War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3195
เผชิญหน้ากับเฮยชาที่เสือกดาบพุ่งทะยานขึ้นฟ้ามา พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันปะทุระเบิดออกมาปานเพลิงไฟ ผสานเข้ากับพลังธาตุมิติในพริบตา กลับกลายเป็นเพลิงพลังสีเทาฟุ้งตลบไปด้วยกลิ่นอายพลังลี้ลับ!
“หืม!?”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปะทุพลังออกมาพร้อมรบ อยู่ๆเฮยชาที่โจนทะยานขึ้นฟ้ามาด้วยสภาวะพลังเกรี้ยวกราด ก็ชะงักร่างหยุดลงกลางทางดื้อๆ เมื่อพบว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน…เป็นแค่กลิ่นอายพลังขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์!!
เฮยชาที่โจนทะยานร่างตัดระยะขึ้นมากว่าครึ่ง ขมวดคิ้วมองถามต้วนหลิงเทียน “เจ้าหนุ่ม…นี่เจ้าเป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์เท่านั้นรึ?”
“ราชาอมตะ 3 ศักดิ์เช่นเจ้า ยังกล้าเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีก?! นี่เจ้าสะกดคำว่าตายไม่เป็นหรือไร!?”
ตอนนี้น้ำเสียงที่เฮยชาใช้กล่าวกับต้วนหลิงเทียน ฟังราวกับผู้อาวุโสกำลังอบรมสั่งสอนบุตรหลานอย่างไรอย่างนั้น
เพราะในสายตาของมัน ตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ไม่สมควรเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเด็ดขาด! เพราะสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากนำชีวิตตัวเองมาทิ้งให้เป็นแต้มผู้อื่นเขา!
“ผู้เฒ่า…นี่ท่านหยุดมือเพราะระดับพลังบ่มเพาะของข้างั้นเหรอ?”
เห็นเฮยชาอยู่ดีๆก็หยุดลงกลางหาว ต้วนหลิงเทียนเองก็งุนงไม่น้อย พลังที่เร่งเร้าขึ้นมาเตรียมจะลงมือก็หดหายไปทันที
และพอมาได้ยินคำพูดของเฮยชา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ นี่เขาพบตาแก่ปากร้ายใจดีหรือ?
เฮยชาคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลว แถมยังปฏิบัติกับเขาราวผู้อาวุโสกับรุ่นเยาว์ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกอิหลักอิเหลื่ออยู่บ้าง จะลงมือหักหน้าอีกฝ่ายเลยก็กระไรๆอยู่
“เจ้าหนุ่ม ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง…เจ้ารีบออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไปเถอะ! หาไม่แล้วไม่ต้องให้ข้าลงมืออะไร เจ้าที่เป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ เกิดเผลอไปพบเจอผู้ใดเข้าก็มีแต่สิบตายไร้ทางรอด!”
เฮยชากล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึง น้ำเสียงไม่ขาดการขู่เตือน
“ผู้เฒ่า…ข้าเคยเจอราชาอมตะ 7 ดารา ราชาอมตะ 8 ชะตาและราชาอมตะ 9 ตำหนักมาแล้ว ทุกคนก็ไม่ต่างอะไรจากท่าน ที่คิดว่าสมควรจัดการข้าได้ง่ายๆ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “แล้วท่านรู้ไหม…ว่าสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน?”
“ทำไม? หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าจัดการพวกมันได้หมด?”
เฮยชากล่าวย้อนถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ใจตัดสินไปแล้วว่าต้วนหลิงเทียนกำลังคุยโวโอ้อวด
“ถูก”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“เพ่ย! เจ้าหนุ่มหน้าด้านผู้นี้! คุยโวโอ้อวดไม่ว่า ยังกล้าตีเนียนหน้าไม่อาย! อาศัยราชาอมตะ 3 ศักดิ์เช่นเจ้าน่ะหรือจะทำอะไรราชาอมตะ 9 ตำหนักได้?”
เฮยชายิ้มเยาะ
“ในเมื่อผู้เฒ่าไม่เชื่อผู้เยาว์ เช่นนั้นผู้เยาว์ก็ได้แต่ลงมือพิสูจน์…เห็นแก่ที่ผู้เฒ่าเมตตาข้าหลายต่อหลายครั้ง ข้าย่อมไม่คิดรังแกผู้เฒ่า เพียงหวังว่าผู้เฒ่าจะช่วยลงมือจริงจังใช้ออกด้วยทุกสิ่ง อย่าได้ดูเบาผู้เยาว์ต่อ…”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เขาไม่รอเฮยชาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ทั่วร่างปะทุพลังวูบวาบ ลงมือออกไปทันที!
‘กักกัน’
เพียงหนึ่งความคิด ความว่างเปล่ารอบกายเฮยชาก็ถูกผนึก เสมือนมีคุกล่องหนกักขังเฮยชาเอาไว้!
และในเวลาเดียวกัน เมื่อเฮยชาถูกผนึกกักเอาไว้ในคุกมิติแล้ว ก็อุบัติพลังเกรี้ยวกราดอันเกิดจากการบิดเบือนของห้วงมิติ เคี่ยวกรำเข้าใส่ร่างเฮยชาจากรอบทิศทาง!
วูบ!
พริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างมาปรากฏกายไม่ห่างจากเฮยชาสักเท่าไหร่ เรียกว่าห่างไม่ถึง 100 หมี่! และทันใดนั้นเองเขตแดนมิติก็ก่อเกิดเร็วไว ครอบคลุมไปถึงร่างเฮยชาเช่นกัน!!
ในอดีตนั้น รัศมีเขตแดนมิติของต้วนหลิงเทียนมีเพียง 10 หมี่เท่านั้น
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเข้าใจความลึกซึ้งเขตแดนมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว รัศมีของมันก็เลยขยายขึ้นมาเป็น 100 หมี่!
“ความลึกซึ้งเขตแดนมิติขั้นตอนเล็กน้อย!”
สีหน้าเฮยชาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันใด และวินาทีต่อมาสีหน้าจริงจังของมันก็เริ่มซีดลงทันตาเห็น เพราะมันสัมผัสได้ว่า แรงสั่นสะเทือนทั้งฉีกกระชากทำลายของห้วงมิติที่อยู่ในกรงรอบกายมัน ยิ่งมายิ่งรุนแรงสุดจะทานทนรับไหวแล้ว!!
มันยังสัมผัสได้ถึงอันตราย จากพลังอำนาจอีกขุมที่พยายามจะบิดร่างป่นทำลายมันเช่นกัน
“อะไรกัน!? กระทั่งความลึกซึ้งบิดเบือน…มันก็เข้าใจถึงขั้นตอนเล็กน้อยแล้ว!?”
จังหวะนี้สีหน้าเฮยชาได้เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ เพลิงพลังทั่วร่างยังลุกโชนขึ้นเร่าๆ ดาบใหญ่ในมือก็เริ่มกู่ร้องดังเวิงเวิง เห็นชัดว่าตอนนี้มันพยายามเร่งเร้าพลังต้านทานพลังเคี่ยวกรำของห้วงมิติสุดตัว ยังคิดร้วมรั้งพลังลงดาบหมายทะลวงฝ่ากรงมิติออกไป!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
จังหวะนี้เฮยชาไม่กล้าดูเบาต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป ปะทุพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างไม่กล้าจะกักเก็บ หมายหลบหนีออกไปจากกรงมิติให้ได้เร็วที่สุด!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ถึงแม้คู่ต่อสู้ของมันจะเป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่หากอีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งบิดเบือนและเขตแดนมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยแบบนี้ พลังอานุภาพของห้วงมิติที่จะป่นทำลายร่างมัน ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการลงมือเต็มกำลังของราชาอมตะ 10 ทิศด้วยซ้ำ!
ที่สำคัญมันยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช่มีความสามารถเพียงเท่านี้หรือไม่ เช่นนั้นเป็นการดีที่สุดที่จะหลบหนีไปให้พ้นระยะลงมือของอีกฝ่าย รวมถึงหลบไปจากกรงมิติที่กักขัง เพื่อทวงคืนอิสรภาพกลับคืนมาให้ได้เสียก่อน!
หาไม่แล้ว สุดท้ายมันก็ได้แต่ตกเป็นรองอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป ถึงตอนนั้นต่อให้มันยังแข็งแกร่งว่าอีกฝ่ายก็จริง แต่เกรงว่าคงยากจะพลิกฟื้นสถานการณ์ใดๆได้อีก
ดาบใหญ่อันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังกว่าสิบส่วน ถูกเฮยชาฟาดผ่าออกมาอย่างดุร้าย คลื่นดาบเพลิงมหึมาพุ่งผ่าห้วงมิติบิดเบือนและพลังอำนาจของห้วงมิติแปรปรวนจากเขตแดนมิติออกไปอย่างดุดัน!
ถึงแม้ระหว่างทางพลังอำนาจของคลื่นดาบเพลิงจะถูกบั่นทอนไปไม่น้อย แต่เฮยชามั่นใจว่าพลังที่เหลือสมควรทลายฝ่ากรงมิติได้แน่นอน!
นอกเสียจาก…
ความลึกซึ้งกักกันของอีกฝ่าย ก็บรรลุถึงขั้นตอนเล็กน้อยเช่นกัน!
แต่เรื่องพรรค์นั้นจะเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
“ไม่จริงหน่า!!”
เดิมทีเฮยชาก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ กระทั่งยังรีบโคจรพลังห้วงใหม่เตรียมพร้อมพุ่งร่างออกจากกรงมิติที่พังทลายทันที!
อนิจจาพอเห็นว่าคลื่นดาบเพลิงอันเกรี้ยวกราดของมัน เพียงปะทะหักหาญกับความว่างเปล่าเบื้องหน้าอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็มอดดับไปอย่างไร้เรื่องราว ร่างชราก็สะดุ้งโหยง สองตาเบิกกว้างแทบถลนออกเบ้า โพล่งร้องออกมาอย่างเสียขวัญ
‘มารดามันเถอะ! ไอ้หนูนี่มันดันเข้าใจความลึกซึ้งกักกันถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยด้วย!!’
เขตแดนมิติ บิดเบือน แล้วยังมีกักกัน…3 ความลึกซึ้งอันน่าปวดหัวของกฏมิติ เจ้าหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าล้วนเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยหมดแล้ว!!
ความสำเร็จอันน่าตื่นตระหนกดังกล่าว ดันมาปรากฏอยู่ในตัวตนที่มีด่านพลังแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์! ย่อมทำให้สีหน้าเฮยชาเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ลูกตาที่เบิกโพลงก่อนหน้า พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้งยังหดเล็กลงราวเห็นผี!
“ท่านผู้เฒ่า…ยังไหวรึเปล่า?”
ในขณะที่สีหน้าเฮยชาเปลี่ยนไปไม่หยุดหย่อน และบัดนี้พลังของห้วงมิติก็เริ่มส่งผลจนพลังคลุมกายเริ่มมอดดับแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม พลางโบกมือส่งๆ ยังผลให้รอบกรงมิติที่กักร่างชราปรากฏรอยแยกของมิติ 3 รอยขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง!
ครู่ต่อมาจากในรอยแยกมิติทั้ง 3 ก็ปรากฏคมมีดมิติสีเทาพุ่งออกมาฉับไว้ปานสายฟ้าฟาด พุ่งผ่านกรงมิติเข้าไปด้านใน พลางดูดซับพลังจากห้วงมิติบิดเบือนและเขตแดนมิติมาหนุนเสริมจนมีพลังอานุภาพเต็มพิกัด สุดท้ายก็หยุดลงอยู่ห่างร่างชราไม่กี่ก้าว
“คะ…ความลึกซึ้งผ่ามิติขั้นตอนเล็กน้อย!!”
เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว เฮยชาก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยังอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาอย่างเตลิด “นรกเถอะ! ข้าต้องอัปโชคเพียงใด ถึงมาเจอสัตว์ประหลาดน้อยเจ้าได้!!”
กฏมิติแม้จะเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด แต่ก็เหมือนกับกฏอื่นๆ ซึ่งมีความลึกซึ้งทั้งสิ้น 9 ประการ และมีความลึกซึ้ง 8 ประการที่สามารถยกระดับความเข้าใจให้ถึงขั้นตอนคววามสำเร็จเล็กน้อยได้
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า กลับเข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนเล็กน้อยไปแล้ว 4 ประการ จึงกล่าวได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยได้แล้วครึ่งหนึ่ง!!
ความสำเร็จระดับนี้ มันที่วนเวียนอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมานานนับหมื่นปี กลับไม่เคยพบเจอ ทั้งไม่แม้แต่จะเคยได้ยินมาก่อน!
มันยังรู้จักราชาอมตะ 10 ทิศที่ร้ายกาจที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ดี และนั่นก็คือสุดยอดอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของนิกายฟ้าหมื่นศึกที่ได้อันดับ 1 ในตารางจัดอันดับติดต่อกันมาหลายปี เข้าใจถึงความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้แล้วถึง 3 ประการ…
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าผู้นี้ ทั้งๆที่เป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่กลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้แล้วถึง 4 ประการ!!
และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…
กฏที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญ ยังเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด กฏมิติ!!
ฟืด!
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮยชาที่เห็นว่ารอบกายไม่มีพลังดุร้ายเคี่ยวกรำแล้ว ก็ถอนรั้งพลังคืนกลับ รวมถึงสะบัดมือเก็บดาบใหญ่กลับไปทันที
“เจ้าหนุ่ม เจ้าเรียกว่าอะไร?”
เฮยชาพยายามสงบอารมณ์ปั่นป่วนในใจ ก่อนจะมองถามชื่อชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าออกไปด้วยรอยยิ้มแหยๆ “นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าผู้เฒ่าเฮยชาเลยก็ว่าได้ ที่ได้พบพานกับสัตว์ประหลาดเช่นเจ้า…”
“เราผู้เฒ่าไม่อาจทราบได้จริงๆ ว่าชีวิตเจ้าผ่านการผจญภัยอันใดมาบ้าง ถึงสามารถประสบความสำเร็จเลิศล้ำถึงขนาดนี้ได้…”
“หรือที่แท้เจ้า…จะมาจากขุมกำลังใดใน 7 ภูมิภาคเบื้องบน?”
กล่าวถึงจุดนี้เฮยชาก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
ตอนนี้มันไม่กล้าดูเบาและไม่กล้าลงมือกับต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว เพราะมันรู้ดีว่าถึงลงมือไปก็รังแต่จะหาเรื่องเจ็บตัวเปล่าๆ
อีกฝ่ายกระทั่งยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะสักชิ้น ก็มีพลังจะเข่นฆ่ามันให้ตายได้ง่ายๆ…
แม้พลังฝึกปรือของอีกฝ่ายจะพึ่งอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ก็ตามที
“ผู้เฒ่า ข้าเรียกว่าต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ต้วนหลิงเทียนรึ? ไฉนข้ารู้สึกคุ้นหูแปลกๆ?”
พอได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าเฮยชาก็เอียงคอย่นคิ้ว เพราะมันรู้สึกว่าชื่อต้วนหลิงเทียนคุ้นหูพิกล หลังจากนั้นไม่นานคิ้วที่ขดย่นก็โค้งขึ้น “จริงสิ! เมื่อ 30 ปีก่อน ข้าจำได้ว่ามีศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่ง ที่แม้จะยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่กลับกลายเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง! หากข้าจำไม่ผิดศิษย์อัจฉริยะนั่นเรียกว่า ต้วนหลิงเทียน เช่นกัน!”
ถึงแม้เฮยชาจะพึมพำออกมาแบบนี้ แต่มันกลับไม่คิดจะเชื่อมโยงต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่มันเคยได้ยินในอดีตเข้าด้วยกันเลย
เพราะถึงทั้งคู่จะเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์เหมือนกัน แต่พลังฝีมือของทั้งสองคนมันแตกต่างกันเกินไป
“ไม่สิ! ดูเหมือนไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนคนไหน…ก็ล้วนแล้วแต่เข้าใจกฏมิติเหมือนกัน…”
พอเฮยชาฉุกคิดได้ถึงจุดนี้ มันก็เริ่มตระหนักว่าเรื่องราวไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป จึงหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออีกหนึ่ง เอ่ยถามออกมาอย่างยากลำบากว่า “เจ้าหนุ่ม…เจ้า…เจ้าคงไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังไปทั่วแดนสวรรค์ใต้ระดับกลางเมื่อ 30 ปีก่อนหรอกนะ ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น?”
“หากที่ผู้เฒ่ากำลังพูดถึงอยู่คือ ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็สมควรเป็นข้าเอง”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
ตั้งแต่ตอนที่ชายชรากล่าวพึมพำกับตัว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเคยได้ยินเรื่องราวของเขา
“จริงรึ!?”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนพยักหน้ายืนยัน รูม่านตาชายชราก็หดแคบลงเร็วไว จากนั้นมันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ช่างเป็นรุ่นเยาว์ที่มากล้นไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถยิ่งนัก เป็นคลื่นลูกใหม่แทนที่คลื่นลูกเก่าโดยแท้…”
“จากนี้ไป ใต้หล้าล้วนเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาวเช่นเจ้าแล้ว…”
เฮยชาส่ายหัวไปมาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อน จากนั้นมันก็สะบัดมือเรียกป้ายหยกประจำตัวออกมา มองต้วนหลิงเทียนแล้วพูดว่า “เจ้าหนุ่ม…ข้าหวังว่าเจ้าที่สามารถเหยียบข้าต่างหินรองเท้า จักก้าวขึ้นสู่ 10 อันดับแรกได้สำเร็จ”
“หลังจากออกไป ข้าจะเอาใจช่วยเจ้า…”
พอกล่าวจบคำ ชายชราก็บดขยี้ป้ายหยกประจำตัวทันที ก่อนที่ร่างชราจะถูกส่งตัวออกไป และคะแนนสะสมของมันก็กลับกลายเป็นของต้วนหลิงเทียน
“ผู้เฒ่าเฮยชาคนนี้น่าสนใจจริงๆ”
มองส่งร่างชราที่หายไปอีกพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างกลับมาอยู่ข้างๆฮ่วนเอ๋อ จากนั้นก็หยิบป้ายประจำตัวออกมา
“223 แต้ม!”
และในป้ายหยกของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็มีคะแนนสะสมทั้งสิ้น 223 แต้ม และอันดับในปัจจุบันของเขาก็คืออันดับที่ 65 ยังเหนือกว่าอันดับที่ 69 ของผู้เฒ่าเฮยชาก่อนหน้า 4 อันดับ!
ด้านฮ่วนเอ๋อ ตอนนี้นางก็ตกมาอยู่ในอันดับที่ 93 แล้ว เพราะนางยังมี 60 คะแนนเท่าเดิมไม่ได้เก็บเพิ่มเลย
“ฮ่วนเอ๋อ ต่อไปเจอผู้ใดเจ้าก็ลงมือได้เลย พวกเราควรเลี้ยงคะแนนและอันดับให้ใกล้เคียงกันให้ได้มากที่สุด”
ต้วนหลิงเทียนที่กุมมือฮ่วนเอ๋อกล่าวออกเสียงเบา
ฮ่วนเอ๋อก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ฮ่วนเอ๋อเชื่อฟังพี่หลิงเทียน”
จากนั้นไม่ว่าผู้ใดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ขอเพียงตรวจสอบคะแนนและอันดับในป้ายหยก ก็จะพบว่าอันดับภายในป้ายประจำตัวของพวกมัน บังเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย…