War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3381
ตอนที่ 3381
จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดของวังเทียนฉือ นอกจากโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะ และจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก 3 คนที่ยังมีสีหน้าสงบแล้ว ต้องบอกเลยว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆ พากันมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาดุร้ายเอาเรื่องทั้งนั้น
โดยเฉพาะจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ และจักรพรรดิอมตะไว้ใจ สีหน้าท่าที่พวกมันทําราวกับรอกลืนกินเลือดเนื้อต้วนหลิงเทียนสดๆไม่ไหวแล้ว!
“ท่านจ้าววัง”
ฉือหล่างพลันเหินร่างขึ้นฟ้าออกหน้ากล่าวคํากับโหยวเฟิงอวี้เสียงขรึม “สาเหตุที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาวังเทียนฉือครั้งนี้ ทั้งหมดเพราะคิดมาพบข้าซึ่งเป็นอดีตครู เพื่อขอขมาลาโทษด้วยเรื่อง นี้ข้าสามารถละวางความแค้นความบาดหมางที่ต้วนหลิงเทียนมีกับวังเทียนฉือได้ชั่วคราวทําให้ข้าไม่อาจทนเห็นพวกท่านลงมือทําอะไรกับต้วนหลิงเทียนได้”
“หลังจากต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว ข้าไม่สนว่าพวกท่านคิดจะทําอะไร…แต่วันนี้ในเมื่อต้วนหลิงเทียนมาหาข้า ไม่ว่าจะมาจากใจหรือมีจุดประสงค์ใดอื่น ข้าคงไม่อาจนิ่งดูดายพวกท่านลงมือกับต้วนหลิงเทียนได้”
แววตาฉือหล่างฉายความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ก้าวออกมาเผชิญหน้ากับทุกคน ปกกป้องต้วนหลิงเทียนเอาไว้ด้านหลัง
เห็นฉากดังกล่าว ใจต้วนหลิงเทียนก็อดสะท้านไปไม่ได้
ครูของเขา ฉือหล่าง เรื่องราวมาถึงขึ้นนี้แล้ว แต่เพื่อปกป้องเขา ถึงกับกล้าเผชิญหน้ากับวังเทียนฉือจริงๆหรือ?
พอรับทราบว่าทั้งๆที่อีกฝ่ายมีกําลังจํากัด แต่ยังกล้าออกหน้ายืนกรานเพื่อปกป้องเขา ไม่หวั่น แม้ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้เข้มแข็งเหนือกว่าและไม่มีคนไหนอ่อนด้อยกว่าเลย…สิ่งนี้ยังต่างอะไร กับการต่อต้านใต้หล้าเพื่อคนๆเดียว?
“ฉือหล่าง!!”
จักรพรรดิอมตะไว้ใจ เหลยอิง มองจ้องฉือหล่างตาขวางเอ่ยกล่าวคําออกมาเสียงหนัก “ต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่เพียงแต่จะฆ่าลูกชายคนเดียวของข้า แต่ยังปล่อยนักโทษในคุกหมื่นพันธนาการ ไม่เว้นจักรพรรดิสมญานามที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จับมาขังด้วยตัวเอง!”
“แต่ตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามาปกป้องมันอีกหรือ?!”
กล่าวจบคํามุมปากเหลยอิงก็ยกยิ้มแสยะหยันหยามถึงขีดสุด เพราะนางรู้ดีว่าการออกตัว ของฉือหล่างถูกกําหนดให้ไร้ค่า ด้านจ้าววังเทียนฉือไม่มีทางปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนรอดไปไหนแต่โดยดีแน่!!
“ฉือหล่าง!”
จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เหลือบมองฉือหล่างด้วยสายตาเย็นชากล่าวคําทับถมถากถางว่า “ความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์ของพวกเจ้าช่างน่าซาบซึ้งเหลือเกิน…แต่วันนี้สารเลวน้อยนั่นไม่อาจหนีความตายได้พ้น! หากเจ้าคิดจะสอดมือเข้าช่วยมัน ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสู้กับเจ้าสักครา ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าหลากปีที่ผ่าน เจ้ามีความก้าวหน้าอันใดหรือไม!”
กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับก็ไม่ขาดการปรามาสแม้แต่น้อย
“ฉือหล่าง อย่าได้คิดสอดมืออย่างโง่งม!”
“ถือหล่าง เจ้าอย่าได้ใฝ่ต่ํา! ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี!”
จักรพรรดิอมตะมังกร และจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก ก็กล่าวเตือนฉือหล่างออกมาทีละคน
“ฉือหย่าซี”
ตอนนี้เองจ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอวี้ก็หันไปมองกล่าวกับฉือหย่าชีที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ “เกลี้ยกล่อมบิดาเจ้าเสีย”
พอโหยวเฟิงอวี้พูดเรื่องนี้ออกมา สายตาจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนถือก็หันไปมองฉือหย่าซีเป็นสายตาเดียวกัน…เพราะพลังฝีมือของฉือหย่าชีตอนนี้กล้าแข็งนัก ไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าววังเทียนถือเลย เช่นนั้นทุกคนจําต้องรอฟังความเห็นของนางด้วย
ในระนาบเทวโลก ผู้เข้มแข็งย่อมได้รับความเคารพนับถือ
ที่สําคัญคือหย่าซีกลับบรรลุความแข็งแกร่งในวัยนี้ ตราบใดที่ให้เวลานางมากพอ ย่อมเติบโตก้าวหน้าไปมากกว่านี้แน่นอน อย่างน้อยๆก็ไม่มีปัญหาเรื่องเอาชนะจ้าววังเทียนฉือ…
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
ก่อนที่ฉือหย่าชีจะทันได้ตอบคําโหยวเฟิงอวี้ หล่จี้กับคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังฉือหย่าชี ก็เห็นร่าง ไปยืนเคียงข้างฉือหล่าง สร้างแนวป้องกันให้ตัวนหลิงเทียน
ฉากดังกล่าวทําให้ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงอยู่บ้าง
กระทั่งผู้เฒ่าหัวที่ยืนอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่มันได้พบเจอฉือหล่าง กับคนอื่นๆ แต่สายตาที่ใช้มองฉือหล่างกับคนอื่นๆตอนนี้ก็ฉายแววชื่นชมไม่น้อย
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ เหลือแต่ท่านแล้วนะ”
ตอนนี้เอง หูเหม่ยพลันหันกลับมามองกล่าวกับฉือหย่าชีพลางขยิบตา
ด้านฉือหย่าชีที่เห็นท่าทางขี้เล่นของหูเหม่ย หลังจากคลี่ยิ้มบางๆ สุดท้ายก็เห็นร่างขึ้นไปเรียงแถวกับทุกคน ปกป้องต้วนหลิงเทียนไว้ด้านหลัง ใช้การกระทําเป็นการตอบคําถามของโหยวเฟิงอวี้ และคนอื่นๆ
นางไม่คิดนิ่งดูดาย!
“เสียสติ! พวกเจ้าล้วนเสียสติไปหมดแล้ว!!”
สีหน้าจักรพรรดิอมตะไว้ใจเหลยอิงกลายเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ร่างชราผอมบางยังสะท้านไปด้วยความโกรธ “ดูพวกมันเข้าเถอะจ้าววัง! ในความเห็นขาตอนนี้พวกฉือหล่างกับศิษย์มิต่างใดกับหมาปาตาขาวเลี้ยงไม่เชื่อง…วันนี้ในเมื่อพวกมันคิดปกป้องต้วนหลิงเทียนนัก ก็ฆ่าล้างพวกทรยศเนรคุณนให้สิ้นเถอะ! ยังต้องตัดรากถอนโคนพวกมันให้หมด!!”
วาจาของเหลยอิงนั้น ไม่ต่างอะไรจากพิษร้ายเลย
“ฉือหย่าซี ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ตัวเจ้าก็ถูกกําหนดไว้ให้ก้าวไกลไปมากกว่านี้…นี่เจ้าคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับวังเทียนฉือเพราะคนทรยศคนหนึ่งจริงๆหรือ?”
สายตาที่จ้าววังเทียนฉือใช้มองฉือหย่าชี ฉายให้เห็นถึงโทสะทั้งความหวั่นหวาดปนๆกันไป
กับบิดาของฉือหย่าชี ฉือหล่าง นั่นมันไม่กลัวเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อหลายปีก่อนพลังฝีมือของฉือหย่าชีก็พอๆกับมันแล้ว ตอนนี้ไม่พ้นนางต้องทิ้งมันไว้เบื้องหลังแล้วเป็นแน! หากต้องปะทะกันตัวต่อตัวน่ากลัวมันคงต้องถูกฉือหย่าชีจัดการได้ง่ายๆ!!
“ฉือหย่าชี…”
ตอนนี้เองจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก กับจักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะที่ไม่ได้กล่าววคําใดแต่แรกก็เริ่มกล่าวออกมาเพื่อเกลี้ยกล่อมฉือหย่าชี เพราะพวกมันเองก็เห็นฉือหย่าชีแต่เล็กจวบจนเติบโตมาถึงทุกวันนี้ กระทั่งยังอยากเห็นไม่น้อยว่าวันหน้าฉือหย่าชีจะเติบโตได้ถึงเพียงไหน
พวกมันย่อมไม่อยากให้นางหลงผิดจนออกนอกลู่นอกทาง
“ข้าไม่สนว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคนทรยศของวังเทียนฉือหรือไม่…”
ฉือหย่าชีกวาดตามองเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามเบื้องหน้า ด้วยใบหน้าที่ปราศจากความยินดียินร้ายใดๆ “ข้ารู้แค่ว่าวันนี้เขาเป็นศิษย์น้องเล็กของข้า และที่ย้อนกลับมาวังเทียนฉือ ก็เพื่อขอขมาพ่อข้ากับพวกข้าทุกคนที่เป็นศิษย์พี่”
“เช่นนั้น วันนี้ไม่ว่าหน้าไหนก็ตามที่คิดแตะต้องศิษย์น้องเล็กข้าก็ต้องถามโซในมือข้าฉือหย่าชีดูก่อน!”
สิ้นคํากล่าวของฉือหย่าชี ในมือนางก็ปรากฏแสงพลังสีเทาสว่างวาบ จากนั้นแสงพลัง ดังกล่าวก็ควบแน่นกลับกลายเป็นโซ่ยาวหลายหมี่ โซ่นี้แลดูใหญ่หนาน่าจะมีน้ําหนักไม่น้อย อย่างไรก็ตามยามฉือหย่าชีถือโซ่ดังกล่าวไว้ในมือคล้ายมันเบาประดุจขนนก!
“ฉือหย่าชี!”
โหยวเฟิงอวี้ตะคอกคําเสียงเหี้ยม ในฐานะที่มันเป็นจ้าววังเทียนฉือ ตัวมันก็จําต้องแสดงท่าทีออกมา “พรสวรรค์ของเจ้าเลิศล้ำนัก เดิมข้าเองก็คิดจะมอบตําแหน่งจ้าววังเทียนฉือให้เจ้า…วันนี้ตราบใดที่เจ้าไม่ปกป้องตัวนหลิงเทียนคนทรยศ หลังจากนี้อีก 10,000 ปี ข้าจักมอบตําแหน่งจ้าว วังเทียนฉือให้เจ้า!”
ไม่เพียงแต่ ต้วนหลิงเทียน กับพวกฉือหล่างและเหล่าศิษย์เท่านั้น ที่ตกใจกับวาจาดังกล่าวของโหยวเฟิงอวี้ แม้แต่เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ลอยร่างข้างๆโหยวเชิงอวี่ก็ตกใจกันยกใหญ่ ด้วยไม่มีใครคิดว่าอยู่ๆโหยวเฟิงอวี้จะลั่นคํามั่นต่อฉือหย่าชีแบบนี้
“เจ้าต้องคิดไตร่ตรองให้ดีๆ”
โหยวเฟิงอวี้กล่าวสืบต่อ “หากเจ้าก้าวพลาดเพียงหนึ่งก้าว เจ้าก็เหมือนถูกลิขิตให้เดินบนเส้นทางหายนะอย่างไร้หวนกลับ…เจ้ายังมีอนาคตที่ดีรอเจ้าอยู่ไหนเลยต้องพาตัวเองเข้าจุดอับเพียงเพราะคนทรยศ? ข้ารู้ดีว่าลําพังตําแหน่งจ้าววังเทียนฉืออาจไม่นับเป็นอะไรในสายตาเจ้า กระทั่งหากเจ้าพยายามต่อไป กระทั่งตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่มีโอกาส.. “
ฟังจากคําพูดของโหยวเฟิงอวี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันประเมินฉือหย่าชีไว้สูงมาก
“ท่านจ้าววัง ครั้งนี้ปล่อยคนไปเถอะ”
ฉือหย่าชีเพียงกล่าววตอบสั้นๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หวั่นไหวไปกับถ้อยคําวาจาโน้มน้าวของโหยวเฟิงอวี้นี้เลย และสิ่งนี้ทําให้แววตาตัวนหลิงเทียนฉายความซับซ้อน เขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับศิษย์พี่หญิงใหญ่มากนัก แต่ไม่คิดเลยว่านางจะทําเพื่อตัวเขาถึงขั้นนี้
“ผู้เฒ่าหัว พวกเราแสดงฐานะออกไปเลยดีไหม?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปส่งเสียงผ่านพลังถามไถ่ผู้เฒ่าหัว “ข้ารู้สึกว่าสถานการณ์มันใกล้ถึงจุดแตกหักเต็มที่ ไม่จําเป็นต้องให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวนจะดีกว่า”
ในขณะที่ตัวนหลิงเทียนกล่าวจบคํา และกําลังรอฟังความเห็นของผู้เฒ่าหัว สถานการณ์พลัน แปรเปลี่ยนในฉับพลันเป็นโหยวเฟิงอวี้จ้าววังเทียนฉือที่สีหน้ากลายเป็นมีดดําปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก ฉายชัดถึงโทสะอารมณ์สุดระงับ กระทั่งร่างยังสั่นสะท้านไปขณะลั่นคํา บ่งบอกว่ามัน มโหถึงขนาดไหน “ฉือหย่าชี ในเมื่อสุราคารวะเจ้าไม่รับชมชอบสุราจับกรอก! เช่นนั้นก็อย่าได้ โทษที่ข้าไม่เห็นแก่ไมตรีเก่าก่อน!”
ทันทีที่โหยวเฟิงอวี่ตะคอกคําดังกล่าวออกมา เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามที่อยู่ด้านหลังก็ปะทุพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดออกมาส่งเสียงดังครืนๆก้องฟ้า แต่ละคนเสมือนมีเปลวเพลิงลุกโชนท่วมร่าง!
“วันนี้ วังเทียนฉือของพวกเราจักทําการชาระครั้งใหญ่ ทุกคนเตรียมพร้อมกวาดล้างศิษย์สํานักฉือหล่างให้สิ้นซาก!”
โหยวเฟิงอวี้แผดคําอํามหิตออกมาเสียงดัง!
“ทราบแล้วจ้าววัง!”
“น้อมรับคําสั่งจ้าววัง!!”
เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ลอยร่างข้างโหยวเฟิงอวี้ พอสิ้นคํากล่าวอํามหิตของโหยวเฟิงอวี้แต่ละคนก็ปะทุพลังออกมาเกรี้ยวกราด พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดผสานกับพลังธาตุของกฏที่เข้าใจ ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงกําจายไปทั่วฟ้า แยกย้ายกันไปล้อมกรอบพวกต้วนหลิงเทียน พลางจ้องด้วยสายตาเยียบเย็น!
ราวกับทันที่ที่จ้าววังเทียนฉือกล่าวคำสั่งลุย พวกมันจะระเบิดพลังสังหารทันที!
“ผู้เฒ่าหัว!”
ในขณะที่ ฉือหล่าง ฉือหย่าชี และคนอื่นๆที่บังขวางด้วนหลิงเทียนกําลังเร่งเร้าพลังเตรียมลงมือ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปพยักหน้าให้ผู้เฒ่าหัว จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดก็ลุกโชนขึ้นมาทั่วร่างยังแปรเปลี่ยนเป็นพลังสีเทาฉับไว อีกทั้งหากสังเกตให้ดีในรัศมีพลังสีเทาที่ปกคลุมทั่วร่างยังปรากฏรอยแยกมิติยิบย่อยกระพริบวูบวาบ!
“จักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนไม่มา อาศัยคนพวกนี้ไร้คุณสมบัติมากพอให้พวกเราประกาศฐานะ!”
หลังผู้เฒ่าหัวกล่าวตอบคําต้วนหลิงเทียน ร่างชราก็ค่อยๆลอยขึ้นไปกลางอากาศ ทันใดนั้นชุดคลุมสีแดงเพลิงก็เริ่มโบกสะบัดกระทั่งยังปรากฏพลังเพลิงสีแดงแกมทองปะทุลุกท่วมขึ้นมาในฉับพลัน ปลดปล่อยกลิ่นอายร้อนลวกแผดเผา ราวกับสุริยันอีกดวงอุบัติขึ้นในฉับพลัน!
‘พลังของผู้เฒ่าหัวนั่นมัน…’
ต้วนหลิงเทียน ตระหนักได้ทันทีว่าไม่เพียงแต่ผู้เฒ่าหัวจะใช้พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดผสานกับพลังของกฎธาตุไฟเท่านั้น ยังมีพลังลี้ลับอีกขุมหนึ่ง แถมพลังลี้ลับที่ว่ายังแผ่กลิ่นอายร้อนแรงกว่าพลังของกฏแห่งไฟเสียอีก หรือว่าจะเป็นปราณสุริยัน อันเป็นพลังสายเลือดของอีกาทอง คํา 3 ขา ที่ผู้เฒ่าหัวเคยถ่ายทอดให้ข้า?”
อีกาทองคํา 3 ขานั้น เกิดมาก็มีพลังสุริยันในตัว
ตอนที่เขายังอยู่ในระนาบเซียน ผู้เฒ่าหัวก็ได้ถ่ายทอดพลังนี้ให้เขา เพิ่งแต่พลังปราณสุริยันที่ผู้เฒ่าหัวถ่ายทอดให้เขามันอ่อนด้อยมาก ไม่อาจเทียบได้กับพลังสุริยันที่แท้จริงที่ผู้เฒ่าหัวครอบครองอยู่เลย
“อาศัยเจ้า คิดฆ่านายน้อยข้าร!?”
ผู้เฒ่าหัวที่ลอยร่างขึ้นมากลางหาว มองจักรพรรดิอมตะไว้ใจด้วยสายตาเฉยเมย และก็ไม่ อให้จักรพรรดิเหลยอิงทันได้ตั้งตัวอะไร ผู้เฒ่าหัวก็ยกมือขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน จากนั้นก็โบกมือออกไปส่งๆ
พริบตาต่อมา
ปงงงง!!
ครืนนนน!
วินาทีที่ผู้เฒ่าหัวยกมือขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน กลางฝ่ามือก็ปรากฏเจดีย์ 7 ชั้นอันจิ๋วหนึ่ง พอโบกมือไปอย่างไร้เรื่องราว เจดีย์ 7 ชั้นอันจิ๋วก็ปะทุลุกโชนไปด้วยเพลิงพลังสีแดงแกมทอง พุ่งไปหยุดลอยบนฟ้าสูงเหนือศีรษะเหลยอิงในชั่วพริบตา!
“ตาย!!”
ในขณะที่ทุกสายตาหันมามองชมการลงมือดังกล่าว ผู้เฒ่าหัวก็แค่นคําเสียงเย็นออกมาสั้นๆคําหนึ่ง
พริบตาต่อมา เพลิงพลังสีแดงแกมทองที่ลุกโชนไปทั่วเจดีย์ 7 ชั้นอันจิ๋ว ก็ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง! เปลวไฟที่ว่าราวกับจะลุกลามแผดเผาแผ่นฟ้า จากนั้นขนาดของเจดีย์ 7 ชั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมดึงร่วงลงมาจากฟ้าสูง มากล้นไปด้วยพลังสภาวะอันน่าพรั่นพรึงประหนึ่งขุนเขาใหญ่ถล่ม! กระทั่งกลิ่นอายพลังของเปลวไฟสีแดงแกมทองที่ลุกโชนทั่วเจดีย์ยิ่งมายิ่งลี้ลับอัศจรรย์ ชวนให้ผู้คนรู้สึกหวั่นหวาดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!!
เผชิญหน้ากับเจดีย์ 7 ชั้นอันเขื่องที่ถล่มลงมาจากฟากฟ้า เหลยอิงก็เร่งชักศาสตราอมตะคู่กาย จากนั้นก็ร่วมรั้งพลังความลึกซึ้งทั้งหมด เพ่งเล็งทําลายไปยังเจดีย์บนฟ้า! มังกรสายฟ้าตัว เขื่องเปี่ยมล้นไปด้วยพลังดุร้ายโจนทะยานขึ้นฟ้าฉับไว!!
อย่างไรก็ตาม มังกรสายฟ้าที่นางซัดสวนขึ้นไป พอปะทะเข้ากับเจดีย์ 7 ชั้นกลางหาว ก็ถูกบดขยี้จนแหลกในเสี้ยวพริบตา ขั้นตอนการบดขยี่ยังง่ายดายราวยําเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!
ตูมมม!!
เมื่อทุกคนเห็นเจดีย์สําแดงพลังอานุภาพอันน่าเกรงขาม หลังดึงสติกลับมาได้แล้ว เสียงหนึ่งก็ก้องดังเข้าหูพวกมันพอดี
“ระวัง!!”
โหยวเฟิงอวี้ พร้อมด้วยจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ พอเห็นฉากเรื่องราวดังกล่าวหน้าก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง และเป็นโหยวเฟิงอวี้ ที่ในใจบังเกิดสังหรณ์อัปมงคล เร่งกล่าวเตือนเหลยอิงให้ระวัง ทั้งปะทุพลังเตรียมเข้าช่วยเหลือทันที!
ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเฒ่าชราที่ติดตามอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนเงียบๆ ที่แท้จะมีพลังอันน่ากลัวถึงขนาดนี้! พลังอํานาจถึงขั้นบดขยี้พลังของเหลยอิงได้อย่างราบคาบ!