War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3393
ตอนที่ 3,393 : คนบ้านเดียวกัน
ในสายตาต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิง เมิ่งหลัว ผู้เฒ่าหั่ว และคนของเผ่ากิเลนทั้งหลาย กิเลนเพลิงและมนุษย์ลิงตัวเขื่อง ยิ่งมาก็ยิ่งปะทะกันรุนแรงหนักข้อ
การรบพุ่งของทั้ง 2 ไม่ได้ถูกจำกัดในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ยิ่งสู้กันนัวเท่าไหร่ก็ยิ่งเปลี่ยนจุดต่อสู้ไปเร็วขึ้นเท่านั้น
และไม่ว่าทั้งคู่จะไปตีกันจุดไหน ความวินาศสันตะโรก็ไปเยือนที่นั่น ดาวเคราะห์น้อยใหญ่ทั้งหลายไม่วายแหลกเป็นฝุ่นอวกาศ ฉากเรื่องราวดังกล่าวดำเนินขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับจะไม่มีวันหยุด
เปรี๊ยงงงงง!!
ต่อมาภายหลัง การประลองครั้งนี้ก็จบลงโดยจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน ซุนหงอคง ที่ใช้พลังสุดตัว ฟาดทุบ ตี้หง ผู้นำเผ่ากิเลนจนปลิดปลิวกระเด็นละลิ่วไปไกล และพอตี้หงแข็งขืนหยุดร่างลงได้แล้ว ทั้งคู่ก็พร้อมใจกันหยุดมือ
ร่างกิเลนเพลิงตัวเขื่องของตี้หงหายไป แทนที่ด้วยร่างวมนุษย์อีกครั้ง
ร่างมหึมาของซุนหงอคงก็หดเล็กลงเหลือเท่าขนาดคนปกติ แต่ไม่ได้กลับไปอยู่ในรูปมนุษย์อย่างไร ยังอยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์ลิง
เป็นธรรมดาว่าปกติแล้วซุนหงอคงก็มักจะอยู่ในร่างนี้ และใส่ชุดผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน เพียงแค่บางครั้งบางคราวก็แปลงร่างเป็นมนุษย์และใส่ชุดตามอำเภอใจ
“ข้าแพ้แล้ว”
ตี้หงระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน “ไม่คิดเลยว่าวันเวลาผ่านไปแค่พันปี ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินท่าน กลับสูงขึ้นถึงขนาดนี้…”
การประลองครั้งนี้ แน่นอนว่าจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของตี้หง
หากยังสู้ต่อ ก็เกรงว่าจะเป็นการต่อสู้ถึงตายแล้ว และมันก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เป็นธรรมดาว่าก่อนที่มันจะตาย อย่างน้อยๆมันก็ต้องซัดให้จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินบาดเจ็บหนักได้เช่นกัน
“ตี้หงเฒ่า ข้าเองก็ดูเบาเจ้าไป…”
ซุนหงอคงจับจ้องมองตี้หงด้วยสายตาราวมีกระแสไฟฟ้าแล่นวาบ เอ่ยคำเสียงหนักว่า “ข้าหลงคิดว่าคราวนี้ต่อให้เจ้าใช้ขุนเขาวิญญาณแผดเผานั่น ท่านซุนผู้นี้ก็น่าจะเอาชนะเจ้าได้ไม่ยาก…”
“ไม่คิดเลยว่าพันปีที่ผ่าน จะไม่ได้มีแต่ข้าท่านซุน แต่เจ้าก็พัฒนาขึ้นไม่น้อย”
ซุนหงอคงกล่าว
การประลองวันนี้ไม่เพียงอยู่เหนือความคาดหมายของตี้หงเท่านั้น แต่ยังเหนือความคาดหมายของซุนหงอคงเช่นกัน
“ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย ไหนเลยคู่ควรให้ยกมากล่าวถึงต่อหน้าความก้าวหน้าของจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินท่าน…”
ตี้หงระบายลมหายใจอย่างทอดถอน “ข้าล่ะหวังว่าสักวันจะได้ปลดเปลื้องภาระผู้นำเผ่ากิเลน และกลายเป็นคนมีอิสระเสรีจะไปไหนก็ไปได้ตามใจเช่นท่านจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน…”
วาจาประโยคนี้ของตี้หง ฟังแล้วก็เผยให้รู้ว่ามันอิจฉาจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินนัก
“ตี้หงเฒ่า เจ้าอิจฉาข้า ถึงแม้ข้าจะไม่ได้อิจฉาเจ้า แต่เจ้าไม่รู้หรือไรว่ามีกี่คนต่อกี่คนที่อิจฉาเจ้าที่ได้เป็นผู้นำเผ่ากิเลน?”
ซุนหงอคงส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ไม่ต้องกล่าวถึงอื่นใดให้มากความ วันนี้เอาแค่หากเจ้าคิดจะฆ่าข้า เกรงว่าไม่ต้องเสียเหงื่อสักหยด เพียงสั่งให้คนเผ่ากิเลนออกมารุมตี ข้าก็คงกลายเป็นลิงตายแล้ว…”
“ตี้หงเฒ่า ว่าแต่พลังฝีมือเจ้าให้เทียบกับจักรพรรดิสวรรค์ของว่านโช่วเทียนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”
ซุนหงอคงที่คล้ายนึกอะไรได้ ก็เอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
และคำถามดังกล่าวของซุนหงอคง ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ไกลๆหรี่ลง เพราะเขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียนจะร้ายกาจถึงขนาดไหน
เพราะสุดท้ายแล้วเท่าที่ดู…ความแข็งแกร่งของตี้หง ก็มากพอจะเทียบได้กับจักรพรรดิสวรรค์ทั่วๆไปแล้ว!
“หากข้าต้องประลองกับพี่ใหญ่หรือ…เกรงว่าคงต้านรับได้ไม่ถึง 3 กระบวนท่าหรอก”
ตี้หงกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก
จากนั้นตี้หงก็หันไปมองลึกซุนหงอคง เอ่ยว่า “จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน การประลองเมื่อครู่ หากเจ้าใช้กำลังทั้งหมดแล้ว…หากต้องไปเผชิญหน้ากับพี่ใหญ่ข้า เกรงว่าเจ้าคงไม่อาจยืนอยู่ได้ครบ 5 กระบวนท่า”
“3 กระบวนท่า?”
คำพูดของตี้หง ทำให้ลูกตาซุนหงอคงหดเล็กลงทันที จากนั้นก็พึมพำกับตัวเองเบาๆว่า “พลังของเทพสงคราม 8 ดารา…ร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ?”
ถึงแม้ซุนหงอคงจะพึมพำกับตัวเบาๆ แต่ตี้หงก็ยังคงได้ยินชัดเจน “เป็นธรรมดาว่าเทพสงคราม 8 ดาราทั่วไปก็ไม่ร้ายกาจขนาดนั้นหรอก…”
“ก็แค่ พี่ใหญ่ของข้าไม่ใช่เทพสงคราม 8 ดาราธรรมดาๆ”
“จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน อาศัยพลังฝีมือของท่านที่ใช้ออกเมื่อครู่…ตอนนี้ให้กวาดตามองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล เกรงว่าภายใต้เทพสงคราม 8 ดาราคงไม่มีผู้ใดเอาชนะท่านได้ กระทั่งผู้ที่รับมือท่านได้นานเท่าข้าก็คงไม่มี”
ตี้หงมองประเมินซุนหงอคงไว้สูงมาก
“อั้ยหยา ดูเหมือนท่านซุนผู้นี้ต้องเข้าไปเที่ยวสมรภูมิ 9 ยมโลกต่อ…พยายามบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 8 ดาราให้เร็วที่สุด!”
คำพูดของตี้หง ทำให้สองตาซุนหงอคงทอประกายจ้ายังคล้ายมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในนั้น ทั่วร่างเปี่ยมล้นไปด้วยจิตต่อสู้อันห้าวหาญ
“ตี้หงเฒ่า ในเมื่อการประลองงวันนี้จบลงแล้ว…หลังงข้าไปทักทายสหายเก่าแล้วก็คงต้องขอตัวก่อน วันหน้าหากข้ามาเยือนเผ่ากิเลนอีกครา จะเป็นวันที่ข้ามาท้าสุดยอดฝีมือเผ่ากิเลนของเจ้า ผู้ที่นั่งเก้าอี้จักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียนนั่น!”
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน หลังซุนหงอคงกล่าวจบคำ อีกฝ่ายก็เหินร่างมุ่งหน้ามาทางพวกเขาทันที
และพริบตาก็มาหยุดลงเบื้องหน้าเขาแล้ว
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าซุนหงอคงไม่ได้มาหาเขา
“ฮ่าๆๆ อีกาทองคำ 3 ขา เป็นเจ้าจริงๆด้วย!”
ซุนหงอคงมองผู้เฒ่าหั่ว พลางหัวเราะกล่าว “ท่านซุนนึกว่าจะจำผิดคนแล้วซะอีก”
“ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน…ใต้หล้ายังมีอีกาทองคำ 3 ขาคนที่สองอีกหรือ?”
ผู้เฒ่าหั่วได้แต่คลี่ยยิ้มแหยๆ “เราท่านล้วนมาจากระนาบเหยียนหวง กระทั่งยังมาจากดาวเหยียนหวงเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นการยากที่ผู้อื่นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายร่างที่แท้จริงของพวกเรา แต่เราท่านรวมถึงสหายร่วมบ้านเกิดเดียวกันคนอื่นๆ ย่อมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่คุ้นเคยชัดเจน…”
“ตอนนั้นที่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติหายสาบสูญไป ข้าก็คิดว่าจะไม่ได้เจอเจ้าแล้วเสียอีก…แตไม่คิดเลยว่าตอนนี้เจ้าไม่เพียงแต่จะมายืนอยู่ต่อหน้าข้า ยังสามารถหลบหนีออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้แล้ว”
ซุนหงอคงกล่าว
“ข้าไม่ได้หนีออกมาจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้สำเร็จหรอก”
ผู้เฒ่าหั่วส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ด้วยความช่วยเหลือของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่ข้าภักดี ข้าจึงถูกปลดปล่อยออกมาจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ทั้งข้ายังได้เป็นเจ้าของๆมันอีกด้วย”
“อัยยะ นั่นก็ถือเป็นวาสนาในคราวเคราะห์เลยนี่!”
ซุนหงอคงพยักหน้า “ว่าแต่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่เจ้าว่าเป็นผู้ใดรึ?”
พอกล่าวจบคำ แววตาของซุนหงอคงก็ฉายจิตต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคนที่ทำให้ผู้เฒ่าหั่วภักดีได้ ย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามแน่
“จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“ฟงชิงหยาง!?”
ได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ซุนหงอคงก็ไม่อาจรักษามาดได้ต่อไป ลูกตาหดเล็กเผยท่าทางตกใจให้เห็นชัด
ผู้เฒ่าหั่วยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสืบต่อ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะพบเจอวาสนาในคราวเคราะห์ของแท้แล้ว…”
ซุนหงอคงพอตั้งสติได้ ก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “วันหน้าหากมีโอกาสข้าจะไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของเจ้าสักครา…อย่างไรก็ตามพอถึงตอนนั้น ข้าคงไปเพื่อท้าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนของเจ้า!”
“ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน…”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ แตกต่างจากจักรพรรดิสวรรค์คนอื่นๆ…ท่านไม่เพียงแต่จะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งมวลของระนาบเทวโลกเท่านั้น…แต่ยังใช้เวลาฝึกปรือน้อยกว่าใครอีกด้วย”
“หากจะนับกันในแง่ของระยะเวลาฝึกปรือแล้ว…เกรงว่ายังสั้นกว่าระยะเวลาฝึกปรือของเจ้าเสียอีก”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
เพราะตอนที่เขายังอยู่ระนาบเซียน เขาก็เคยได้ยินจากผู้เฒ่าหั่วมาแล้ว แม้ฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน ไซอิ๋ว จะคล้ายอิงช่วงยุคราชวงศ์ถัง แต่นั่นเป็นแค่เรื่องแต่งเท่านั้น
อันที่จริงยุคสมัยที่ซุนหงอคงก่อเรื่อง มันนานกว่านั้นมาก ถึงกับย้อนหลังไปนานนับหมื่นๆปี
อย่างไรก็ตาม วันเวลาหลายหมื่นปีในระนาบเทวโลกแล้ว มันก็ไม่อาจนับเป็นอะไร
“นี่เจ้าจะบอกว่า…ชั่วชีวิตนี้เกรงว่าข้าจะไล่ตามใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของเจ้าไม่ทันงั้นรึ?”
ซุนหงอคงหยีตากล่าว ทั่วร่างยังแผ่จิตต่อสู้ออกมาล้นปรี่อีกครั้ง “สำหรับท่านซุนผู้นี้ ยิ่งท้าทายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี…ข้าท่านซุนไม่มีนิสัยยอมแพ้โดยไม่สู้!”
“เช่นนั้นข้าจะรอดูชม”
ผู้เฒ่าหั่วพยักหน้าพลางยิ้ม
และในเมื่อซุนหงอคงกำลังจะจากไป ผู้เฒ่าหั่วก็แนะนำเมิ่งหลัวกับต้วนหลิงเทียนให้ซุนหงอคงรู้จัก “ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน นี่คือจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัว ยอดฝีมืออันดับ 1 ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หากไม่นับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
“จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง?”
ซุนหงอคงมองเมิ่งหลัวครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มบางๆ “ชื่อเสียงเจ้าข้าเคยได้ยินมาแล้ว เจ้าเองก็ชมชอบการต่อสู้สินะ จุดนี้เหมือนกับข้าท่านซุนยิ่ง”
“หวังว่าวันหน้าข้าจะได้มีโอกาสฟาดปากกับเจ้า”
ซุนหงอคงกล่าว
“ย่อมมี”
แววตาเมิ่งหลัวฉายชัดถึความแน่วแน่
“ส่วนนี้คือนายน้อยแห่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของพวกเรา…ทั้งยังเป็นสหายร่วมบ้านเกิดเดียวกับพวกเราด้วย”
ผู้เฒ่าหั่วแนะนำต้วนหลิงเทียนสืบต่อ
“เอ๋ สหายร่วมบ้านเกิดรึ!?”
ซุนหงอคงหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ “เฮ่ เจ้าก็มาจากระนาบเหยียนหวงด้วยเหรอ?”
“ข้าเกิดในดาวเหยียนหวงเลยล่ะ”
ต้วนหลิงเทียพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าออกจากดาวเหยียนหวงเมื่อ 300 กว่าปีก่อน”
“300 กว่าปีก่อน!?”
ซุนหงอคงหัวเราะ “บังเอิญจริง ข้าก็พึ่งไปเที่ยวดาวเหยียนหวงมาเมื่อช่วง 300 – 400 ปีก่อนเช่นกัน เกมที่ดาวสมัยนั้นทำออกมาได้สนุกมาก…นี่เจ้ามาจากยุคนั้นรึ!?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“คนยุคเจ้าแทบไม่มีใครฝึกตนกันแล้ว อีกทั้งมองไปทั้งดาวข้าก็พบเจอผู้มีคุณสมบัติในการฝึกตนแค่สองสามคน แถมพรสวรรค์ยังอ่อนด้อยมาก…”
“ดูเหมือนเจ้าจะออกจากดาวเหยียนหวงก่อนที่ข้าจะไปเที่ยวเล่น…หาไม่แล้วไม่มีทางที่ข้าจะไม่เคยเจอเจ้า”
ซุนหงอคงกล่าวว
ในสายตาของซุนหงอคง การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ ต้องประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในดาวเหยียนหวง และต้องเป็นตัวตนประหนึ่งเทพเจ้าบนดาวเหยียนหวงเมื่อ 300 กว่าปีก่อนแน่
มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่รู้ดี ว่าต่อให้ซุนหงอคงจะมาเยือนโลกในช่วงที่เขาอยู่ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางพบเจอเขาแน่นอน
เพราะในตอนนั้น เขาคงไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไปในสายตาของซุนหงอคง
“ว่าแต่ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่? ด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงขั้นใดแล้ว”
ซุนหงอคงกล่าว
“อายุข้า 300 กว่าปีเศษ และพึ่งจะทะลวงถึงจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
และคำตอบของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้ซุนหงอคงหน้าเปลี่ยนไปทันที เห็นอาการตกใจดังกล่าวของมัน ผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ข้างๆก็อดขำไม่ได้ เพราะมันก็นึกไว้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“300 กว่าปี…จักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกำเนิด!?”
จังหวะนี้ไม่ว่าจะตี้อวิ๋นหลงหรือตี้เหวินอวี้ก็ได้แต่หันไปมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกครั้ง ด้วยไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะยังมีอายุน้อยขนาดนี้
หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ซุนหงอคงก็ดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง จากนั้นก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกาย และอยู่ๆก็วูบร่างลงมือ เรียกกระบองวิเศษสีทองหวดฟาดเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างกะทันหัน!
“นอยน้อยระวัง!!”
หน้าเมิ่งหลัวเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง แต่ก็สายเกินไปที่มันจะช่วยเหลืออะไรได้ทัน
ลูกตาผู้เฒ่าหั่วหดเล็กลง แต่พริบตาต่อมาก็คลายตัว เพราะมันย่อมเดาได้ว่าซุนหงอคงแค่คิดจะทดสอบต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ด้านต้วนหลิงเทียนที่ถูกลงมือจู่โจมในฉับพลัน พลังมิติก็ปะทุออกมาด้วยยความเร็วอัศจรรย์ นอกจากความหมายแห่งมิติแล้ว ความลึกซึ้งทั้ง 8 ที่บรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ก็ปะทุออกมาทันที ยังมีการผสานหลอมรวมความลึกซึ้งอีกด้วย สามารถหยุดกระบองวิเศษสีทองเอาไว้ได้ชะงัด!!
ถึงแม้จะเป็นการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการ แต่ทว่ากลับมีอยู่ด้วยกันหลายชุด!
“ให้ตายเถอะ อายุได้ 300 ปีเศษ แต่ไม่เพียงแต่บรรลุถึงจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกำเนิด…แต่ความลึกซึ้งของกฏมิติล้วนเข้าใจถึงขั้นตอนยิ่งใหญ่ทั้งหมด…แถมเจ้ายังผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการได้ถึง 4 ชุด…”
สายตาที่ซุนหงอคงใช้มองต้วนหลิงเทียน ยิ่งงมายิ่งสว่างจ้าปานดวงดาว “เฮ่ เจ้าเรียกว่าต้วนหลิงเทียนใช่ไหม?”
“เจ้าสนใจจะออกเดินทางฝึกฝนกับท่านซุนผู้นี้หรือไม่?”
คำพูดดังกล่าวของซุนหงอคง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันกำลังจะอยากจะได้ต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์