War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3210
“หืม?”
สายตาที่จวินฉงซานใช้มองฮ่วนเอ๋อนั้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนขมวคคิ้วทันที เพราะเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันลึกล้ำที่อีกฝ่ายมีต่อฮ่วนเอ๋อ
‘จิตสังหารที่มันมีต่อฮ่วนเอ๋อ นับว่าอาฆาตนัก…มันเป็นใครกันแน่?’
ใจต้วนหลิงเทียนเริ่มเต้นเร็วขึ้น
“มิผิดจากที่คิดจริงๆ…โฉมงามเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะโดยแท้! วันนี้ข้าผู้เฒ่าจักกำจัดต้นตอเภทภัยทั่วหล้าแทนฟ้า!!”
ทั้ง 2 กลุ่มพึ่งมองจ้องกันไม่ทันมีใครเคลื่อนไหวอะไร จวินฉงซานก็โพล่งดังขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นก็พุ่งร่างทะยานเข้ามาปานดาวหาง! ดั่งสัญญาณเริ่มศึก อีก 8 คนที่เหลือของแต่ละฝ่ายก็พุ่งเข้าใส่กันทันที!!
จังหวะนี้ในสนามรบผู้ที่ยังสงบสติอารมณ์อยู่ได้ก็มีแต่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเท่านั้น
ทว่าด้านฮ่วนเอ๋อนั้น กำลังเผชิญหน้ากับจวินฉงซานที่กำลังพุ่งร่างเข้ามาด้วยจิตสังหารอำมหิต
แรกเริ่มทั่วร่างจวินฉงซานก็ปะทุพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดพร้อมพลังธาตุไฟอันเกรี้ยวกราด เมื่อเข้าใกล้ฮ่วนเอ๋อแล้วพลังความลึกซึ้งจึงถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด! จนคนคล้ายกลับกลายเป็นดาวหางเพลิงลูกหนึ่ง พุ่งข้ามห้วงอวกาศมาฉับไว!!
ฟู่ม! ฟู่ม! ฟู่ม! ฟู่ม! ฟู่ม! ฟู่ม!
…
ท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวแสนมืดมิด พอปรากฏดาวหางเพลิงลากผ่านมา จึงเห็นเป็นเส้นทางแดงสว่างสายหนึ่งลากผ่านห้วงอากาศปานถนนไฟ!
‘ความลึกซึ้งแผดเผา ความลึกซึ้งปะทุ ความลึกซึ้งลุกโหม อีกทั้งยังความลึกซึ้งกายอัคคีของมัน ล้วนบรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว?’
ต้วนหลิงเทียนที่มองชมเรื่องราวอยู่ ย่อมมองเห็นซึ้งถึงพลังทั้งหมดที่จวินฉงซานใช้อยู่ง่ายดาย ‘เจ้านี่มันเป็นใครกันแน่? ต่อให้เป็นอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงคนปัจจุบัน เกรงว่าพลังฝีมือคงไม่สูงเท่าเจ้านี่กระมัง?’
ราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง ไม่เพียงเข้าใจความลึกซึ้งทั้ง 9 ประการของกฏแห่งไฟถึงขั้นตอนเบื้องต้นหมดสิ้น แต่ความลึกซึ้ง 4 ใน 8 นอกจากความหมายแห่งไฟ ยังบรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอีกด้วย…
พลังฝีมือระดับนี้ หากจับมาโยนไว้ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็เป็นดั่งหายนะเดินได้ ที่สามารถกวาดล้างทุกคนได้อย่างง่ายดาย
กระทั่งผู้ที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ไร้ผู้ต้านในอดีตของนิกายฟ้าหมื่นศึก ก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยได้ 3 ประการเท่านั้น
แน่นอนว่ามันก็แพ้พ่ายไปแล้ว และเสียตำแหน่งอัจฉริยะผู้ต้านในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงให้แก่เหยียนหรูอวี้แห่งนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับ อย่างไรก็ความความเข้าใจในกฏของเหยียนหรูอวี้ก็ไม่ได้สูงไปกว่านั้น
“ฮ่วนเอ๋ออย่าพึ่งรีบฆ่ามัน ลองดูก่อนว่ามันเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ไฉนถึงได้แลดูอาฆาตแค้นเจ้าถึงขนาดนั้น”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปถึงฮ่วนเอ๋อ
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังจบคำ จวินฉงซานที่แต่เดิมห้อตะบึงเร่งเร้าพลังเข่นฆ่าสังหารมาทางฮ่วนเอ๋อ อยู่ๆมันก็ทุ่มพลังถล่มซัดใส่ความว่างเปล่าเบื้องหน้าฮ่วนเอ๋ออย่างน่าฉงน! และหลังจากออกกระบวนท่าแรกแล้ว มันยังเร่งเร้าพลังจู่โจมถล่มความว่างเปล่าตรงนั้นต่ออีก 2 ท่า!
มวลเพลิงโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง อนิจจามันแผดเผาทำลายได้ก็แต่ความว่างเปล่า ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้ฮ่วนเอ๋อแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็ตามคนลมือไม่คล้ายรู้ตัวเลย สีหน้ายังเต็มไปด้วยความปิติยินดี ราวกับได้ปลดเปลื้องอะไรบางอย่าง “เหอเอ้อ เฉินเอ๋อ…ปู่ชราผู้นี้ล้างแค้นให้พวกเจ้าได้แล้ว!”
“พวกเจ้าจงไปสู่สุขคติเถอะ หากชาติหน้ามีจริงขอให้พวกเจ้ามีชีวิตที่ดี…”
พอได้ยินคำพูดของชายชราต้วนหลิงเทียนอดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะคำเรียกหาของมันเป็นชื่อย่อด้วยความสนิทสนม เขาจึงยากจะคาดเดาว่ามันเป็นใคร
“พี่หลิงเทียน เจ้านี่เป็นปู่ของจวินวั่งเฉินกับจวินชิวเหอแน่ะ…”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนงุนงง ฮ่วนเอ๋อพลันหันกับมาส่งเสียงผ่านพลังบอกเขา
ตอนนี้จวินวั่งเฉินตกอยู่ในโลกมายาของฮ่วนเอ๋อ ด้วยพลังของฮ่วนเอ๋อตอนนี้รวมถึงเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาในมรดกความทรงจำของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ทำให้จวินวั่งเฉินไม่อาจรู้ตัวเลยว่าประสาทสัมผัสของมันทั้งหมดตกอยู่ในกำมือฮ่วนเอ๋อ…
อีกทั้งในโลกมายาของฮ่วนเอ๋อ ทุกสิ่งในใจของชายชรา จะถูกฉายออกมาเป็นภาพมายาให้ฮ่วนเอ๋อแลเห็นเป็นฉากๆราวชมดูภาพยนตร์
สิ่งนี้น่ากลัวไม่ต่างงอะไรจากการอ่านใจเลย ที่สำคัญเป็นการอ่านใจแบบเห็นภาพชัดเจน!
แน่นอนว่าให้กวาดตามองทั่วทั้งเผ่าจิ้งจอกมายา ก็คงมีแต่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเท่านั้นที่มีพลังสามารถระดับนี้
“ที่แท้ก็เป็นปู่ของจวินวั่งเฉินกับจวินชิวเหอนี่เอง…”
พอได้ยิน ต้วนหลิงเทียนก็จดจำทั้ง 2 คนนั่นได้ทันที และตระหนักว่าเป็นเรื่องราวใด เพราะคนแรกที่เขากับฮ่วนเอ๋อสังหารในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็คือหลานชายของมัน ต่อจากนั้นหลานสาวของมันอีกคนที่จ้างคนมาล้างแค้น สุดท้ายก็ถูกฮ่วนเอ๋อฆ่าตายในแดนลับสมบัติระดับสอง
ในเมื่อชายชราผู้นี้เป็นปู่ของทั้งคู่ ก็ไม่แปลกที่มันจะมาล้างแค้นให้หลาน
“ดูเหมือนพวกเราจะตกเป็นเป้าหมายของมันมาตั้งนานแล้ว…ไม่งั้นด้วพลังฝีมือของมันไม่ควรมาปรากฏตัวในแดนลับสมบัติระดับ 3 ได้”
“ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนมันจะใช้ยาพิษหวนคืนที่ลือชื่อของนิกายวิถีวายุอัสนีมาแล้ว ไม่งั้นมันคงเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไม่ได้”
ในอดีต หลังฆ่าจวินชิวเหอและกลับออกจากแดนลับสมบัติระดับ 2 ต้วนหลิงเทียนก็ได้เล่าเรื่องราวให้จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยฟัง จากนั้นต้วนหลิงเทียนจึงได้รับทราบจากจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยว่า ทั้ง 2 คนนั่นมีญาติผู้ใหญ่ที่มีฐานะไม่ใช่ชั่วในนิกายวิถีวายุอัสนี และเป็นชนชั้นถึงรองจ้าวหอคุมกฏ
นอกจากนั้นด่านพลังยังบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด
อาศัยจอมราชันอมตะต้นกำเนิดผู้หนึ่ง พลังฝึกปรือย่อมสูงเกินเกณฑ์เข้าสู่แดนสวรรค์ในโบราณระดับสูง…
ดังนั้นหากอีกฝ่ายอยากจะมาล้างแค้นเขา ถ้าไม่ว่าจ้างผู้อืนก็เหลือความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น
กินยาพิษหวนคืน!
ยาพิษหวนคืนของนิกายวิถีวายุอัสนี เป็นโอสถอมตะขนานหนึ่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแดนสวรรค์ใต้…แน่นอนว่าที่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้ก็ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่เป็นเพราะพิษของมันร้ายแรงไม่ใช่ชั่วเลยจริงๆ!
“ช่างมีความมุ่งมั่นเสียจริง…เพื่อแก้แค้นให้กับหลานชายและหลานสาว ถึงกับยอมกินยาพิษหวนคืน”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองชายชราที่ตกอยู่ในโลกมายาเบื้องหน้าด้วยสายตาประหลาดใจอยู่บ้าง
ต้องทราบด้วยว่ามีไม่กี่คนที่กล้าใช้พิษหวนคืน และปกติก็มักจะใช้กับผู้อื่นไม่มีใครกินเอง
“ในเมื่อที่ต้องรู้ก็รู้แล้ว…เช่นนั้นก็ได้เวลาส่งมันไปตามทาง”
สายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองชาชราเปลี่ยนเป็นเฉยชาในฉับพลัน จากนั้นร่างเขาก็อันตรธานหายไปจากจุดเดิม ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ด้านหลังของชายชราแล้ว
ปงงงง!!
ต้วนหลิงเทียนตบฟาดฝ่ามือออกไปส่งๆคราหนึ่ง ด้านชายชราก็เหมือนจะหลุดพ้นออกจากโลกมายาของฮ่วนเอ๋อ กลับมาแลเห็นความเป็นจริงอีกครั้ง
อนิจจาชายชราพึ่งฟื้นสติได้ไม่ทันไร มันก็ตระหนักได้ว่าพลังฝ่ามือที่ต้วนหลิงเทียนซัดเข้าใส่นั้น แฝงเร้นไปด้วพลังมิติอันน่าพรั่นพรึงสุดที่มันจะต้านทานรับไหว และเริ่มกร่อนทำลายพลังทั่วร่างมันอย่างอำมหิต
“เป็นไปไม่ได้!!”
จวินฉงซานที่ตื่นตระหนก พลันเหลือบไปเห็นฮ่วนเอ๋อลอยร่างเบื้องหน้าไม่ไกลด้วยสภาพสมบูรณ์พร้อม สองตาของมันก็เบิกโพลงปานจะถลนออกจากเบ้า จากนั้นร่างของมันก็แหลกสลายหายไปในความว่างเปล่าพร้อมความคับข้องใจ…
จวินฉงซาน รองจ้าวหอคุมกฏแห่งนิกายวิถีวายุอัสนี ตกตายลงแต่เพียงเท่านี้
ในเวลาเดียวกัน หอวิญญาณของนิกายวิถีวายุอัสนีอันมีลูกแก้ววิญญาณของคนในนิกายเก็บรวบรวมเอาไว้ อาวุโสที่รับหน้าที่เฝ้าหอพอพบว่าลูกแก้วของจวินฉงซานแตกลง ก็เร่งรุดรายงานการตายของของมันไปถึงประมุขนิกายทันที
หลังจากสืบสวนอยู่อยู่สักพัก นิกายวิถีวายุอัสนีก็ค้นพบสาเหตุการตายของจวินฉงซาน ที่แท้อีกฝ่ายใช้ยาพิษหวนคืนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพื่อไปล้างแค้นให้หลาน แต่พลาดท่าตายตกเสียงเอง…
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
ตัดกลับมาทางแดนลับสมบัติระดับ 3 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง เมื่อต้วนหลิงเทียนสังหารจวินฉงซานด้วยความเชื่อเหลือของฮ่วนเอ๋อแล้ว เขาก็เริ่มกวาดตามองจ้องไปยังคนอื่นๆ
จึงพบว่าอีก 8 คนที่ก้าวตามเขาออกมา ก็ได้พุ่งไปโรมรันพันตูกับอีก 8 คนของกลุ่ม 6 แล้ว
จนเมื่อมีคนของกลุ่ม 6 คนหนึ่งพบว่าจวินฉงซานถูกฆ่าตายไปแล้ว และเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อยังปลอดภัยดี มันก็ตกใจเสียขวัญเร่งสะบัดมือควักป้ายหยกมาบดทำลายเร็วไว
เมื่อมีคนหนึ่งรีบร้อนหนีไปแบบนี้ อีก 7 คนที่เหลือของกลุ่ม 6 ก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง และพอหันไปเห็นสาเหตุการจากไป พวกมันก็หน้าเสียและเร่งควักป้ายมาทุบทำลายกันจ้าละหวั่น
ฉากรีบร้อนทุบทำลายป้าย ราวกับจะแข่งกันหลบหนีออกไปเช่นนี้ ทำให้ 8 คนของกลุ่มต้วนหลิงเทียนงุนงงไม่น้อย ทว่าไม่ทันไรพวกมันก็เริ่มตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อพวกมันหันไปมองทิศทางหนึ่งและพบบว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อลอยร่างอย่างสงบ ทว่าผู้นำของอีกฝ่ายหายไปแล้ว พวกมันก็ยืนยันการคาดเดาได้ทันที
“จวินฉงซานนั่น มันตกตายไปทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ลงมือเต็มที่ด้วยซ้ำ…อย่างไรก็ตามก่อนตายมันได้เห็นภาพมายาว่าล้างแค้นสำเร็จแล้วจากฮ่วนเอ๋อ ก็นับว่ามันไม่ถึงกับตกตายอย่างไร้ความเป็นธรรมสักเท่าไหร่…”
ถึงแม้ว่าภาพมายาของฮ่วนเอ๋อจะทรงพลังมาก แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลา ด้วยระดับพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อ อย่างดีก็ประคองสภาพได้ไม่กี่ลมหายใจ
เมื่อครู่ตอนต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปปรากฏด้านหลังจวินฉงซานและตบฟาดมันไปหนึ่งฝ่ามือ เหตุไฉนที่มันได้สติทันทีไม่ใช่ว่าพลังฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนปลุกสติมันกลับมา แต่มันหลุดจากโลกมายาของฮ่วนเอ๋อ เพราะหมดเวลาพอดี
และด้วยพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อตอนนี้ หลังจากใช้โลกมายาอันทรงพลังดังกล่าวออกไป จำต้องรอเวลาอีกราวๆ 2-3 วันถึงจะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง
“ประตูมิติเปิดแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ…ในที่สุดพวกเราก็ได้เข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3 จริงๆเสียที!!”
…
หลังจวินฉงซานตกตายไป และอีก 8 คนที่เหลือทุบทำลายป้ายหยกจนออกไปกันหมด กลุ่มต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ถือว่าชนะการประลองระหว่างกลุ่มเป็นที่เรียบร้อย
จกานั้นบนทองฟ้าอันเต็มไปด้วววยหมู่ดาวไร้จำกัดเหนือเวทีประลอง ก็ค่อยๆปรากฏประตูมิติเปิดกว้างออก
อย่างไรก็ตามเบื้องหลังประตูมิติมันเห็นแต่ความมืดดำ ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านหลังเลย
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของประตูมิติ
“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียว?”
จางจินอี้หันไปมองประตูมิติ 1 ใน 3 บานกกลางหาวที่เปิดออก สอตาก็ทอประกายวูบวาบขึ้นมาทันใด “ดูเหมือนคนกลุ่มนี้พลังฝีมือค่อนข้างดีทีเดียว…”
“เช่นนั้นหากต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไม่ใช่ตัวปลอม และจงใจเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3…สิบในสิบสมควรอยู่ในกลุ่มนี้แน่”
จางจินอี้พึมพำข้อสันนิษฐานกับตัวเบาๆ
ครู่ต่อมาเมื่อประตูมิติเปิดออกจนสุด ก็มีร่างคนค่อยๆทยอยกันก้าวออกมาจากประตูมิติดังกล่าวทีละคนๆ ให้จางจินอวี้เห็นชัดถนัดตา
ที่ออกมาตอนนี้มี 8 คน
มีคนยังไม่ออกมา และหากไม่มีใครตายก็สมควรเหลืออีก 2 คน
เมื่อเห็นว่าคนทั้ง 8 กำลังจะจากไป จางจินอี้ก็ปรากฏตัวออกไปหยุดขวางพวกมันทันที “อีก 2 คนที่เหลืออยู่ด้านในเป็นใคร?”
“ไสหัวไปเสีย!”
ทว่าในบรรดา 8 คน มีคนไม่พอใจที่ถูกจางจินอี้มาขวาง จึงอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์
และจุดจบของมันก็น่าสังเวชนัก
สองตาจางจินอี้ทอประกายเย็นชาขึ้นวาบหนึ่ง จากนั้นคนเพียงโบกมือออกไปส่งๆ ก็ปรากฏแสงพลังสีทองพุ่งทะลวงผ่านห้วงอากาศไปฉับไว ความว่างยังสะท้านสะเทือนเป็นระลอก
พริบตาต่อมาคนที่ตะคอกไล่จางจินอี้ก็ตกตายคาที่! ร่างยังถูกสับหั่นเป็นชิ้นเนื้อปานลูกเต๋านับหมื่นพัน แต่ต้นจนจบไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนองงเรื่องราวใดๆ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องหยิบป้ายหยกมาทุบทำลายหลบหนีด้วยซ้ำ
เมื่ออีก 7 คนที่เหลือเห็นฉากนี้ สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนสีไปทันที
“เรียนใต้เท้า! อีก 2 คนที่ยังไม่ออกมาเป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ!!”
ชายหนุ่ม 1 ใน 7 คนที่ยังเหลืออยู่รีบขายต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อทันที เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตมันทั้งสิ้น!
ชายหนุ่มเบื้องหน้าของมันดุร้ายเกินไป แข็งแกร่งเกินไป ทำให้มันรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตอย่างแรง!
“ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ? แล้วพวกมันเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?”
จางจินอี้เอ่ยถามเสียงเข้ม
“ไม่มีทางเป็นตัวปลอมไปได้”
อีกคนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ไม่ต้องกล่าวถึงต้วนหลิงเทียน แค่เพียงแม่นางฮ่วนเอ๋อนั่น…นางนับเป็นสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาตลอดชั่วชีวิต…และข้าก็อยู่มาหลายพันปีแล้ว นางงดงามเสียจนยามแรกเห็น ตัวข้าถึงกับลืมหายใจ”
“ต่อให้เป็นโอวหยางอวี่เวยของนิกายร้อยบุปผาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามอันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้ แต่ไม่ว่าจะรูปร่างหรือหน้าตา ยังด้อยกว่าแม่นางฮ่วนเอ๋อมาก”
คนอื่นๆก็เร่งกล่าวเสริมออกมา
“ใช่แล้วใต้เท้า ทั้งสองสมควรเป็นตัวจริง ไม่แปลกปลอมแน่นอน”
หลังได้ยินวาจาจากคนไม่กี่คนเบื้องห้นา สองตาของจางจินอี้สว่างโรจน์ คล้ายจะยิงลำแสงความร้อนออกมารอมร่อ และแววตาที่เปลี่ยนไปของมัน ก็ทำให้ในใจของทั้ง 7 บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่ง!
ซู่มมม!!
อุบัติแสงทองสาดส่องข้ามฟ้าอีกครั้ง พรากหนึ่งชีวิตของทั้ง 7 ไปอย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะเป็นชายคนแรกที่ถูกจางจินอี้ฆ่าตาย หรือทั้ง 7 คนที่พึ่งตกตายไปเมื่อครู่ ก่อนที่พวกมันจะตกตาย สองตาของพวกมันแลดูเลื่อนลอยพิกล
ทั้งหมดสืบเนื่องมาจากขณะลงมือเข่นฆ่า จางจินอี้ได้ใช้พลังสายเลือดของเผ่าจิงจอกมายา เป็นดั่งพรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดที่จะมีแต่ในเฉพาะผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น
เพียงหนึ่งห้วงคิด พลังวิญญาณของมันก็กำจายออกไปเป็นวงกว้าง ส่งผลต่อการรับรู้ของทุกคนในระยะ
วุ้ม! วุ้ม!
ในขณะที่ทั้ง 7 คนถูกจาจินอี้ฆ่าตาย ก็พอดีกับร่าง 2 ร่างค่อยๆก้าวออกมาจากประตูมิติอย่างไม่รีบไม่ร้อน
เป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อนั่นเอง