War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3170
หลังหว่านชิงชิงถูกส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเพราะอยู่ครบกำหนดเวลา ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางย้อนกลับไปยังค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว หมายใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับออกไปด้านนอก
ก็อย่างที่หว่านชิงชิงบอกไว้
ด้วยคะแนนสะสมในปัจจุบันของเขา เรียกว่า อันดับ 1 เป็นอะไรที่แน่นอนแล้ว
ถึงจะอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเพื่อหาแต้มต่อไปก็ไร้ความหมาย
ดังนั้นออกมาก่อนยังดีซะกว่า
และเมื่อต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับมาถึงค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว เหล่าขุนนางอมตะ 10 ทิศในค่าย ก็ทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยความเคารพ แววตามากล้นไปด้วยความเลื่อมไส “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”
ตอนนี้พวกมันทุกคนได้รับแจ้งเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณหมดแล้ว ทำให้พวกมันบังเกิดความนับถือเลื่อมไสชายหนุ่มอายุไม่ถึง 100 ปีผู้นี้จากใจ
ถึงแม้อีกฝ่ายสมควรเป็นคนนอกที่คฤหาสน์เฉวียนโยวของมันจ้างมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับความนับถือส่วนนี้
วิ้งงง!!
เมื่อต้วนหลิงเทียนใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว ร่างของเขาก็ถูกส่งออกมายังตำหนักเคลื่อนย้ายที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
และทันทีที่เขาปรากฏตัว ก็มีคนร้องเรียกชื่อเขากันใหญ่ สายตานับร้อยพันคู่พากันมองจ้องมาที่เขาด้วยความเร่าร้อน จากนั้นผู้คนก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาห้อมล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ราวเขาเป็นดาราดัง
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก! คะแนนสะสมทะลุพันแต้มท่านทำไปได้อย่างไร!!”
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ด้วยคะแนนสะสมของท่าน เดือนนี้ท่านถูกกำหนดให้เป็นอันดับที่ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแน่นอนแล้ว!!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ข้าจะยึดท่านเป็นแบบอย่างไปชั่วชีวิต!!”
…
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียน เหล่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็บังเกิดความคึกคักกันนัก หลายต่อหลายคนมองต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย ราวกับยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นแบบอย่างชั่วชีวิตแล้วจริงๆ!
“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ข้าชมชอบท่าน!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ต้วน ท่านใช่มีคู่เต๋าแล้วหรือไม่?”
กระทั่งเหล่าศิษย์สตรีของคฤหาสน์เฉวียนโยวเอง ก็มีไม่น้อยที่บังเกิดความหาญกล้า เบียดผู้คนมากมายและเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ว่าต้วนหลิงเทียนใช่มีคู่เต๋าแล้วหรือไม่ เห็นชัดว่าขอเพียงต้วนหลิงเทียนเอ่ยปาก พวกนางพร้อมถวายตัวเป็นคู่เต๋าให้ทันที
ถึงแม้ก่อนจะกลับออกมา ต้วนหลิงเทียนจะมีเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ว่าไม่พ้นต้องเป็นจุดสนใจของทุกคนแน่นอน
แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวจะเป็นเอามากขนาดนี้!
โดยเฉพาะศิษย์สตรีของคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งหลายย พวกนางจะไม่กระตือรือร้นเกินไปหน่อยหรือไร? ที่แท้เขาเป็นผู้ชายหรือพวกนางเป็นผู้ชายกันแน่?
หากพวกนางเป็นผู้หญิง แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงกลายเป็นรุกเก่งขนาดนี้?
“ต้วนหลิงเทียนข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจักสามารถจัดการซีเหมินฮ่าวซวนผู้นั้นได้!”
อาวุโสคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เคยทำหน้าที่ลงทะเบียนให้ต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่ก้าวออกมาช่วยแก้ไขสถานการณ์โดนเหล่าศิษย์รุมล้อมให้ต้วนหลิงเทียน เมื่อมันแหวกเหล่าศิษย์เป็นทางจนเดินมาหาต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ก็มองกล่าวด้วยน้ำเสียงแววตาชื่นชม
“ข้าก็แค่โชคดีน่ะ…”
ต้วนหลิงเทียนคล่ยิ้มบางๆ “นอกจากนั้นหากไม่ใช่เพราะมีหว่านชิงชิงคอยสนับสนุน อาศัยข้าคนเดียวก็คงยากจะจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้”
“เจ้าอย่าได้ถ่อมตัวนักเลย หลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ทราบมีกี่คนต่อกี่คนแล้วที่ร่วมมือกันเพื่อจัดการยอดฝีมือทั้ง 6 นั่น…อนิจจาแต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จหามีไม่! ในเมื่อเจ้ากับหว่านชิงชิงทำได้ ก็บอกให้รู้ว่าพวกเจ้ามีสามารถจริงๆ! ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว!!”
อาวุโสคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ และหลังจมอยู่ในวงล้อมผู้อาวุโสสักพัก เขาก็บอกปัดเรื่องไปหาที่สนทนากับเหล่าอาวุโสทั้งหลายต่อ ก่อนที่จะประสานมือขอตัวอำลา แล้วเร่งออกจากตำหนักเคลื่อนย้ายทันที
หลังเหินร่างออกจากบริเวณตำหนักเคลื่อนย้ายได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จะเหล่าศิษย์ก็ดีอาวุโสก็ดี คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนับว่าคึกคักกันเกินไป!
ยิ่งเหล่าอาวุโสแต่ละคนก็น่ากลัวเหลือเกิน พยายามจะยัดเยียดลูกสาวหลานสาวให้เขาไม่หยุด แต่ละคนทำราวกับทนมัดเขากลับบ้านไปทำลูกเขยไม่ไหวด้วยซ้ำ
“ผู้เฒ่าฉี”
หลังออกจากตำหนักเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็บึ่งตรงมายังสถานที่พักบ่มเพาะของฉีเทียนหมิงทันที ด้วยความที่สถานที่พักบ่มเพาะของอีกฝ่ายก็อยู่บนเกาะหลักเดียวกับตำหนักเคลื่อนย้ายจึงใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น
“ไฉนเจ้าออกมาเร็วนักเล่า?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่นี่ ฉีเทียนหมิงก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่บ้าง “ไม่ใช่เจ้ายังเหลือเวลาอยู่ด้านในอีก 2 วันกว่าหรอกรึ?”
“ในเมื่อหว่านชิงชิงถูกส่งตัวออกมาแล้ว…ข้าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้ออกมาทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติต่อดีกว่า”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ก็จริงของเจ้า…อย่างไรเสียด้วยคะแนนสะสมของเจ้าในปัจจุบัน เรื่องได้อันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ย่อมไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”
ฉีเทียนหมิงก็ได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 มาตั้งแต่วันก่อนแล้ว กระทั่งยังส่งข้อความแสดงยินดีไปทันทีหลังทราบเรื่องราว
‘ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเจ้าหนูผู้นี้จักได้อันดับ 1 จริงๆ!’
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของเดือนนี้ มันนึกภาพตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้อันดับ 1 ไม่ออกด้วยซ้ำ
ตอนที่ต้วนหลิงเทียนไปดักหน้าค่ายคฤหาสน์หั่วหลี จนได้คะแนนสะสมจากคฤหาสน์หั่วหลีมากมายตั้งแต่วันแรก มันก็ยังไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะคว้าอันดับ 1 มาได้
เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะคว้าอันดับ 1 มาครอง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคที่สำคัญก็คือ สุดยอดฝีมือทั้ง 6 นั่น!
สุดยอดฝีมือทั้ง 6 ยึดครอง 6 อันดับแรกมาหลายปีแล้ว ไม่มีผู้ใดเคยพ่ายแพ้หรือถูกกำจัดเลยสักครั้ง เอาแค่หลุดออกจาก 6 อันดับแรกก็ไม่มี!
เช่นนั้นพลังฝีมือพวกมันร้ายกาจขนาดไหน ย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก
ตอนที่รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนร่วมมือกับหว่านชิงชิง แต่ฉีเทียนหมิงก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากนัก แค่รู้สึกว่าอาจมีโอกาสสู้ 6 คนนั่นได้ก็เท่านั้น
“ข้าโชคดีน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
หลังได้ประมือกับซีเหมินฮ่าวซวนมา ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบถึงพลังฝีมือของอีกฝ่ายชัดเจน เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดดูเบาสุดยอดฝีมือที่ยึดครอง 6 อันดับแรกในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมานานนับสิบปีที่เหลือเลย!
ไม่ว่าใครในบรรดา 6 คนนั่น รวมถึงซีเหมินฮ่าวซวนเอง หากเขาเจออีกฝ่ายตอนตัวคนเดียวล่ะก็ ถึงแม้เขาจะไม่แพ้พ่ายแน่ๆ แต่เขากไม่อาจจัดการพวกมันได้เลย
เพราะความเร็วของทั้ง 6 คนเหนือกว่าเขามาก!
ถึงเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเทพเบญจธาตุที่อยู่ในร่างเขาทั้ง 3 จนมีพลังโจมตีและพลังป้องกันมากพอจะสะกดข่มพวกมันทั้งหมด แต่การจะโจมตีให้โดนพวกมันนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย…
สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่รอโจมตีเพื่อสลายการโจมตีอีกฝ่าย หรือต้านรับเพื่อให้พวกมันไม่อาจทำอะไรเขาได้เท่านั้น
หากเขาคิดจะเอาชนะทั้ง 6 คนให้ได้ด้วยตัวคนเดียว ก่อนอื่นเลยเขาต้องเข้าใจความลึกซึ้งส่งผ่านให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเสียก่อน! ถึงตอนนั้นเขาจะมีพลังมากพอฉกฉวยโอกาสจัดการทั้ง 6 ด้วยตัวเอง!!
“ไม่สำคัญว่าจักเป็นเพราะโชคดีหรืออันใด…สุดท้ายผลก็คือ เจ้าเป็นผู้ชนะอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้!”
ฉีเทียนหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส
และพอกล่าวจบคำทั้งยิ้มร่าไปไม่นาน ฉีเทียนหมิงก็คล้ายตระหนักใดใด รอยยิ้มมันชะงักค้าง พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเสียดายทันที “น่าเสียดายที่เจ้าคงร่วมมือกับหว่านชิงชิงได้แค่เดือนนี้เท่านั้น เดือนหน้าคงยากจะพบเจอนางและร่วมมือกันได้อีกครั้ง…”
“และในคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรา ก็ไม่มีผู้ใดรวดเร็วเท่าหว่านชิงชิงเลย…”
ถึงแม้ฉีเทียนหมิงจะไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับหว่านชิงชิงร่วมมือกันท่าไหนถึงจัดการซีเหมินฮ่าวซวนได้ แต่ก็ไม่ยากที่มันจะคาดเดาได้ว่า ความเร็วของหว่านชิงชิงสมควรมีส่วนอย่างมาก!
หากไม่ต้องพึ่งพาความเร็วของหว่านชิงชิง ไฉนต้วนหลิงเทียนต้องร่วมมือกับหว่านชิงชิงด้วย?
“หากมีผู้ใดทำได้เท่าหว่านชิงชิงและสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ทุกเดือน รวมถึงโชคเจ้าไม่เลวร้ายจนเกินไป เช่นนั้นบททดสอบของท่านจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้แล้ว”
ฉีเทียนหมิงกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
บททดสอบที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยกำหนดให้ต้วนหลิงเทียน สำหรับมันแล้วเป็นเรื่องที่ยากเย็นจนแทบไม่เห็นทางที่ต้วนหลิงเทียนจะทำได้เลย
เพราะการที่จะให้ต้วนหลิงเทียนที่มีอายุไม่ถึง 100 ปี ทำบททดสอบนั่นได้สำเร็จ! แทบไม่ต่างอะไรกับพยายามเคี่ยวเข็ญให้คนธรรมดาปีนขึ้นสวรรค์!!
“ทัพมาตั้งทัพสู้ น้ำมาก่อทำนบกั้น…เรื่องนี้ไว้วันหน้าค่อยว่ากัน”
เทียบกับท่าทางหนักใจของฉีเทียนหมิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนแลดูเฉยๆไม่ได้เดือดร้อนอะไรแม้แต่น้อย “ผู้เฒ่าฉี พอดีข้าอยากไปนิกายอมตะเหอฮวน…หากท่านว่างช่วยพาข้าไปหน่อยได้หรือไม่?”
“ทำไมรึ? คิดไปหาสหายเก่าของเจ้าคนนั้น?”
หลังเกิดเรื่องเมื่อวันก่อน ฉีเทียนหมิงก็รู้แล้ว
ว่าต้วนหลิงเทียนมีสหายสนิทในนิกายอมตะเหอฮวนนามว่า หวงเจียหลง
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ย่อมได้ ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวที่นั่นเอง”
ฉีเทียนหมิงกล่าวตอบ จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวไปเยือนนิกายอมตะเหอฮวน และอาศัยความเร็วของฉีเทียนหมิง ไม่ถึง 3 วันมันก็พาต้วนหลิงเทียนมาถึงนิกายอมตะเหอฮวนแล้ว
ฉีเทียนหมิงผู้เป็นถึง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวมาเยือนนิกายอมตะเหอฮวนแบบนี้ ทางนิกายอมตะเหอฮวนแน่นอนว่าประมุขลำดับที่ 1 และ 2 ก็ได้ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“อาจารย์ลุงฉี!”
“อาจารย์ลุงฉี!”
และไม่ว่าจะเป็นประมุขลำดับที่ 1 หรือลำดับที่ 2 ของนิกายอมตะเหอฮวน ล้วนมีลำดับอาวุโสด้อยกว่าฉีเทียนหมิงมาก เมื่อพบฉีเทียนหมิง จึงให้ความเคารพด้วยการเรียกหาว่า อาจารย์ลุง
“ด้านนี้สมควรเป็นศิษย์หลานต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่?”
ประมุขลำดับที่ 1 ของนิกายยอมตะเหอฮวน หรือประมุขใหญ่ กงซุนเวิ่นฉิง คลี่ยิ้มอบอุ่นพลางกล่าวออกมาขณะหันมองไปทางต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ฉีเทียนหมิงจะไม่ทันได้แนะนำตัวอีกฝ่าย แต่มันก็สามารถคาดเดาตัวตนของชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ได้ไม่ยาก
“มิผิด เขาคือต้วนหลิงเทียน”
ฉีเทียนหมิงพยักหน้า
“ศิษย์หลานต้วน เจ้าประสบความความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ…เท่าที่ข้ารู้มา ไม่มีศิษย์คนใดของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้รับอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมานานนับพันๆปีแล้ว ผลงานของศิษย์หลานต้วนครานี้ นับว่าทำให้คฤหาสน์เฉวียนโยวได้หน้าครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ!!”
กงซุนเวิ่นฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ประมุขกงซุนกล่าวชมเกินไปแล้ว…จริงสิ ที่ข้ามารบกวนวันนี้เพราะคิดพบปะพี่เจียหลง ไม่ทราบว่า…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดยิ้ม รอฟังคำตอบของกงซุนเวิ่นฉิง
จะอย่างไรกงซุนเวิ่นฉิงก็เป็นประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวน เขาก็ไม่คิดจะตัดบทด้วยการถามออกไปตรงๆ
“ข้าเรียกมันมาแล้ว”
หลังกงซุนเวิ่นฉิงกล่าวตอบและสนทนาเรื่องสัพเพเหระกับต้วนหลิงเทียนไปอีกสักพัก หวงเจียหลงก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาต้วนหลิงเทียน อารามคิดถึงที่ไม่พบเจอกันนาน หวงเจียหลงก็ก้าวอาดๆเข้ามากอดต้วนหลิงเทียนเสียแน่น
จากนั้นพวกฉีเทียนหมิงกับประมุขลำดับ 1 และ 2 ของนิกายอมตะเหอฮวน ก็จากไปอย่างรู้งาน
“น้องต้วน เจ้าช่างร้ายกาจเหลือเกิน…ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์แล้ว ว่าเดือนนี้เจ้าพึ่งเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นครั้งที่ 2 แต่เจ้ากลับคว้าอันดับ 1 มาได้!”
หวงเจียหลงมองต้วนหลิงเทียนอย่างทึ่งๆระคนยินดี “เท่าที่ข้ารู้มา ในแดนสวรรค์ใต้โบราณล้วนมีแต่ยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศทั้งนั้น…หมายความว่าเรื่องที่อาจารย์บอกว่าเจ้าได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มา ก็เป็นเรื่องจริงสินะ?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ให้ตายเถอะ…เช่นนั้นผลเทพสังเวยยสวรรค์นั่น ก็ช่วยให้เจ้าเข้าใจกฏแห่งมิติหรือ?”
หวงเจียหลงเอ่ยถามอีกครั้ง
และต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทันสังเกตเลยว่า
ในขณะที่หวงเจียหลงเอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา สีหน้าของมันเริ่มเผยความจริงจัง สองตายังทอประกายวูบวาบราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่
“ก็ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ไปกันเถอะ! ไปบ้านข้าก่อน!!”
หวงเจียหลงพอได้รับคำตอบ ก็ตัดบทด้วยการชวนต้วนหลิงเทียนไปบ้าน จากนั้นก็เหินร่างนำต้วนหลิงเทียนไปยังด้านในของนิกายอมตะเหอฮวน
ตอนนี้หวงเจียหลงเป็นศิษย์ส่วนตัวของกงซุนเวิ่นฉิง ทั้งยังเป็นศิษย์ปิดสำนักอีก สถานที่บ่มเพาะของมันก็ย่อมอยู่ด้านในของนิกายอมตะเหอฮวนเช่นกัน และเป็นบริเวณที่มีพลังวิญญาณฟ้าดินอุดมสมบูรณ์ที่สุด
ภายใต้การนำทางของหวงเจียหลง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เข้ามาในห้องรับแขกของอีกฝ่าย
ซูว!
สำนึกเทวะของหวงเจียหลงแผ่ออกไปฉับไว หลังจากพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องรับแขก รวมถึงมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้แล้วจริงๆ มันก็ยกฝ่ามือขึ้นมาแบหงายเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทันใดนั้น พลันปรากฏวัตถุสีดำรูปลักษณ์ปานเพชรหรือผลึกอะไรบางอย่างผุดโผล่ขึ้นมาวางกลางฝ่ามือ
“ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด!!”
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปรากฏบางสิ่งขึ้นบนฝ่ามือหวงเจียหลง เพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอันเป็นเทพเบญจธาตุ ที่อยู่ในร่างต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็โพล่งตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง!!