War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3348
ตอนที่ 3,348 : อเวจี!
ถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะไม่ได้ไปช่วยเหลียนชิวกับตู้เสวียพร้อมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในใจนางก็รู้สึกกดดันทั้งเป็นกังวลนัก
กระทั่งนางยังนําลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนออกมามองจ้องไว้ไม่วางตา ราวกับทันทีที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนเพราะไปช่วยเหลือบิดามารดาของนางล่ะก็นางจะตายตามอีก ฝ่ายไปทันที และนี่เป็นคํามั่นที่นางกล่าวออกมา ตอนต้วนหลิงเทียนทิ้งนางไว้ในระนาบโลกียะ
ยังเป็นขีดจํากัดล่างของนาง
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย ฮ่วนเอ๋อย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา กระทั่งถึงกับลืมเลือนบิดาบังเกิดเกล้าอย่างเหลียนชิวไปชั่วขณะ
เหลียนชิวที่ยืนอึ้งตาปริบๆอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่มองสตรีที่สวมกอดต้วนหลิงเทียนไม่วางตาสีหน้า ของมันตอนนี้เต็มไปด้วยความโล่งใจเป็นที่สุด
“เสวียนเอ้อ เจ้าเห็นแล้วหรือไม่?”
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่บัดนี้จิ้งจอกขาวราวหิมะได้อยู่ในอ้อมแขนเหลียนชิวอีกครั้ง บาดแผลทั่วร่างก็เริ่มสมานตัวไปบางส่วนแล้ว
กระทั่งยังลืมตาคู่งามดั่งมณีแก้วขึ้นมาแล้วด้วย
และพอเห็นฮ่วนเอ๋อกอดชายหนุ่มชุดม่วงไม่ไกล ดวงตาคู่งงามดั่งแก้วมณีดังกล่าวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด
คล้ายจะสังเกตได้ถึงสายตาที่มองมาของจิ้งจอกมายาสีขาวราวหิมะ ฮ่วนเอ๋อพลันผละออกจากอ้อมกอดต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็วูบร่างมาหยุดเบื้องหน้าเหลียนชิว พลางพยักหน้าให้เหลียนชิวเบาๆ แต่ต้นจนจบไม่ได้เรียกหาอีกฝ่ายว่า พ่อ ออกมาสักครั้ง
สายตาขอนางเพียงจดจ้องไปยังจิ้งจอกมายาสีขาวในอ้อมแขนเหลียนชิวไม่วางตา
“ฮ่วนเอ๋อ…เป็นเจ้าหรือ?”
ดั่งมีเสียงระเบิดดังสะท้านในหูของฮ่วนเอ๋อ น้ำเสียงนี้สําหรับนางแล้วไม่ต่างอะไรกับเสียงที่นางสลักไว้ในความทรงจําอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นเสียงที่นางไม่ได้ยินมา 200 กว่าปีแล้ว
“ท่านแม่ ข้าเอง”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวตอบด้วยเสียงสะอื้นไห้ ขณะเดียวกันชุดคลุมสีขาวพิสุทธิ์ราวเทพธิดาของนางก็เริ่มโบกสะบัดแม้ไร้ลม จากนั้นเบื้องหลังก็ปรากฏเงาร่างจิ้งจอกขาวตัวเขื่องขึ้น ลักษณะของมันช่างแลดูสูงส่งและศักดิ์สิทธิ์นัก!
และทันทีที่เงาร่างจิ้งจอกสีขาวปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะจี้หนิงอวิ๋น เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน ก็สัมผัสได้ถึงพลังสะกดข่มทางสายเลือดประการหนึ่ง! ราวกับจิตวิญญาณของพวกมันบังเกิดความยําเกรงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม!!
ความรู้สึกดังกล่าว บ่งบอกให้รู้ว่าเงาร่างจิ้งจอกขาวที่ปรากฏขึ้นนั้น มีสายเลือดที่สูงส่งและบริสุทธิ์เหนือกว่าพวกมัน!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า อีกฝ่ายไม่ใช่สัตว์อมตะอีกต่อไป
เนื่องเพราะทั้ง 4 ก็เป็นสัตว์อมตะที่นับว่ามีสายเลือดสูงส่งและยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาสัตว์อมตะทั้งปวงแล้ว
“นี่มัน…”
ลูกตาจี้หนิงอวิ๋นหดเล็กลงทันใด หลังเงียบไปอยู่นานเพราะได้เห็นเงาร่างจิ้งจอกขาวด้านหลังฮ่วนเอ๋อ สุดท้ายก็โพล่งออกมาด้วยความตกใจว่า “จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!”
“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา?”
ได้ยินสิ่งที่จี้หนิงอวิ๋นโพ่งออกมา ไม่ว่าจะเสี่ยวเฮย เสียวไป๋หรือเสี่ยวจิน ก็กลับมารู้สึกตัว มองไปยังฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง ในแววตายังฉายชัดถึงความตกใจครั้งใหญ่
และในเวลาเดียวกัน พวกมันก็เข้าใจได้ทันทีว่าไฉนเงาร่างของฮ่วนเอ๋อ ถึงทําให้พวกมันถึงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางสายเลือดนัก!
ที่แท้นี่ก็คือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!
ไม่ว่าจะในเผ่ามังกร หรือหุบจันทร์โลหิตแห่งว่านโช่วเทียน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นขุมกําลังที่สืบทอดมรดกต่อๆกันมายาวนานที่สุดในว่านโชวเทียน พวกมันมีมรดกที่ลึกซึ้งทั้งรากฐานมั่นคง ไม่ใช่อะไรที่ขุมกําลังระดับสวรรค์อย่างวังเทียนฉือของอู๋หยาเทียน หรือขุนเขากระบี่ฟ้าแห่งจี้เมี่ยเทียนจะเทียบได้แม้ปลายเล็บ!
ด้วยเหตุนี้ ปกติแล้วคนของเผ่ามังกรกับหุบจันทร์โลหิต จึงได้รับมรดกความทรงจําที่สืบทอดต่อกันมาเนิ่นนาน ทําให้รู้เรื่องสัตว์อสูรไม่น้อย ยังล่วงเวลาที่จะปรากฏตัวคร่าวๆ
ในบรรดาสัตว์อสูรที่ว่า ก็รวมถึงสัตว์เทพที่เคยปรากฏตัวขึ้นในระนาบเทวโลกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ในเผ่ามังกรของมัน ก็มักจะปรากฏมังกรเทพดา 10 กรงเล็บขึ้นมาทุกๆแสนปี
และยอดฝีมือของเผ่ามังกรที่ออกไปสร้างขุมกําลังของตัวเอง จนกลายเป็นจักรพรรดิ สวรรค์ของระนาบเทวโลกแห่งหนึ่ง ร่างที่แท้จริงของมันก็คือมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บเช่นกัน
และมันยังเป็นมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บที่ปรากฏตัวขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียวในรอบ 100,000 ปี ที่ผ่านของเผ่ามังกร
ในหุบจันทร์โลหิตเองก็มีสัตว์เทพปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
ทว่าแตกต่างจากเผ่ามังกรที่จะปรากฏสัตว์เทพอย่างมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้นทุกๆ 100,000 ปี ในหุบจันทร์โลหิตนั้นสัตว์เทพจะปรากฏขึ้นหรือไม่ก็สุดแล้วแต่โชควาสนาล้วนๆ
บางครั้งก็กินเวลาหลายล้านปี บางทีไม่กี่ร้อยพันปีก็ปรากฏ
กระทั่งสถิติที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของหุบจันทร์โลหิตที่บันทึกไว้ในอดีต ก็มีสัตว์เทพปรากฏตัวขึ้นติดๆกันถึง 2 ในเวลาไม่ถึงหมื่นปี
ในประวัติศาสตร์ของหุบจันทร์โลหิตนั้น สัตว์เทพที่ทรงพลังและมีชื่อเสียงที่สุดก็คือ หนูเทพสังหาร 9 สันโดษ และจ้าวหีบจันทร์โลหิตคนปัจจุบันก็คือทายาทองหนูเทพสังหาร 9 สันโดษที่ว่า
ในหุบจันทร์โลหิตเอง ก็มียอดฝีมือมากมายที่เป็นสัตว์อมตะประเภทหนู
ไม่ว่าจะจ้าวหุบจันทร์โลหิต หรืออาวุโสใหญ่ของหุบจันทร์โลหิต ก็เป็นสัตว์อมตะสายพันธุ์หนูทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้เอง เสี่ยวจินที่ได้พบเจอบ่อโลหิตสืบทอดของหุบจันทร์โลหิต จึงบังเกิดการวิวัฒนาการที่ไม่ธรรมดา กลับกลายเป็นสัตว์อมตะสายพันธุ์หนูระดับสุดยอด ทําให้นางได้รับการดูแลจากหุบจันทร์โลหิตอย่างดี
อาวุโสใหญ่แห่งหุบจันทร์โลหิต ถึงกับประกาศรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ให้ความสําคัญกับนางไม่ต่างอะไรกับลูกหลานแท้ๆ
“จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาสัตว์เทพที่จักปรากฏขึ้นในรอบหลายล้านปีของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมาย….ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าในช่วงชีวิตของข้าจะได้พบเห็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาต่อหน้าต่อตาแบบนี้”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าวอย่างทอดถอนใจ
ทันใดนั้น สายตานางก็วกกลับไปจับจ้องมองเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ด้วยความวาดหวัง อดพึมพําในใจไม่ได้ “ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก มังกรเทพยดา 10 กรงเล็บมักปรากฏตัวทุกรอบแสนปี แต่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาไม่แน่ว่าจะปรากฏตัวออกมาในรอบหลายล้านปีเสมอไป”
“อย่างไรก็ตามหากหัวงเวลาคาบเกี่ยวในการปรากฏมาบรรจบกัน ถ้าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาพลันปรากฏตัวขึ้นในรอบหลายล้านปี ในยุคสมัยนั้นก็จักปรากฏมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้นมาด้วยเสมอ”
“ดูเหมือนคงอีกไม่นานแล้ว ที่เผ่ามังกรของเราจักปรากฏมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บขึ้น”
“เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋เป็นผู้ที่มีความเป็นไปได้สูงสุดในรุ่นนี้…ไม่ทราบที่แท้จะเป็นผู้ใด”
ในใจจี้หนิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวังนัก
ระดับสูงของเผ่ามังกรได้จัดประชุมและหารือกันมากกว่าหนึ่งครั้ง และหลายคนก็รู้สึกว่ามังกรเทพยดา 9 กรงเล็บในเผ่าที่มีโอกาสวิวัฒนาการเป็นมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บสูงสุด ก็เป็นเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋
กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ!
“ฮ่วนเอ๋อใช่หรือไม่ เจ้าถอยไปก่อน ให้ข้าช่วยรักษามารดาเจ้าเถอะ” จี้หนิงอวิ๋นคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นก็เดินมาหยุดข้างๆฮ่วนเอ๋อพลางกล่าว
ด้านฮ่วนเอ๋อหลังได้ยินคําพูดของจี้หนิงอวิ๋น นางก็หันไปมองด้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น จนเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้า นางจึงค่อยพยักหน้าให้จี้หนิงอวิ๋นและหลีกทางให้
“พวกเจ้านับว่ามีบุตรอันประเสริฐนัก”
จี้หนิงอวิ๋นพยักหน้าให้เหลียนชิวกับจิ้งจอกขาวในวงแขน และในขณะที่ลูกตานางหดแคบลง แสงพลังสีขาวราวพลังศักดิ์สิทธิ์ก็เรื่องสว่างขึ้นมาทั่วร่างปานแสงทิพย์ จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นมาช้าๆก่อนจะแผ่แสงพลังไปปกคลุมร่างจิ้งจอกขาวในวงแขนเหลียนชิวทันที
พริบตาต่อมา เมื่อแสงสว่างปกคลุมไปทั่วร่างจิ้งจอกมายา บาดแผลตามตัวก็ค่อยๆฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า!
“ได้ยินมานานแล้วว่ากฏแห่งแสงมีพลังอํานาจฟื้นฟูรักษาเลิศล้ำพอๆกับกฏแห่งไม้..ได้เห็นกับตาวันนี้นับว่าสมคําร่ำลือจริงๆ”
ชมดูฉากเรื่องราวปานอภินิหารเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดทอดถอนในใจไม่ได้
เพียงเวลา 2 เค่อ จี้หนิงอวิ๋นก็รักษาอาการบาดเจ็บตามตัวจิ้งจอกขาวได้หายหมดจด กระทั่งบาดแผลและอาการบอบช้ําภายในก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อจี้หนิงอวิ๋นลดมือลง หน้าผากของนางก็ปรากฏเหงื่อเม็ดเขื่องเต็มไปหมด ทว่าไม่ทันไรนางก็ใช้พลังระเหยหายไปสิ้น
วู้มมม!
ทันใดนั้นเองร่างจิ้งจอกขาวในวงแขนเหลียนชิวก็ส่องแสงจ้า จากนั้นก็ไม่มีจิ้งจอกขาวอีกต่อไปกลับกลายเป็นสตริงดงามนางหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเหลียนชิวแทน
“ขอบคุณอาวุโส 4”
สตรีนางนี้ก็คือตู้เสวียน มารดาของฮ่วนเอ๋อนั่นเอง สิ่งแรกที่ทําหลังปรากฏตัวก็คือการขอบคุณจี้หนิงอวิ๋น
ถึงแม้นางจะถูกทรมานจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เต็มที่นางก็แค่ไม่อาจสื่อสารกับโลกภายนอกได้ ทว่าจิตใต้สํานึกของนาง ก็ยังรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกได้อยู่
กระทั่งช่วงที่อยู่ในโลกใบเล็กภายในกายเหลียนชิวผู้เป็นสามี นางก็ล่วงรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านนอก
“อือ”
จี้หนิงอวิ๋นพยักหน้าให้ตู้เสวียน
“ท่านแม่”
เมื่อเห็นตู้เสวียนกลับมาอยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์ และยังมีรูปลักษณ์เหมือนตอนที่จากไปในปีนั้น ฮ่วนเอ๋อย่อมตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด เร่งโผเข้าไปกอดตู้เสียนทันที
“ฮ่วนเอ๋อ ไม่ทันไรเจ้าก็โตขนาดนี้แล้วแม่มีความสุขยิ่ง มีความสุขยิ่ง”
“ตอนแม่จากไป แม่กลัวใจเหลือเกินว่าจักเกิดเรื่องร้ายๆอันใดกับเจ้าหรือไม่ แต่แม่ไม่อาจไม่ไป เพราะแม่กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”
“แม่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ ฮ่วนเอ๋อไม่โทษแม่ได้หรือไม่”
เมื่อเห็นว่า 3 คนครอบครัวของฮ่วนเอ๋อได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนกับจี้หนิงอวิ๋นก็หันมามองสบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็ชวนพวกเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินจากไป ปล่อยให้ครอบครัวทั้ง 3 ได้มีเวลาส่วนตัว
“ ต้วนหลิงเทียน หลังจากนี้เจ้าคิดจะทําอย่างไรต่อไป ใช่มีแผนแล้วหรือไม่?”
จี้หนิงอวิ๋นเอ่ถามต้วนหลิงเทียน
“ยังไม่”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา จากนั้นสองตาก็ฉายประกายเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ข้าจะหาวิธียกระดับพลังฝึกปรือ และทะลวงให้ถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะโดยเร็วที่สุด!”
มีเพียงบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนถึงจะเปิดประตูสู่การหลอมรวมความลึกซึ้งแห่งกฏได้
หาไม่แล้วต่อให้พลังของผลึกสํานึกผู้แข็งแกร่งที่สุดจะทรงพลังฝืนลิขิต แต่ด้วยด่านพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้น ก็ไม่มีทางที่มันจะช่วยให้เขาเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏได้เลย
“หากเจ้ายังไม่มีแผนใดๆ ไม่สู้ไปเผ่ามังกรของพวกเราที่ว่านโชวเทียนเล่า?”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าวชวนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ขณะเดียวกันก็เหลือบไปมองเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ข้างๆ “ข้าคิดว่าเด็กน้อยทั้ง 2 ก็ไม่พ้นหวังให้เจ้ากลับไปยังเผ่ามังกรพร้อมกับพวกเรา”
แทบจะทันทีที่เสียงจี้หนิงอวิ๋นดังจบคํา จะเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคาดหวังอย่างแรงกล้า
ก็เป็นอย่างที่จี้หนิงอวิ๋นพูดมาไม่มีผิด
หากเป็นไปได้ พวกมันก็หวังให้พี่ใหญ่หลิงเทียนจะติดตามพวกมันกับไปยังเผ่ามังกร
“พี่ใหญ่หลิงเทียน กลับไปกับพวกเราเถอะ..พวกเราจะได้ฝึกปรือด้วยกัน หลังจากนี้อีก 700 ปี รอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกและระนาบเทพเปิดออกเมื่อใด พวกเราจักได้ไปช่วยพี่สาวเค่อเอ๋อ กับพี่สาวเฟยเอ๋อด้วยกัน”
เสียวไป๋กล่าวโน้มน้ามตัวนหลิงเทียน
“พี่ใหญ่หลิงเทียน หากท่านไม่อยากไปเผ่ามังกร ท่านไปอยู่หุบจันทร์โลหิตกับข้าก็ได้นะ…หุบจันทร์โลหิตของข้าก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าเผ่ามังกรเลย”
เสี่ยวจินก็ชักชวนออกมาด้วยรอยยิ้มคาดหวัง
“ผู้อาวุโสจี้ ข้าเข้าใจในความหวังดีของท่านอย่างไรก็ตาม หลังจากได้คิด ตอนนี้ข้าว่าข้ามแผนแล้วว่าจะทําอย่างไรต่อไป”
คําพูดของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นการปฏิเสธคําชวนของจี้หนิงอวิ๋นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“แล้วเจ้ามีแผนอย่างไรเล่า?”
จี้หนิงอวิ๋นอยากรู้ไม่น้อย เพราะยังมีที่ใดดีกว่าเผ่ามังกรของนางอีก? รู้หรือไม่ว่ามีผู้คนกี่คนต่อกี่คนที่อยากเข้าร่วมเผ่ามังกรของพวกนางใจจะขาด?
แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้าแลแล้วไม่คล้ายอยากจะเข้าร่วมเผ่ามังกรแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม นางก็พอจะเข้าใจได้ เพราะถึงแม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าจะยังเยาว์ แต่กลับมีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าเสียวเฮยกับเสี่ยวไป๋ที่ได้รับการสนับสนุนจากเผ่ามังกรเสียอีก
อีกฝ่ายมีความมั่นใจ ก็ไม่แปลก
นอกจากนี้อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นผู้สืบทอดของฟงชิงหยาง แห่งจี้เมี่ยเทียน!
“อเวจี!”
ขณะกล่าววาจาไม่กี่พยางค์นี้ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง!