War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3787 : การต่อสู้ตะลุมบอนอันวุ่นวาย
เป็นธรรมดา
ถึงแม้การทดสอบประเมินศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับที่ต้วนหลิงเทียนเคยเข้าร่วม มันจะมีลักษณะคล้ายการบุกฝ่าขึ้นมาจากหุบเหว แต่ลักษณะการทดสอบมันก็แตกต่างจากที่เห็นเบื้องหน้าอย่างสิ้นเชิง
ในการทดสอบศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ ก็คือการบุกฝ่าขึ้นมาจากหุบเหว และการไต่ระดับความสูงในแต่ละช่วงก็จะเจอกับศัตรู จะบุกฝ่าขึ้นมาด้วยตัวเอง หรือผนึกกำลังกันบุกฝ่าก็ไม่ว่า
อนิจจา ด้วยความยากของศัตรูที่จะปรากฏขึ้น ทำให้ไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่านได้ง่ายๆ
ส่วนหุบเหวกระจกเบื้องหน้า ที่นิกายมังกรสวรรค์ใช้เป็นรอบคัดเลือกนั้น ไม่มีศัตรูหรืออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าใครก็สามารถเหินร่างผ่านขึ้นมาได้ง่ายๆ
ยิ่งรวดเร็ว ยิ่งได้เปรียบ
ส่วนที่เชื่องช้า ก็อาจติดพันการแข่งขันชิงดีชิงเด่น
“เริ่มได้!”
หลังจากผ่านไป 1 เค่อ หยินผิงอี้ อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ก็ประกาศออกมาเสียงดัง จากนั้นในสายตาของต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ผู้คนในหุบเหวกระจกก็เริ่มเคลื่อนไหว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ร่างแต่ละคนเหินบินขึ้นมาด้วยความเร็วปานสายฟ้า
และด้วยสายตาอันเฉียบคม ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังแข่งกันเหินร่างขึ้นมา กลุ่มคนที่นำอยู่หน้าสุดก็มี ตู้ปั้วจวิน ศิษย์ของนิกายหมื่นปีศาจรวมอยู่ด้วย
ส่วนอีก 10 กว่าคนที่เหลือ ก็มีทั้งคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพและไม่ใช่
ที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจก็คือ ในกลุ่มผู้นำ มีคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกว่าครึ่ง
‘ไม่คิดเลยว่านอกจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแล้ว ยังมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกมาก…แถมพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นราชาเทพขั้นสูงด้วยกันทั้งสิ้น’
ต้วนหลิงเทียนทอดถอนอยู่ในใจ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันไม่ใช่แค่ราชาเทพขั้นสูงธรรมดาๆ ในแง่พลังฝีมือแล้ว ถือว่าเทียบได้กับอาวุโสหลักของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพด้วยซ้ำ
และแน่นอนว่าในบรรดากลุ่มผู้นำสิบกว่าคนที่ว่า ยังมีบางคนที่อ่อนแอกว่าตู้ปั้วจวิน เพียงแต่พวกมันเก่งกฏแห่งลม ก็เลยเหาะไว
ต้วนหลิงเทียนยังสังเกตเห็นร่างคุ้นๆตาในบรรดากลุ่มผู้นำอีกด้วย เพราะมันเป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลิงหู ยังเป็นหลานชายของอดีตผู้นำตระกูลหลิงหูอย่างหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนเองก็เคยพบมันหลายครั้งแล้ว
คนๆนั้นชื่อว่า หลิงหูฉงเซียว
เท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบมา หลิงหูเฉิงเซียวคนนี้อีกไม่ถึง 100 ปีมันก็จะอายุครบหมื่นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันคิดอาศัยความได้เปรียบเรื่องอายุ เพื่อผ่านการทดสอบเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ง่ายๆ
“หืม?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับอีกหลายๆคนคิดว่า กลุ่มผู้นำสิบกว่าคนแรกอยย่างหลิงหูฉงเซียวกับตู้ปั้วจวินจะเลือกออกจากหุบเหวกระจกเป็นกลุ่มแรกนั้นเอง
เรื่องราวกลับบังเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลัน
เพราะหลังจากที่พวกมันเหาะขึ้นมาห่างจากปากหุบเหวกระจกไม่มาก ตู้ปั้วจวิน หลิงหูฉงเซียว รวมถึงคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกลับชะงักร่างและร่วมมือกันจัดการคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหน้าตาเฉย
“พวกมันคิดจะทำอะไร”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและบางคนกำลังสงสัย ก็มีผู้รู้เอ่ยคำอธิบายขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยมาเข้าร่วมการทดสอบรับสมัครศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็คงไม่ได้แปลกตาอะไร”
“เพราะมันเป็นเช่นนี้ทุกปี”
“พวกคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพนั่น มักร่วมมือกันชั่วคราว เพื่อหยุดคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ…กระทั่งยังตั้งใจขัดขวางไม่ให้คนนอกผ่านรอบคัดเลือกไปได้”
“ท้ายที่สุดแล้ว จำนวนผู้ที่จะผ่านรอบคัดเลือกก็มีจำกัด ไม่ว่าใครก็อยากให้คนของตัวเองผ่านเข้ารอบ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็สงสัยว่าคนที่ของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ มีพลังสามารถจะหยุดทุกคได้จริงๆหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มผู้นำก็มีคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพไม่กี่คนเท่านั้น
กล่าวได้ว่ารุ่นเยาว์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ 19 ขุมที่อยู่ในกลุ่มผู้นำนั้น ที่นับว่าฝีมือร้ากาจก็มีแค่ ตู้ปั้วจวิน กับหลิงหูฉงเซียวเท่านั้น ที่สำคัญไม่เคยได้ยินมาก่อน่าทั้งคู่สนิทกัน เช่นนั้นจะร่วมมือกันต้านทานคนนอกได้จริงๆหรือ?
อย่างไรก็ตาม ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ด้านล่างกลุ่มผู้นำนั้น คนอีกกลุ่มที่เหินร่างขึ้นมาก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเริ่มร่วมมือกันเล่นงานคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
“แบบนี้มัน…ดูไม่ค่อยเป็นธรรมกับคนพวกนั้นอยู่บ้างกระมัง”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าฉากเรื่องราวเบื้องหน้ามันแลดูไม่ค่อยยุติธรรมสำหรับคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแต่เดิมที่ถูกพวกตู้ปั้วจวินปิดกั้น ก็เริ่มดิ่งร่างลงไป หมายโจมตีคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่อ่อนแอกว่า
ด้วยความร่วมมือจากคนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่รบเร้าพัวพันแต่เดิม ทำให้รุ่นเยาว์ของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหลายคนที่อ่อนแอกว่า ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที ถึงขั้นไร้เรี่ยวแรงจะเหินบบินสืบต่อ จำต้องโรยตัวลงไปพักฟื้นที่ก้นเหว
ไม่ทันไรก็มีผู้บาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
กว่าที่ตู้ปั้วจวินกับคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพในกลุ่มผู้นำจะตามลงมาถึง ก็สายไปเล็กน้อย และตอนนี้คนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็เริ่มหันมาร่วมมือกันเล่นงานพวกตู้ปั้วจวินกับคนอื่นๆ
ในขณะเดียวกันก็มีคนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เหินร่างขึ้นฟ้ามาเรื่อยๆ และไม่ใช่ว่าจะไร้คนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ เช่นนั้นหลังเริ่มรอบคัดเลือกได้ไม่นาน การปะทะครั้งใหญ่ก็อุบัติขึ้น
ยังเป็นการต่อสู้ตะลุมบอนอันวุ่นวายนัก
ตอนนี้คล้ายนักเลงยกพวกตีกันนัวเนียก็ไม่ปาน
ถึงแม้ด้วยข้อจำกัดจากกฏ ทำให้ไม่มีผู้ใดลงมือรุนแรงถึงขั้นพรากชีวิตอีกฝ่าย แต่การต่อสู้ตะลุมบอนแบบนี้ไหนเลจะยั้งมือกันได้มาก ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสมากมายนัก
ในบรรดาผู้ที่ถูกเล่นงานจนหมดแรงไปพักฟื้นใต้ก้นเหว ก็มีทั้งคนจากขุมกำลังจอมราชันเทพและคนนอกพอๆกัน
สุดท้ายก็เป็นการแข่งขันชิงดีชิงเด่นของยอดฝีมือ
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่คิดจะเหินร่างขึ้นฟ้า ก็จะถูกคนอื่นๆขวางกั้น และไม่ว่าใครก็พยายามต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต ราวกับจะสู้กันจนเหลือคนตามจำนวนจำกัดถึงจะหยุด
เป็นธรรมดาว่า ยังมีหลายคนที่คิดฉกฉวยโอกาสจากความวุ่นวายเลือกที่จะหาทางหลบหนีการต่อสู้และออกจากหุบเหวกระจก คนเหล่านี้ก็มีทั้งที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพและไม่ใช่
คนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เลือกจะหลบหนีการต่อสู้และพยายามออกจากหุบเหวกระจกนั้น ปกติแล้วก็เป็นผู้ที่ไม่ได้มีพลังฝีมือสูงส่งมากนัก ที่อ่อนแอหน่อยก็หนีไม่พ้นถูกทำร้ายจนต้องลงไปพักฟื้นด้านล่าง เหลือแต่คนที่แข็งแกร่งพอตัวจึงจะหนีไปได้
ด้านคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเองก็เช่นกัน ที่อ่อนแอก็ไปไม่รอดถูกซัดจนร่วง ที่แข็งแกร่งเข้าหน่อยก็สามารถหบหนีขึ้นไปได้
“ซัดกันนัวจริงๆ…”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้ต้วนหลิงเทียนได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ไหว ขณะเดียวกันเขาก็อดหันไปถามหลิงหูเจิ้งซิงข้างๆไม่ได้ “อาวุโสเจิ้งซิง อีก 2 รอบก็เป็นแบบนี้หรือ?”
ด้านหลิงหูเจิ้งซิงก็ตอบกลับมาทันที “มิผิด อีก 2 รอบที่เหลือล้วนเป็นเช่นนี้”
“ต้วนหลิงเทียน ตระกูลหลิงหูเราก็คิดพึ่งพากำลังของเจ้ายามทดสอบในรุ่นอายุไม่เกิน 5,000 ปีเช่นกัน…และหากเจ้าแข็งแกร่งมากพอ ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยให้คนของตระกูลมู่หรงผ่านรอบคัดเลือกหน่อย ทำให้ตระกูลมู่หรงติดค้างตระกูลหลิงหูเราย่อมเป็นเรื่องดี”
หลิงหูเจิ้งซิงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มเจื่อนๆ “อาวุโสเจิ้งซิง ท่านประเมินข้าสูงไปแล้ว”
“แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันกลับมาสนใจเรื่องราวในหุบเหวกระจกต่อ ยังมองไปยังเหล่าผู้บาดเจ็บที่พักฟื้นในก้นเหว และตอนนี้หลายๆคนก็แลดูเศร้าโศกเสียใจนัก เห็นชัดว่าคนเหล่านั้นหมดหวังที่จะเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์แล้ว
เพราะบางคนก็มีอายุมากเช่นเดียวกับหลิงหูฉงเซียว การทดสอบครั้งหน้า อายุของพวกมันก็จะเกินกำหนด
ช่วยไม่ได้ เพราะนิกายมังกรสวรรค์กำหนดมาแล้ว ว่าผู้ที่จะเข้าร่วมเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายได้ต้องมีอายุน้อยกว่าหมื่นปี
อีกทั้งคนเหล่านี้ก็ไร้โอกาสเข้าร่วมนิกายในฐานะศิษย์ฝ่ายนอกเช่นกัน เพราะศิษย์ฝ่ายนอกจะรับก็แต่คนที่มีอายุต่ำกว่า 5,000 ปีเท่านั้น กล่าวได้ว่าไม่ใช่แค่คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกจะหมดสิทธิ์ กระทั่งคนที่เลือกจะเข้าร่วมในการคัดเลือกรอบที่ 2 ก็หมดสิทธิ์เป็นศิษย์ฝ่ายนอกเช่นกัน
‘หืม…ยังมีคนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ที่คิดจับปลาน้ำขุ่นงั้นรึ?’
ขณะที่ชมดูฉากเรื่องราวในหุบเหวกระจก ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่าในบรรดาคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังจอมราชันเทพ มีบางคนที่ไม่ได้ลงมือเองแต่อาศัยคนคุ้มกันเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม คนจำพวกนี้ เว้นแต่จะมีผู้คุมกันมือดีมากจริงๆ ส่วนใหญ่ก็ล้มเหลว ไม่อาจผ่านรอบคัดเลือกไปได้
“ไม่ทราบจริงๆ ว่าเจ้าพวกนั้นมันคิดอะไรอยู่…ถึงจะจ้างคนให้ช่วยเหลือจนผ่านรอบคัดเลือกไปได้ แต่บททดสอบหลังจากนี้เล่า พวกมันจะมีปัญญาผ่านไปได้หรือ? การทดสอบของนิกายมังกรสวรรค์ไหนเลยจะจบแค่รอบคัดเลือกนี่ ด้านหลังยังมีการทดสอบอันเข้มงวดอีกมาก และมีแต่ผู้ที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นจึงจะกลายเป็นศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ได้”
เรียกว่าเสียงของรุ่นเยาว์ตระกูลหลิงหูดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนพอดี
ครู่ต่อมาหัวข้อดังกล่าว ก็ถูกรุ่นเยาว์ตระกูลหลิงหูกล่าวกันระงม บ้างก็ดูแคลนเหล่าคนไร้ฝีมือที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ แต่อาศัยการจ้างผู้คุ้มกันให้มาช่วยเหลือ
เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนคนในหุบเหวกระจกก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ
“คนเหลือน้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงมือแล้วกระมัง?”
ภายในหุบเหวกระจก มีคนๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมาหลังจากหันมองไปรอบๆ และพอทุกคนได้ยินเสียงมัน็กวาดตามองไปรอบๆตาม พอพบว่าคนที่ยังเหลืออยู่มีไม่ถึง 600 คนก็พากันหยุดมือทันที
หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็ดี ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็ดี ล้วนเข้าใจกันราวกับนัดกันมาแต่แรก เลิกต่อสู้และเหินร่างออกจากหุบเหวกระจกด้วยความเร็ว
กระทั่งในกระบวนการดังกล่าว ยังมีหลายคนหันไปบ่นกับคนข้างๆ “สหาย เมื่อครู่เจ้าลงมือดุร้ายเกินไปหน่อยหรือไม่ ดูแขนข้าเถอะ เกือบจะถูกเจ้าฟันขาดแล้ว”
“แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองไม่โหดร้ายหรือไร เห็นหูซ้ายข้าหรือไม่ แหว่งเหมือนโดนหนูแทะแล้ว ที่สำคัญหากข้าหลบฝ่ามือนั้นของเจ้าไม่ได้ หูซ้ายข้าคงไม่จบแค่แหว่งเหมือนหนูแทะ แต่คงหายไปหมด…”
“ฮาย ไม่ใช่แค่หูแหว่งรึไงกัน สหายคิดเล็กคิดน้อยไปได้ กินยาไม่กี่วันเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“ก็อย่างที่เจ้าว่า แขนเจ้าที่ถูกฆ่าฟัน ต่อให้ขาดไปแค่ใช้โอสถเทพมันก็งอกขึ้นมาใหม่ไม่ใช่รึไง”
…
ในระนาบเทพมีโอสถเทพรักษามากมายที่มีผลฟื้นคืนเลือดเนื้อกระดูก ต่อให้จะถูกทำร้ายมาจนจนสูญเสียอวัยวะ แต่ถ้าเป็นแค่อาการบาดเจ็บธรรมดา ที่ไม่มีอะไรแอบแฝง ก็สามารถกินยาเพื่องอกเงยอวัวะที่เสียไปได้
กระทั่งต่อให้ถูกผู้อื่นทำลายหัวใจ ก็สามารถฟื้นฟูได้
ในระนาบเทพมีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่นิรันดร์ และเป็นรากฐานสำคัญ
หากวิญญาณดำรงอยู่ ก็ไม่มีทางตาย
เช่นนั้นในระนาบเทพ หากคิดฆ่าผู้คน จำต้องลงมือทำลายดวงจิตหรือวิญญาณโดยตรง ไม่งั้นก็จะต้องระเบิดร่างศัตรูให้แหลกเป็นละอองโลหิต เพราะการลงมือในลักษณะนี้จะเป็นการทำลายร่างกายและดวงจิตไปพร้อมๆกัน!
หลังจากนั้นไม่นานนัก เหล่ารุ่นเยาว์ 500 กว่าคนก็ทยอยกันออกมาจากหุบเหวกระจก
และในกระบวนการดังกล่าว ยังมีบางคนที่กลับลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่เดินพลังฟื้นตัวยังก้นหุบเหวกระจก ส่วนใหญ่ที่ทำแบบนี้ก็เป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ มีคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแค่ไม่กี่คน
ผู้ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ที่ลงไปช่วยสหายด้านล่างก็คือกลุ่มผู้นำที่ปะทะกับพวกตู้ปั้วจวินแต่แรก
“กับคนที่มือไม่ถึงนั้น ต่อให้ช่วยพวกมันผ่านรอบคัดเลือกไปก็ไร้ประโยชน์…”
หลิงหูฉงเซียวที่กำลังหอบหิ้วคนของตระกูลหลิงหูอยู่เช่นกัน ขณะมองไปยังชายหนุ่มที่ถูกชายวัยกลางคนผู้หนึ่งอุ้มไว้ มันก็อดกล่าวกับชายวัยกลางคนออกมาไม่ได้ “การทดสอบรอบที่ 2 ของนิกายมังกรสวรรค์สามารถพึ่งตัวเองได้เท่านั้น อาศัยพลังฝึกปรือระดับเทพขั้นสูงของเจ้านั่น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่าน”
“ข้ารู้…”
ชายวัยกลางคนที่ไม่ได้เป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพคนนี้ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญกฏแห่งลม ทำให้มันสามารถอยู่ในกลุ่มผู้นำพร้อมกับตู้ปั้วจวินและหลิงหูฉงเซียวได้ หลังได้ยินคำเตือนของหลิงหูฉงเซียวมันก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้าให้ข้าพาคนไปด้วยคนนึงไม่ใช่รึไร แต่พอดีนอกจากน้องชายของข้าแล้ว ข้าก็ไม่รู้จักใครอีกเลย เช่นนั้นข้าก็ได้แต่พาน้องข้าไปเท่านั้น”
“ยังมีคนที่ไม่ได้จขากมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหลายคน ที่ส่งเสียงผ่านพลังมาถึงข้าเมื่อครู่ บอกให้ข้าพาพวกมันขึ้นไปด้วยโดยจะจ่ายราคาให้ข้า แต่พอดีข้าไม่สนใจสิ่งที่พวกมันเสนอมา”
ชายวัยกลางคนกล่าว
พอหลิงหูฉงเซียวได้ยินดังนั้นก็หยุดพูดทันที เพราะไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
…
หลังมีคนออกจากหุบเหวกระจกครบ 600 คน การทดสอบคัดเลือกศิษย์ฝ่ายในรอบแรกของนิกายมังกรสวรรค์ก็ถือว่าจบลงอย่างเป็นทางการ
ถึงแม้การทดสอบประเมินศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับที่ต้วนหลิงเทียนเคยเข้าร่วม มันจะมีลักษณะคล้ายการบุกฝ่าขึ้นมาจากหุบเหว แต่ลักษณะการทดสอบมันก็แตกต่างจากที่เห็นเบื้องหน้าอย่างสิ้นเชิง
ในการทดสอบศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ ก็คือการบุกฝ่าขึ้นมาจากหุบเหว และการไต่ระดับความสูงในแต่ละช่วงก็จะเจอกับศัตรู จะบุกฝ่าขึ้นมาด้วยตัวเอง หรือผนึกกำลังกันบุกฝ่าก็ไม่ว่า
อนิจจา ด้วยความยากของศัตรูที่จะปรากฏขึ้น ทำให้ไม่ใช่ทุกคนที่จะผ่านได้ง่ายๆ
ส่วนหุบเหวกระจกเบื้องหน้า ที่นิกายมังกรสวรรค์ใช้เป็นรอบคัดเลือกนั้น ไม่มีศัตรูหรืออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าใครก็สามารถเหินร่างผ่านขึ้นมาได้ง่ายๆ
ยิ่งรวดเร็ว ยิ่งได้เปรียบ
ส่วนที่เชื่องช้า ก็อาจติดพันการแข่งขันชิงดีชิงเด่น
“เริ่มได้!”
หลังจากผ่านไป 1 เค่อ หยินผิงอี้ อาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ก็ประกาศออกมาเสียงดัง จากนั้นในสายตาของต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ผู้คนในหุบเหวกระจกก็เริ่มเคลื่อนไหว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ร่างแต่ละคนเหินบินขึ้นมาด้วยความเร็วปานสายฟ้า
และด้วยสายตาอันเฉียบคม ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังแข่งกันเหินร่างขึ้นมา กลุ่มคนที่นำอยู่หน้าสุดก็มี ตู้ปั้วจวิน ศิษย์ของนิกายหมื่นปีศาจรวมอยู่ด้วย
ส่วนอีก 10 กว่าคนที่เหลือ ก็มีทั้งคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพและไม่ใช่
ที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจก็คือ ในกลุ่มผู้นำ มีคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกว่าครึ่ง
‘ไม่คิดเลยว่านอกจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแล้ว ยังมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกมาก…แถมพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นราชาเทพขั้นสูงด้วยกันทั้งสิ้น’
ต้วนหลิงเทียนทอดถอนอยู่ในใจ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันไม่ใช่แค่ราชาเทพขั้นสูงธรรมดาๆ ในแง่พลังฝีมือแล้ว ถือว่าเทียบได้กับอาวุโสหลักของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพด้วยซ้ำ
และแน่นอนว่าในบรรดากลุ่มผู้นำสิบกว่าคนที่ว่า ยังมีบางคนที่อ่อนแอกว่าตู้ปั้วจวิน เพียงแต่พวกมันเก่งกฏแห่งลม ก็เลยเหาะไว
ต้วนหลิงเทียนยังสังเกตเห็นร่างคุ้นๆตาในบรรดากลุ่มผู้นำอีกด้วย เพราะมันเป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลิงหู ยังเป็นหลานชายของอดีตผู้นำตระกูลหลิงหูอย่างหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนเองก็เคยพบมันหลายครั้งแล้ว
คนๆนั้นชื่อว่า หลิงหูฉงเซียว
เท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบมา หลิงหูเฉิงเซียวคนนี้อีกไม่ถึง 100 ปีมันก็จะอายุครบหมื่นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันคิดอาศัยความได้เปรียบเรื่องอายุ เพื่อผ่านการทดสอบเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ง่ายๆ
“หืม?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับอีกหลายๆคนคิดว่า กลุ่มผู้นำสิบกว่าคนแรกอยย่างหลิงหูฉงเซียวกับตู้ปั้วจวินจะเลือกออกจากหุบเหวกระจกเป็นกลุ่มแรกนั้นเอง
เรื่องราวกลับบังเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลัน
เพราะหลังจากที่พวกมันเหาะขึ้นมาห่างจากปากหุบเหวกระจกไม่มาก ตู้ปั้วจวิน หลิงหูฉงเซียว รวมถึงคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกลับชะงักร่างและร่วมมือกันจัดการคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหน้าตาเฉย
“พวกมันคิดจะทำอะไร”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและบางคนกำลังสงสัย ก็มีผู้รู้เอ่ยคำอธิบายขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยมาเข้าร่วมการทดสอบรับสมัครศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็คงไม่ได้แปลกตาอะไร”
“เพราะมันเป็นเช่นนี้ทุกปี”
“พวกคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพนั่น มักร่วมมือกันชั่วคราว เพื่อหยุดคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ…กระทั่งยังตั้งใจขัดขวางไม่ให้คนนอกผ่านรอบคัดเลือกไปได้”
“ท้ายที่สุดแล้ว จำนวนผู้ที่จะผ่านรอบคัดเลือกก็มีจำกัด ไม่ว่าใครก็อยากให้คนของตัวเองผ่านเข้ารอบ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็สงสัยว่าคนที่ของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ มีพลังสามารถจะหยุดทุกคได้จริงๆหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มผู้นำก็มีคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพไม่กี่คนเท่านั้น
กล่าวได้ว่ารุ่นเยาว์จากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ 19 ขุมที่อยู่ในกลุ่มผู้นำนั้น ที่นับว่าฝีมือร้ากาจก็มีแค่ ตู้ปั้วจวิน กับหลิงหูฉงเซียวเท่านั้น ที่สำคัญไม่เคยได้ยินมาก่อน่าทั้งคู่สนิทกัน เช่นนั้นจะร่วมมือกันต้านทานคนนอกได้จริงๆหรือ?
อย่างไรก็ตาม ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ด้านล่างกลุ่มผู้นำนั้น คนอีกกลุ่มที่เหินร่างขึ้นมาก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเริ่มร่วมมือกันเล่นงานคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ
“แบบนี้มัน…ดูไม่ค่อยเป็นธรรมกับคนพวกนั้นอยู่บ้างกระมัง”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าฉากเรื่องราวเบื้องหน้ามันแลดูไม่ค่อยยุติธรรมสำหรับคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ คนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแต่เดิมที่ถูกพวกตู้ปั้วจวินปิดกั้น ก็เริ่มดิ่งร่างลงไป หมายโจมตีคนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่อ่อนแอกว่า
ด้วยความร่วมมือจากคนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่รบเร้าพัวพันแต่เดิม ทำให้รุ่นเยาว์ของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหลายคนที่อ่อนแอกว่า ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที ถึงขั้นไร้เรี่ยวแรงจะเหินบบินสืบต่อ จำต้องโรยตัวลงไปพักฟื้นที่ก้นเหว
ไม่ทันไรก็มีผู้บาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
กว่าที่ตู้ปั้วจวินกับคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพในกลุ่มผู้นำจะตามลงมาถึง ก็สายไปเล็กน้อย และตอนนี้คนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็เริ่มหันมาร่วมมือกันเล่นงานพวกตู้ปั้วจวินกับคนอื่นๆ
ในขณะเดียวกันก็มีคนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เหินร่างขึ้นฟ้ามาเรื่อยๆ และไม่ใช่ว่าจะไร้คนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ เช่นนั้นหลังเริ่มรอบคัดเลือกได้ไม่นาน การปะทะครั้งใหญ่ก็อุบัติขึ้น
ยังเป็นการต่อสู้ตะลุมบอนอันวุ่นวายนัก
ตอนนี้คล้ายนักเลงยกพวกตีกันนัวเนียก็ไม่ปาน
ถึงแม้ด้วยข้อจำกัดจากกฏ ทำให้ไม่มีผู้ใดลงมือรุนแรงถึงขั้นพรากชีวิตอีกฝ่าย แต่การต่อสู้ตะลุมบอนแบบนี้ไหนเลจะยั้งมือกันได้มาก ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสมากมายนัก
ในบรรดาผู้ที่ถูกเล่นงานจนหมดแรงไปพักฟื้นใต้ก้นเหว ก็มีทั้งคนจากขุมกำลังจอมราชันเทพและคนนอกพอๆกัน
สุดท้ายก็เป็นการแข่งขันชิงดีชิงเด่นของยอดฝีมือ
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่คิดจะเหินร่างขึ้นฟ้า ก็จะถูกคนอื่นๆขวางกั้น และไม่ว่าใครก็พยายามต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต ราวกับจะสู้กันจนเหลือคนตามจำนวนจำกัดถึงจะหยุด
เป็นธรรมดาว่า ยังมีหลายคนที่คิดฉกฉวยโอกาสจากความวุ่นวายเลือกที่จะหาทางหลบหนีการต่อสู้และออกจากหุบเหวกระจก คนเหล่านี้ก็มีทั้งที่มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพและไม่ใช่
คนจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่เลือกจะหลบหนีการต่อสู้และพยายามออกจากหุบเหวกระจกนั้น ปกติแล้วก็เป็นผู้ที่ไม่ได้มีพลังฝีมือสูงส่งมากนัก ที่อ่อนแอหน่อยก็หนีไม่พ้นถูกทำร้ายจนต้องลงไปพักฟื้นด้านล่าง เหลือแต่คนที่แข็งแกร่งพอตัวจึงจะหนีไปได้
ด้านคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเองก็เช่นกัน ที่อ่อนแอก็ไปไม่รอดถูกซัดจนร่วง ที่แข็งแกร่งเข้าหน่อยก็สามารถหบหนีขึ้นไปได้
“ซัดกันนัวจริงๆ…”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้ต้วนหลิงเทียนได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ไหว ขณะเดียวกันเขาก็อดหันไปถามหลิงหูเจิ้งซิงข้างๆไม่ได้ “อาวุโสเจิ้งซิง อีก 2 รอบก็เป็นแบบนี้หรือ?”
ด้านหลิงหูเจิ้งซิงก็ตอบกลับมาทันที “มิผิด อีก 2 รอบที่เหลือล้วนเป็นเช่นนี้”
“ต้วนหลิงเทียน ตระกูลหลิงหูเราก็คิดพึ่งพากำลังของเจ้ายามทดสอบในรุ่นอายุไม่เกิน 5,000 ปีเช่นกัน…และหากเจ้าแข็งแกร่งมากพอ ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยให้คนของตระกูลมู่หรงผ่านรอบคัดเลือกหน่อย ทำให้ตระกูลมู่หรงติดค้างตระกูลหลิงหูเราย่อมเป็นเรื่องดี”
หลิงหูเจิ้งซิงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มเจื่อนๆ “อาวุโสเจิ้งซิง ท่านประเมินข้าสูงไปแล้ว”
“แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันกลับมาสนใจเรื่องราวในหุบเหวกระจกต่อ ยังมองไปยังเหล่าผู้บาดเจ็บที่พักฟื้นในก้นเหว และตอนนี้หลายๆคนก็แลดูเศร้าโศกเสียใจนัก เห็นชัดว่าคนเหล่านั้นหมดหวังที่จะเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์แล้ว
เพราะบางคนก็มีอายุมากเช่นเดียวกับหลิงหูฉงเซียว การทดสอบครั้งหน้า อายุของพวกมันก็จะเกินกำหนด
ช่วยไม่ได้ เพราะนิกายมังกรสวรรค์กำหนดมาแล้ว ว่าผู้ที่จะเข้าร่วมเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายได้ต้องมีอายุน้อยกว่าหมื่นปี
อีกทั้งคนเหล่านี้ก็ไร้โอกาสเข้าร่วมนิกายในฐานะศิษย์ฝ่ายนอกเช่นกัน เพราะศิษย์ฝ่ายนอกจะรับก็แต่คนที่มีอายุต่ำกว่า 5,000 ปีเท่านั้น กล่าวได้ว่าไม่ใช่แค่คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกจะหมดสิทธิ์ กระทั่งคนที่เลือกจะเข้าร่วมในการคัดเลือกรอบที่ 2 ก็หมดสิทธิ์เป็นศิษย์ฝ่ายนอกเช่นกัน
‘หืม…ยังมีคนนอกขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ที่คิดจับปลาน้ำขุ่นงั้นรึ?’
ขณะที่ชมดูฉากเรื่องราวในหุบเหวกระจก ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่าในบรรดาคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังจอมราชันเทพ มีบางคนที่ไม่ได้ลงมือเองแต่อาศัยคนคุ้มกันเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม คนจำพวกนี้ เว้นแต่จะมีผู้คุมกันมือดีมากจริงๆ ส่วนใหญ่ก็ล้มเหลว ไม่อาจผ่านรอบคัดเลือกไปได้
“ไม่ทราบจริงๆ ว่าเจ้าพวกนั้นมันคิดอะไรอยู่…ถึงจะจ้างคนให้ช่วยเหลือจนผ่านรอบคัดเลือกไปได้ แต่บททดสอบหลังจากนี้เล่า พวกมันจะมีปัญญาผ่านไปได้หรือ? การทดสอบของนิกายมังกรสวรรค์ไหนเลยจะจบแค่รอบคัดเลือกนี่ ด้านหลังยังมีการทดสอบอันเข้มงวดอีกมาก และมีแต่ผู้ที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นจึงจะกลายเป็นศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์ได้”
เรียกว่าเสียงของรุ่นเยาว์ตระกูลหลิงหูดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนพอดี
ครู่ต่อมาหัวข้อดังกล่าว ก็ถูกรุ่นเยาว์ตระกูลหลิงหูกล่าวกันระงม บ้างก็ดูแคลนเหล่าคนไร้ฝีมือที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ แต่อาศัยการจ้างผู้คุ้มกันให้มาช่วยเหลือ
เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนคนในหุบเหวกระจกก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ
“คนเหลือน้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงมือแล้วกระมัง?”
ภายในหุบเหวกระจก มีคนๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมาหลังจากหันมองไปรอบๆ และพอทุกคนได้ยินเสียงมัน็กวาดตามองไปรอบๆตาม พอพบว่าคนที่ยังเหลืออยู่มีไม่ถึง 600 คนก็พากันหยุดมือทันที
หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็ดี ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็ดี ล้วนเข้าใจกันราวกับนัดกันมาแต่แรก เลิกต่อสู้และเหินร่างออกจากหุบเหวกระจกด้วยความเร็ว
กระทั่งในกระบวนการดังกล่าว ยังมีหลายคนหันไปบ่นกับคนข้างๆ “สหาย เมื่อครู่เจ้าลงมือดุร้ายเกินไปหน่อยหรือไม่ ดูแขนข้าเถอะ เกือบจะถูกเจ้าฟันขาดแล้ว”
“แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองไม่โหดร้ายหรือไร เห็นหูซ้ายข้าหรือไม่ แหว่งเหมือนโดนหนูแทะแล้ว ที่สำคัญหากข้าหลบฝ่ามือนั้นของเจ้าไม่ได้ หูซ้ายข้าคงไม่จบแค่แหว่งเหมือนหนูแทะ แต่คงหายไปหมด…”
“ฮาย ไม่ใช่แค่หูแหว่งรึไงกัน สหายคิดเล็กคิดน้อยไปได้ กินยาไม่กี่วันเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“ก็อย่างที่เจ้าว่า แขนเจ้าที่ถูกฆ่าฟัน ต่อให้ขาดไปแค่ใช้โอสถเทพมันก็งอกขึ้นมาใหม่ไม่ใช่รึไง”
…
ในระนาบเทพมีโอสถเทพรักษามากมายที่มีผลฟื้นคืนเลือดเนื้อกระดูก ต่อให้จะถูกทำร้ายมาจนจนสูญเสียอวัยวะ แต่ถ้าเป็นแค่อาการบาดเจ็บธรรมดา ที่ไม่มีอะไรแอบแฝง ก็สามารถกินยาเพื่องอกเงยอวัวะที่เสียไปได้
กระทั่งต่อให้ถูกผู้อื่นทำลายหัวใจ ก็สามารถฟื้นฟูได้
ในระนาบเทพมีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่นิรันดร์ และเป็นรากฐานสำคัญ
หากวิญญาณดำรงอยู่ ก็ไม่มีทางตาย
เช่นนั้นในระนาบเทพ หากคิดฆ่าผู้คน จำต้องลงมือทำลายดวงจิตหรือวิญญาณโดยตรง ไม่งั้นก็จะต้องระเบิดร่างศัตรูให้แหลกเป็นละอองโลหิต เพราะการลงมือในลักษณะนี้จะเป็นการทำลายร่างกายและดวงจิตไปพร้อมๆกัน!
หลังจากนั้นไม่นานนัก เหล่ารุ่นเยาว์ 500 กว่าคนก็ทยอยกันออกมาจากหุบเหวกระจก
และในกระบวนการดังกล่าว ยังมีบางคนที่กลับลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่เดินพลังฟื้นตัวยังก้นหุบเหวกระจก ส่วนใหญ่ที่ทำแบบนี้ก็เป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ มีคนที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพแค่ไม่กี่คน
ผู้ที่ไม่ได้มาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ที่ลงไปช่วยสหายด้านล่างก็คือกลุ่มผู้นำที่ปะทะกับพวกตู้ปั้วจวินแต่แรก
“กับคนที่มือไม่ถึงนั้น ต่อให้ช่วยพวกมันผ่านรอบคัดเลือกไปก็ไร้ประโยชน์…”
หลิงหูฉงเซียวที่กำลังหอบหิ้วคนของตระกูลหลิงหูอยู่เช่นกัน ขณะมองไปยังชายหนุ่มที่ถูกชายวัยกลางคนผู้หนึ่งอุ้มไว้ มันก็อดกล่าวกับชายวัยกลางคนออกมาไม่ได้ “การทดสอบรอบที่ 2 ของนิกายมังกรสวรรค์สามารถพึ่งตัวเองได้เท่านั้น อาศัยพลังฝึกปรือระดับเทพขั้นสูงของเจ้านั่น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่าน”
“ข้ารู้…”
ชายวัยกลางคนที่ไม่ได้เป็นคนของขุมกำลังระดับจอมราชันเทพคนนี้ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญกฏแห่งลม ทำให้มันสามารถอยู่ในกลุ่มผู้นำพร้อมกับตู้ปั้วจวินและหลิงหูฉงเซียวได้ หลังได้ยินคำเตือนของหลิงหูฉงเซียวมันก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้าให้ข้าพาคนไปด้วยคนนึงไม่ใช่รึไร แต่พอดีนอกจากน้องชายของข้าแล้ว ข้าก็ไม่รู้จักใครอีกเลย เช่นนั้นข้าก็ได้แต่พาน้องข้าไปเท่านั้น”
“ยังมีคนที่ไม่ได้จขากมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพหลายคน ที่ส่งเสียงผ่านพลังมาถึงข้าเมื่อครู่ บอกให้ข้าพาพวกมันขึ้นไปด้วยโดยจะจ่ายราคาให้ข้า แต่พอดีข้าไม่สนใจสิ่งที่พวกมันเสนอมา”
ชายวัยกลางคนกล่าว
พอหลิงหูฉงเซียวได้ยินดังนั้นก็หยุดพูดทันที เพราะไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
…
หลังมีคนออกจากหุบเหวกระจกครบ 600 คน การทดสอบคัดเลือกศิษย์ฝ่ายในรอบแรกของนิกายมังกรสวรรค์ก็ถือว่าจบลงอย่างเป็นทางการ