War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3416
ตอนที่ 3,416 : ศิษย์ในนาม?
ต้วนหลินเทียนย่อมไม่รับทราบความแค้นและผูกใจเจ็บของข่งโย่วอี้ แต่ถึงรู้เขาก็ไม่สนใจ
วันนี้เป็นข่งโย่วอี้ที่เอาแต่ดูถูกเขาไม่เลิกรา เดิมทีเขาก็คร้านจะใส่ใจมันแล้ว แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอยากโดนดีนัก เขาก็จัดให้!
ในเมื่อลงมือไปแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ อีกฝ่ายจะเอาคืน? ขอให้มันมา!
หลังจากที่ได้ฟังคำขอของลี่เฟย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะสนใจข่งโย่วอี้อีกต่อไป สำหรับเขาอีกฝ่ายก็แค่ตัวตลกที่เสล่อมาเต้นจำอวดโง่ๆเท่านั้น และหลังจากข่งโย่วอี้จากไป ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับจักรพรรดิอมตะหนามม่วงว่า “จักรพรรดิอมตะหนามม่วง ข้าเป็นสามีของเสี่ยวเฟยเอ๋อ แน่นอนว่าข้าไม่คิดถ่วงรั้งความก้าวหน้าของนาง…หากข้าไม่อาจหาสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะรวมถึงทรัพยากรที่ดีกว่าที่นี่ได้ ไหนเลยข้าจะเลือกพาตัวนางจากไป?”
“ความสำคัญของลี่เฟยในสายตารวมถึงในใจของข้า เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าท่านแม้แต่นิดเดียว”
ไม่ทันที่จักรพรรดิอมตะหนามม่วงจะเอ่ยคำใด ก็เป็นต้วนหลิงเทียนที่กล่าวร่ายยาวออกมาก่อน น้ำเสียงยังเคร่งขรึมจริงจังนัก เพราะเขารู้ดีว่าหลังจากที่จักรรพรดิอมตะหนามม่วงเห็นเขากับผู้เฒ่าหั่วลงมือแล้ว นางต้องไม่มองแคลนเขาเหมือนเดิมอีกต่อไป
และความจริงก็เป็นดั่งที่เขาคิดทุกประการ
หลังจากได้เห็นผู้เฒ่าหั่วกับต้วนหลิงเทียนลงมือ ในระดับหนึ่งจักรพรรดิอมตะหนามม่วงถึงกับตกใจยกใหญ่ด้วยซ้ำ ยังตระหนักว่าสามีของลี่เฟยไม่ใช่คนธรรมดาแม้แต่นิดเดียว
ที่สำคัญอีกฝ่ายกับลี่เฟยศิษย์นางก็มีอายุพอๆกัน แต่อีกฝ่ายกับประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ นี่ไม่ใช่อะไรที่จะใช้คำว่า ‘โชควาสนา’ ธรรมดาๆ มาอธิบายได้อีกต่อไป!
ในโลกที่ผู้เข้มแข็งอยยู่อ่อนแอตายตกนั้น การคัดสรรค์ของธรรมชาติย่อมรุนแรงมาก ผู้ที่อยู่รอดย่อมเป็นผู้เข้มแข็ง และผู้เข้มแข็งก็สมควรได้รับการนับถือ
แม้แต่ตัวจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็เคารพกฏเกณฑ์ความเป็นไปข้อนี้
เช่นนั้นหลังจากที่นางเห็นพลังฝีมือของผู้เฒ่าหั่วกับต้วนหลิงเทียน นางก็เลไม่เพียงแต่จะไม่สนใจเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเล่นงานข่งโย่วอี้ แววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งยังอ่อนลงมาก “ดูเหมือนว่าประสบการณ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเจ้า จะเหนือกว่าลี่เฟยมาก”
“ปีนี้…เจ้าสมควรยังมีอายุต่ำกวว่า 400 ปีกระมัง?”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงเอ่ยถาม
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ทว่าในขณะเดียวกันหลังได้ยินคำถามดังกล่าวของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ใจต้วนหลิงเทียนก็อดนึกถึงเค่อเอ๋อ ภรรยาอีกคน กับช่วงเวลาที่ช่องทางระหวว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกปิดตัวขึ้นมาไม่ได้
ตอนนี้มันเหลือเวลาอีกแค่ 600 กว่าปีเท่านั้น ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกกับระนาบเทพก็จะเปิดออกแล้ว
หากเป็นในอดีต ต้ววนหลิงเทียนย่อมภูมิใจไม่น้อยที่สามารถก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ได้ในเวลาไม่กี่ร้อยปี
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขารู้สึกว่าการก้าวหน้าเพียงเท่านี้ ยังไม่พอ!
เพราะในปัจจุบันเขาได้รับทราบแล้ว ว่ากระทั่งในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามเองก็ยังมีแบ่งออกเป็นสามหกเก้า…จักรพรรดิอมตะสมญานามนั้น ในสมรภูมิ 9 ยมโลกยังมีตัวตนระดับ เทพสงคราม 7 ดารากับ 8 ดาราดำรงอยู่!
และตัวตนที่อยู ณ จุดสูงสุดของเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งมวลนั้น ก็คือตัวตนระดับ เทพสงคราม 9 ดารา!
เทพสงคราม 9 ดาราที่ว่า ไร้ซึ่งข้อยกเว้นอันใด ทั้งหมดถูกเรียกขานว่า ‘ครึ่งก้าวเทพ’ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศที่ด่านพลังสั่งสมมาเต็มพิกัด และความเข้าใจในกฏก็ท้าทยสวรรค์เป็นอย่างมาก…เพราะการที่จะบรรลุถึงได้ระดับนี้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีความเข้าใจกฏสูงล้ำถึงระดับหนึ่ง
และช่องว่างระหว่างขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ กับเทพ ไม่ใช่ง่ายดายแค่การทะลวงด่านพลังไปอีกขั้นเท่านั้น แต่มันก็คือการยกระดับจิตวิญญาณครั้งยิ่งใหญ่
และการยกระดับจิตวิญญาณครั้งยิ่งใหญ่ดังกล่าว ส่วนใหญ่แล้วก็จะเกี่ยวข้องกับความเข้าใจในกฏ
‘ตัวเลวร้าย…ตอนนี้ยังแข็งแกร่งเหนือกว่าข้าอีกหรือ!?’
ด้านลี่เฟยเดิมทีก็กำลังตื่นตระหนกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนสามารถสยบข่งโย่วอี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ดันถูกจักรพรรดิอมตะหนามม่วงกล่าวขัดความคิดเสียก่อน จึงเลิกสนใจเรื่องนี้ไปครู่หนึ่ง
มาตอนนี้พอได้ยินจักรพรรดิอมตะหนามม่วงเอ่ยถามเรื่องอายุของต้วนหลิงเทียนออกมา และเห็นความเปลี่ยนแปลงของท่าทีที่มีต่อต้วนหลิงเทียน ลี่เฟยก็หันมาสนใจเรื่องของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยวว่าในเวลาไม่กี่ร้อยปี สามีของนางจะแข็งแกร่งงเหนือกว่านางไปไกลขนาดนี้แล้ว!
ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้…
ในความคิดของลี่เฟย ในบรรดาผู้คนที่อยู่รอบกาย คนเดียวที่น่าจะมีพลังเหนือกว่านางก็สมควรเป็น ‘เค่อเอ๋อ’ น้องหญิงของนางเท่านั้น เพราะฐานะความเป็นมาในชาติก่อนของอีกฝ่ายสูงส่งไม่ธรรมดา บววกกับตอนนี้อีกฝ่ายได้หวนคืนสู่แดนเทพแล้ว ความสำเร็จสมควรเหนือล้ำกว่านางมาก…สำหรับคนอื่นๆไม่เว้วนสามีนาง ก็ไม่น่าจะเทียบกับนางได้เลย!
“ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงหันไปมองลี่เฟยด้วยสายตาอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนน้ำเสียงยังอ่อนโยนลง จนฟังรื่นหูกว่าเดิมมาก “ถึงแม้เฟยเอ๋อจะเป็นศิษย์ข้าได้ไม่กี่ร้อยปี แต่ข้าก็เห็นนางไม่ต่างอะไรจากลูกสาวแท้ๆของข้า…และเนื่องงจากนางได้รับสืบทอดมรดกของข้า กล่าวได้ว่านางกับข้ามีชะตาต้องกัน…เช่นนั้นเจต้าที่เป้นสามีก็เสมือนมีวาสนากับข้าด้วย”
“และข้าเองก็เป็นคนที่เชื่อในโชคชะตาคนหนึ่ง…ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงรู้สึกว่าเฟยเอ๋อเป็นดั่งของขวัญแสนวิเศษที่สวรรค์ประทานให้ข้า”
“เจ้าเป็นสามีทั้งยังมีลูกกับนางงแล้ว ข้าจึงรู้ดีวว่าตำแหน่งนางในใจเจ้าสำคัญแค่ไหน…ข้าไม่เคยคิดบังคับให้นางต้องอยู่กับข้า ทั้งหมดที่ข้าต้องการ ก็แค่หวังให้นางมีอนาคตที่ดีเท่านั้น”
“หากเจ้าสามารถจัดหาสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะ รวมถึงทรัพยากรที่ส่งเสริมการฝึกปรือดีๆให้นางได้ ข้าก็ไม่คิดบังคับให้นางอยู่ที่นี่หรอก”
คำพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ได้ประกาศเจตนาของนางออกมาชัดเจน
นางหวังแค่ลี่เฟยจะมีอนาคตที่ดี
ส่วนเรื่องที่ลี่เฟยจะอยู่กับนางหรือไม่ นางไม่บังคับ และไม่คิดฝืนใจ
“ท่านอาจารย์…”
คำพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็ทำให้ร่างบางของลี่เฟยสะท้านไปทันใด ใบหน้ายังฉายชัดถึงความรู้สึกผิด
“จักรพรรดิอมตะหนามม่วง”
ทันใดนั้นเอง ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะได้พูดกับตอบคำจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ผู้เฒ่าหั่วที่ยืนเงียบอู่ด้านหลังมานานก็เอ่ยออกมาว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้เลย สิ่งใดที่พระราชวังงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนของเจ้าสามารถมอบให้นายหญิงลี่เฟยได้ พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนของพวกเราก็สามารถมอบให้นางได้เช่นกัน!”
พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!!
ทันทีที่วาจาดังกล่าวล่วงล้ำออกจากลำคอของผู้เฒ่าหั่ว ลูกตาจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็หดเล็กลงโดยพลัน!
ถึงแม้นางจะเดาได้คร่าวๆแล้ว ว่าหากต้วนหลิงเทียนกับผู้ติดตามมีพลังฝีมือระดับนี้ เบื้องหลังความเป็นมาต้องไม่ธรรมดา และอาจเป็นขุมกำลังระดับสวรรค์ ไม่เว้นพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบเทวโลกอื่น แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเบื้องหลังทั้งคู่กลับเป็นถึง พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!!
ในอดีตพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนก็มีชื่อเสียงทัดเทียมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน และอาจารย์ของนาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียนก็เคยประมือกับจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนมาแล้ว ในวันนั้นทั้งคู่ยังไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ!!
ต่อมาภายหลังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนได้เข้าสู่นรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก
ในตอนนั้นอาจารย์ของนางยังถึงกับกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจด้วยความเสียดาย พร่ำกล่าวคำว่า ‘เป็นฟ้าริษยาอัจริยะ’ ด้วยซ้ำ! เพราะอาจารย์ของนางเคยบอกนางแล้วว่าในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งมวลของระนาบเทวโลก จักรพรรดิสววรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนอาจจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด…แต่แน่นอนว่าเป็นคนที่มีศักยภาพและพรสววรรค์สูงส่งที่สุด!!
นอกจากนั้นอีกฝ่ายยังเป็นหนึ่งในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ไม่กี่คน ที่มีโอกาสบรรลุถึงขอบเขตเทพ!!
“ฟงชิงหยางผู้นั้นหากตกตายในนรกอสุราก็คงกล่าวได้ว่า ‘ฟ้าริษยาอัจฉริยะ’ …แต่ถ้ามันสามารถรอดกลับออกมาจากนรกอสุราได้ น่ากลัวคงเป็นดั่งปลาหลีกระโดดข้ามประตูมังกร ทะยานข้ามผ่าน 9 ชั้นฟ้า!”
นี่เป็นวาจาที่อาจารย์ของนางกล่าวออกมากับปาก จักรพรรดิอมตะหนามม่วงเองก็จำได้ขึ้นใจ
ต่อมาภายหลัง ฟงชิงหยาง ได้หวนกลับออกมาจากนรกอสุราจริงๆ พอกลับมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ก็สามารถสังหาร เฉินชิวปั๋ว ที่มายึดตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ตอนไม่อยู่ได้อย่างง่ายดาย และต้องทราบด้วยว่าเฉินชิวปั๋วผู้นั้นมิใช่ชนชั้นไก่กาหมาแมวที่ไหน แต่เป็นเทพสงคราม 7 ดาราที่พลังฝีมือกล้าแข็งเป็นอันดับต้นๆของสมรภูมิ 9 ยมโลก โด่งดังในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ไปเข่นฆ่าช่วงชิงในสมรภูมิ 9 ยมโลกไม่น้อย!
วันนั้นจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน อาจารย์ของนางยังคาดว่า…
จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง มีโอกาสสูงที่จะพบเจอวาสนาอันยิ่งใหญ่บางอย่างในนรกอสุรา ถึงแม้จะยังไม่อาจบรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่น่ากลัวพลังฝีมือคงทัดเทียมกับเทพสงคราม 8 ดาราเป็นอย่างน้อย ไม่แน่เผลอๆจะเป็นเทพสงคราม 9 ดาราไปแล้ว!
เมื่อจักรพรรดิสวรรค์มีพลังฝีมือสูงล้ำขึ้น เป็นธรรมดาว่าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่ปกครองอู่ก็ต้องผงาดขึ้นมาตามติด!
กล่าวได้ว่า…
ตั้งแต่ที่จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง สังหารเฉินชิวปั๋วที่เป็นเทพสงคราม 7 ดาราชนชั้นสุดยอดฝีมือได้ในพริบตา ทวงบัลลังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนคืนสำเร็จ พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนก็ทะยานขึ้นถึงจุดที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ส่วนใหญ่ไม่อาจเทียบได้!
รวมถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนแห่งนี้เช่นกัน!
“เจ้า…เจ้าตอนนี้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือ!?”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจ
จังหวะนี้ในใจของนางยังบังเกิดความคิดอุกอาจประการหนึ่ง!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ คงไม่ใช่ว่ากลายเป็นศิษย์แต่ในนามของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนผู้นั้นไปแล้วหรอกนะ?
ลือกันว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อน และมีไม่กี่คนเท่านั้นที่รับมาเป็นศิษย์แต่ในนาม และล้วนเป็นสุดยอดอัจฉริยะอันร้ายกาจทั้งสิ้น…หรือต้วนหลิงเทียนจะเป็นหนึ่งในศิษย์แต่ในนามไม่กี่คนนั่น!?
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “เช่นนั้นขอให้จักรพรรดิอมตะหนามม่วงโปรดวางใจ เสี่ยวเฟยเอ๋อติดตามข้ากลับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไป นางไม่ขาดสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะรวมถึงทรัพยากรฝึกปรืออะไรแน่นอน…พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ย่อมดูแลนางอย่างดีที่สุด!”
แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้วนหลิงเทียนก็แค่กล่าวออกไปอย่างขอไปที
เพราะหากลี่เฟยติดตามเขากลับไปจริงๆ สภาพแวดล้อมที่นางจะได้ใช้ในการบ่มเพาะ น่ากลัววว่าเป็นอะไรที่จักรพรรดิสววรรค์จี้เมี่ยเทียนเองกง็ไม่อาจมอบให้ได้ด้วยซ้ำ แต่เป็นสภาพแวดล้อมของระนาบเทพที่อยู่ในโลกใบเล็กภายในกายของเขา! และนั่นต่อให้เป็นสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ก็ยังไม่อาจเทียบได้แม้เสี้ยวเศษ!
ดูอย่างหานเฉวี่ยไน่ กับต้วนเนี่ยนเทียนก็รู้ พอทั้งคู่ได้เข้าไปพบเจอพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กของเขา ก็ถึงกับรีบร้อนไปหาที่นั่งเพื่อบ่มเพาะไม่ทัน และจนบัดนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมาด้วยซ้ำ
“เจ้า…เป็นศิษย์แต่ในนามของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือ?”
ถึงแม้จักรพรรดิอมตะหนามม่วงจะคาดเดาได้แล้ว แต่ก็ยังอดถามออกมาเพื่อยืนยันไม่ได้ “หากเจ้าไม่ใช่ศิษย์แต่ในนามของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน เช่นนั้นเฟยเอ๋อคงยากจะได้รับสภาพแวดล้อมและทรัพยากรดีๆกระมัง? มิสู้อยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนแห่งนี้ต่อเล่า?”
“ศิษย์แต่ในนาม?”
ต้วนหลิงเทียนผงะไปครู่หนึ่ง ค่อยส่ายหัวตอบ “ข้าไม่ใช่”
“ไม่ใช่รึ!?”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงขมวดคิ้วย่นยู่เร็วไว สีหน้ายังเปลี่ยนเป็นเย็นชา “หากเจ้าไม่ใช่ เช่นนั้นเฟยเอ๋อจะได้รับสิ่งดีๆได้อย่างไร? ข้าแนะนำให้นางยังคงอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนประเสริฐกว่า!”
“จักรพรรดิอมตะหนามม่วง…”
ตอนนี้เอง ผู้เฒ่าหั่วก็เหลือบมองจักรพรรดิอมตะหนามม่วงพลางเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “นายน้อยของข้ามิใช่ศิษย์แต่ในนามของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์…แต่เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!”
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ข้ากับจักรพรรดิสวรรค์ของเจ้า กล่าวได้ว่ามีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกัน…ตัวเจ้าที่เป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน กล่าวไปก็มีฐานะเท่ากันกับนายน้อยของข้า”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
และแทบจะทันทีที่ผู้เฒ่าหั่วพูดจบ ลูกตาจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็หดเล็กลงแทบปิด “ศิษย์…ศิษย์ที่แท้จริง!?”
เท่าที่นางทราบมา ไม่ใช่ว่าจักรพรรดดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อนไม่ใชหรือไร? ไฉนอยู่ๆกลับรับศิษย์ที่แท้จริงได้? หรือว่าพึ่งจะมารับศิษย์ที่แท้จริงเมื่อไม่นานมานี้?
อย่างไรก็ตาม หากพึ่งรับศิษย์ที่แท้จริงเมื่อไม่นานมานี้…แล้วต้วนหลิงเทียนจะมีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้ได้อย่างไร?