War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3224
WSSTH ตอนที่ 3,224 : เฟิงชีชี
“ฮวนเอ๋อ? ต้วนหลิงเทียน? ข้าไม่คุ้นเลย แล้วพวกเจ้าเล่า มีผู้ใดเคยได้ยินรึเปล่า?”
“ดูเหมือนว่าทั้งคู่จักมิใช่คนของขุมกำลังระดับ 1!”
“ก่อนหน้านี้ชื่อที่ปรากฏขึ้นบนศิลาบอกอันดับดูเหมือนจักเป็นอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 หมดทั้งสิ้น…หรือ 2 ชื่อใหม่ที่พึ่งปรากฏขึ้น จักเป็นชื่อของอัจฉริยะรากหญ้า?”
…
ยอดเขาแรงโน้มถ่วงจุดอื่นภายในแดนลับอัจฉริยะ เริ่มได้ยินเสียงเอ่ยถามด้วยความสงสัยทำนองนี้ดังขึ้น
ในดินแดนทักษินยุทธ์ ขุมกำลังที่มีอัจฉริยะมากที่สุดแน่นอนว่าย่อมเป็นขุมกำลังระดับ 1
เนื่องเพราะขุมกำลังระดับ 1 ครอบครองแหล่งทรัพยากรมากมาย อัจฉริยะที่ถูกขุมกำลังระดับ 1 เพาะสร้างมาตั้งแต่ยังเด็ก เรียกว่าเติบโตมาบนกองทรัพยากร เช่นนั้นความสำเร็จของพวกมันย่อมสุดที่คนธรรมดาจะเทียบได้
ตอนนี้พอปรากฏสองชื่อที่ทุกคนสงสัยกันว่าจะเป็นอัจฉริยะรากหญ้าขึ้นมาบนศิลาจัดอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วง จึงทำให้เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั้งหลายที่เห็น อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นคึกคักขึ้นมาทันที!
ต้องทราบด้วยว่าในแดนลับอัจฉริยะนั้น จำนวนอัจฉริยะรากหญ้ามีมากกว่าอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 หลายเท่าตัว!
อย่างไรก็ตามแม้จะมีปริมาณมากกว่า แต่ทว่าคุณภาพกลับมิอาจเทียบกันได้เลย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั้งหลายหดหู่ใจไม่น้อย
บัดนี้พอได้เห็นอัจฉริยะรากหญ้า 2 คนปรากฏชื่อขึ้นบนตารางอันดับยอดเขาแรงโน้มถ่วง ก็ทำให้เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าที่สนใจอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงอดตื่นเต้นไม่ได้!
“มีอีกคนที่คาดว่าน่าจักเป็นอัจฉริยะรากหญ้าปรากฏขึ้นในอันดับยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้ว!!”
และในขณะที่ทุกคนกำลังชมมองชื่อต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไต่อันดับขึ้นไปถึงกลางตารางด้วยความรวดเร็ว ท้ายตารางก็ปรากฏชื่อไม่คุ้น ที่หลายคนคิดว่าน่าจะเป็นอัจฉริยะรากหญ้าขึ้นมาอีกคน!
โหวจื่อหลง 2,000 ขั้น
“โหวจื่อหลงรึ? ข้าไม่เคยได้ยินเลย…สมควรเป็นอัจฉริยะรากหญ้าไม่ผิดแน่!”
“น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“ดูเหมือนว่าแดนลับอัจฉระเปิดออกรอบนี้ อาจจะมีอัจฉริยะรากหญ้าที่โดดเด่นหลายคน!”
…
เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าที่เอาแต่จับจ้องศิลาจัดอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงโดยยังไม่คิดจะไปลองปีนดูด้วยตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อเห็นชื่ออัจฉริยะรากหญ้าปรากฏขึ้น และสร้างผลงานได้ไม่เลว
ตอนนี้รายชื่อผู้ที่ไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงถึงระดับความสูง 20,000 หมี่ ก็มีทั้งสิ้น 22 รายชื่อแล้ว
และต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ใช้เวลาสั้นๆในการไต่ขึ้นมาถึงอันดับที่ 4 และ 5…เบื้องหน้าพวกเขาทั้ง 2 มีคนอื่นๆที่ทำผลงานดีกว่าอีกแค่ 3 คนเท่านั้น และระยะทางก็ห่างอีกไม่มากแล้ว
“แรงกดดันเพิ่มขึ้นมากจริงๆ…”
หลังไต่ขึ้นถึงบันไดขั้นที่ 2,600 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง ต้วนหลิงเทียนก็แทบจะใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่เขายังรู้สึกกดดันมากอยู่ดี
“ฮ่วนเอ๋อ เจ้าไม่ต้องรอข้าแล้ว…ไต่ขึ้นไปก่อนเลย พยายามทำให้ดีที่สุด สู้ๆ!”
ต้วนหลิงเทียนหันกลับไปมองฮ่วนเอ๋อด้วยสีหน้าพึงพอใจ เอ่ยให้กำลังใจผ่านพลัง
เขาย่อมมองออกได้ไม่ยาก
ตอนนี้ฮ่วนเอ๋อยังไม่ได้รู้สึกกดดันมากเหมือนเขา และสมควรไต่ขึ้นไปได้สูงกว่านี้อีกหลายขั้น
“อื้อ!”
เมื่อเห็นแววตาคาดหวังทั้งให้กำลังใจของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็พยักหน้ารับงุดๆแล้วโดดขึ้นบันไดไปเร็วไว
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจนางก็สามารถแซงขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ
จากนั้นก็แซงขึ้นไปอู่ในอันดับที่ 2
สุดท้ายนางก็แซงขึ้นไปอู่ในอันดับที่ 1!
ตอนนี้ฮ่วนเอ๋อไม่เพียงมีระดับพลังฝึกปรือเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่ยังตระหนักรู้ความลึกซึ้งของกฏมิติเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย เรียกว่าไล่ตามต้วนหลิงเทียนมาติดๆแล้ว
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยจนหมดตั้งแต่ก่อนที่จะออกเดินทางจากหลิงหลัวเทียน
อย่างไรก็ตามหากด่านพลังฝึกปรือเขาไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้ เขาก็ไม่มีทางเขาใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้เลย…
และก่อนที่เขาจะเข้ามายังแดนลับอัจฉริยะครั้งนี้ เรียกวาเขาพึ่งทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดมาสดๆร้อนๆ อย่าว่าแต่จะมีเวลาใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดยยกระดับความเข้าใจในกฏมิติ กระทั่งเวลาจะปรับด่านพลังให้เสถียรมั่นคงยังไม่มีด้วยซ้ำ…
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฮ่วนเอ๋อที่ใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดมาโดยตลอด จึงมีความเข้าใจในกฏมิติแทบไม่น้อยไปกว่าเขาแล้ว
‘อย่างไรเสียถึงจะมีแรงกดดันไม่น้อย แต่หากข้าพยายามเต็มกำลัง เรื่องจะไต่ไปให้ถึง 30,000 หมี่ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร’
ต้วนหลิงเทียนแม้ว่าจะเริ่มไต่บันไดช้าลงทุกขณะ แต่เขาก็ยังไต่ขึ้นไปไม่หยุด ไม่ทันไรก็สามารถแซงขึ้นไปอยู่ที่ 3 ได้สำเร็จ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะเริ่มไม่ไหวแล้ว
บริเวณตีนเขาแรงโน้มถ่วงทั้งหลาย บัดนี้ก็แทบหาความสงบไม่เจอ
“ให้ตายเถอะ! ฮ่วนเอ๋อผู้นั้น นางไต่ไปถึงอันดับ 1 ของอันดับยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้ว…นางขึ้นบันไดไปได้ถึง 2,932 ขั้น! ไม่ทราบนางจะขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,000 ได้สำเร็จหรือไม่!?”
“ด้วยพลังของนางตอนนี้ต่อให้จะไต่ไปไม่ถึงขั้นที่ 3,000 แต่เผ่าหงส์ฟ้าโบราณกับตระกูลไป๋หลี่ต้องทาบทามนางแน่นอน และหากนางสามารถไต่ไปถึงบันได้ขั้นที่ 3,000 ได้จริง ข้าว่าเผลอๆกระทั่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็คงไม่อาจนั่งเฉยๆได้อีกต่อไป!”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ถึงจะตกไปอยู่ที่ 5…เอ๊า ขึ้นมาอยู่ที่ 3 แล้ว! อัยยะ คราวนี้นับว่าทั้งคู่ให้หน้าอัจฉริยะรากหญ้าอย่างพวกเรายิ่ง!!”
…
ภายในแดนลับอัจฉริยะตอนนี้ ตามยอดเขาแรงโน้มถ่วง เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั้งหลายพากันคึกคักออกหน้าออกตา ทำให้เหล่าอัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 หน้าดำไม่น้อย
สุดท้ายเหล่าอัจฉริยะที่ยังไม่ได้สำแดงฝีมือไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วง ก็เริ่มลงมือไต่เขาทันที
ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการเพิ่มขึ้นของตัวเลขบันไดของพวกมัน ก็ไม่ได้ช้าเลย!
‘พอเท่านี้ก่อนดีกว่า…ถึงแม้จะยังไม่ถึงขีดจำกัด แต่ถ้าฝืนเช่นนี้นานๆก็ไม่เป็นผลดีกับด่านพลัง หากใช้เคลื่อนย้ายข้ามมิติก็สมควรบรรลุถึงบันไดขั้นที่ 3,000 นั่นได้ทันที แต่คงถูกแรงกดดันโถมเข้าใส่ในคราเดียวจนเจ็บตัวเปล่าๆ เรียกว่าทางไหนก็ได้ไม่คุ้มเสียสักนิด’
เมื่อขึ้นมาถึงบันไดขั้นที่ 2,839 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจไม่ไปต่อ เลือกจะหยุดลงดื้อๆ
‘เอาไว้ไปปรับด่านพลังทั้งหาเวลาทำความเข้าใจกฏมิติก่อนสักพัก ค่อยมาปีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงอะไรนี่ใหม่…อย่างไรเสียแดนลับอัจฉริยะแห่งนี้ก็เห็นว่าจะเปิดให้แข่งขันกันแบบนี้ 10 ปีเต็มๆ วันหน้ายังมีโอกาสทำผลงานถมเถ’
พอฉุกคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทราบว่าจะรีบร้อนไปทำอะไร
มีเวลา 10 ปี
ด้วยมีผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด เขามั่นใจว่าต้องสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้แน่นอน!
‘ฮ่วนเอ๋อกำลังจะขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,000 แล้ว…’
หลังตัดสินใจไม่ไปต่อ ต้วนหลิงเทียนก็แหงนมองไปยังบันไดขั้นบนๆของยอดเขาแรงโน้มถ่วง จึงเห็นว่าฮ่วนเอ๋อกำลังเข้าใกล้บันไดขั้นที่ 3,000 มากขึ้นทุกขณะ
‘ดี’
ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นฮ่วนเอ๋อสามารถกระโดดครั้งขึ้นไปยืนบนบันไดขั้นที่ 3,000 ได้สำเร็จ
“พี่ใหญ่หลิงเทียน แรงกดดันยิ่งมายิ่งมากแล้ว”
หลังจากนั้นสักพัก เสียงผ่านพลังของฮ่วนเอ๋อพลันดังขึ้นในหูของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และแฝงความเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง
“ฮ่วนเอ๋อ ถ้างั้นพอเท่านี้ก่อนก็ได้…ไว้ครั้งหน้าค่อยมาลุยกันใหม่ วันนี้เจ้าทำได้ดีมากแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับทันที
หลังจากได้ลองทดสอบการปีนเขาแรงโน้มถ่วงด้วยตัวเอง ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ากุญแจสู่ความสำเร็จนั้นนอกเหนือจากความแข็งแกร่งแล้ว ยังต้องอาศัยความอดทนต่อแรงกดดันจากยอดเขาแรงโน้มถ่วงอีก
ความแข็งแกร่งของเขากับฮ่วนเอ๋อ ในระดับจอมราชันอมตะทั่วไปนั้น ถือว่าสูงมาก
อย่างไรก็ตามในแดนลับอัจฉริยะแห่งนี้ ยังมีจอมราชันอมตะที่ด่านพลังฝึกปรือสูงกว่าเขากับฮ่วนเอ๋อหลายขั้นอยู่ ไม่ว่าจะจอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบ หรือจอมราชันอมตะ 6 ผสาน
และจอมราชันอมตะเหล่านั้น ไม่เพียงแต่ระดับพลังบ่มเพาะฝึกปรือของพวกมันจะเหนือกว่าเขากับฮ่วนเอ๋อ กระทั่งความเข้าใจในกฏยังเหนือกว่าพวกเขาอีกด้วย
‘ย้อนกลับไปในอดีตตอนที่ อวี่เจี้ยนเฉิน ประมุขคนปัจจุบันของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ สร้างสถิติที่ยอดเขาแรงโน้มถ่วง…ไม่เพียงด่านพลังจะบรรลุถึงจอมราชันอมตะ 6 ผสาน แต่สมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่! ที่สำคัญไม่น่าจะแค่ประการเดียว!!’
ก่อนที่จะลองไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วง ต้วนหลิงเทียนไม่อาจอนุมานใดๆได้
แต่ตอนนี้เขาที่ลองเจอแรงกดดันมากับตัวและเห็นสภาพากลำบากของฮ่วนเอ๋อ ย่อมพออนุมานได้ว่ามันเป็นอย่างไร
จากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เลิกล้มการไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วง และกลับลงมายังตีนเขาด้วยกัน
คราวนี้เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกุมมือฮ่วนเอ๋อเอาไว้ หลายคนไม่รู้สึกอิจฉาต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว และรู้สึกว่ามีเพียงบุรุษอย่างต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่คู่ควรกับสตรีงดงามเช่นนาง
“พี่ชายท่านนี้…ท่านสุดยอดมาก! เจ๋งโคตร!!”
“พี่ชายกับแม่นางท่านนี้ พวกท่านนับว่าทำให้อัจฉริยะรากหญ้าอย่างพวกเราได้หน้าไม่น้อยเลย”
“ว่าแต่พาชายกับแม่นางท่านนี้ เป็นอัจฉริยะรากหญ้าจริงๆใช่ไหม?”
…
เมื่อลงมาถึงตีนเขาแรงโย้มนอกจากเอี้ยอวี่เฉินของนิกายปีศาจพันกรแล้ว อัจฉริยะรากหญ้าทั้งหมดล้วนกรูเข้ามาทักทายถามไถ่ต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มอย่างคึกคัก แลดูกระตือรือร้นนัก
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ข้าเข้ามาแดนลับอัจฉริยะครั้งนี้ จุดประสงค์หลักก็เพราะคิดจะหาขุมกำลังอันดับ 1 เข้าร่วมนี่ล่ะ”
“โอ้ว! พี่ชายท่านนี้อย่าได้กังวลเรื่องนี้อีกเลย ด้วยความสามารถของท่านเมื่อครู่ ขุมกำลังระดับ 1 ไหน ก็ยินดีต้อนรับท่านหมดแน่”
“ใช่แล้วๆ”
…
หลังได้รับคำยืนยันว่าต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะรากหญ้าจริงๆ เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั้งหลายก็ยิ่งคึกคักไปกันใหญ่
ด้านเอี้ยอวี่เฉิน อัจฉริยะของนิกายปีศาจพันกรเอง ก็ก้าวเข้ามาหาต้วนหลิงเทียน สองตายังมองจ้องสลับไปมาระหว่าต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “สหายทั้ง 2 มิทราบสนใจเข้าร่วมนิกายปีศาจพันกรของข้าหรือไม่ หากต้องการข้าจักแนะนำพวกท่านด้วยตัวเอง”
ในสายตาของเอี้ยอวี่เฉิน หากมันสามารถดึงอัจฉริยะรากหญ้าที่แลดูร้ายกาจอย่างสองคนนี้มาเข้าร่วมนิกายปีศาจพันกรได้ ก็นับว่าสร้างผลงานใหญ่ได้สำเร็จแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันรู้ดีว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่เต็มใจเข้าร่วมนิกายของมัน
ท้ายที่สุดแล้วนิกายปีศาจพันกรของมัน ท่ามกลางขุมกำลังระดับ 1 มากมายของแดนทักษินยุทธ์ ก็มีพลังรบแค่กลางๆไม่ต่างจากขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายมากนัก เรียกว่าไม่อาจเทียบกับเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ ตระกูลไป๋หลี่ และนิกายกระบี่หมื่นหายนะได้เลย
หากมันเป็น 1 ใน 2 คนเบื้องหน้า มันย่อมไม่คิดจะเข้าร่วมขุมกำลังระดับ 1 ทั่วไป และเลือก 3 ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดนั่นก่อนแน่
“ขอบคุณท่านมากสำหรับคำชวน แต่แดนลับอัจฉริยะเปิดนานถึง 10 ปี พวกเราก็ว่าจะลองดูไปก่อนค่อยตัดสินใจในปีหลังๆน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มขอบคุณ และปฏิเสธคำชวนของเอี้ยอวี่เฉินอย่างสุภาพ
“แล้วแต่สหายจะสะดวกเลย นี่คือลูกแก้ววิญญาณของข้า ขอเพียงสหายสนใจคิดเข้าร่วมนิกายยปีศาจพันกรของข้า สามารถติดต่อมาหาข้าได้ทุกเวลา…ข้าเป็นศิษย์คนที่ 3 ของประมุขนิกาย เอี้ยอวี่เฉิน”
หลังจากเอี้ยอวี่เฉินมอบลูกแก้ววิญญาณให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็จากไปทันที แต่ต้นจนจบไม่คิดเซ้าซี้สร้างความรำคาญอะไรให้ต้วนหลิงเทียนเลย
“อัจฉริยะรากหญ้าคนนี้ก็ร้ายกาจไม่เบาทีเดียว….มันไต่ถึงบันไดขั้นที่ 2,500 แล้ว แถมยังติดอยู่ใน 10 อันดับแรกแล้วด้วย!”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงกล่าวด้วยความชื่นชมหนึ่งดังขึ้น
พอหันไปดูเขาก็พบ่าในตารางอันดับยยอดเขาแรงโน้มถ่วง มีคนพุ่งเข้าสู่ 10 อันดับแรกได้สำเร็จ และมีชื่อว่า โหวจื่อหลง
หลังจากฟังคนรอบๆคุยกัน เขาก็ทราบได้ว่าอีกฝ่ายเป็นอัจฉริยยะรากหญ้าเหมือนกับเขาและฮ่วนเอ๋อ
‘ความแข็งแกร่งของโหวจื่อหลงผู้นี้นับว่าไม่เบาเลยทีเดียว’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
‘หืม?’
ทว่าทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่ามีชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นท้ายตาราง จากนั้นชื่อดังกล่าวก็พุ่งทะยานพรวดๆขึ้นมาด้วยความเร็วสูงล้ำ!
ไม่ทันไรชื่อดังกล่าวก็ไต่บันไดขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,000 และความเร็วก็พึ่งจะมาชะลอตัวลงหลังถึงขั้นนี้!
แน่นอนว่าชื่อดังกล่าวไม่ทันไรก็แซงขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 1 และเบียดฮ่วนเอ๋อให้ตกไปอยู่อันดับที่ 2
“เฟิ่งชีชี!”
“เป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ที่อายุไม่ถึงพันปีของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ เฟิ่งชีชี!!”
“ร้ายกาจเหลือเกิน…ความเร็วในการไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงของเฟิ่งชีชี นับว่าขู่ขวัญผู้คนแทบตายแล้ว แค่พริบตาเดียวนางกลับไต่ขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 3,300!”
“อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนความเร็วของนางจักตกลงแล้ว…ดูท่าคงยากที่นางจะไปได้ถึงบันไดขั้นที่ 3,500”
…
เมื่อได้ยินเสียงแตกตื่นฮือฮาจากผู้คนโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนจึงรู้ว่าชื่อ เฟิ่งชีชี ที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นบนตารางจัดอันดับและพุ่งทะยานพรวดๆ ที่แท้ก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ที่อายุน้อยกว่าพันปีของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ…
เฟิ่งชีชีเป็นสตรี!
“เฟิ่งชีชี…แซ่เฟิ่ง…ไม่รู้ป่านนี้เทียนหวู่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ด้วยความที่เฟิ่งชีชีมีแซ่ว่าเฟิ่ง ต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึง เฟิ่งเทียนหวู่ สตรีที่เต็มใจสละได้กระทั่งชีวิตเพื่อช่วยเขาในอดีต…