War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3421
ตอนที่ 3,421 : มันเสียสติไปแล้วหรือ?!
หลังออกจากหุบเขาที่พักของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าอารมณ์ของลี่เฟยค่อนข้างซึมเศร้าไม่น้อย
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ วันหน้าหากเจ้าคิดมาเยี่ยมจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็ทำได้ทุกเมื่อเลย…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มกล่าวปลอบ
“อื้อ”
ได้ยินคำปลอบใจของต้วนหลิงเทียน อาการของลี่เฟยก็ดีขึ้นมาบ้าง
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเข้าไปบ่มเพาะในโลกใบเล็กของข้าเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับลี่เฟย “รอให้ข้ากับผู้เฒ่าหั่ววกลับถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเมื่อไหร่…พวกเราค่อยออกมาบ่มเพาะด้วยกัน และววันไหนหากเจ้าคิดถึงจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ก็ลำบากแค่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกับเดินทางเล็กน้อยเท่านั้น”
เมื่อเห็นว่าลี่เฟยเข้ามาบ่มเพาะพลังในโลกใบเล็กแล้ว ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังสถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทววโลกของพระราชวังฝูโหย่วเทียน
ระหว่างเดินทาง ต้วนหลิงเทียนก็กวาดตามองบรรยากาศของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝู่โหย่วเทียน
นับเป็นครั้งแรกเลย ที่เขาไม่รีบไม่ร้อนมากพอจะกวาดตามองสำรวจที่ทางอย่างละเอียด
กระทั่งเป็นพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเอง เขาก็ไม่ได้มองสำรวจมันโดละเอียดด้วยซ้ำ เพราะเขาพึ่งเข้าไปได้ไม่ทันไร ก็ได้รับแจ้งว่าพวกต้วนซือหลิงกับเฟิ่งเทียนหวู่มาหาเขาแล้ว
และในฐานะที่เป็นพระราชววังจักรพรรดิสวรรค์ของฝูโหย่วเทียน อาคารปลูกสร้างทั้งหลายก็แลดูวิจิตรงดงงามทั้งโอ่อ่าไม่ใช่เล่น เพียงมองก็พาลให้ผู้คนรู้สึกถึงความน่าเกรงขาม ไม่กล้าทำตัวเสียกริยา
ด้วยมีลี่เฟยคอยบอกทาง ต้วนหลิงเทียนก็พาผู้เฒ่าหั่วมุ่งหน้าไปยังสถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายได้อย่างราบรื่น และไม่นานก็มาถึงพื้นที่ใกล้ค่ายกล
“หืม?”
อย่างไรก็ตามพอมาถึงหุบเขาอันเป็นที่ตั้งศาลาเปิด ที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้ ต้วนหลิงเทียนกับพบเรื่องราวผิดสังเกตอยู่บ้าง เพราะที่นี่ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว!
“ทำไมถึงไม่มีใครอยู่เลยล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะงุนงง เพราะปกติแล้วถึงศาลาที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายจะไม่ที่ว่าเป็นสถานที่ๆต้องเฝ้าระวังอะไรมาก แต่ก็ต้องมีคนเฝ้าดูแลอยู่คนสองคน เพื่อกันไม่ให้ใครแอบมาเล่นพิเรนทร์อะไรจนค่ายกลเสียหาย
ทว่ามิคาด ศาลาที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน กลับไม่มีคนเฝ้าแม้แต่คนเดียว
แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วกำลังโรยตัวลงจากฟ้า หมายใช้ค่ายกลออกจากที่นี่
ทันใดนั้นเอง!
“นายน้อยระวัง!”
เสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันโพล่งดังขึ้น จากนั้นเพลิงพลังสีทองก็ปะทุออกมาจากร่างมันปกคลุมรอบกายมันทั้งต้วนหลิงเทีน ที่บัดนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอยู่บ้าง
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้เฒ่าหั่วแผ่พลังออกมาปกคลุมต้วนหลิงเทียนแล้วเสร็จ ก็แว่วเสียง ‘ซู่ม’ แหวกฟ้ามาฉับไว คล้ายมีคมดาบแหวกฟ้าลงมาจากเหนือฟ้า
จังหวะนี้หากใครมองขึ้นไปบนฟ้า จะพาว่ามีคมมีดสายลมชุดหนึ่งเข่นฆ่าลงมาด้วยความเร็วอัศจรรย์! ปะทะเข้ากับม่านพลังเพลิงของผู้เฒ่าหั่วอย่างจัง จนห้วงอากาศแตกระเบิดวุ่นวาย!
เป็นไปได้ว่า หากผู้เฒ่าหั่วกางกั้นม่านพลังช้ากว่านี้สักเล็กน้อง ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องโดนคมมีดสายลมชดดังกล่าววเล่นนงานไปแล้วแน่!
“ความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่ร้ายกาจนัก!”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจัง ไม่ยากที่เขาจะตระหนักได้ว่าผู้ที่ลงมือซัดคมมีดสายลมชุดนี้มีพลัฝีมือร้ายกาจแค่ไหน ขณะเดียวกันในใจเขาก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นในใจ
เป็นจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วที่เขาได้พบเจอเมื่อ 2 ปีก่อน บิดาของข่งโย่วอี้!
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ศิษย์พี่รองของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง
“โฮ่? คิดไม่ถึงว่าผู้ติดตามข้างกายเจ้าจะร้ายพอตัว!”
ในขณะที่สีหน้าต้วนหลิงเทียนฉายความขรึมเคร่ง และสีหน้าผู้เฒ่าหั่วเปี่ยมล้นไปด้วยโทสะกระทั่งสองตายยังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน ก็ปรากฏเสียงเฉยเมยหนึ่งดังลงจากฟ้า พร้อมกันนั้นก็มีร่างที่วูบลงมาปานสายลม
ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วที่ต้วนหลิงเทียนเดาเอาไว้แต่แรก!
นอกจากนั้น ข้างกายมันก็มีร่าง ข่งโย่วอี้ ลูกชายของมันอีกคน
“ต้วนหลิงเทียน ในที่สุดวันนี้เจ้าก็โผล่หัวออกมาเสียที…เดี๋ยวเจ้าได้ตายแน่!”
ข่งโย่วอี้มาถึงก็มองกล่าววกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงอำมหิต
จังหวะนี้ลี่เฟยที่อยู่ภายในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน ที่ยังไม่ทันได้บ่มเพาะพลังอะไร ก็ย่อมสังเกตเห็นเรื่องราวรอบกายต้วนหลิงเทียนเช่นกัน และพอเห็นว่าใครเป็นผู้ลงมือ สีหน้านางก็มืดดำคล้ำลง สองตางามดั่งสารทฤดูยังฉษยชัดถึงโทสะอันเกรี้ยวกราด “ข่งโย่วอี้ ตัวบัดซบนี่หาเรื่องไม่เลิก!”
โดยปกติแล้วต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปิดกั้นโลกใบเล็กภายในกายของเขา เช่นนั้นขอเพียงผู้คนด้านในโลกใบเล็กเขาต้องการ ก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายนอกได้ไม่ยาก
ที่ไฉนเขาทำแบบนี้ ก็เพราะไม่คิดให้ครอบครัวเขาที่อยู่ด้านในอุดอู้ จนอาจรู้สึกอึดอัดอะไรได้
“นี่เจ้าคิดฆ่าข้ารึ?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง เดิมทีเขาคิดว่าจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วไม่พ้นต้องพาลูกชายอย่างข่งโย่วอี้มาทุบตีสั่งสอนเขาเป็นการเอาคืนที่นี่…แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายกลับมีจิตอำมหิตคิดฆ่าเขาจริงๆ!
“ต้วนหลิงเทียน นังแพศาลี่เฟยสมควรอยู่ในโลกใบเล็กของเจ้าสินะ! เช่นนั้นก็ประเสริฐ ข้าจะให้นางเห็นกับตาว่าสามีที่รักของนางตกตายอย่างไร!!”
“เจ้ากล้าทำร้ายข้าข่งโย่วอี้ผู้นี้ วันนี้ข้าจะสับร่างเจ้าให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น!”
ข่งโย่วอี้มีโมโหนัก มันถลึงตามองต้วนหลิงเทียนจนลูกตาแทบปริแตก
“อาศัยเจ้า?”
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังคำพูดขู่ข่มดังกล่าวว ก็หัวเราะออกมา สีหน้าฉษยชัดถึงความดูแคลนเป็นที่สุด
“ต้วนหลิงเทียน…นี่เจ้าคงไม่ได้กำลังฝันหวานว่าอาศัยไอ้แก่นั่นจะหยุดพ่อข้าได้อยู่หรอกนะ? ช่างเหลวไหลสิ้นดี! พ่อข้าเป็นถึงจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ศิษย์ที่แท้จริงคนที่สองของจักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียน!”
ข่งโย่วอีหัวเราะเยาะ
“ท่านพ่อ! รีบลงมือเถอะ! หากรอให้อาจาร์ยอาเล็กมาถึง คิดฆ่ามันคงยากแล้ว!”
ข่งโย่วอี้หันไปกล่าวขอบิดา
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วไม่ได้ตอบคำใด แต่การกระทำของมันก็มากพอจะตอบทุกอย่าง
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเชี่ยวชญกฏแห่งลม ยามมันลงงมือก็เสมือนมีมรสุมก่อเกิด พาลให้อาณาบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วสายลมแรงปานใต้ฝุ่น!
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!
…
ท่ามกลางสายลมแรงปานพายุ ก็อุบัติคมมีดสายลมมากมายก่อตัวพุ่งยิงเข้าใส่ผู้เฒ่าหั่วจากทุกทิศทาง คมมีดสายยลมดังกล่าวยังเต็มไปด้วยจิตสังหาร เห็นชัดว่าคิดฆ่าผู้เฒ่าหั่ว!
ขณะเดียวกัน ก็ปรากฏสายลมก่อตัวเป็นมือไร้สภาพหนึ่งคว้าจับไปทางต้วนหลิงเทียน!
“อี้เอ๋อ เดี๋ยวพ่อจับมันได้แล้ว เจ้าก็รีบฆ่ามันเสีย!!”
เมื่อใช้พลังก่อเกิดมือลมไร้สภาพพุ่งคว้าไปทางต้วนหลิงเทียนแล้วเสร็จ จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ก็กล่าวนัดแนะข่งโย่วอี้ทันที ทำให้สองตาข่งโย่วอี้ฉายแววเยียบเย็น ร่างเหินเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนทันที!
ก่อนหน้าที่จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วจะลงมือ ข่งโย่วอี้ ด้วยความหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนก็ลอยยร่าไม่ห่างผู้เป็นบิดา กระทั่งยังจับตามองต้วนหลิงเทียนอย่างระแวดระวัง
เพราะตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน มันก็ตระหนักได้ชัดเจนว่าพลังฝีมือของมันไม่สู้ต้วนหลิงเทียน และพรสวรรค์มันก็เทียบอีกฝ่ายไม่ได้
เช่นนั้นมันรู้ดีว่าอาศัยเวลาแค่ 2 ปี มันไม่มีทางก้าวข้ามต้วนหลิงเทียนได้แน่ ลำพังตัวมันเองย่อมไม่มีปัญญาล้างแค้นผู้อื่น เช่นนั้นหากคิดล้างแค้น ก็จำต้องรอให้บิดาลงมือช่วยเหลือเสียก่อน!
“ต้วนหลิงเทียน เมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่เจ้ากล้าหามข้าข่งโย่วอี้ เจ้าคงไม่คิดไม่ฝันสินะว่าจะมีวันนี้!”
เมื่อข่งโย่วอี้เหินร่างจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนได้ถึงครึ่งทาง สองตาก็ฉายชัดถึงจิตสังหารล้นปรี่ ขณะเดียวกันกระบี่ใบแคบเล่มหนึงก็ผุดจากความว่างมากระชับเข้ามือ ปลดปล่อยปราณกระบี่อันเยียบเย็นออกมา
อย่างไรก็ตาม ข่งโย่วอี้ที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอำมหิตหยันหยาม กลับรู้สึกว่าเรื่องราวมีอะไรผิดท่า เพราะต้วนหลิงเทียนกลับไม่เผยสีหน้าหวาดกลัวร้อนรนอย่างที่มันอยากจะเห็น ราวกับไม่กริ่งเกรงเรื่องที่จะถูกมันสังหารเลย
อย่างไรก็ตาม พอเห็นว่าฝ่ามือลมไร้สภาพของบิดา กำลังจะคว้าจับร่างต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ข่งโย่วอี้ก็ไม่คิดมากอีกต่อไป สองตาแผ่พุ่งจิตสังหารแรงกล้ากว่าครั้งใด แผดคำอำมหิตลั่น “ตายเสีย!!”
“เดิมทีข้าคิดจะทรมานเจ้าให้ตายอย่างช้าๆ แต่ข้ากริ่งเกรวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง เช่นนั้นข้าจักฆ่าเจ้าในกระบี่เดียว!!”
“ถือว่าเจ้าได้กำไรไป!”
ในขณะที่รวมรั้งพลังตวัดกระบี่สังหาร วาจาของข่งโย่วอี้ก็เต็มไปด้วยความดุร้ายนัก
“อี้เอ๋อ ถอยออกมาเร็ว!!”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ข่งโย่วอี้เสือกกระบี่เข่นฆ่าพุ่งไปสุดตัว เสียงตื่นตระหนกของจักรพรรดิอมตะววายุสุดขั้วพลันโพล่งดังขึ้น ทำให้ร่างข่งโย่วอี้ถึงกับผงะไปเล็กน้อย สภาวะกระบี่อ่อนโทรมลงทันตาเห็น!
พริบตาต่อมา ข่งโย่วอี้ก็พบว่ามือสายลมของบิดาที่กำลังจะคว้าตัวต้วนหลิงเทียนนั้น อยู่ๆก็แตะกระจายกลาเป็นสายลมเย็นๆอยย่างประหลาด!
“นี่มัน…อะไรกัน?”
จากนั้นพอเห็นต้วนหลิงเทียนที่มองมายกยิ้มบางๆ ข่งโย่วอี้ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องราวผิดท่าแล้ว และรอยยิ้มบางๆนั่นของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ข่งโย่วอี้ขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“อาศัยพลังระดับนี้ เจ้าคิดฆ่าข้า?”
สองตาต้วนหลิงเทียนฉายชัดถึงความดูแคลน จากนั้นคไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ ทว่าอาศัยหนึ่งห้ววงคิด ก็อุบัติพลังมิติขุมหนึ่งกำจายออกมา ทำลายพลังกระบวนท่าของข่งโย่วอี้จนสิ้นท่า คนกระบี่ยังถูกพลังซัดจนปลิวละลิ่วไปราวว่าวสายป่านขาด!
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะรีบร้อนฆ่าข่งโย่วอี้
หาไม่แล้ว หากเขาอยากให้มันตาย มันก็คงตายไปแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียน!!”
และตอนนี้เองเสียงเปี่ยมโทสะของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็ดังขึ้น “หากเจ้ากล้าฆ่าลูกข้า ข้าไม่เพียงจะฆ่าเจ้าให้ตาย แต่จะฆ่าล้างทั้งโคตรของเจ้า!!”
“ท่านพ่อ!”
ข่งโยย่วอี้ที่ถูกพลังซวัดจนปลิววละลิ่วจนม้วนกลิ้งไปในอากาศ พอขืนร่างหยุดลงได้ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง ว่าไฉนอยู่ๆถึงสลายพลัง ไม่ช่วยจับตัวต้วนหลิงเทียนให้มันฆ่า
อย่างไรก็ตามพอได้ยินน้ำเสียงเปี่ยมโทสะแฝงความข่มขู่ของบิดา ข่งโย่วอี้ก็เร่งหันไปมองชใสถานการณ์ด้านบิดาทันที จึงพบว่าตอนนี้บิดาของมันกำลังถูกชายชราข้างกายต้วนหลิงเทียนพัวพันอยู่!
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเห็นได้ชัดเจนว่า บิดาของมันเป็นฝ่ายถูกผู้อื่นเขารุกไล่อยยู่ถ่ายเดียว!
“บัดซบ! ที่แท้เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!?”
ด้านจักรพรรดิอมตะวายยุสุดขั้วที่ต้านทานผู้เฒ่าหั่วมือเป็นระวิง ได้แต่มองถามผู้เฒ่าหั่วด้วยสายตาแตกตื่น ด้วยไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพลังฝีมืออีกฝ่ายจะกล้าแข็งขนาดนี้!
กระทั่งความแข็งแกร่งของผู้อื่นเหมือนจะเหนือกว่ามันเสียอีก!!
และแม้แต่ตัวมันเองก็รู้สภาพตัวเองดี ว่าหากเป็นแบบนี้อีกต่อไปมันได้แพ้พ่ายแน่!
“เจ้า จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ถึงกับกล้าคิดสังหารนายน้อยยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเรา! วันนี้พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝู่โหย่วเทียนต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของพวกเรา!!”
ทันใดนั้นอยู่ผู้เฒ่าหั่วก็โพ่งคำออกมาเสียงดัง และเสียงยังผสานไปด้วยพลังอันสุดไพศาล ทำให้วาจาดังสนั่นลั่นไปทั่วทั้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน!
จริงอยู่ว่าตามอาคารสำคัญต่างของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนย่อมมีค่ายกลปิดกั้นเสียงรบกวน อย่างไรก็ตาม แต่เสียงของผู้เฒ่าหั่วก็ยังดังเข้าหูคนของงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียนเป็นจำนวนมาก! เรียกว่ากว่าครึ่งได้ยินกันชัดถนัดหู!!
ทำให้ทั่วเขตพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนแตกตื่นขึ้นมาทันใด
“เสียงนี่มัน…ผู้ใดกัน!?”
“มันบอกว่า จักรพรดริอมตะวายุสุดขั้วคิดเข่นฆ่านายน้อยพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนรึ!?”
“ต้นเสียงเหมือนจะดังมาจากศาลาค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเรารีบไปชมดูเรื่องราวเร็ว!!”
…
จังหวะนี้ทั่วทุกแห่งหนในเขตพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ปรากฏร่างผู้คนมากมายทยอยกันเหินร่างขึ้นฟ้า เร่งุรดมุ่งหน้ามายังหุบเขาที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกกันยกใหญ่
เรือนพักบ่มเพาะของจักรพรรดิอมตะหนามม่วงเป็นธรรมดาว่าต้องมีค่ายกลปิดกั้นเสียง ทำให้จักรพรรดิอมตะหนามม่วงไม่ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหั่ว
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอมตะหนามม่วงไม่ได้ยิน ไม่ใช่ว่าคนคื่นที่คอยดูแลรับใช้จะไม่ได้ยิน
อย่างเช่น สตรีสะคราญโฉมที่คอยติดตามดูแลลี่เฟยมาตลอดหลายปีที่ผ่าน และจับตาดูไม่ให้ลี่เฟยออกจากฝูโหย่วเทียน…พอได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ก็เร่งรุดแจ้งเรื่องราวไปยังจักรพรรดิอมตะหนามม่วงทันที!
“มันเสียสติไปแล้วหรือไร!?”
พอรู้ว่วาศิษย์พี่รองของนางกล้าคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียน สีหน้าจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง!