War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3047
WSSTH ตอนที่ 3,047 : เฉินหลี
“อายุไม่ถึงร้อยปี เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการรึ?”
ในดินแดนสวรรค์ใต้ พื้นที่อิสระแห่งหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากการปกครองของเขตคฤหาสน์ระดับ 6 ทั้งหลาย ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ปานพระราชวัง ร่างชายคนหนึ่งนั่งจิบชาอยู่ในลานว่าง อย่างไรก็ตามไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆมือของมันก็ออกแรงบีบถ้วยชามากไป จนถ้วยชาแตกละเอียด!
“มีอะไรหรือ เฉินหลี?”
ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งงตรงข้ามกับชายหนุ่มที่บีบถ้วยชาแตก อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีใด…ข้าพึ่งได้รับการติดต่อจากคนในขุมกำลังระดับ 7 คนหนึ่งที่ข้าเคยพบตอนไปแถวเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว มันพึ่งติดต่อมาขอให้ข้าออกภารกิจฆ่าคนผู้หนึ่ง”
ชายหนุ่มที่พลั้งมือบีบถ้วยชาจนแหลกมีนามว่า เฉินหลี เป็นลูกชายนอกสมรสของ 1 ใน 3 รองผู้นำองค์กรมือสังหาร กะโหลกเลือด
และที่นั่งตรงข้ามกับเฉินหลี ก็เป็นสหายของมันเอง ลักษณะท่าทางให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา เห็นชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ
เฉินหลียังมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่ม ใส่ชุดคลุมหรูหราขลิบเงิน หากแต่สีผิวรวมถึงสีหน้าของมันค่อนข้างซีดเล็กน้อย ราวกับพวกที่หลงมัวเมาในสุรานารี
อย่างไรก็ตาม เฉินหลีนั้นไม่ได้ติดสุรานารีแต่อย่างไร
เหตุไฉนที่ผิวมันซีดแบบนี้ เป็นเพราะขาดสารอาหารมาแต่กำเนิด
ในอดีตมารดาที่ตั้งครรภ์มัน ได้เร่งรุดหนีตายอย่างหัวซุกหัวซุน จากการตามล่าของมือสังหารที่ภรรยาหลวงบิดาส่งมา สุดท้ายนางก็หลบหนีได้พ้นจนคลอดมันออกมาได้สำเร็จ แต่ในระหว่างหลบหนีนั้น นางไหนเลยจะมีเวลาบำรุงครรภ์ เช่นนั้นมันพอคลอดออกมาก็ป่วยออดๆแอดๆตั้งแต่แบเบาะ
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บิดารู้สึกผิดกับมันมาก ภายหลังอีกฝ่ายจึงดูแลมันอย่างดีเป็นการชดเชย
อันที่จริงเหตุไฉนที่บิดาดูแลมันอย่างดีนั้น เพราะมันเป็นลูกชายคนเดียว พี่น้องร่วมบิดาของมันที่เหลือล้วนเป็นสตรีทั้งหมด!
เฉินหลีมีพี่สาวต่างมารดา 9 คน และน้องสาวต่างมารดา 13 คน!
เรียกว่ามันเป็นลูกชายคนเดียวของบิดา แม้สภาพร่างกายมันจะไม่ค่อยดีตั้งแต่แรกเกิด แต่บิดาของมันก็พยายามหาโอสถอมตะ ยาอายุวัฒนะมากมายหลายแหล่มาให้มันกิน จนในที่สุดร่างกายของมันก็ค่อยๆดีขึ้นจนเป็นอย่างปัจจุบัน
และตอนนี้ให้มันบำรุงมากแค่ไหน ก็ไม่อาจมีสภาพดีขึ้นไปกว่านี้ได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ ศักยภาพพรสวรรค์ และความเฉลียวฉลาดของมันจึงไม่ได้ดีเด่อะไร เพียงเทียบได้กับคนธรรมดาเท่านั้น ในบรรดาพี่น้องทั้งหลาย มันเป็นผู้ที่อ่อนด้อยที่สุด
อย่างไรก็ตามด้วยความที่มันเป็นลูกชายคนเดียว เช่นนั้นมันจึงได้รับสิ่งดีๆ สุดที่พี่สาวน้องสาวของมันจะเทียบได้
“ฆ่าใครรึ?”
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเฉินหลีเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
ชาหนุ่มผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมสีขาว ใบหน้าหล่อเหลา ในมือถือพัดเล่มหนึ่ง ท่าทางกิริยาแลดูสง่างามไม่ธรรมดา ไม่เพียงให้ความรู้สึกพิเศษ ใบหน้ายังคลี่ยิ้มตลอดเวลา พาลให้ผู้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกเสมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ
เรียกว่าการที่มันมานั่งอยู่กับเฉินหลี ช่างเป็นอะไรที่ดูแตกต่างกันคนละขั้วจริงๆ
“ถึงกับทำให้เจ้าเหม่อได้..หรือจะไม่ธรรมดา?”
ชายหนุ่มผู้แลดูสง่างามเอ่ยถาม
“ผู้ฝึกตนอิสระอายุน้อยกว่าร้อย บรรลุยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แถมเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการ…มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวตอนใต้ เพราะรอดกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณได้ในอันดับ 2 ตอนนี้ได้เข้าร่วมกับนิกายอมตะเป้าผู่แล้ว คนที่ติดต่อมาหาข้าก็เป็นคนของนิกายอมตะเป้าผู่เหมือนกัน”
เฉินหลี หยุดเล็กน้อยคล้ายนึกอะไรบางอย่าง สักพักก็กล่าวสืบต่อ “หากจำไม่ผิดคนที่ติดต่อข้ามาเรียกว่าเจิ้งหงอี้ เป็นศิษย์สายลำดับ 3 ของประมุขนิกายอมตะเป้าผู่”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้านั่นจะติดต่อกะโหลกเลือดให้ฆ่าเจ้าหนุ่มอัจฉริยะนั่น ดูท่ามันคงกริ่งเกรงว่าความสามารถของเจ้าอัจฉริยะนั่นจะขัดผลประโยชน์ของมัน…แต่ไม่กล้าลงมือเองด้วยกลัวจะถูกสืบพบ เลยติดต่อข้ามาหมายให้กะโหลกเลือดลงมือแทน”
หากเจิ้งหงอี้อยู่ที่นี่คงอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง เพราะเฉินหลีเข้าใจสิ่งที่มันต้องการทั้งหมด
“อายุไม่ถึงร้อย ไม่เพียงทะลวงถึงอดเซียนอมตะขั้นสูงุสดแต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการว ยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระอีก ไม่พูดไม่ได้ ไอ้เจ้าหนุ่มนี่มันช่างมากพรสวรรค์และเฉลียวฉลาดผิดผู้คนจริงๆ”
ขณะกล่าวประโยคนี้เสียงเฉินหลีก็เริ่มเบาลงง ราวกับกำลังพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ขณะเดียวกันลึกลงไปในแววตาของงมันก็บังเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมา…ไม่ผิด ในชีวิตเฉินหลี ที่อิจฉาที่สุดก็คือเหล่าอัจฉริยะผู้มากพรสวรรค์ทั้งหลาย!
เพราะไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือวามสามารถใดๆมันก็อยู่แค่กลางๆเท่านั้น
“ไม่จริงหน่า อายุไม่ถึงร้อย เข้าใจความลึกซึ้ง 2 ประการแถมทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้ว แต่เป็นแค่ผู้ฝึกตนอิสระเนี่ยนะ?”
ได้ยินคำพูดของเฉินหลี่ ชายหนุ่มสง่างามก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย “ไอ้เจ้าหนุ่มนั่น ต่อให้มองไปทั่วคฤหาสน์ระดับ 6 ทั้งหลายก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอได้ง่ายๆไม่ใช่รึไง?”
ความสำเร็จขนาดนี้ด้วยวัยไม่ถึงร้อยปี ต่อให้เป็น 10 ตระกูลหลัก และ 5 นิกายระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้ก็ไม่ใช่จะมีปรากฏให้เห็นบ่อยๆ ยังกล่าวได้ว่ายากจะปรากฏตัวด้วยซ้ำ
“แล้วเจ้าจะเอาไง?”
ชาหนุ่มสง่างามเอ่ยถาม
“ข้าเคยรับปากมันว่าจะตอบแทนบุญคุณที่มันช่วยข้าไว้…ธุรกิจครั้งนี้ข้าคงต้องทำในนามของพวกเรา”
เฉินหลีกล่าว
“เรื่องนี้เจ้าระวังให้มากหน่อยดีกว่า ตรวจสอบความเป็นมาเจ้าอัจฉริยะนั่นให้ละเอียดๆ…ข้ารู้สึกว่าตัวตนอัจฉริยะแบบมัน ไม่น่าจะเป็นแค่ผู้ฝึกตนอิสระไปได้”
ชายหนุ่มสง่างามเอ่ยเตือนอย่างจริงจัง
เฉินหลีเป็นสหายเพียงไม่กี่คนที่มันมี เป็นธรรมดาว่ามันไม่อยากให้เฉินหลีไปตอแยคนที่ไม่อาจล่วงเกิน จนอีกฝ่ายเผชิญกับหายนะเภทภัยยากแก้ไข
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาของคนในขุมกำลัระดับ 7 เท่านั้น เรียกว่าไม่คุ้มเสี่ยงเลย!
“ไม่ต้องห่วงหน่า..”
ใบหน้าซีดเซียวของเฉินหลีคลี่ยิ้มอันหาได้ยากออกมา “หน่วยข่าวกรองของกะโหลกเลือดเราเป็นไงเจ้าเองก็รู้ดี ไม่ว่าเจ้านั่นจะมีความเป็นมาอะไร สุดท้ายก็ต้องโดนขุดออกมาจนหมด!”
“และหากตรวจสอบแล้วพบว่ามันมีความเป็นมาไม่ธรรมดาจริงๆ กะโหลกเลือดเราจะไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น และข้าก็ไม่ลังเลที่จะปฏิเสธเจ้าเจิ้งหงอี้นั่น”
เฉินหลีกล่าว
ถึงแม้กระโหลกเลือดจะน่ากลัวสำหรับผู้คนในแดนสวรรค์ใต้ แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่พวกมันไม่อาจแตะต้องได้
อย่างเช่นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับบจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ที่ปกครองแดนสวรรค์ใต้
ยกตัวอย่าง หากมีคนติดต่อขอให้ฆ่าศิษย์สาวกของ 10 ตระกูลหลัก หรือศิษย์คนสำคัญของ 5 นิกายใหญ่ ให้มันมีความกล้ามากกว่านี้ร้อยเท่า มันก็ไม่กล้ารับงานแน่นอน!
ในแดนสวรรค์ใต้ ขุมกำลังที่เหนือกว่าคฤหาสน์ระดับ 6 ก็คือขุมกำลังระดับ 5!
และต้องทราบด้วยว่า ในแดนสวรรค์ใต้ มีขุมกำลังระดับ 5 แค่ 15 ขุมกำลังเท่านั้น นั่นก็คือ 10 ตระกูลหลักและ 5 นิกายใหญ่ นับว่าพวกมันยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนสวรรค์ใต้
“เช่นนั้นก็ดี”
ดิ้นคำพูดของเฉินหลี ชายหนุ่มที่แลดูสง่างงามก็พยักหน้า คิ้วที่ขดย่นเป็นปมของมันเริ่มคลายตัว โล่งใจขึ้นมาไม่น้อย
มันเองก็รู้ความสามารถของหน่วข่าวกรองกะโหลกเลือด เรียกว่านั่นคือหน่วยข่าวกรองอันดับต้นๆของแดนสวรรค์ใต้เลยก็ว่าได้
กระทั่งหน่วยข่าวกรองของขุมกำลังเบื้องหลังมัน ก็ยังไม่ทรงพลังเท่าหน่วยข่าวกรองของกะโหลกเลือด
ท้ายที่สุดแล้วกะโหลกเลือดก็เป็นองค์กรมือสังหาร ย่อมให้ความสำคัญกับหน่วยข่าวกรองเป็นที่สุด เพราะธุรกิจหลักนั้นเรียกว่าต้องพึ่งข้อมูลเป็นหลัก
“ว่าแต่เจ้าจะกลับเมื่อไหร่รึ”
เฉินหลีหันไปมองถามชายหนุ่มถือพัด
“พรุ่งนี้ข้าว่าจะกลับแล้วล่ะ…ข้าออกข้างนอกมาครั้งนี้ก็นานพอดู สมควรที่ต้องกลับไปได้แล้ว วันหน้าหากเจ้าว่างก็แวะไปหาข้าบ้าง จะตอนไหนข้าก็พร้อมต้อนรับ”
ชายหนุ่มสง่างามกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ได้…อย่างไรเสีย เจ้าก็นับเป็นสหายคนเดียวที่ข้ามี”
รอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้าซีดเซียวของเฉินหลีอีกครั้ง และแลดูแปลกตาอยู่บ้าง
หากในโลกนี้จะมีอัจฉริยมากพรสวรรค์คนไหนที่มันไม่อิจฉาล่ะก็ เห็นทีจะเป็นชายหนุ่มเบื้องหน้าคนเดียวเท่านั้น
สหายเพียงคนเดียวของมัน
พอเสียงเฉินหลีดังจบคำ ชายหนุ่มสง่างามถือพัดก็อดทอดถอนในใจไม่ได้
หากถามว่าในโลกนี้ใครที่รู้จักเฉินหลีดีที่สุด เกรงว่านอกจากมารดาแท้ๆของเฉินหลีแล้ว ก็คงมีแต่มัน
“เจ้าก็จะเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้าตลอดไป…”
ชายหนุ่มสง่างามเอื้อมมือไปตบไหล่เฉินหลีเบาๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียวของเฉินหลีก็แลดูสดใสทั้งแปลกตามากยิ่งขึ้น สุดท้ายก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปานจะร่ำไห้
แน่นอนว่าตอนนี้มันรู้สึกมีความสุขและยินดีจากใจ
ก็แค่ใบหน้าของมันไม่เอื้ออำนวยให้มันยิ้มเท่าไหร่ แถมสีหน้ายังซีดๆ พอยิ้มร่าจริงๆ ก็เลยกลายเป็นแบบนี้
…
ณ เขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว นิกายอมตะเป้าผู้
“นี่น่ะเหรอ หอตำรา?”
ต้วนหลิงเทียนหยุดยืนบนแท่นศิลาทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่คล้ายจะถูตัดด้วยกระบี่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มองจ้องไปยังอาคารสูง 7-8 ชั้นที่ตั้งตระหง่านแลดูน่าเกรงขาม ใจยังสั่นไหวไปเล็กน้อย
อันที่จริงอาคารหลังนี้มีทั้งหมด 9 ชั้น เป็นหอตำราฝ่ายในของนิกายอมตะเป้าผู่ ซึ่งภายในมีเคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะ เวทย์พลัง และยันต์อมตะเก็บความทรงจำต่างๆมากมาย
แน่นอนว่ายังมีตำราเก่าๆ ยันต์อมตะเก็บความทรงจำ รวมถึงลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกการต่อสู้ของยอดฝีมือที่เข้าใจกฏต่างๆไว้มากมาย
และจุดประสงค์การมาที่นี่ของต้วนหลิงเทียน ก็คือขึ้นไปยังชั้น 9 ของหอตำรานิกายอมตะเป้าผู่ และยังเป็นชั้นบนสุดของหอตำราหลังนี้อีกด้วย
ที่ชั้นบนสุดของหอตำราจะมีเคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะ และเวทย์พลังระดับราชาประจำนิกายอมตะเป้าผู่เก็บไว้
เคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังประจำกายอมตะเป้าผู่นั้น มีแต่ศิษย์ฝ่ายในที่โดดเด่น ศิษย์ที่แท้จริง และศิษย์สายตรงเท่านั้นที่จะรับไปฝึกได้ หากไม่ใช่ผู้ที่โดดเด่นก็ได้แต่ฝึกวิชาอื่นๆที่ทางนิกายเก็บสะสมไว้เท่านั้น
เรียกว่ามีแต่ตัวตนระดับสูงๆเท่านั้นที่จะขึ้นไปได้
หอตำรามีประตูทางเข้าออกเพียงแค่แห่งเดียว ก็คือประตูที่ชั้นล่างสุด กล่าวได้ว่าหากต้วนหลิงเทียนคิดจะขึ้นไปชั้นบนสุดก็จำต้องเข้าทางประตูหน้า และเดินขึ้นไปตั้งแต่ชั้นแรก
ที่หน้าประตูชั้นแรก มีนักพรตเต๋าร่างกำยำ 2 คนขวางทางอยู่ พอเห็นต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามา ทั้งคู่ก็ชักกระบี่มาไขว้กันไว้เป็นกากบาท ปิดทางต้วนหลิงเทียนทันที
มีหอตำราในนิกายอมตะเป้าผู่ทั้งสิ้น 2 หอ หนึ่งในนั้นก็คือหอนี้ ส่วนอีกแห่งนั้นเป็นหอตำราฝ่ายนอก
และหอตำราแห่งนี้หรือก็คือหอตำราฝ่ายใน หากคิดจะเข้าไป ก็จำเป็นต้องแสดงป้ายประจำตัวบอกฐานะออกมาก่อน
ที่มีกฏแบบนี้ ก็เพื่อกันไม่ให้ศิษย์ฝ่ายนอกเข้าไปได้
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่าการเข้าหอตำราต้องใช้ป้ายประจำตัว แต่เขาก็พอจะเดาได้ เพราะเห็นว่าคนที่เข้าไปก่อนหน้านั้นต่างห้อยป้ายไว้ให้เห็นง่ายๆทั้งสิ้น มีแต่เขาที่เก็บไว้ในตัว จึงหยิบป้ายประจำตัวออกมาชูแสดงให้นักพรตที่ขวางทางทั้ง 2 แลเห็นชัดๆทันที
“ศิษย์ที่แท้จริง!?”
และพอเห็นป้ายประจำตัวที่ต้วนหลิงเทียนแสดง ลูกตานักพรตทั้ง 2 ก็หดเล็กลงโดยพลัน
“ที่แท้อัจฉริยะที่ได้ตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงตั้งแต่แรกเข้านิกายที่ลือกันอยู่ช่วงนี้ ก็คือสหายน้อยนี่เอง…ช่างหล่อเหลาทั้งมากพรสวรรค์จริงๆ!”
นักพรตเต๋าวัยกลางคนผู้หนึ่งมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาท่าที ทำราวกับจะประจบประแจงอัจฉริยะ
ส่วนนักพรตเต๋าวัยกลางคนอีกคนแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาก็เผยความกระตือรือร้นไม่น้อย กระทั่งยังเก็บกระบี่เร็วไวกว่าสหายที่กล่าวประจบเสียอีก
ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าส่งยิ้มให้ทั้งคู่เป็นการทักทายอบ่ามากอัธยาศัย ค่อยเดินเข้าไปด้านใน
เหล่าศิษย์ฝ่ายในด้านหลังที่คิดจะเข้าไปในหอตำราเช่นกัน พอได้ยินคำพูดนักพรตเต๋าวัยกลางคน ก็อดไม่ได้ที่จะมองแผ่นหลังชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งก้าวอาดๆเข้าไปด้านในอย่างเหม่อลอย ด้วยไม่คิดเลยว่าคนเมื่อครู่ที่แท้จะเป็นคนดังในข่าวลือช่วงนี้นี่เอง
“ข้าได้ยินมาว่าต้วนหลิงเทียนคนนั้นยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่ก็บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้แล้ว…แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการอีก!!”
“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าตัวตนที่ยากจะพบพานในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวกลับมาปรากฏตัวที่นิกายอมตะเป้าผู่เราจริงๆ”
“ที่น่าทึ่งเป็นที่สุดก็คือ มันเป็นผู้ฝึกตนอิสระนี่ล่ะ!”