War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3015
WSSTH ตอนที่ 3,015 : ความหมายลึกซึ้ง ร่างแฝดแห่งความตาย!
การที่ต้วนหลิงเทียนฮุบเกราะอมตะระดับราชาไปทีเดียว 2 ชิ้น ถึงแม้เชวียจิงอวี่กับคนอื่นๆจะไม่พอใจแค่ไหน แต่พวกมันก็รู้ตัวดีว่าไร้พลังต่อต้านแข็งขืน
ต้วนหลิงเทียนที่เข้าใจความหมายลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการแล้ว เป็นอะไรที่ห่างไกลเกินกว่าพวกมันจะต่อกรด้วยได้
ทว่าตอนนี้ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกลับปรากฏตัวออกกมาแล้วทำราวกับตัวมันเป็นต้วนหลิงเทียน เอ่ยปากว่าจะเอาเกราะอมตะระดับราชาตัวสุดท้ายไปหน้าตาเฉย…
เรื่องพรรค์นี้จะให้พวกมันยอมรับได้อย่างไรไหว?
“ไอ้หนู ถึงเจ้ากับต้วนหลิงเทียนล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะอายุไม่ถึงร้อย แต่ต้วนหลิงเทียนนั้นมิใช่ว่าเข้าใจความหมายลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการหรือไร?”
ชายชราคนหนนึ่งก้าวออกมาโพล่งคำอย่างไม่สบอารมณ์ มันทนมองต้วนหลิงเทียนเอาเกราะไป 2 ตัวโดยที่ทำอะไรไม่ได้ก็คับข้องใจจะแย่ เนื่องเพราะมันไม่อาจตอแยล่วงเกินต้วนหลิงเทียนคนนั้นได้
ตอนนี้เมื่ออยู่ๆหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็พาตัวเองมาส่งถึงหน้าประตู จึงเสมือนมันได้พบเจอที่ให้เอาโทสะไปลง!
“อะไร…เจ้าข้องใจ?”
ในขณะที่เชวียจิงอวี่และคนอื่นๆมองจ้องมาที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็มองจ้องไปยังชายชราเขม็งพลางเอ่ยออกเสียงเรียบ
จังหวะนี้ชายชราถึงกับผงะ!
เชวียจิงอวี่และคนอื่นๆก็เหวอ!
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นลอยร่างค้างกลางหาวอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าท่าทีสงบบ พาลให้พวกมันรู้สึกเสมือนอีกฝ่ายเป็นดั่งต้วนหลิงเทียนที่ออกมาเอาเกราะอมตะระดับราชาก่อนหน้า
“มัน..คงไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งแห่งกฏ 2 ประการด้วยกระมัง?”
“เป็นไปไม่ได้! มันอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ จะไปร้ายกาจขนาดนั้นได้อย่างไร?”
“แต่ต้วนหลิงเทียนก็อายุไม่ถึงร้อยปีด้วยไม่ใช่รึไร?”
“ก็ใช่ที่ต้วนหลิงเทียนอายุไม่ถึงร้อยปี แต่พวกเราได้ประจักษ์เรื่องความหมายลึกซึ้ง 2 ประการของมันแล้ว…พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าในเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยวของเรา จะปรากฏอสูรกายอายุไม่ถึงร้อยเช่นต้วนหลิงเทียนทีเดียว 2 คน?”
“ข้าเองก็คิดว่าเรื่องพรรค์นั้นคงเป็นไปไม่ได้…ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา มีต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมา ก็นับว่ายากพบพานในรอบพันหมื่นปีแล้ว ไฉนยังจะมีอสูรกายอย่างต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่ 2 ได้…”
…
เชวียจิงอวี่และคนอื่นๆไม่คิดว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะเป็นอย่างต้วนหลิงเทียนไปได้ ที่อายุไม่ถึงร้อยยแต่เข้าใจความหมายลึกซึ้งของกฏสองประการ!
“เจ้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมันตั้งใจเลียนแบบข้าหรือ…”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพลางส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มแหยๆ แต่หากถามว่ายังมีใครในที่นี้ที่คิดว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะคว้าเกราะอมตะระดับราชามาได้ เกรงว่าคงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
กระทั่งเกราะอมตะระดับราชาตัวสุดท้ายนั่น ก็เป็นเขาจงใจทิ้งไว้ให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอง
หากไม่ใช่เพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอ่ยออกมาว่าต้องการเกราะตัวซ้ายสุด เขาคงเลือกจะฮุบเกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 นั่นมาเป็นของตัวเองแล้ว ต่อให้เขาจะใช้ได้แค่ทีละตัว แต่เขาก็สามารถเอาไปให้คนอื่นๆ หรือเอาไปขายได้อยู่ดี
ที่สำคัญเกราะอมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงโดยจอมราชันอมตะนั้น ต่อให้เป็นในคฤหาสน์เฉวียนโยวเอง แต่ก็ถือว่าเป็นของมีค่า
หากไม่ใช่เพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ไหนเลยเขาจะเหลือมันไว้อีกตัว?
“ไอ้หนูอย่าได้ทำตัวลึกลับเสียให้ยาก!”
ชายชราพอกลับบมารู้สึกตัว ก็มองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “หากเจ้าคิดว่าแน่ เช่นนั้นก็ลองกันสักตั้ง!”
เสียงดังจบคำ ไม่ทันที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะได้ตอบอะไร ทั่วร่างชราก็ปะทุพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันมือทั้ง 2 ข้างก็คว้าจับกระบองคู่เขี้ยวหมาป่าที่ผุดจากความว่างมากระชับถือไว้แนบแน่น
จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ลุกโชนท่วมร่างผู้ชรา ก็เริ่มแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นสีฟ้าในชั่วพริบตา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้ผสานใช้พลังแห่งกฏที่ได้จากการเข้าใจความหมายแห่งกฏประการหนึ่ง!!
‘พลังนั่นมัน…ความหมายแห่งน้ำ ความลึกซึ้งเบื้องต้นของกฏแห่งน้ำ?’
เมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของชายชราเปลี่ยนไปเป็นสีฟ้า ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นขุมหนึ่งที่แผ่ซ่านออกมา
และหากสังเกตพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของอีกฝ่ายตอนนี้ให้ดี จะพบว่าทันทีที่มันเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ลักษณะพลังก็คล้ายเปลี่ยนเป็นอ่อนหยุ่นในพริบตา
นั่นเป็นคุณลักษณะเด่นของน้ำ!
ครืน! ครืน!
พอเชวียจิงอวี่กับคนอื่นๆรู้ตัว กระบองคู่ในมือผู้ชราก็ส่งเสียงคำรามออกมาปานอุกกาบาต!
ทั่วตัวกระบองนั้นนอกจากจะม้วนพันไปด้วยพลังสีฟ้าแล้ว ยังปรากฏหมอกโลหิตหนึ่งฟุ้งขึ้นมาปกคลุม ในหมอกโลหิตยังมีเพลิงสีดำหนึ่งลุกโชนแฝงเอาไว้
เห็นได้ชัดว่านอกจากใช้พลังธาตุน้ำแล้ว ชายชรายังใช้ทักษะอย่างอื่นด้วย
“ผู้เฒ่าหลี่ไม่เพียงชิงโจมตีก่อนโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัวเท่านั้น แต่ยังใช้ออกด้วยกระบวนท่ารุนแรงที่สุดทันที…นับว่าลงมือเข่นฆ่าตอนผู้อื่นอ่อนแอโดยแท้!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ลอยร่างไม่ห่างเชวียจิงอวี่กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
“ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ความประมาทย่อมเป็นหนทางสู่คววามตาย…เจ้าเฒ่าหลี่ลงมือเช่นนี้ นับว่าเป็นกลยุทธ์คว้าชัยอันประเสริฐ”
ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยออกมาอย่างเห็นด้วยกับการลงมือของผู้ชรา
ซู่มมม!!
ครืนนนน!!
…
กระบองคู่ถูกฟาดไปทางหลิงเขวี๋ยอวิ๋นอย่างดุร้ายปานอุกกาบาตร่วงฟ้า สภาวะพลังยิ่งมายิ่งดุดันอำมหิต!
“ฮู่มมม!”
“ฮู่มมม!”
เมื่อกระบองคู่ฟาดฟันออกไป มวลพลังที่ท่วมท้นอยู่ในกระบองทั้งสอง ก็เริ่มก่อเกิดเป็นหมาป่าพลังตัวเขื่องสีฟ้า พุ่งแยกย้ายกันอ้าปากกกระหายเลือดเข้าขย้ำร่างเจวี๋ยอวิ๋นพร้อมกันทั้งซ้ายขวา!
“ไฉนมันไม่ลงมือต่อต้านหรือหลบเล่า?”
“มันไม่ทันตอบโต้รึเปล่า อีกทั้งติดจะหลบเอาตอนนี้ก็หลบไม่ทันแล้ว!”
“ไอ้หนูนั่นตายแน่!”
“เหอะๆ อาศัยพลังฝีมืออ่อนด้อยเช่นนี้ คิดออกมาฮุบเกราะอมตะระดับราชาเป็นของตัวงั้นหรือ?”
…
ภายใต้สายตาของเชวียจิงอวี่และคนอื่นๆ หมาป่าพลังสีฟ้าตัวเขื่องที่แยกย้ายกันจู่โจมเข้ามาทั้งซ้ายขวา ในที่สุดก็บรรลุถึงร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ขย้ำเข้าไปยังไหล่ซ้ายและขวาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอย่างพร้อมเพรียง!
ปงงงง!!
เสียงดังสนั่นลั่นขึ้นตามติด เป็นชายชราที่ลุมาถึงร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ถูกหมาป่าพลังสีฟ้าขย้ำไห่ทั้ง 2 จนไม่อาจเคลื่อนไหวไปไหน จากนั้นกระบองคู่เขี้ยวหมาป่าก็ถูกฟาดเข้าใส่ศีรษะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอย่างจัง!
‘นั่นมัน…อะไรกัน!?’
ต่างจากเชวียจิงอวี่และคนอื่นๆที่คิดว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นต้องตายตกแน่แท้ สองตาต้วนหลิงเทียนยหดหยีลงในฉับพลัน ด้วยสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
เขารู้สึกว่า หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่รับการโจมตีของชายชราอย่างจังนั่น ไม่ใช่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกต่อไป
“นั่นก็คือความหมายลึกซึ้งของกฏแห่งความตาย ร่างแฝดแห่งความตาย”
ราวกับได้ยินความสงสัยในใจของต้วนหลิงเทียน เสียงสตรีอันเยียบเย็นหนึ่งพลันดังขึ้น เป็นหวงเอ้อที่อาศัยอยู่ในทะเลวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั่นเอง
“เสี่ยวเฟิงในตอนนี้ ได้เข้าใจความหมายลึกซึ้งประการที่สองของกฏแห่งความตายนอกจากความหมายแห่งความตายได้แล้ว และยังเป็นร่างแฝดแห่งความตายอีกด้วย”
หวงเอ้อกล่าวออกมารวดเดียวจบ
“ร่างแฝดแห่งความตาย?”
วินาทีต่อมา ในขณะที่เชวียจิงอวี่และคนอื่นๆ ตกใจที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ลงมือตอบโต้อะไรและทานรับกระบวนท่าของชาชราเข้าไปอย่างจัง ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าสองตาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นได้ส่องสว่างออกมาด้วยสีแดงปานโลหิต อีกทั้งทั่วร่างยังบังเกิดไอโลหิตแผ่พุ่งออกมาฉาบคลุมอย่างน่ากลัว และไอโลหิตที่ว่าก็ป้องกันการลงมือของชายชราได้ชะงัด!!
“เจ้ามีแรงแค่นี้หรือ?”
ด้านหลังหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่สองตาแดงฉานเป็นสีเลือด อยู่ๆก็ปรากฏเงาร่างผ้าคลุมหนึ่งโบกสะบัดไปตามคลื่นลม อีกทั้งบนผ้าคลุมยังเต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อนและอักขระโบราณ
และทันทีที่เงาร่างผ้าคลุมดังกล่าวปรากฏขึ้น หมาป่าพลังตัวเขื่องสีฟ้าทั้ง 2 ที่ขย้ำไหลของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอยู่ ก็ถูกไอโลหิตที่แผ่ออกมาปกคลุมทั่วร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นซัดทำร้ายจนปลิวกระเด็นออกไป!
และเมื่อหมาป่าทั้ง 2 ถูกซัดจนปลิว ชายชราที่ฟาดพลองเข้าใส่ศีรษะของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ถูกซัดปลิดปลิววออกมาเช่นกัน!
ซัวว!
ไอโลหิตทั่วร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยิ่งมายิ่งพวยพุ่งออกจากร่างปานจะย้อมแผ่นฟ้า และเงาร่างผ้าคลุมที่พึ่งปรากฏออกมาด้านหลัง บัดนี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานปานโลหิต เริ่มโบกสะบัดไปแม้ไรลม!
‘ผ้าคลุมนั่น…สมควรเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาแน่นอน! อุปกรณ์อมตะระดับราชาไม่มีวันทรงพลังถึงขนาดนั้นได้แน่!’
ความสนใจของต้วนหลิงเทียนได้ถูกเงาผ้าคลุมที่ผุดโผล่ขึ้นมาด้านหลังหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดึงดูดไปทันที อีกทั้งยามเมื่อผ้าคลุมสีเลือดโบกสะบัด ลวดลายของมันคล้ายได้สูดเอาไอพลังสีแดงเลือดทั่วร่างของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเข้าไป จนแลดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ตามลวดลายอักขระต่างๆยังเหมือนมีธารเลือดไหลเวียน
“หวงเอ้อ ผ้าคลุมนั่นของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมันคือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามหวงเอ้อในทะเลวิญญาณ
“อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ”
หวงเอ้อตอบ
“อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!”
แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอมาได้ยินจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้
สำหรับเหตุผลที่ไฉนหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล้านำอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิออกมาใช้อย่างโจ่งแจ้ง เขาก็เดาได้ไม่ยาก
ไม่มีอะไรมากไปกว่ารู้ดี ว่าหลังจากกลับออกไปจากวังจอมราชันอมตะหรือกลับออกไปจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ทุกคนก็ล้วนต้องลืมเรื่องที่เกิดขึ้นหมดสิ้น
ด้วยวิธีนี้ เรื่องที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นถือครองอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิก็ไม่มีวันแพร่งพรายออกไป
“ผ้าคลุ่มนั่น…มันอะไรกันแน่ กลิ่นอายพลังไม่ธรรมดายิ่งนัก!”
ขณะเดียวกัน ด้านเชวียจิงอวี่และคนอื่นๆก็เริ่มตระหนักได้แล้ว ว่าผ้าคลุมที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นสวมใส่อยู่นั้นไม่ธรรมดา ยังไม่ธรรมดาเหมือนอุปกรณ์อมตะระดับราชา!
“เจ้า…นั่นคืออุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน!?”
เมื่อเห็นว่าการโจมตีสุดกำลังของตัวเอง ที่แท้ไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้แก่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้เลย หน้าชายชราก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง จากนั้นก็จับจ้องไปยังผ้าคลุมที่โบกสะบัดอยู่ด้านหลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยความหวาดกลัว
ผ้าคลุมผืนนี้ ให้ความรู้สึกทรงพลังและน่ากลัวยิ่งกว่าเกราะอมตะระดับราชา ที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะเสียอีก!
“อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน!?”
มุมปากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยกยิ้มแสยะออกมาด้วยความดูแคลนรังเกียจ หากแต่มันก็ไม่คิดอธิบายเพิ่มเติมอะไร จากนั้นไอโลหิตทั่วร่างก็ม้วนวนปานพายุคลั่ง คนวูบร่างจี้เข้าหาชายชราที่ปลิวไปในบัดดล!
เผชิญหน้ากับหลิงเจวี๋อวิ๋นที่สองตาแดงฉานปานก้อนเลือด ชายชราที่ตระหนักว่าไร้หนทางฝ่าการป้องกันของอีกฝ่าย ก็ทำได้แค่กัดฟันเตรียมต้านรับการโจมตีของหลิงเจวี่ยอวิ๋นสุดกำลัง
‘หวังว่ามันจักไม่ลงมือด้วยกระบวนท่าแลกชีวิตเหมือนต้วนหลิงเทียน…หากมันกระทำแบบนั้นจริง ข้าตายแน่!’
ตอนนี้ชายชราหวงเพียยงว่ามันจะสามารถต้านทานกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ ถึงตอนนั้นจะได้ตกอยู่ในสภาพคงกระพัน
เพราะต่อให้ไม่ชนะ ขอแค่ไม่แพ้ ก็สามารถรอดชีวิตได้
ปงงง!
เปรี๊ยงงง!!
…
หมัดลุ่นๆของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ชกออกไป ถูกกระบองเขี้ยวหมาป่าทั้งสองของชายชราป้องกันเอาไว้ได้ จากนั้นหมัดกระบองก็ออกกระบวนท่าปะทะกันอย่างดุเดือด!
‘ยังได้อยู่…’
เมื่อเห็นว่าการลงมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังอยู่ในวิสัยที่มันต้านทานรับไหว ชายชราก็ลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก หมายความว่ามันสามารถรบพัวพันกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นในลักษณะนี้ได้อยู่
อย่างไรก็ตาม พริบตาต่อมาสีหน้าชายชราพลันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
ฟั่ฟฟฟ!
เพราะบังเกิดเสียงกระบี่หนึ่งฟันแหววกอากาศมาด้วยความเร็วสูงแว่วดังเข้าหู!
และท่ามกลางสายตาของทุกคน ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นอะไรที่พิสดารยิ่งนัก! ปรากฏร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกคนพุ่งออกมาจากร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่มีสองตาแดงฉานปานก้อนโลหิต! คว้าจับกระบี่โลหิตที่ควบแน่นจากไอพลังสีแดงเลือดที่ปกคลุมโดยรอบ ก่อนจะฟันออกไปฉับไวสุดที่ใครจะทันได้ตั้งตัว ผ่าร่างชายชราให้แยกเป็นสองเสี่ยงจากบนลงล่างอย่างอำมหิต!
“นั่นมันบ้าอะไรกัน!?”
“ไฉนมีหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกคนโผล่ออกมาจากร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้เล่า!?”
“จ้าวสวรรค์ช่วย! นิ…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?”
…
ลูกตาเชวียจิงอวี่และคนอื่นๆหดหยีลงโดยพลัน นั่นเพราะร่างที่อยู่ๆก็พุ่งออกมาจากตัวหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้น ก็คือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอง!
มีหลิงเจวี๋ยอวิ๋น 2 คน!?