War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3658 : ถังชงหัวเสีย
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียน?”
สายตาจ้งเอ้อก็ตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียนเช่นกัน มันพยักหน้ากล่าวคำว่า “เจ้าสมควรมีศักยภาพทั้งความเข้าใจ โดยเฉพาะพรสวรรค์ในการบ่มเพาะอันดี…วันนั้นหากเจ้าเลือกที่จะเข้าร่วมตระกูลจ้งของพวกเรา ก็มีแต่ประโยชน์ไม่ว่าจะกับเจ้าหรือตระกูลจ้งของพวกเรา น่าเสียดายข้าได้ยินมาว่าเจ้าเลือกจะปฏิเสธข้อเสนอตระกูลจ้งเรา กระทั่งยังฆ่าคนของตระกูลจ้งเราในพื้นที่ทดสอบนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับจนหมด…”
“เช่นนั้น เจ้ามีอันใดคิดสั่งเสียก่อนตายหรือไม่?”
สายตาที่จ้งเอ้อใช้มองต้วนหลิงเทียนมันไร้แยแสปานมองคนตาย ยังกล่าวถามออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนปานเรื่องไม่สลักสำคัญ
ก่อนหน้านี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่บุกเข้ามาสำนึกเทวะของมันก็แผ่กวาดไปทางต้วนหลิงเทียนกับชายชราที่นั่งตรงข้ามต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย จากแรงต้านทานของพลังวิญญาณมันก็ยืนยันด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนกับชายชราได้เร็วไว เป็นเพียง เทพขั้นกลาง กับ ‘เทพขั้นสูง’ ไม่ผิดแน่
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีอะไรให้กังวลอีกต่อไป
ภายใต้ค่ายกล 2 ชนิดของตระกูลจ้งที่จัดตั้งไว้ นับประสาอะไรกับขอบเขตเทพขั้นกลางและขั้นสูง ต่อให้เป็นเทพขั้นสูงทั้งคู่ ก็ไม่มีปัญญาติดต่อสื่อสารขอความช่วยเหลือได้
กล่าวได้ว่า…
วันนี้ต่อให้พวกมันฆ่า 2 คนเบื้องหน้าทิ้งเสีย ตราบใดที่ไม่ทิ้งร่องรอยและเบาะแสใดให้สืบสาว ยังจะมีใครล่วงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ได้?
“ตาย? ข้า…สั่งเสีย?” พอได้ฟังคำพูดของจ้งเอ้อต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มสนุกสนาน จากนั้นก็หรี่ตาลงมองถามผู้พูดว่า “เจ้าเป็นใครเล่า? ผู้นำตระกูลจ้งหรือไร?”
“หึ!”
ไม่ทันที่จ้งเอ้อจะได้ตอบคำ ก็เป็นจ้งเค่อฉีที่พ่นลมสบถเสียงเย็น กล่าวตอบแทนบิดาออกมาว่า “ต้วนหลิงเทียน นี่คือท่านพ่อของข้า นายรองตระกูลจ้ง จ้งเอ้อ! และถัดจากท่านพ่อข้าก็คือ อา 4 จ้งซื่อ นาย 4 แห่งตระกูลจ้ง!!”
“จ้งเอ้อ? จ้งซื่อ?”
สายตาต้วนหลิงเทียนกวาดมองไปยังชายวัยกลางคนเบื้องหน้าทั้งสองรอบหนึ่ง จากนั้นก็ไปหยุดลงบนร่างจ้งซื่อ ต่อมามุมปากเขาก็เริ่มยกยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว
นาย 4 ตระกูลจ้งคนนี้ นับว่ามีเรื่องกับเขามาเนิ่นนานแล้ว
ไม่นานนักหังจากที่เขามาถึงเมืองวายุสวรรค์ ก่อนที่จะเข้าไปทดสอบที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับ เขาก็ได้ไปยังโรงประมูลตระกูลโจว และตอนนั้นนาย 4 ตระกูลจ้งผู้นี้ ก็ถูกเขาแย่งประมูลสิ่งของไป…
และในวันนั้นสิ่งีท่เขาแย่งประมูลกับอีกฝ่าย ก็มีแต่อีกฝ่ายคนเดียวที่เพิ่มราคาแข่งกับเขา
“จ้งเอ้อ? จ้งซื่อ?”
ถังชงที่นั่งฝั่งตรงข้ามต้วนหลิงเทียน แสยะยิ้มพลางกล่าวประชด “ตระกูลจ้งช่างทรงพลังเสียจริง!”
อย่างไรก็ตามกระประชดเสียดสีของถังชง ไม่ว่าจะจ้งเอ้อหรือจ้งซื่อก็ไม่ได้เก็มาใส่ใจ ยังเมินอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ เพราะในสายตาของพวกมัน นี่ก็แค่ผู้เฒ่าใช้การไม่ได้ของบ้านต้วนหลิงเทียนเท่านั้น อาศัยพลังฝึกปรือขอบเขตเทพขั้นสูง พวกมันแค่ตบฟาดออกไปฝ่ามือเดียว ไม่ทราบอีกฝ่ายต้องมีกี่ชีวิตถึงจะพอให้ตาย…!
สุดท้ายไม่ว่าจ้งเอ้อกับจ้งซื่อก็บรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว
กระทั่งจ้งซื่อเองก็พึ่งบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพไม่นาน เป็นราชาเทพขั้นต่ำแล้ว แค่มันยังไม่ได้ปรับด่านพลังให้เสถียร ก่อนหน้าจึงไม่กล้าใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรืออีกฝ่ายส่งเดช
“นายรองตระกูลจ้ง?”
มุมปากต้วนหลิงเทียนยังคงยกยิ้มเย้ยหยัน สีหน้าแววตาไม่ขาดการล้อเลียนแม้แต่น้อย ยังมองถามทั้งคู่ด้วยท่าทีสนุกสนาน “ไม่ทราบว่าเรื่องที่พวกเจ้าคิดฆ่าข้าต้วนหลิงเทียน เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเจ้าสองคน หรือเป็นการตัดสินใจของทั้งตระกูลจ้ง?”
“ข้าคนนี้สามารถเป็นตัวแทนของทั้งตระกูลจ้งได้”
จ้งเอ้อกล่าวคำด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ แม้มันจะไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงถามคำถามดังกล่าวออกมา แต่มันคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในกำมือแล้ว เช่นนั้นจึงไม่กริ่งเกรงหวั่นกลัวใดๆ และแทบจะพร้อมๆกันกับที่จ้งเอ้อกล่าวตอบออกไป ร่างจ้งซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆพลันสะท้านขึ้นมา
วินาทีต่อมา เมื่อมันสบตากับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็ฉายชัดถึงความตื่นตระหนกและหวาดกลัว สีหน้ายังเริ่มซีดลงปานพบเจอภูตผี
เหตุไฉนที่มันบังเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันนั้น ทั้งหมดเพราะชายชราที่อยู่ด้านหลังมัน ได้กล่าวบอกเรื่องราวบางอย่างกับมันด้วยการส่งเสียงผ่านพลัง
ที่แท้ ต้วนหลิงเทียน ที่นั่งอยู่เบื้องหน้ามันก็คือชายหนุ่มในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 และประมูลแย่งโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไปจากมันในงานประมูลตระกูลโจว!
วันนั้นมันมีโมโหนักที่ถูกผู้ใดก็ไม่รู้ แย่งประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไปอย่างไม่ไว้หน้า มันจึงลอบปฏิญาณในใจว่าหลังจบการประมูลเมื่อไหร่ จะเอาคืนอีกฝ่ายอย่างสาสม
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อเรื่องราวในโรงประมูลบังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น โฉมงามในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 เปิดเผยพลังฝึกปรือขอบเขตจอมราชันเทพออกมา และทำร้ายอาวุโส 2 ของนิกายหมื่นปีศาจจนพิกลพิการอย่างง่ายดาย มันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวจับใจ และตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มที่แย่งประมูลโอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่งไป ไม่ใช่ตัวตนที่มันจะตอแยล่วงเกินด้วยได้
ถึงแม้มันเองก็ไม่ทราบว่าที่แท้ความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับโฉมงามผู้นั้นเป็นอย่างไร
แต่ฟังจากเรื่องราวที่ชายชราด้านหลังบอกเล่า เด็กหญิงที่ถูกโฉมงามอันร้ายกาจนั่นเรียกหาว่า ‘คุณหนู’ ได้เรียกชายหนุ่มในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 อย่างสนิมสนมว่า พี่ชาย แถมท่าทียังใกล้ชิดสนิทสนมปานพี่น้องแท้ๆอีกด้วย
วินาทีนั้นมันไม่ทราบร่ำร้อง ‘ฉิบหาย’ ในใจกี่รอบ ยังไม่หลงเหลือความกล้าที่จะตอแยล่วงเกินอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว ต่อมาเมื่อโฉฒงามกับเด็กหญิงจากไป แต่ชาหนุ่มไม่ได้เหินร่างจากไปพร้อมกัน ความคิดแรกของมันไม่ใช่การล้างแค้นอีกฝ่าย แต่จะเข้าหาเพื่อขอขมาลาโทษและพยายามสานไมตรี
ในเวลานั้น มีคนไม่น้อยที่คิดทำนองเดียวกับมัน
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้พบเจอชายหนุ่มคนนั้น
จ้งซื่อที่คิดว่าจะอ่างไรชายชราข้างกายก็ได้เห็นหน้าค่าตาชายหนุ่มแล้ว ทำให้ตระกูลจ้งของมันมีเปรียบกว่าใครเรื่องการตามหาอีกฝ่าย ดังนั้นจึงบอกให้ชายชราข้างกายออกไปตามหาชายหนุ่มด้วยตัวเอง
อนิจจาชายชราตระเวนหาอยู่นานกลับไม่พบเจอตัวคน
แต่วันนี้มันกับพี่รองที่กำลังเผชิญหน้ากับ ต้วนหลิงเทียน นักศึกษา 10 ดาวคนใหม่ของสถานศึกษาหมอกเร้นลับอันมีควาวมบาดหมางกับจ้งเค่อฉี จนตัดสินใจเข่นฆ่าอีกฝ่ายเพื่อขจัดภัยซ่อนเร้นอันยิ่งใหญ่ มิคาดชายชราเบื้องหลังกลับส่งเสียงผ่านพลังมาบอกมันว่า…ต้วนหลิงเทียนคนนี้ ที่แท้ก็คือชายหนุ่มในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ในงานประมูลตระกูลโจววันนั้น!!
หลังจากมันได้ยินเสียงผ่านพลังของผู้ชรา ก็เร่งส่งเสียงไปถามย้ำอีกฝ่ายซ้ำๆว่าจดจำคนไม่ผิดใช่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ชายชรานั้นกล่าวตอบด้วยความมั่นใจเกินสิบส่วน “นาย 4 ไม่มีผิดพลาดแน่…เพราะมิวว่าจักชุดเสื้อผ้า รูปลักษณ์ ไม่เว้นบุคลิกล้วนเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน” Aileen-novel
จังหวะนี้ จ้งซื่อรู้สึกเสมือนมีไอเย็นขุมหนึ่งแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ พอมองไปยังชายหนุ่มชุดม่วงที่สีหน้าท่าทีเต็มไปด้วยความหยอกล้อ ราวคนไม่รู้สถานการณ์ ใจมันก็สะท้านไปโดยพลัน
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าไม่ต้องถามอะไรให้มากนัก รีบๆไปตายของเจ้าได้แล้ว!”
ตอนนี้เองจ้งเค่อฉีที่อยู่ด้านหลังจ้งเอ้อ ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาฆ่าฟัน น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ต้วนหลิงเทียนเพียงหันไปมองจ้อจ้งเค่อฉีเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตอนนี้เอง ถังชง ที่นั่งฝั่งตรงข้ามต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน แววตายังเย็นชาปานจะแช่แข็งผู้คน
ขณะเดียวกันนั้นเอง จ้งเอ้อก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปแจ้งเรื่องราวให้จ้งเอ้อฟังถึงอัตลักษณ์ของต้วนหลิงเทียน ว่าอีกฝ่ายก็คือชายหนุ่มในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ในงานประมูลตระกูลโจววันนั้น คนที่ทุกขุมกำลังออกตามหากันยกใหญ่ในอดีต…พอจ้งเอ้อรับทราบเรื่องราวมันก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าทั้ง 2 คนจะเป็นคนๆเดียวกันไปได้
“เจ้า 4 เจ้าแน่ใจหรือไม่?”
จ้งเอ้อถามย้ำ
“พี่รอง ยืนยันแล้วว่าเป็นมันไม่ผิดคนแน่”
จ้งซื่อ ยังกล่าวส่งเสียงผ่านพลังสืบต่อ“ตอนนี้พวกเราจักทำอย่างไรกันดี…พวกเรารวมถึงตระกูลจ้งได้กลายเป็นศัตรูชั่วชีวิตกับมันไปแล้ว”
“เจ้าจักร้อนรนทำอะไร เรื่องเท่านี้ยังคิดไม่ได้หรือ?”
ลูกตาของจ้งเอ้อหรี่ลงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นานมันก็ตัดสินใจได้ น้ำเสียงยังฟังดูดุร้ายเอาเรื่องนัก “มันรวมถึงคนข้างกายมันล้วนแล้วแต่เป็นแค่ขอบเขตเทพ ต่อให้มันจะตกตายที่นี่ ตราบใดที่พวกเราปิดกั้นข่าวสาร ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ เช่นนั้นก็ไม่มีใครที่อยู่เบื้องหลังมันสาวมาถึงตระกูลจ้งเราได้”
“พี่รอง…แต่เพื่อนร่วมก๊วนของเค่อฉี สังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของเค่อฉีแล้ว…”
จ้งซื่อกล่าวเตือนผ่านพลัง
“จักไปยากอันใด หลังจากฆ่าต้วนหลิงเทียนกับตาแก่ข้างๆนั่น พวกเราก็แค่ฆ่าเด็กน้อยกลุ่มนั้นให้สิ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในภายภาคหน้า!” จ้งเอ้อกล่าวคำด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมเด็ดขาด
”ดี!”
จ้งซื่อที่ได้ยิน สองตาก็เริ่มฉายชัดถึงความแน่วแน่
บางทีตัวตนกับภูมิหลังของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า อาจไม่ใช่อะไรที่ทั้งตระกูลจ้งของพวกมันจะแบกรับได้ไหว แต่ตอนนี้ในเมื่อตระกูลจ้งของพวกมันได้แตกหักกับอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์กลายเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้?
เพราะถ้าวันนี้ปล่อยอีกฝ่ายไป เผลอๆทันทีที่ออกจากเหลาอาหารตระกูลจ้งอีกฝ่ายก็อาจเรียกยอดฝีมืออันทรงพลังจากขุมกำลังเบื้องหลังมาฆ่าล้างสกุลจ้งจนหมดสิ้นก็เป็นได้!
แต่ในปัจจุบัน อีกฝ่ายไม่ต่างอะไรจากสัตว์ร้ายติดบ่วงที่พวกมันวางดักไว้ กระทั่งยังได้ปิดกั้นการส่งข้อความใดๆเรียบร้อย เช่นนั้นต่อให้อีกฝ่ายจะมีความเกี่ยวข้องกับขุมกำลังระดับจอมราชันเทพกระทั่งอาจเป็นถึงขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพจริง แต่ขอเพียงเข่นฆ่าอีกฝ่ายโดยทำให้มือสะอาด เช่นนั้นขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังอีกฝ่ายก็ไม่อาจสืบสาวราวเรื่องอะไรได้
หากวันนี้ไม่ฆ่าผู้อื่นแล้วปล่อยไป…9 ใน 10 ขุมกำลังเบื้องหลังอีกฝ่าอาจบุกมาเข่นฆ้างตระกูลจ้ง
แต่ถ้าฆ่าอีกฝ่ายโดยไม่ทิ้งร่องรอย 9 ใน 10 ขุมกำลังเบื้องหลังอีกฝ่ายอาจไม่ล่วงรู้
ไม่ยากเลย ที่พวกมันจะเลือกทางไหน…
“เหอะ!!”
แต่ในขณะที่จ้งเอ้อกับจ้งซื่อกำลังมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันนั้นเอง เสียงพ่นลมสบถเยียบเย็นหนึ่งพลันดังขึ้นลั่นห้องปานฟ้าร้อง
ที่สบถออกมาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นถังชงเอง “ประเสริฐ ประเสริฐ…ประเสริฐนัก!!”
ถังชงหันไปมองจ้งเอ้อด้วสาตาราวมีสายฟ้าฟาด สีหน้ายังแลดูปั้นยากนัก “ตระกูลจ้งของพวกเจ้าช่างประเสริฐ…ช่างประเสริฐนัก!!”
“อาศัยตระกูลราชาเทพหนึ่ง กลับหาญกล้าคิดฆ่าศิษย์สายในนิกายหมอกเร้นลับต่อหน้าข้า!?”
“พวกเจ้า ไม่เว้นตระกูลจ้งของพวกเจ้าทั้งหมด นับว่ากินดีหมีหัวใจเสือมาแล้วจริงๆ!”
ตอนนี้ถังชงมีโมโหแล้วจริงๆ
จะอย่างไรตัวมันก็เป็นถึงอาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งของนิกายหมอกเร้นลับ แถมการมาเมืองวายุสวรรค์ครั้งนี้ ก็คือการรับตัวต้วนหลิงเทียน นักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่ถูกแนะนำโดย มู่หรงสุยเฟิง คณบดีของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเพื่อเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับล่วงหน้า กล่าวได้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนมีฐานะเป็นศิษย์สายในของนิกายหมอกเร้นลับกลายๆแล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่นิกายให้แล้วเสร็จเท่านั้น
“ศิษย์สายในนิกายหมอกเร้นลับ?”
ได้ยินคำพูดของถังชง จ้งเอ้อ จ้งซื่อ และคนอื่นๆก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เป็นจ้งเค่อฉีที่กล่าวเย้ยหยันออกมาว่า “ตาแก่ เจ้ายังฝันไม่ตื่นหรือไร ต้วนหลิงเทียนนั่นมันยังจะได้เป็นศิษย์สายในของนิกายหมอกเร้นลับอีกหรือ? ผายลมมารดาเจ้า!”
“วันนี้ ต้วนหลิงเทียนรวมถึงตาแก่เลอะเลือนเช่นเจ้า ต้องตายที่นี่!”
“คนตาย ให้มีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงล้ำเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับไปถึงนิกายหมอกเร้นลับ นับประสาอะไรกับกลายเป็นศิษย์ส่ายในนิกายหมอกเร้นลับ! หรือเดี๋ยวนี้นิกายหมอกเร้นลับรับผีเป็นศิษย์สายในแล้ว?”
ขณะที่จ้งเค่อฉีกล่าวคำเย้ยหยัน มุมปากจ้งเอ้อกับจ้งซื่อเองก็ยกยิ้มแสยะเยาะเย้ยขึ้นมาเช่นกัน กลับกัน ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้งเค่อฉี กลับปรากฏความลังเลขึ้นในแววตา
ถึงแม้จ้งซื่อจะพึ่งส่งเสียงผ่านพลังบอกเรื่องที่เห็นพ้องต้องกันกับจ้งเอ้อแล้วว่าจะฆ่าอีกฝ่ายให้มันทราบ แต่มันก็รู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันเห็นพลังฝีมือของโฉมงามในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 ที่โรงประมูลตระกูลโจววันนั้นกับตา ในเมื่ออีกฝ่ายเรียกเด็กหญิงที่แลดูสนิทสนมกับต้วนหลิงเทียนว่าคุณหนู และเด็กหญิงคนนั้นก็เรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าพี่ชาย กล่าวได้ว่าในระดับหนึ่งฐานะสตรีคนนั้นก็ไม่ต่างจากผู้ติดตามน้องสาวของต้วนหลิงเทียน
ฉากเรื่องราววันนั้น มีแต่มันที่เห็นชัดกับตา จึงรู้ซึ้งถึงความสนิทสนมระหว่างทั้งคู่
มันรู้สึกมาโดยตลอด ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลยที่ตัดสินใจฆ่าต้วนหลิงเทียน…ยังเป็นการดีเสียกว่าที่จะก้มหัวขอขมา แม้จะต้องชดใช้ให้อีกฝ่ายเป็นจำนวนมาก กระทั่งอาจรักษาชีวิตจ้งเค่อฉีไว้ไม่ได้ ก็ยังนับว่าดีกว่าตกตายทั้งโคตรอยู่มาก!
ไม่มีหลักฐานหรือ…ไม่มีหลักฐานแล้วอย่างไร? ในสายตาผู้อื่นตระกูลจ้งยังต่างอะไรจากมดปลวกฝูงหนึ่ง คิดย่ำเหยียบมดสักฝูงยังต้องการหลักฐานบัดซบอันใดอีก?
‘หลังต้วนหลิงเทียนตายตกแล้ว…ข้ารีบหนีออกจากตระกูลจ้ง…ไม่สิ หนีออกจากเมืองวายุสวรรค์ไปเลยย่อมประเสริฐสุด’
ชายชราลอบตัดสินใจอย่างเงียบงัน
จนถึงวินาทีนี้มันก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
“ตระกูลจ้งช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน อาศัยชนรุ่นหลังไม่กี่คนก็กล้าออกมาฟาดงวงฟาดงาต่อหน้าข้า!”
ถังชุนกล่าวเย้ย “กระทั่งเจ้าใหญ่ของพวกเจ้ายามเห็นข้า มันยังต้องก้มหัวคารวะ!”
เจ้าใหญ่ ที่ชายชราเอ่ยถึง ก็คือผู้นำตระกูลจ้งคนปัจจุบัน จ้งต้า