War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3230
WSSTH ตอนที่ 3,230 : สถิติใหม่ หอคอยวิญญาณ!
2 ปีต่อมา สถานที่ทดสอบต่างๆในแดนลับอัจฉริยะที่มีการจัดอันดับ คล้ายๆกับยอดเขาแรงโน้มถ่วง หลายต่อหลายแห่งก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย
เนื่องเพราะชื่อคนที่ได้อันดับ 1 มันเปลี่ยนไป
และชื่อคนที่ขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 1 ของสถานที่ทดสอบต่างๆแทนคนเก่าก็คือ ซูหลี่!
“ต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีกหรือ?”
ภายในป่าอันมืดมิดแห่งหนึ่ง ซูหลี่ที่นั่งขัดสมาธิบนกิ่งไม้ใหญ่ กล่าวพึมพำออกมาเบาๆ พลางยื่นมือออกไปเบื้องหน้า
ทันใดนั้นเองประหนึ่งเส้นสายอัสนีฟาดผ่า ใบไม้แต่ละใบที่กำลังร่วงตกลงมา ถูกพลังกระบี่ไร้สภาพอันเยือกเย็นขุมหนึ่ง วูบวาบออกไปสับจนแหลกเป็นพันๆเสี่ยงอย่างเท่าเทียมกันทุกใบ
ฟุ่บ!
เสียงร่างแหวกฝ่าสายลมดังขึ้น เป็นซูหลี่ดีดตัวออกจากกิ่งไม้ โจนทะยานร่างขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นใต้ฝ่าเท้าพลันปรากฏกระบี่สีเลือดเล่มหนึ่งผุดจากความว่างเปล่า พอเท้าย่ำเหยียบลงไป คนก็ท่องกระบี่พุ่งทะยานละลิ่ว ก่อเกิดลำแสงลากยาวตัดฟ้าสายหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
บริเวณปากถ้ำที่ขุดขึ้นริมขอบผาในหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง ปรากฏร่าง 2 ร่างค่อยๆก้าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง
บุรุษช่างหล่อเหลา สตรีก็งดงามไม่แพ้กัน
“ฮ่วนเอ๋อ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราเข้ามาแดนลับอัจฉริยะแป๊บๆ ก็ผ่านไป 8 ปีแล้ว…”
ชายหนุ่มในชุดสีม่วงหันมองทิวทัศน์รอบๆ พลางกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
“พี่หลิงเทียน ทั้งหมดเป็นเพราะฮ่วนเอ๋อ ท่านก็เลยไม่ได้ไปไหนเลย…หากไม่ใช่เพราะฮ่วนเอ๋อพี่หลิงเทียนจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม”
สตรีชุดขาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
ชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ที่เข้ามาในแดนลับอัจฉริยะได้ 8 ปีแล้ว
“เด็กโง่ พี่หลิงเทียนเสียเวลาที่ไหนเล่า…ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เพราะมีเวลาตระหนักรู้กฏมิติ จึงเรียกว่าก้าวหน้าครั้งใหญ่เลยต่างหาก ยังมากกว่าฮ่วนเอ๋อซะอีก”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มสดใสพลางกล่าวปลอบ
“จะว่าไปอาศัยพลังของพวกเราตอนนี้ ในแดนลับอัจฉริยะคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว…พวกเราออกไปตระเวนดูรอบๆกันเถอะ ไม่แน่ว่าอาจจะได้อะไรติดไม้ติดมือเพิ่ม”
“อีกทั้งพวกเราต้องไปสถานที่ทดสอบทั้งหลายด้วย อย่างน้อยๆก็ต้องทำผลงานให้พวกขุมกำลังระดับ 1 มาทาบทามพวกเราให้ได้”
พอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างนำฮ่วนเอ๋อออกจากหุบเขาทันที
หลังจากเหินร่างออกจากหุบเขาได้ไม่นานนัก ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นหอคอยสูงใหญ่ กินอาณาบริเวณกว้างขวางตั้งตระหง่านราวยักษ์ปักหลั่นอยู่ไกลตา นับด้วยสายตาแล้วสมควรสูงราวๆ 30 ชั้นเห็นจะได้
“นั่นมัน…หรือจะเป็นหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล?”
เมื่อเห็นหอคอยมหึมาที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้า สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันที
ก่อนหน้าที่เขาจะปิดด่านบ่มเพาะ ระหว่างเดินทางหาที่เก็บตัว เขาก็เคยได้ยินอัจฉริยะที่เหินผ่านไปมา กล่าวถึงหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลอยู่บ้าง ว่ามันเป็นสถานที่ๆใช้สำหรับวัดพลังฝีมือโดยรวมของอัจฉริยะที่เข้ามาในแดนลับอัจฉริยะได้ดีทีเดียว
ผู้ที่เข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลนั้น ไม่อาจใช้พลังภายนอกใดๆได้ในขณะทดสอบได้ ดุจเดียวกับฟ้าดินแห่งกฏ
‘หากจำไม่ผิดสถิติสูงสุดของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ก็สมควรเป็นผลงานของอวี่เจี้ยนเฉิงประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะเช่นกัน…หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทั้ง 30 ชั้น มันใช้เวลาเพียงแค่ 132 ลมหายใจ ก็เข่นฆ่าจิตวิญญาณแห่งค่ายกลได้ทั้งหมด’
ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องนี้มาจากอัจฉริยะรากหญ้าคนอื่นๆ
‘ข้ากับฮ่วนเอ๋อปิดด่านบ่มเพาะไป 8 ปีแล้ว ตอนนี้ในแดนลับอัจฉริยะก็เหลือเวลาไม่ถึง 2 ปี…ไม่ทราบในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่าน มีสถิติใดถูกทำลายไปบ้าง แล้วอัจฉริยะจากขุมกำลังใดทำผลงานได้ดีที่สุด’
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้วนหลิงเทียนจึงพาฮ่วนเอ๋อเหินร่างมุ่งตรงไปยังหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทันที และด้านหน้าใกล้ๆทางเข้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล มีแท่นศิลาตั้งอยู่ เพียงแผ่สำนึกเทวะลงไป ก็จะสามารถตรวจสอบอันดับ และเวลาที่ผู้ทดสอบใช้ผ่านหอคอยได้
‘หืม? อันดับแรก…ซูหลี่?’
พอเห็นว่าผู้ที่ได้อันดับ 1 ของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลในตอนนี้ชื่อ ซูหลี่ ในใจต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏร่างชายหนุ่มที่ไม่ได้พบเจอกันนานมากๆแล้วคนหนึ่งขึ้นมาทันที
เขามีสหายเก่านามซูหลี่อยู่คนนึง
อย่างไรก็ตาม หลังจากออกจากระนาบเหยียนหวง ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกตอนนั้น เขาก็ไม่ได้พบเจอซูหลี่อีกเลย กระทั่งข่าวคราวก็ไม่มี
พอลองนับนิ้วดูแล้ว เขากับซูหลี่ก็ไม่ได้เจอกันมาเกือบ 200 ปีแล้ว
‘ชื่อนี้ ช่างทำให้ข้าอดคิดถึงสหายเก่าไม่ได้จริงๆ…’
ถึงแม้ชื่อนี้จะทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกคิดถึงในใจ แต่เขาก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นสหายเก่าของเขาไปได้
สหายเก่าของเขาผู้นั้น ถึงโชควาสนาจะดี แต่เรื่องจะทะลวงให้ถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดในช่วงเวลาแค่สั้นๆแบบนี้ เขาแลไม่เห็นทางเลย เว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะถูกขุมกำลังระดับสูงๆรับไปชุบเลี้ยง…
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดว่าเจ้าของชื่อนี้ จะเป็นสหายของเขาไปได้
‘อันดับที่ 2 อวี่เทียนสิง…อวี่เทียนสิง หากจำไม่ผิด สมควรเป็นชื่อของอัจฉริยะอันดับ 1 จากนิกายกระบี่หมื่นหายนะใช่ไหม?’
ถึงแม้ในวันที่ปีนขึ้นยอดเขาแรงโน้มถ่วง ต้วนหลิงเทียนจะไม่เห็นชื่ออวี่เทียนสิงในตารางจัดอันดับ แต่เขาก็ได้ยินคนอื่นกล่าวขานถึงมันไม่น้อย จึงรู้ว่าอีกฝ่ายก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ แข็งแกร่งกว่าเฟิ่งชีชีของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ และไป๋หลี่หงเฟยแห่งตระกูลไป๋หลี่อยู่หลายส่วน
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไล่ดูรายชื่อถัดมา
‘อันดับ 3 เอี้ยอู๋เต้า? ใครหว่า…ไม่เคยได้ยินคนพูดถึงมันเลย แต่ท่าทางจะร้ายกาจไม่เบา’
ชื่อนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คุ้นหูจึงไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่อีก 2 ชื่อถัดมาต้วนหลิงเทียนคุ้นดี เนื่องจากได้ยินมาแล้วบ่อยครั้ง
เฟิ่งชีชี ไป๋หลี่หงเฟย
‘หืม? อันดับ 10 โหวจื่อหลง คนๆนี้ดูเหมือนจะเป็นอัจฉริยะรากหญ้าสินะ สามารถติดอยู่ในอันดับ 10 ของหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้ พลังฝีมือนับว่าไม่ใช่ชั่วจริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนจดจำชื่อโหวจื่อหลงได้เช่นกัน เพราะในตอนที่เขาลองไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงดู ชื่อของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงเช่นกัน
‘จนถึงตอนนี้ คนที่ทำเวลาในการผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลเร็วที่สุดก็คือคนที่ชื่อ ซูหลี่ ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 141 ลมหายใจ’
หลังเห็นเวลาที่ซูหลี่ใช้ผ่านหอคอยวิญญาณสองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาวาบหนึ่ง
“ให้ตายเถอะ พวกเจ้ามองไป 11 นาฬิกาเร็วเข้า แม่นางผู้นั้นช่างงดงามยิ่งนัก!”
“จึกๆๆ! ข้าเข้าใจนิยามของคำว่างดงามใหม่แล้วสหาย…ว่าแต่สวยหยาดฟ้ามาดินขนาดนี้หรือว่านางจะเป็นฮ่วนเอ๋อที่คนเขาร่ำลือกันเมื่อหลายปีก่อน?”
“มีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะผู้คนให้นิยามแม่นางฮ่วนเอ๋อว่า โฉมงามไร้คู่เปรียบ…เช่นนั้นเจ้าหนุ่มชุดม่วงข้างๆ ก็คือต้วนหลิงเทียนสินะ?”
“จริงสิ ไม่ใช่ว่าอวิ๋นเซียวลูกชายคนเดียวของประมุขนิกายปีศาจพันกรถูกพวกมันฆ่าตายรึไง?”
“ใช่ เจ้านั่นมันไปหาเรื่องผู้อื่นเขาก่อนสุดท้ายก็โดนดีเข้าให้! จะว่าไปเหมือนจะเพราะเรื่องนี้รึเปล่าที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ปรากฏตัวออกมา 8 ปี? เดิมทีข้าคิดว่าทั้งคู่อาจจะถูกคนของนิกายปีศาจพันกรรุมเก็บไปแล้วซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะยังอยู่ดีกันแบบนี้”
…
บริเวณหน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็มีผู้คนไม่น้อย การมาถึงของต้วนหลิงเทียนก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนทันที แน่นอนว่าเป้าสายตาจริงๆ ก็คือฮ่วนเอ๋อข้างกายเขา
ด้วยความที่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อได้ปิดด่านบ่มเพาไม่ได้ออกไปไหน จะเงียบหายไปเลยก็ไม่แปลก เช่นนั้นพอปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงทำให้ผู้คนรู้สึกสนใจไม่น้อย
“นั่นน่ะเหรอ สตรีที่ฆ่าอวิ๋นเซียว?”
ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนหนึ่งที่ยืนไม่ไกลจากหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลมากนัก เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดมือบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณติดต่อไปหาใครบางคนทันที “เฮ่ อวิ๋นเอี้ย สตรีที่ฆ่าศิษย์น้องของเจ้าปรากฏตัวขึ้นที่หน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ที่เจ้าเหินร่างผ่านไปวันก่อน”
ในแดนลับอัจฉริยะ มีหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทั้งสิ้น 9 หลัง ซึ่งมีจำนวนเท่ากันกับ ฟ้าดินแห่งกฏ
อย่างไรก็ตามมันมีความแตกต่างจากฟ้าดินแห่งกฏอยู่บ้างนั่นเพราะหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลสามารถเข้าไปพร้อมๆกันได้หลายคน
เมื่อเข้าไปแล้ว ทุกคนจะถูกส่งไปยังพื้นที่แยกย่อยของแต่ละชั้นภายในหอคอย และมีเพียงเข่นฆ่าจิตวิญญาณค่ายกลของชั้นนั้นๆให้หมดเสียก่อน ถึงจะขึ้นสู่ชั้นต่อไปได้
และวินาทีที่จิตวิญญาณค่ายกลบนหอคอยชั้นที่ 30 ตกตายหมดสิ้น ก็จะถือว่าผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล
อัจฉริยะที่สามารถเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะได้ พอเพียงพลังฝีมือไม่อ่อนด้อยเกินไป การที่จะผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เรื่องที่จะผ่านมันให้ได้ในเวลาสั้นๆต่างหาก ถือได้ว่าเป็นจุดที่ยากเย็นที่สุด
“ฮ่วนเอ๋อ พวกเราเข้าไปเล่นดูหน่อยเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจผู้คนที่มองมารอบๆแม้แต่น้อย หลังชวนฮ่วนเอ๋อแล้ว ก็เหินร่างนำนางเข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทันที
เมื่อเข้าสู่หอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างกายเขาหายไป แต่เขาไม่ได้กังวลอะไร เพราะรู้ดีว่านี่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น
และตอนนี้เขาก็ได้เข้ามายังพื้นที่แยกย่อยภายในหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลเรียบร้อยแล้ว
‘เวลาที่ใช้ในหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลจะถูกนับตั้งแต่ที่จิตวิญญาณค่ายกลของชั้นแรกปรากฏตัวขึ้นมา…ตอนนี้ก็แค่รอให้มันโผล่ออกมา’
ถึงแม้จิตวิญญาณค่ายกลจะยังไม่ปรากฏตัวออกมา แต่เส้นประสาททั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันขึงตึงทันที พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดถูกโคจรเร่งเร้าเตรียมพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
…
ด้านนอกหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม โรยตัวลงมาจากฟากฟ้า
“พวกมันอยู่ที่ใด?”
ชายหนุ่มคนนี้ใบหน้าแลดูเย็นชานัก สองตามันเฉยชาอยู่ตลอดเวลา ทำราวกับคนทั้งโลกติดหนี้มัน ทั่วร่างยังแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นประการหนึ่ง ชวนให้ผู้คนรู้สึกขยาด ไม่อยากอยู่ใกล้มันมากนัก
ทันทีที่มันปรากฏตัว มันก็ยิงคำถามใส่ชายหนุ่มชุดฟ้าทันที เสียงเย็นชาของมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าเบาเลย
“เอ๋? นั่นมิใช่อวิ๋นเอี้ย อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายปีศาจพันกรหรอกรึ?”
และพอมันเอ่ยทักชายหนุ่มชุดฟ้าเสียงเย็น หลายคนก็หันไปชมมอง จึงจดจำมันได้ทันที
อวิ๋นเอี้ยนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายปีศาจพันกร
“พวกมันเข้าไปข้างในแล้ว”
ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ถูกอวิ๋นเอี้ยถามยักไหลคราหนึ่ง ค่อยพยักหน้าไปทางหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลพลางกล่าว
“ดี! ดียิ่ง!!”
อวิ๋นเอี้ยพยักหน้ารับ สองตาฉายแววอำมหิตเย็นชา “เช่นนั้นข้าจะรอพวกมันที่นี่!”
“อวิ๋นเอี้ย ข้าว่า…เจ้าเรียกคนมาเพิ่มหน่อยไม่ดีหรือ? พวกมันเองก็ร้ายกาจเอาเรื่อง หากพวกมันผนึกกำลังกันลงมือ ข้าเกรงว่าลำพังเจ้ากับข้าสองคนจะเอาพวกมันไม่อยู่…”
ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ติดต่อไปหาอวิ๋นเอี้ยกล่าวแนะนำ
“ไม่ต้องห่วง ข้าส่งข้อความไปเรียกคนของนิกายปีศาจพันกรมาทั้งหมดแล้ว”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าพลังฝีมือของฮ่วนเอ๋อไม่ใช่ชั่ว เพราะสามารถฆ่าอวิ๋นเซียวได้ในพริบตา ไหนจะยังมีต้วนหลิงเทียนนั่นอีกคน อวิ๋นเอี้ยไหนเลยจะกล้าดูเบาทั้งคู่ จึงเร่งติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังคนของนิกายปีศาจพันกรทั้งหมดแต่แรก
มีเพียงอัจฉริยะที่อยู่ห่างไกลจากตรงนี้มากเท่านั้น ที่ไม่อาจมาถึงได้ในเวลาสั้นๆ
“อวิ๋นเอี้ย หรือว่า…พวกเราดูก่อนว่าพวกมันใช้เวลานานแค่ไหน? หากพวกมันใช้เวลาพอๆกับเจ้า พวกเราก็ไม่ต้องรีบร้อนลงมือดีไหม?”
ชยหนุ่มชุดฟ้ายังคงกล่าวแนะนำออกมาเสริม
“อืม”
อวิ๋นเอี้ยพยักหน้าเห็นด้วย ค่อยถามไปว่า “แล้วนี่พวกมันเข้าไปนานเท่าไหร่แล้ว?”
“ตั้งแต่ที่พวกมันเข้าไป ก็ผ่านไป 30 ลมหายใจได้…ปกติหลังจากที่เข้าไปก็จะมีเวลาเตรียมตัว 20 ลมหายใจ หมายความว่าตอนนี้พวกมันสมควรใช้เวลาสู้ไป 10 ลมหายใจแล้ว”
ชายหนุ่มชุดฟ้ากล่าว
“หึ! ข้าจะคอยดูว่าพวกมันทำเวลาได้เร็วแค่ไหน”
อวิ๋นเอี้ยหันไปมองจ้องหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลด้วยสายตาดุร้าย
คนอื่นๆที่อยู่ด้านนอกหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อพึ่งเข้าไปในหอคอยได้ไม่ทันไร อวิ๋นเอี้ยก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทั้งหมดย่อมคาดเดาได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด ไม่พ้นต้องมาล้างแค้นแน่นอน
“ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะเอาชนะอวิ๋นเอี้ยได้หรือไม่”
…
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
วู้ม!
และเมื่อร่างในชุดสีม่วงมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน สองตาผู้คนโดยยรอบก็หดเล็กลงแทบปิด ไม่เว้นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างอวิ๋นเอี้ยด้วย!
“ไฉนมันถึงได้ออกมาไวนักเล่า!?”
กล่าวได้เลยว่าชายหนุ่มชุดฟ้าข้างๆอวิ๋นเอี้ยตกใจครั้งใหญ่แล้วจริงๆ สีหน้ามันฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ
“1…127 ลมหายใจ!!”
“บ้าไปแล้ว! สถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงที่ไม่มีผู้ใดทำลายลงได้ตลอด 20,000 ปีที่ผ่านมา ถูกทำลายลงแล้วงั้นเรอะ!?!”
“ให้ตายเถอะข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เป็นประจักษ์พยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์! การเดินทางเข้ามาครั้งนี้ช่างคุ้มค่ายิ่ง! คุ้มค่ามารดามันจริงๆ!!”
…
เมื่อเห็นร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้น ห่าสำนึกเทวะสายแล้วสายเล่าก็แผ่พุ่งเข้าไปยังแท่นศิลาอันเขื่องด้านหน้าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลทันที สุดท้ายจึงพบว่าบัดนี้ชื่ออันดับ 1 บนหัวตารางจัดอันดับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล ไม่ใช่ซูหลี่ อัจฉริยะแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะอีกต่อไป
ต้วนหลิงเทียน 127 ลมหายใจ!
สถิติที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายได้ตลอดระยะเวลา 20,000 ปีที่ผ่านมาของ ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะ อวี่เจี้ยนเฉิง ก็คือ 132 ลมหายใจ
กล่าวอีกอย่างได้ว่า
ต้วนหลิงเทียนใช้เวลาในการผ่านหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล เร็วกว่าอวี่เจี้ยนเฉิงในปีนั้นถึง 5 ลมหายใจ!
ต้องทราบด้วยว่าการฝ่าหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลเน้นเรื่องการทำเวลา เช่นนั้นโดยปกติแล้ว ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เข้าทดสอบจะไม่ลงมือเต็มที่
เช่นนั้นกล่าวได้ว่า การจะบีบเวลาให้สั้นลงสักหนึ่งลมหายใจ มันเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมาก
เวลา 5 ลมหายใจ นับว่าแตกต่างกันใหญ่หลวง!
“อึก…”
อวิ๋นเอี้ยถอนรั้งสำนึกเทวะออกมาจากแท่นศิลา ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สองตามองจ้องชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่ไม่ไกล พึมพำออกมาเสียงสั่น “มัน…มันคือชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายฮ่วนเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนหรือ?”