War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3084
ณ ดินแดนอิสระแห่งหนึ่งที่แยกตัวออกมาเป็นเอกเทศน์จากเขตคฤหาสน์ระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้
ภายในเมืองใหญ่อันมีพื้นที่สุดไพศาล ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดคลุมทองที่กำลังจิบชาบนโต๊ะในลานของคฤหาสน์หลังเขื่อง อยู่ๆมือมันก็ชะงักหยุดลง สีหน้ายังเริ่มเปลี่ยนเป็นมืดมน
“มีเรื่องอะไรหรือเฉินหลี?”
ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะฝั่งตรงข้าม ขมวดคิ้วเอ่ยถามชายหนุ่มในชุดคลุมทองด้วยความเอะใจสงสัย
ชายหนุ่มอีกคนที่ว่า มาในชุดคลุมสีขาว ใบหน้าหล่อเหลา ในมือถือไว้ด้วยพัดเล่มหนึ่ง แลดูภูมิฐาน และด้วยความที่บนใบหน้ามักมีรอยยิ้มอ่อนโยน ช่างชวนให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นเสมือนสายลมฤดูใบไม้ผลินัก
“เจ้ายังจำเรื่องศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งของนิกายอมตะเป้าผู่ที่ข้าเคยพูดถึงตอนที่เจ้ามาหาข้าครั้งก่อนได้ไหม…”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทอง ก็คือลูกชายนอกสมรสของ 1 ใน 3 รองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด เฉินหลี นั่นเอง และเมื่อครู่มันก็พึ่งได้รับข้อความที่บิดาติดต่อมา
“ก็จำได้อยู่”
ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้า “มีอะไรรึ?”
“ภารกิจสังหารมัน…จนถึงวันนี้ยังไม่สำเร็จ”
เฉินหลีเอ่ยออกเสียงหนัก
“หา?”
ชายหนุ่มชุดขาวอึ้งไปเล็กน้อย มันย่อมรู้ความสามารถขององค์กรกะโหลกเลือดดี แต่จนถึงตอนนี้…ยังไม่อาจฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนนึงได้?
“มัน…มียอดฝีมือคอยติดตามคุ้มกันรึ?”
ชายยหนุ่มชุดขาวเอ่ยถามด้วยสงสัย
“เปล่า ทางเรายืนยันแล้วว่ามันมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง…ด้วยพลังของอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองนั่น มันสามารถฆ่านักฆ่าคนแรกที่องค์กรกะโหลกเลือดเราส่งไปได้”
เฉินหลีกล่าว
“อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองงั้นหรือ…ก็ไม่แปลกอะไร เพราะพอมันใช้อุปกรณ์นั่น มันก็ได้พลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดมาครอง ต่อให้มันจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ไม่กี่ประการ แต่คิดจะฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดขององค์กรกะโหลกเลือดเจ้าก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยาก”
ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นก็เอ่ยถามออกไปว่า “ว่าแต่หลังนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดถูกมันฆ่าตาย องค์กรกะโหลกเลือดของเจ้าก็สมควรสงนักฆ่าที่แข็งแกร่งมากพอไปจัดการมันต่อไม่ใช่รึ?”
องค์กรกะโหลกเลือด ในฐานะอค์กรมือสังหารระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้ ย่อมไม่รับภารกิจมั่วซั่ว แต่ถ้าหากรับงานมาแล้ว…หากเป้าหมายไม่ตาย ไม่คิดเลิกรา!
มันรู้เรื่องนี้ดี
“ก็ใช่ และนักฆ่าคนที่ 2 ที่ทางองค์กรกะโหลกเลือดเราส่งไป ก็เป็นราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 6 ประการ…”
เฉินหลีกล่าว
“ราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 6 ประการ? ความแข็งแกร่งระดับนี้ต่อให้เป็นในคฤหาสน์เฉวียนโยวยังนับเป็นกำลังสำคัญ อาศัยนิกายอมตะเป้าผู่ อย่างดีก็คงมีแค่คนสองคนที่รับมือได้กระมัง?”
ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยถามออกไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้าอย่าบอกนะ…ว่ามันพลาด?!”
“มันไม่เพียงแต่จะพลาด…แต่ยังมีจุดจบเหมือนนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด เอาชีวิตไปทิ้งในเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว”
สีหน้าเฉินหลียิ่งมายิ่งมืดมน
“อะไร!? ราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 6 ประการยังตาย!?”
ชายหนุ่มชุดขาวอดตกใจไม่ได้ “หรือยอดฝีมือของนิกายอมตะเป้าผู่ลงมือ?”
“เรื่องนี้ไม่รู้เลย…เพราะก่อนที่นักฆ่าผู้นั้นจะตายตก มันมิได้ส่งข้อความอันใดกลับมา ทำให้พวกเราไม่รู้เลยว่ามันโดนใครฆ่าตายกันแน่”
เฉินหลีกล่าวสืบต่อ “หลังจากนั้น ทางองค์กรกะโหลกเลือดเราก็ได้ส่งนักฆ่าไปเป็นคนที่ 3 และครานี้ก็คือนักฆ่าขอบเขตพลังราชาอมตะ 9 ตำหนัก”
ราชาอมตะ 9 ตำหนัก!
ชายหนุ่มชุดขาวเลิกคิ้วขึ้น “นักฆ่าระดับราชาอมตะ 9 ตำหนัก ในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว หากไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งตัวเป็นศัตรูกับคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่างเปิดเผย พลังฝีมือของมันก็สมควรกวาดล้างขุมกำลังระดับ 7 ของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวได้หมดกระมัง”
ในสายตาของชายหนุ่มชุดขาว การส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก ไปสังหารยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่ง มันไม่ได้ต่างอะไรกับคิดฆ่าไก่ด้วยมีดฆ่าโค! สมควรจัดการได้เหลือๆ!!
“นักฆ่าคนนี้ แม้จะไม่ถึงกับพลาดท่าตายตก…แต่เป้าหมายก็หนีรอดไปได้”
บัดนี้สีหน้าเฉิงหลีมืดดำลงจนแทบจะคั้นได้เป็นหยดน้ำหมึก!
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หว่างคิ้วชายหนุ่มชุดขาวเริ่มขดย่นเป็นปม
“ประมุขนิกาอมตะเป้าผู่ มอบยันต์อมตะหลบหนีให้มัน ยังเป็นยันต์เงาวายุที่คฤหาสน์เฉวียนโยวมอบให้เป็นรางวัล…ยันต์เงาวายุนั่น ไม่เพียงบรรจุพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตจอมราชันอมตะเอาไว้ ยังมีพลังจากความลึกซึ้งกายสายลมและความลึกซึ้งลมกรดบรรจุเอาไว้ด้วย…”
กล่าวถึงจุดนี้เฉินหลีก็กัดฟันกล่าวออกมา “และไม่ว่าจะความลึกซึ้งกายสายลมหรือลมกรด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความลึกซึ้งที่บรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยทั้งคู่!”
“เมื่อเป้าหมายใช้ยันต์เงาวายุนั่น จึงหลบหนีไปภายใต้เงื้อมมือนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักของเราได้อย่างง่ายดาย กระทั่งไม่เหลือร่องรอยใดๆให้สืบสาว สุดท้ายนักฆ่าเราก็ได้แต่กลับมาพร้อมความล้มเหลว”
สองตาเฉินหลีเบิกกว้าง มากล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน เพราะเป้าหมายนั่นมันสามารถรอดพ้นเงื้อมมือนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือดไปได้หลายครั้งหลายครา จึงสร้างความกดดันให้ผู้ที่ค้ำประกันภารกิจอย่างมันไม่น้อย
หากไม่ใช่ว่าตอนนี้บิดาหนุนหลังมันอยู่ล่ะก็ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอค์กรกะโหลกเลือดคงไม่เก็บมันไว้แน่!
“ยันต์อมตะหลบหนี…เงาวายุ ไม่เพียงมีพลังของจอมราชันอมตะ แต่ยังบรรจุพลังจากความลึกซึ้งกายสายลมกับลมกรดขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเอาไว้…”
ชายหนุ่มชุดขาวหยีตาเอ่ยออกเสียงเข้ม “ยันต์อมตะหลบหนีระดับนี้ นับประสาอะไรกับราชาอมตะ 9 ตำหนัก ต่อให้เป็นนักฆ่าไพ่ตายขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศขององค์กรกะโหลกเลือดเจ้า ก็คงทำได้แค่มองคนหายไปตาปริบๆ…”
“อย่างไรก็ตาม ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าประมุขนิกายอมตะระดับ 7 จะมียันต์อมตะระดับนี้ในมือ…ดูเหมือนคฤหาสน์เฉวียนโยวจะให้ความสำคัญกับมันไม่น้อย”
ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยออกอีกครั้ง
“ไม่ว่ามันจะสำคัญขนาดไหน ก็ไม่มีทางเทีบบเจ้าศิษย์หลักของนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับได้หรอก”
พอเฉินหลีเอ่ยถึงจุดนี้ มันก็คล้ายนึกอะไรได้ออก จึงหันไปมองถามชายหนุ่มชุดขาวด้วยความสนใจทันที “จะว่าไปนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับของเจ้าดูเหมือนจะเริ่มทำการคัดเลือกศิษย์ที่แท้จริงคนใหม่แล้วมิใช่รึ รอบนี้เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะได้นั่งเก้าอี้ศิษย์ที่แท้จริง?”
“ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วน!“
ชายหนุ่มชุดขาวหยีตากล่าว ลูกตายังทอแสงสว่างวาบ ใบหน้าฉายชัดถึงความมั่นใจถึงขีดสุด
“เยี่ยม! ยินดีกับเจ้าด้วย!!”
รอยยิ้มหายากคลี่กางขึ้นบนใบหน้าเฉินหลีอีกครั้ง แค่พอมาคลี่กางบนใบหน้าของมันแล้ว กลับดูอนาถกว่าร่ำไห้ก็เท่านั้น
สหายของมันคนนี้เป็นศิษย์หลักของ 1 ใน 5 นิกายใหญ่ของแดนสวรรค์ใต้ นิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ และยังเป็นตัวตนระดับแนวหน้าของศิษย์หลักทั้งหลาย
และครานี้หากสหายของมันสามารถผ่านการคัดเลือกให้เป็นศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับได้จริงๆล่ะก็ อีกฝ่ายจะกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงที่มีอายุน้อยที่สุดของนิกายปราญช์เต๋าเร้นลับ!
ต้องทราบด้วยว่านิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับนั้นมีตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงอยู่แค่ 3 ตำแหน่งเท่านั้น ความสำคัญของมันไม่ใช่อะไรที่ศิษย์ที่แท้จริงนิกายทั่วไปจะเทียบได้เลย
“ว่าแต่ก่อนหน้านี้เจ้าได้รับการติดต่อจากใครกันแน่ ไฉนสีหน้าถึงแลดูอึดอัดนักเล่า?”
ชายหนุ่มชุดขาวมองจ้องเฉินหลีพลางถาม
“พ่อข้าเอง…”
เฉินหลีถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ค่อยกล่าว “ท่านพ่อพึ่งบอกข้าว่าเป้าหมายดูเหมือนจะเดินทางไปยังอวี้หวงเทียนด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกในเมืองฝูซานที่อยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงของคฤหาสน์เฉวียนโยวเมื่อ 3 วันก่อน…ส่วนเรื่องมันไปส่วนไหนของอวี้หวงเทียน เกรงว่ามีแค่เป้าหมายกับสหายของมันเท่านั้นที่รู้”
“เป็นธรรมดาว่าหากทางคฤหาสน์เฉวียนโยวยินดีให้ความร่วมมือกับเรา…ปล่อยให้ปรมาจารย์ค่ายกลเราตรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายไปอวี้หวงเทียนนั่นดู ก็สามารถระบุจุดหมายปลายทางของพวกมันได้ไม่ยาก”
“แต่ปัญหาคือทางคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ยอมให้ความร่วมมือกับพวกเรา”
กล่าวถึงจุดนี้ น้ำเสียงของเฉินหลีก็ฟังดูอ่อนใจและไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“คฤหาสน์เฉวียนโยวรึ…”
ได้ยินคำของเฉินหลี ชายหนุ่มชุดขาวพลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “บางทีเรื่องนี้ข้าอาจจะพอช่วยเจ้าได้”
“หือ?”
เฉินหลีที่ได้ยินดังกล่าว ก็เงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มชุดขาวอย่างไม่รู้ตัว
“ข้ามีศิษย์น้องคนนึงที่เหมือนจะมาจากคฤหาสน์เฉวียนโยว…และข้ายังเคยได้ยินมันเล่าว่าบิดาของมันเป็นรองผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว”
“เรื่องให้มันช่วยฆ่าศิษย์อัจฉริยะของนิกายอมตะเป้าผู่ที่อยู่ใต้อาณัติคฤหาสน์เฉวียนโยวย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน…แต่ถ้าแค่อยากรู้ว่าเป้าหมายของเจ้าไปส่วนไหนของอวี้หวงเทียน โดยการตรววจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่น่าจะมีปัญหา”
“แต่เป็นธรรมดาว่า เจ้าไม่อาจเปิดเผยตัวตนของเจ้าได้ ทั้งไม่อาจให้พวกมันล่วงรู้เหตุผลที่เจ้าต้องการตรวจสอบค่ายกลเด็ดขาด ว่าเจ้าทำไปเพราะคิดหาจุดหมายปลายทางของศิษย์อัจฉริยะนิกายอมตะเป้าผู่…”
ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวออกมารวดเดียวจบคำ
เฉินหลีพอได้ยิน สองตามันก็ทอประกายขึ้นมาสว่างจ้า มองชายหนุ่มชุดขาวด้วยสายตาจริงจังกล่าวออกเสียงเข้ม “พี่หรูอวี้หากท่านทำได้ นับว่าข้าติดค้างท่านครั้งใหญ่แล้ว”
“ระหว่างเจ้ากับข้า ยังจะมาติดค้างอันใดกันอีก”
ชายหนุ่มชุดขาวคลี่ยิ้มบางๆ พัดในมือที่ไม่ทราบคลี่กางขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็เริ่มโบกพัดเบาๆ
แม้จะดูเหมือนพัดธรรมดา แต่หากดูให้ดีจะพบว่ายามโบกพัด กลับมีกระแสพลังสีฟ้าเรืองออกมาเรื่อๆ มองไปคล้ายอสรพิษน้อยเลื้อยลดอยู่บ้าง
และครู่ต่อมา ชายหนุ่มชุดขาวก็หยิบยันต์อมตะสื่อสารออกมาบดขยี้ทันที
ในเวลาเดียวกัน
ณ ถิ่นที่อยู่ของนิกายอมตะปราชญ์เต๋าเร้นลับ ชายหนุ่มที่กำลังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ ก็ได้รับข้อความจากชาหนุ่มชุดขาววทันที
“ศิษย์พี่เหยียนหรูอวี้?”
หลังได้ยินเสียงข้อความที่ติดต่อมา ชายหนุ่มก็ชักหน้าเคร่งทันที สองตายังเผยความประหลาดใจไม่น้อย
เพราะมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าศิษย์พี่เหยียนหรูอวี้จะเป็นฝ่ายติดต่อมาหามันแบบนี้ กระทั่งยั่งบอกว่าจะขอความช่วยเหลือจากมันบางอย่างอีกด้วย
เหยียนหรูอวี้ เป็นศิษย์ปิดสำนักของประมุขนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ ไม่เพียงเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในบรรดาศิษย์หลัก ยังเป็นอัจฉริยะในรอบหลายพันปีของนิกาอมตะปราชญ์เต๋าเร้นลับอีกด้วย!
ที่สำคัญ อีกไม่นานก็สมควรกลายเป็น 1 ใน 3 ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับแล้ว!
ตัวตนดังกล่าว เป็นอะไรที่มันทำได้แค่แหงนมองไปชั่วชีวิต!
“ศิษย์พี่หรูอวี้ ท่านอยากให้ศิษย์ย้องคนนี้ช่วยเหลืออันใดโปรดกล่าว ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟไม่มีหวั่น!”
ชายหนุ่มเร่งตอบกลับไปอย่างไม่กล้ารอช้า
“เจ้าไม่ต้องไปบุกน้ำลุยไฟอะไรหรอก…”
เหยียนหรูอวี้กล่าวส่งข้อความเสียงเบา “ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกข้าว่าพ่อเจ้าเป็นรองผู้นำคฤหาสน์อมตะระดับ 6…คฤหาสน์เฉวียนโยวใช่ไหม?”
“ใช่ขอรับ!”
ชายหนุ่มเร่งตอบกลับ
“ข้าอยากให้เจ้าขอความช่วยเหลือจากพ่อเจ้าให้หน่อย…ให้ปรมาจารย์ค่ายกลของสหายข้าไปรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกค่ายนึงที่อยู่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวของพ่อเจ้า…เรื่องนี้เจ้าพอจะช่วยข้าได้รึเปล่า?”
เหยียนหรูอวี้ถาม
“ตรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกค่ายนึงในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวหรือ?”
ชายหนุ่มได้ยินข้อความก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยบดขยี้ยันตค์ถามไปด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ศิษย์พี่หรูอวี้…ไม่ทราบสหายท่านกำลังตามหาผู้ใดหรือ?”
การตรวจสอบค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกแบบนี้ ปกติก็มักทำเพื่อตามหาตัวคน!
เรื่องนี้มันย่อมรู้