War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3394
ตอนที่ 3,394 : เฟิ่งหวู่เต้า
ซุนหงอคงคิดรับเขาเป็นศิษย์งั้นเหรอ!?
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง
อย่างไรก็ตาม หลังอึ้งไปครู่หนึ่ง พอฟื้นสติ ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน แต่ข้ามีอาจารย์แล้ว…ที่ข้าสามารถมีอย่างทุกวันนี้ได้ ล้วนเกี่ยวพันกับท่านอาจารย์อย่างแยกไม่ออก”
หากไม่ใช่เพราะมรดกที่ฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้ในระนาบเซียน ต้วนหลิงเทียนคงไม่อาจมีรากฐานอันดี แล้วสามารถเติบโตก้าวหน้าได้อย่างราบรื่น
กระทั่งหากปราศจากรากฐานเหล่านั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเขาในวันนี้
“อาจารย์ของเจ้ารึ?”
ซุนหงอคงเลิกคิ้ว “เป็นผู้ใดเล่า?”
“ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน อาจารย์ของนายน้อยพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ก็ย่อมเป็นใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกเราเป็นธรรมดา”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆ
“เอ๋ เจ้าเป็นศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางหรือเนี่ย?!”
ซุนหงอคงพลันตระหนักได้ทันที จากนั้นก็ได้แต่มองต้วนหลิงงเทียนด้วยแววตาเสียดาย กล่าวออกเสียงอ่อน “น่าเสียดายแท้…ยากนักที่ท่านซุนจะพบต้นกล้าดีๆสักต้นที่มาจากระนาบเหยียนหวง ยิ่งมาจากดาวเหยียนหวงเหมือนกันอีก! เฮ่อ…อุตส่าห์ปรากฏอัจฉริยะเช่นเจ้าทั้งที สุดท้ายกลับถูกจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางรับตัวไปแล้วซะงั้น”
หลังกล่าวจบคำ ร่างซุนหงอคงก็คล้ายแปรเปลี่ยนลำแสงสีทอง พุ่งหายไปจากสายตาต้วนหลิงเทียนและทุกคน ออกจากแดนกิเลน แล้วจากไปทันที
มาไวไปเร็วโดยแท้
กว่าที่ผู้คนจะได้สติ ซุนหงอคงก็หายไปแล้ว…
เมื่อซุนหงอคงจากไป เหล่าจักรพรรดิอมตะของเผ่ากิเลนเองก็เริ่มทยอยกันแยกย้ายออกจากแดนกิเลนทีละคน
ทว่าก่อนจะไป หลายคนก็หันมามองต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว “ศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนหรือ?”
“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้นจะมีศิษย์แล้ว…ข้าเคยได้ยินมาก่อนว่าฟงชิงหยางไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อนเลยนี่นา กระทั่งศิษย์แต่ในนามก็มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น”
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้น ต้องสงสัยว่าจะบรรลุถึงขอบเขตเทพ…และดูจากที่จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินจากไปอย่างไม่คิดจะเซ้าซี้เจ้าหนุ่มนั่น ข้าว่าสิบในสิบไม่พ้นฟงชิงหยางต้องบรรลุเทพแล้วจริงๆ”
“ไม่ผิด ปกติจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินเคยกลัวใครในฟ้าดินที่ไหน หากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ข้าว่ามันต้องพยายามขุดกำแพงหมายรับตัวเจ้าหนุ่มนั่นไม่เลิกแน่…เผลอๆอาจจะอุ้มเจ้าหนุ่มนั่นไปดื้อๆเลยก็ได้”
“จริง ลองมันมิได้อุ้มเจ้าหนุ่มนั่นไปดื้อๆ ก็หมายความว่ากริ่งเกรงจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางไม่น้อย”
…
คำกล่าวของจักรพรรดิอมตะของเผ่ากิเลน อันเป็นความเห็นที่มีต่อซุนหงอคง ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง
ซุนหงอคงผู้นั้น เอาแต่ใจขนาดนั้นเชียว?
“ผู้นำเผ่ากิเลน ตี้หง ยินดีที่ได้พบนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน…ต้องขออภัยนายน้อยท่านด้วย แต่ทางเผ่าเราไม่ทราบจริงๆว่า บิดาของท่านต้วนหรูเฟิง จะถูกเผ่าของพวกเรากักตัวไว้ ข้าหวังว่านายน้อยจะไม่ตำหนิพวกเราเรื่องนี้”
ตอนนี้เอง ตี้หง ผู้นำเผ่ากิเลนที่ไม่ทราบวูบร่างมาหยุดลอยร่างข้างผู้อาวุโสลำดับ 2 ของเผ่ากิเลนอย่างตี้อวิ๋นหลงตั้งแต่เมื่อไหร่ และจากถ้อยคำที่มันกล่าว เห็นได้ชัดว่าตี้อวิ๋นหลงได้เล่าเรื่องราวรวมถึงวัตุประสงค์การมาเผ่ากิเลนของพวกต้วนหลิงเทียนให้ฟังเรียบร้อยแล้ว
“ท่านผู้นำตี้หง ท่านสุภาพเกินไป”
เห็นตี้หงที่เป็นถึงยอดฝีมือระดับต้นๆของเหล่าเทพสงคราม 7 ดารา กล่าวคำด้วยท่าทางน้ำเสียงสุภาพให้เกียรติ ต้วนหลิงเทียนที่รับทราบพลังฝีมือของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกปลื้มใจอยู่บ้าง
ไม่ว่าจะตี้หงก็ดีหรือผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินอย่างซุนหงอคงก็ดี หากไม่นับอวิ๋นชิงเหยียนกับข้ารับใช้ รวมถึงเซี่ยเจี๋ยแล้ว ทั้งคู่ก็คือตัวตนที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในระนาบเทวโลกที่เขาเคยพบเจอ
“ยากนักที่นายน้อยจะให้เกียรติมาเยือนเผ่ากิเลนของพวกเรา เช่นนั้นให้ข้าได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านต้อนรับท่านอย่างดีด้วยเถอะ”
ตี้หงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ “น้ำใจของผู้นำตี้หงข้าคงทำได้แค่รับไว้ด้วยใจ…พอดีข้ามีธุระด่วนที่ต้องรีบไปสะสาง ยังเป็นการตามหามารดาของข้า เรื่องนี้จึงไม่อาจรอช้าได้ เช่นนั้นไว้วันหน้าหากข้ามีโอกาส ต้องขอมารบกวนท่านผู้น้ำตี้หงสักครั้ง”
“เช่นนั้นเองหรือ น่าเสียดาย”
ตี้หงถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปมองตี้อวิ๋นหลงข้างๆ “อาวุโสรอง เช่นนั้นท่านคอยอำนวยความสะดวกนายน้อย ทั้งไปส่งนายน้อยเป็นการส่วนตัวเถอะ”
“ทราบแล้ว ผู้นำ”
ตี้อวิ๋นหลงรับคำ
หลังจากตี้หงจากไป ตี้อวิ๋นหลงก็พาพวกต้วนหลิงเทียนออกจากแดนกิเลน ขณะเดียวกันก็อดหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนไม่ได้ “ปกติผู้นำเราไม่ค่อยสุภาพขนาดนี้…กระทั่งปกติแล้วต่อให้พบเจอศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์อื่นใด ข้าก็ไม่เคยเห็นท่านผู้นำแลดูกระตือรือล้นจะต้อนรับขับสู้ขนาดนี้มาก่อน”
“ดูเหมือนท่านผู้นำจะยอมรับนับถือในพลังฝีมือของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมาก…นายน้อย ท่านที่เป็นศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ก็เลยได้รับการยอมรับจากท่านผู้นำด้วย”
“เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่ข้าเห็นท่านผู้นำแลดูยอมรับรุ่นเยาว์เช่นนายน้อย”
ตี้อวิ๋นหลงกล่าวจบก็ถอนหายใจ
ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยิ้มบางๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะตอบตี้อวิ๋นหลงอย่างไร
หลังจากนั้นภายใต้การอำนวยความสะดวกของตี้อวิ๋นหลง ต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆก็ได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป
“ท่านพ่อ หรือท่านจะเข้ามาบ่มเพาะพลังในโลกใบเล็กของข้าดี? พอข้าหาท่านแม่พบท่านก็ค่อยออกมา? ตอนนี้ไม่ว่าจะซือหลิงหรือเทียนหวู่ ก็ล้วนบ่มเพาะพลังอยู่ข้างใน”
พอมาถึงระนาบสวรรค์แห่งใหม่ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวถามต้วนหรูเฟิง
ตอนนี้จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัว เมื่อเห็นว่าไม่มีใดแล้ว ก็แยกตัวกลับไปจี้เมี่ยเทียนเพียงลำพัง เพราะเมื่อฟงชิงหยยางไม่อยู่ ทุกสิ่งล้วนเป็นมันที่ต้องควบคุมดูแล
ส่วนผู้เฒ่าหั่ว เพื่อความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน ก็ยังคงติดตามมาอยู่
“ไม่ล่ะ”
ต้วนหรูเฟิงส่ายหัวไปมา “เจ้าคิดจะสื่อสารกับนางก็ต้องผ่านซือหลิงอีกทอด แต่ข้ามีลูกแก้ววิญญาณของแม่เจ้าในมือ เช่นนั้นข้าก็สามารถติดต่อกับแม่เจ้าได้โดยตรง”
“หาแม่เจ้าให้พบก่อน จากนั้นข้ากับนางค่อยเข้าไปในโลกใบเล็กของเจ้า”
“นอกจากนั้นตั้งแต่ข้าขึ้นมายังระนาบเทวโลก ข้าก็มาโผล่ว่านโช่วเทียนเลย ไม่ทันได้ไปไหนไกลก็ต้องไปอยู่ในเผ่ากิเลนแล้ว…เช่นนั้นก็ให้ข้าชมดูที่ทางอะไรให้หายอยากบ้างเถอะ”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
เห็ว่าต้วนหรูเฟิงเลือกจะรั้งอยู่ด้านนอก ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ว่าอะไร
อย่างไรก็ตามถึงต้วนหรูเฟิงจะไม่ได้เข้าไป แต่พอต้วนซือหลิงกับเฟิ่งเทียนหวู่ตื่นจากการบ่มเพาะและได้รับทราบเรื่องราว ก็เร่งออกจากโลกใบเล็กมาหาต้วนหรูเฟิงทันที
ต้วนซือหลิงยังกระโจนไปกอดต้วนหรูเฟิงแน่นราวลูกหมีอยู่นาน เห็นชัดว่านางคิดถึงท่านปู่ไม่น้อย
เนื่องจากฮ่วนเอ๋อยังคงปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะปลุกนางจึงไม่ได้ออกมา รอให้พบเจอมารดาก่อนแล้วค่อยปลุกนางให้มารู้จักทีเดียว
เป็นธรรมดาว่าถึงฮ่วนเอ๋อจะไม่ได้ออกมา แต่ต้วนหลิงเทียนก็เล่าเรื่องราวของฮ่วนเอ๋อให้บิดาอย่างต้วนหรูเฟิงฟังคร่าวๆ
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียน ก็พาต้วนหรูเฟิงพร้อมผู้เฒ่าหั่ว ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกไปยังระนาบเทวโลกต่างๆ
ระนาบเทวโลกมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นเก้าเก้า 81 ระนาบ
ที่สำคัญเมื่อไปถึงระนาบเทวโลกใดแล้ว ทั้งกลุ่มก็จะใช้เวลาอยู่ในระนาบเทวโลกนั้นสักระยะเพื่อรอการติดต่อกลับ
ระนาบเทวโลกแล้ว…
ระนาบเทวโลกเล่า…
…
ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจใช้เวลาอยู่ในระนาบเทวโลกต่างๆ 2-3 วัน
ในที่สุดหลังจากเดินทางมาถึงระนาบเทวโลกระนาบที่ 9 ในที่สุดก็มีคนติดต่อกลับมา!
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ต้วนซือหลิงหรือต้วนหรูเฟิงที่บอกต้วนหลิงเทียน แต่เป็นเฟิ่งเทียนหวู่ที่บอกเขาว่ามีคนติดต่อกลับมา
เพราะคราวนี้ผู้ที่ติดต่อกลับมาก็คือเฟิ่งหวู่เต้า บิดาของเฟิ่งเทียนหวู่
“ลุงเฟิ่ง!!”
สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เฟิ่งหวู่เต้าก็คือผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขานับถือ อีกฝ่ายเคยช่วยเขาเอาไว้ไม่น้อยสมัยยังเด็ก อีกทั้งยังเป็นบิดาของเฟิ่งเทียนหวู่ด้วย เขาจึงไม่เคยเห็นเฟิ่งหวู่เต้าเป็นคนนอกเลย
ยังปฏิบัติต่ออีกฝ่ายราวพ่อแท้ๆ
“ท่านพ่อ มีข่าวลุงเฟิ่งแล้ว”
หลังได้รับการแจ้งจากเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวบอกต้วนหรูเฟิงทันที “ลุงเฟิ่งอยู่ในระนาบเทวโลกแห่งนี้”
“เหล่าเฟิ่ง?”
ในอดีตเฟิ่งหวู่เต้ากับต้วนหรูเฟิงก็คุยกันถูกคอและเข้ากันได้ดีเรียกว่าสนิทกันไม่น้อย พอได้ยินลูกชายบอกว่ามีข่าวเฟิ่งหวู่เต้าแล้ว ต้วนหรูเฟิงย่อมยินดีเป็นที่สุด เร่งกล่าวออกมาด้วยตาเป็นประกาย “แล้วเหล่าเฟิ่งอยู่ที่ใดรึ พวกเรารีบไปกัน!”
“ตอนนี้ลุงเฟิ่งอยู่ในนิกายอมตะฟ้าสัญจร เป็นนิกายระดับ 1…และนิกายอมตะฟ้าสัญจรก็ตั้งอยู่ที่…ฯลฯ”
หลังได้ยินสถานที่โดยละเอียดจากเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนก็นำต้วนหรูเฟิงรวมถึงผู้เฒ่าหั่ว ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกไปยังดินแดนที่ตั้งนิกายอมตะฟ้าสัญจรโดยตรง
นิกายอมตะฟ้าสัญจร ยังเป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนหยวนปี้ มีประมุขที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามค้ำจุนอยู่
แน่นอนว่าเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ไม่ได้มีพลังฝีมือสูงส่งอะไร
ในปีนั้นหลังออกจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพแล้ว เฟิ่งหวู่เต้ากับไป๋ลี่หงก็ได้ถูกส่งมายังระนาบโลกียะเดียวกัน
ในระนาบโลกียะดังกล่าว ทั้ง 2 ก็คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จนในที่สุดก็สามารถขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามแม้ทั้งคู่จะขึ้นสู่ระนาบเทวโลกพร้อมๆกัน แต่กลับถูกสุ่มไปปรากฏยังสองระนาบเทวโลกที่แตกต่างกัน
เฟิ่งหวู่เต้าค่อยๆพัฒนาก้าวหน้าไปทีละก้าวๆในแดนหยวนปี้ จนในที่สุดก็มีวันนี้
ในนิกายอมตะฟ้าสัญจร เฟิ่งหวู่เต้ายังเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นมาก ด่านพลังก้าวหน้าด้วยความรวดเร็ว จนถูกประมุขนิกายรับไว้เป็นศิษย์
ชีวิตในนิกายอมตะฟ้าสัญจรของเฟิ่งหวู่เต้านับว่าราบรื่นดีมาก เพราะเป็นศิษย์เพียงคนเดียวและเป็นศิษย์ปิดสำนักของประมุขนิกาย
พอต้วนหลิงเทียนกับทุกคนมาถึงหน้าประตูให่นิกายอมตะฟ้าสัญจร ก็พบว่าเฟิ่งหวู่เต้าได้ออกมารออยู่แล้ว
เห็นดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็เรียกเฟิ่งเทียนหวู่ให้ออกมาพบเจอเฟิ่งหวู่เต้า ซึ่งเฟิ่งเทียนหวู่ที่รอด้วยใจตื่นเต้นไม่เป็นอันบ่มเพาะ พอเรียกนางก็ออกมาทันที
“ท่านพ่อ!”
เฟิ่งเทียนหวู่พอออกมา ก็โผร่างเข้าสู่อ้อมกอดเฟิ่งหวู่เต้าร่ำไห้น้ำตาไหลพราก สำหรับนางแล้วมีบุรุษเพียง 2 คนที่สำคัญกับนางที่สุดในโลก หนึ่งก็คือชายคนรักอย่างต้วนหลิงเทียน อีกคนก็คือบิดาแท้ๆของนาง
มาวันนี้พอเห็นว่าทั้งชายคนรักและบิดาสบายดี นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
และหยาดน้ำตาสองสายที่รินไหลออกมา ก็คือหยาดน้ำตาแห่งความปิติยินดี
“เอาล่ะๆ เด็กโง่เลิกกอดพ่อได้แล้ว…เจ้าหนูหลิงเทียนก็อยู่ด้วย เจ้าขี้แยแบบนี้ไม่อายหรือ?”
หลังเฟิ่งหวู่เต้ากอดลูกสาวด้วยความคิดถึงสักพัก พอเห็นว่าเฟิ่งเทียนหวู่ยังไม่ยอมปล่อยเสียที ก็อดกล่าวหยอกล้อออกมาไม่ได้
ด้านเฟิ่งเทียนหวู่พอได้ยิน ก็ผละออกจากอ้อมกอดเฟิ่งหวู่เต้าทันที
ถึงแม้จะไม่ได้พบเจอเฟิ่งหวู่เต้ามาเนิ่นนานแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังมีรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน หากทว่าท่วงท่าลักษณะและความรู้สึกที่ส่งออกมาเป็นธรรมชาตินั้น ต่างกับในอดีตราวคนละคน
ท้ายที่สุดแล้ว เฟิ่งหวู่เต้าก็เป็นถึงจอมราชันอมตะคนหนึ่ง!
“ลุงเฟิ่ง ข้าต้องขออภัยต่อท่าน…เป็นข้าทำร้ายท่านแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพอพบเจอเฟิ่งหวู่เต้า สิ่งแรกที่ทำก็คือโค้งขอขมาอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด
ไม่ว่าจะเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนซือหลิง หรือต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ขอขมาลาโทษอะไร เพราะทุกคนเป็นดั่งญาติสนิทที่สุดของเขา ในสายตาของเขาทุกคนเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแยกไม่ออก
ทว่าสำหรับเฟิ่งหวู่เต้านั้น ถึงแม้เขาจะแต่งกับเฟิ่งเทียนหวู่ในภายหลัง และอีกฝ่ายก็เป็นดั่งพ่อตาของเขา เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขาให้ความเคารพ จริงอยู่ที่เขาเห็นอีกฝ่ายไม่ต่างพ่อคนหนึ่ง แต่เรื่องบางอย่างไม่อาจไม่พูด…
เพราะภรรยาอีกคนของเขา ทำให้เฟิ่งหวู่เต้าต้องพลอยติดหางเลขถูกลักพาตัวไปด้วย นี่มันใช่เรื่องที่เฟิ่งหวู่เต้าต้องมาพบเจอหรือไม่?
“เจ้าหนู เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้ากัน ทั้งหมดล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น เจ้ายังต้องมาขอโทษข้าทำอะไร?”
และคำขอโทษของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้เฟิ่งหวู่เต้าขุ่นขึ้งไม่น้อย ขมวดคิ้วกล่าวออกเสียงดุ “อีกทั้ง คราวนี้ต่อให้ข้าจะพลอยติดหางเลขไปด้วย แต่การถูกพาไประนาบเทพแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากพบพานวาสนาในคราวเคราะห์!”
“หาไม่แล้วข้าจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไรเล่า?”
กล่าวถึงท้ายประโยคเฟิ่งหวู่เต้าก็ยืดไม่น้อย ท่าทางแลดูภูมิใจมาก