอมตะระดับสูงๆ
เพราะสุดท้ายแล้วสมุนไพรอมตะเหล่านี้ก็มีค่ามากในโลกภายนอก เพราะมีแต่คนต้องการ แต่ไม่มีคนขาย
แถมใครจะไปรู้ว่าวันหน้าเขาจะมีโชควาสนา จนสามารถยกระดับเพลิงเทพโกลาหลให้พุ่งพรวดขึ้นไปขั้นสูงได้ในคราวเดียวรึเปล่า ถึงตอนนั้นเขาก็สามารถหลอมปรุงโอสถอมตะได้อีกครั้ง!
“เฮ่พวก ข้าได้ยินมาว่าทางนั้นมีผลอมตะหงเหอปรากฏขึ้น!”
“จริงรึ? ไปดูกันเร็ว!!”
“แต่พวกเราต้องระวังหน่อย คนที่บอกเรื่องนี้กับข้าเมื่อครู่ บอกว่ามีชนชั้นอาวุโสของนิกายจ๋างหั่วฉานกับอาวุโสของนิกายเหิงซาเฉวียนตีกันอยู่…ดูเหมือนกำลังตัดสินกันว่าผู้ใดจะได้ผลอมตะหงเหอ”
“อะไร อาวุโสของนิกายจ๋างหั่วฉานกับนิกายเหิงซาเฉวียนงั้นรึ…งั้นพวกเราก็หมดสิทธิ์แล้วล่ะ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วไปดูชมพวกมันตีกันสักคราเถอะ”
…
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังก้มลงเก็บสมุนไพรชิ้นหนึ่งหลังต้นไม้ เมื่อเห็นกลุ่มคนนับสิบกำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน ทั้งได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ก็บังเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
“ผลอมตะหงเหอรึ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างไสว เพราะเขารู้ว่าผลอมตะหงเหอคืออะไร นั่นเป็นผลไม้อมตะที่สามารถช่วยเพิ่มระดับพลังฝึกปรือของตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะได้ และจัดเป็นผลไม้อมตะระดับต้นๆในบรรดาผลไม้อมตะสำหรับตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะอีกด้วย!
‘ด้วยด่านพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อตอนนี้ ขอเพียงได้ผลหงเหอ นางย่อมทะลวงไปถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศได้ในเวลาสั้นๆแน่นอน’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
วูบ!
ร่างต้วนหลิงเทียนวูบหายไปทันที ติดตามกลุ่มคนดังกล่าวไปอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
ไม่นานเขาก็ติดตามคนกลุ่มนี้มาถึงพื้นที่หุบเขาสวยงามแห่งหนึ่ง มองไปก็เห็นร่างชายชรา 2 คนเผชิญหน้ากัน โดยมีผู้คน 50-60 คนมุงชมอยู่ห่างๆ
ชายชราทั้ง 2 ที่เผชิญหน้ากันก็กำลังประมือกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
และห่างออกไปไม่ไกลจากจุดปะทุของพวกมัน ก็มีผลไม้อมตะสีแดงเติบโตบนเถาไม้เลื้อยบริเวณผนังผา ผลไม้อมตะสีแดงดังกล่าวมีหมอกสีแดงม้วนวน แลดูไปนานๆประหนึ่งสายน้ำสีแดงไหลเชี่ยวก็ไม่ปาน
นับว่าสมชื่อ หงเหอ
(แม่น้ำแดง)
“เฒ่าหวังไฉนเจ้านิสัยเสียนักเล่า ผลหงเหอนี่เป็นข้าพบเห็นก่อนเจ้า…หากเจ้ายังหน้าด้านคิดสู้ช่วงชิงกับข้าไม่เลิก ยังไม่เป็นการเสียเวลาไปหาผลไม้อมตะผลอื่นๆหรือไร?”
ชายชราในชุดสีเขียวคนหนึ่งมองถามชายชราอีกคนในชุดสีครามเสียงหนัก
“เหอะๆ ในเมื่อเจ้ากลัวเสียเวลา เช่นนั้นมิสู้มอบมันให้ข้าแต่โดยดีเล่า?”
ชายชราในชุดสีครามยิ้มร่า
“บัดซบ! แพะเฒ่าแซ่หวังหน้าไม่อายเจ้า คิดจะสู้กับข้าให้ได้งั้นหรือ!?”
ชายชราชุดเขียวตะคอกถามเสียงเย็น
“แล้วทำไม…ข้าแค่อยากรู้ว่าไอ้แก่เจ้าตอนนี้ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว เอาเช่นนี้เป็นไร? หากเจ้าเอาชนะข้าได้สักครึ่งท่า ข้าจะมอบผลหงเหอให้เจ้าแต่โดยดี!”
ชายชราในชุดสีครามกล่าวด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
“ข้าจะทุบหน้ายิ้มโง่ๆนั่นเจ้า!”
ชายชราชุดเขียวที่โดนกวนใจไม่เลิก ในที่สุดก็ไม่ไหวจะทน ปะทุพลังชั่วชีวิต รวมรั้งจู่โจมซัดออกไปฉับไวปานสายฟ้า พลังมหาศาลขุมหนึ่งเข่นฆ่าไปทางชายชราชุดครามอย่างเกรี้ยวกราด!!
ชายชราชุดครามหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะเร่งเร้าพลังตบฟาดฝ่ามือสวนเข้าใส่อย่างไม่ครั่นคร้าม
เฒ่าชราทั้ง 2 คนนี้ หนึ่งใช้กฏแห่งน้ำ อีกหนึ่งใช้กฏแห่งไฟ ยามพวกมันปะทะหักหาญกัน ช่างให้อารมณ์น้ำกับไฟที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วจริงๆ
ทุกคนที่มามุงชมโดยรอบก็สนใจการประมืออันดุเดือดของเฒ่าชราทั้ง 2 นัก
“ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว ระหว่างอาวุโสหวังของนิกายจ๋างหั่วฉานกับอาวุโสฉินของนิกายเหิงซาเฉวียน…ผู้ใดจะชนะกันแน่”
“พูดยาก ทั้งคู่เขม่นกันมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ตีกันมาตั้งแต่รุ่นๆ…แต่สุดท้ายเสมือนฟ้าลิขิตมาให้ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ได้แต่เสมอกันทุกรอบ”
“อ้อ ที่แท้เป็นอริเก่าหรอกรึ? ไม่น่าแปลกเลยที่ไฉนพอเจอหน้ากันก็ตีกันทันที”
…
ทุกคนที่ชมดูได้การประมือของสองชรา สนทนากันอย่างออกรส แต่ไม่มีใครคิดลอบไปเก็บผลอมตะหงเหอเลย ด้วยไม่มีใครอยากรนหาที่ตาย
เพราะในสายตาของทุกคน การไปช่วงชิงผลไม้อมตะจากยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะทั้ง 2 แบบนี้ ไม่ต่างอะไรจากคิดแย่งเนื้อจากปากเสือ!
วูบ!
ทว่าต้วนหลิงเทียนพอเห็นชายชรา 2 คนลงมือเต็มกำลัง เขาก็ไม่คิดอะไรให้มากความ ร่างอันตรธานวูบไปปรากฏกลางหาวใกล้ๆผนังผาที่มีผลอมตะหงเหออยู่ทันที
มือพุ่งไปคว้าเด็ดอย่างเรียบง่าย พริบตาก็เก็บผลอมตะหงเหอมาแล้ว
และเมื่อเขาเก็บผลอมตะหงเหอไปแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะดึงดูดความสนใจของเหล่าคนกว่าครึ่งร้อยที่ชมดูสองผู้ชราตีกันเท่านั้น กระทั่งเฒ่าชราที่สู้กันอย่างดุเดือด ก็พร้อมใจกันหยุดมือและหันมามองเขาเป็นสายตาเดียวกัน
“ไอ้หนู เจ้าเบื่อชีวิตมากหรือ?!”
“สารเลวน้อยเจ้าช่างกล้านัก! แย่งชิงของผู้ใดไม่แย่ง หาญกล้ามาแย่งของผู้แซ่ฉินรึ รนหาที่ตาย!!”
เฒ่าชราทั้งสองตะคอกคำดุร้าย ก่อนจะลงมืออย่างพร้อมเพรียง มวลพลังหนึ่งน้ำหนึ่งไฟ ดั่งมังกรน้ำกับมังกรไฟ เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!
และเหตุไฉนที่พวกมันกล้าลงมือเข่นฆ่าเข้ามาแบบนี้ เพราะมันเห็นต้วนหลิงเทียนเก็บผลอมตะหงเหอลงแหวนพื้นที่ไปแล้ว
มิฉะนั้นพวกมันย่อมไม่กล้าลงมือเข่นฆ่าเข้ามาตามอำเภอใจแน่นอน เพราะด้วยกลัวจะพลั้งมือทำลายผลอมตะหงเหอไป
ปงงง!!
เปรี๊ยงงง!!
…
อย่างไรก็ตาม เมื่อมังกรน้ำกับมังกรอัคคีถล่มเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน ร่างต้วนหลิงเทียนกลับอันตรธานหายไปในอากาศ และมวลพลังสองขุมที่จู่โจมวืดก็ได้แต่ถล่มทำลายผนังผาจนพินาศยับเยิน อุบัติเป็นหลุมลึกมหึมา
“นั่นเป็นการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ!!”
“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ! แถมระยะการเคลื่อนย้ายของมัน ไม่ใช่ 100 หมี่ของขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น…มันเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว!!”
“เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นเป็นผู้ใดมาจากไหนกัน? ไฉนข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลย ว่ามีราชาอมตะ 10 ทิศคนใดที่เก่งในกฏมิติ และเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้ว?”
…
ต้วนหลิงเทียนที่ใช้เคลื่อนยย้ายข้ามมิติ ก็เลือกที่จะวูบร่างหลบไปอย่างชาญฉลาด อาศัยหน้าผาบดบังสายตา จากนั้นก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติครั้งที่สองเต็มกำลังไปในทิศทางอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของสำนึกเทวะของชายชราทั้ง 2 ได้อย่างราบรื่น
‘หนึ่งเป็นจอมราชันอมตะ 2 ยศ อีกหนึ่งเป็นจอมราชันอมตะ 3 ศักดิ์…แต่พวกมันคงไม่คิดกระมัง ว่าข้าจะหาญกล้าชิงผลอมตะหงเหอไปต่อหน้าต่อตามัน?’
หลังใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างสุดระยะ 10,000 หมี่ 3 ครั้งติด ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้วูบร่างหนีอีกต่อไป เพราเขาตระหนักได้ว่าสำนึกเทวะของชายชราทั้ง 2 นั้นไม่อาจเพ่งเล็งมาที่เขาได้อีกต่อไป
ภายในหุบเขา ชายชราทั้ง 2 ที่ถูกฉกของไปต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย ก็มีน้ำโหนัก แต่ละคนแลดูเดือดดาลเป็นที่สุด
“เฒ่าหวัง หากไม่ใช่เพราะเจ้าคิดจะแย่งผลอมตะหงเหอของข้าไม่เลิก พวกเราคงไม่ถูกผู้อื่นชิงไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้!!”
“ไอ้แก่ฉิน! ทั้งหมดเพราะเจ้ามันดื้อรั้นไม่ยอมมอบผลนั่นมาให้ข้าแต่โดยดี!!”
…
จากนั้นชายชราทั้ง 2 ก็เร่มเถียงกันอีกรอบ สุดท้ายก็ปะทุพลังพุ่งเข้ามาต่อยตีกันอีกครา ทำให้ผู้ที่ชมดูเรื่องราวรอบๆ รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม หลังชมดูชายชราตีกันต่อสักพักพวกมันก็เริ่มแยกย้ายกันไปตามทาง ในเมื่อผลอมตะหงเหอก็ไม่มีแล้ว แม้การชมดูยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะต่อยตีกันจะทำให้พวกมันได้ประสบการณ์ไม่น้อย แต่เทียบกับไปแสวงหาผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะแล้ว พวกมันเลือกอย่างหลังมากกว่า พเราะแดนสมบัติขุนเขาโอสถก็ไม่ใช่ว่าจะเปิดให้เก็บเกี่ยวนานนัก
อีกทั้งแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 แห่งนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาลมาก
ถึงแม้จะมีผู้คนเข้ามามากมาย และเวลาก็ผ่านไปได้พักใหญ่ๆแล้ว แต่ก็มีพื้นที่อีกหลายจุดที่ยังไม่มีใครเฉียดผ่านเข้าไป
และสถานที่บางแห่งนั้น ด้วยความที่มีค่ายกลลวงตาปกปิดอยู่ ทำให้หากไม่พลัดหลงเข้าไปอยู่ในเขตค่ายกล ก็จะมองไม่ออกเลย
ในแดนสมบัติขุนเขาโอสถนั้น ไม่ว่าระดับใดก็จะไม่มีบททดสอบที่เป็นอันตราย และไม่มีจิตวิญญาณค่ายกลที่คอยทำร้ายขัดขวาง แน่นอนว่ายังไม่มีสัตว์อมตะหรือหุ่นเชิดใดๆ มีแค่ค่ายกลลวงตาปกคลุมพื้นที่ ให้หาผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะไม่เจอเท่านั้น
และที่ไฉนมีค่ายกลมายาคอยปกปิดพื้นที่ๆมีผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะเอาไว้แบบนี้ ก็เพื่อให้เหลือของไว้ให้ผู้คนที่จะเข้ามาภายหลังและมีโชควาสนาได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อะไรติดไม้ติดมือออกไปบ้าง
หาไม่แล้วหากเปิดเผยแต่แรก ผู้ใดมาก่อนและมีพลังฝีมือกล้าแข็งเหาะเหินเร็วไว มีรัศมีตรวจจับกว้างไกล ก็ฉกฉวยไปกันหมด…คนที่มาภายหลังก็ไม่เหลืออะไรให้ฉกฉวยแล้ว!