War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3697 : หลิงหูชิงเจ๋อ
ตอนนี้เหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นร้อนรนทั้งเสียอาการไปหมด ล้วนเป็นเพราะสตรีงดงามในรถสัตว์อสูรที่ปรากฏหลังหน้าต่างนั่น…ใบหน้าของนางเหมือนกันกับเค่อเอ๋อไม่มีผิดเพี้ยน
กล่าวได้ว่ายกเว้นทรงผมแล้ว ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกันเลย
ต้วนหลิงเทียนไม่อาจรู้จักใบหน้าของภรรยาตัวเองได้ดีกว่านี้อีกแล้ว และสตรีที่เผยโฉมให้เขาเห็นเมื่อครู่กล่าวได้ว่าใบหน้าของนางทับซ้อนกับเค่อเอ๋อในความทรงจำของเขาอย่างสมบูรณ์ ไม่อาจหาจุดที่ต่างกันได้เลย
กระทั่งความรู้สึกยังเหมือนกันไม่มีผิด
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนถึงได้ร้อนใจถึงขั้นเหินมาขวางรถสัตว์อสูรทันทีหลังอีกฝ่ายเลิกม่านลง “เค่อเอ๋อ…นั่นเจ้าหรือ!?”
ต้วนหลิงเทียนที่เมินเฉคำตวาดของชายวัยกลางคน ทั้งไม่แยแสสัตว์อสูรตัวเขื่องแม้แต่นิดเดียว ราวกับทุกสิ่งในโลกเหลือเพียงผู้คนในรถสัตว์อสูรด้านหลังชายวัยกลางคนเท่านั้น
“อาจื่อ เกิดอะไรขึ้น?”
ทันใดนั้นเอง เสียงชราแหบแห้งหนึ่งดังขึ้นจากด้านใน “อย่าได้บอกข้าว่าเจ้าไม่รู้ว่าคุณหนูยังป่วยอยู่ จนไม่อาจทำให้คุณหนูตกใจได้เด็ดขาด?”
ฟังแล้วบอกได้ทันทีว่า เจ้าของเสียงเป็นหญิงชรานางหนึ่ง
พอชายวัยกลางคนได้ยินเสียงตำหนิ มันก็ตกใจกลัวจนหน้าถอดสี “อาวุโสชิงเจ๋อ อาจื่อมิได้ตั้งใจทำให้คุณหนูตกใจ แต่เป็นเพราะไม่ทราบมีชายหนุ่มจากที่ไหน อยู่ๆก็โดดมาขวางทางรถสัตว์อสูรของเรา”
“กับเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ หรือเจ้าต้องให้แม่เฒ่าคนนี้ออกไปจัดการ?”
น้ำเสียงของหญิงชรา เห็นได้ชัดว่าใกล้สิ้นความอดทนเต็มที
“ไม่กล้า ไม่กล้า”
ชายวัยกลางคนเร่งตอบเร็วไว จากนั้นก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนที่ขวางทางด้วยสีหน้ามืดครึ้มตาขวาง “ไอ้หนู ไสหัวไปเสีย! หาไม่แล้วอย่าได้โทษข้าที่ให้สัตว์อสูรเหยียบเจ้า!”
ตอนนี้เองสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนก็แผ่ออกไปตรวจสอบเบื้องหน้า และเขาก็พบว่ามีม่านอาคมปกคลุมไปทั่ว ทำให้เสียงของเขาไม่อาจผ่านเข้าไปได้เลย
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำผสานพลังเพื่อให้เสียงเขาผ่านม่านอาคมไปได้ ด้านชายวัยกลางคนหลังเห็นต้วนหลิงเทียนเมินเฉยมันครั้งแล้วครั้งเล่ามันก็หมดสิ้นความอดทน ควบคุมให้สัตว์อสูรตัวเขื่องพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนทันที
ฉากดังกล่าวทำให้ผู้ชมโดยรอบที่เห็นเหตุการณ์อดอุทานออกมาไม่ได้ “ไอ้หนูนั่นโดนเหยียบตายแน่!!”
“เจ้าหนุ่มนั่นมันยืนเหม่ออะไรของมันอยู่ ไม่เห็นหรือไร?!”
“มันเสียสติไปแล้วหรือไร! อยู่ๆก็โดดไปขวางรถสัตว์อสูรของผู้อื่น ไม่สนใจคำตำหนิจากผู้อื่นไม่ว่า ยังยืนบื้อรอให้ผู้อื่นขับรถสัตว์อสูรเหยียบอีกหรือ?
“เฮ่! พวกเจ้าดูป้ายที่เอวมันเร็ว…เหมือนมันจะเป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ!”
…
เหล่าผู้ที่ชมดูเรื่องราวอยู่ เดิมทีก็คิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงกำลังรนหาที่ตาย แต่พอมีบางคนสังเกตเห็นป้ายที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวแล้วโพล่งออกมา ก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนโดยรอบทันที
ศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ?
นี่มันตัวตนที่มีฐานะเทียบได้กับผู้อาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับ!
กับตัวตนเช่นนี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น นิกายหมอกเร้นลับไม่ยอมเลิกราง่ายๆแน่!
จำนวนศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับยังมีน้อยนัก ให้มองจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะมีไม่เกินร้อยคน และในปัจจุบันก็มีแค่ 60 กว่าคนเท่านั้น ไม่ถึง 70 คนด้วยซ้ำ
“ศิษย์หลักนิกายหมอกเร้นลับ?”
ชายวัยกลางคนที่ควบคุมรถสัตว์อสูรให้พุ่งเข้าหาชายหนุ่มที่ขวางทาง พอได้ยินเสียงอุทานของผู้คน จากนั้นก็มองจ้องไปยังบริเวณเอวของชายหนุ่มชุดม่วงที่ขวางทางเบื้องหน้าโดยไม่รู้ตัว สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
พริบตาต่อมา มันก็ถึงกับดึงบังเหียน หยุดรถสัตว์อสูรอีกครั้ง
“อาจื่อ!”
ทันใดนั้นเอง เสียงแผงตำหนิของหญิงชราก็ดังออกมาจากรถม้าทันที “เจ้าทำบ้าอันใดของเจ้ากันแน่? หรือเจ้ารู้สึกว่าการขับรถม้าให้คุณหนูมันง่ายเกินไป ใช่อยากกลับไปทำงานที่ตระกูลเหมือนเดิมหรือไม่?”
เสียงจากภายนอกนั้น ถูกอาคมกั้นเสียงปิดกั้นไว้หมดจนข้างในไม่อาจได้ยินได้เลย
อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวที่เกิดจากการหยุดรถสัตว์อสูรนั้น ไม่มีทางที่จะไม่รู้สึก
เพราะผู้คนนั่งในรถสัตว์อสูร หากรถสัตว์อสูรหยุดหรือถอยย่อมมีแรงเฉื่อย การหยุดอย่างกะทันหันก็สร้างความรำคาญให้ผู้คนด้านในทันที
“ท่านอาวุโสชิงเจ๋อ ข้าน้อยเองก็ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนี้”
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกหาว่าอาจื่อกล่าวคำด้วยน้ำเสียงอับจนหนทาง สีหน้ามันยังเหยเกปานจะร่ำไห้อยู่รอมร่อ “ชายหนุ่มที่โดดมาขวางทางพวกเรา มันเป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ อย่าว่าแต่มันสามารถหยุดสัตว์อสูรเทียมีรถเราได้ง่ายดายเลย ต่อให้ย่ำเหยียบมันไปก็คงไม่รู้สึกกระมัง?”
“หืม? ศิษย์หลักนิกายหมอกเร้นลับ?” ไอรีนโนเวล
แทบจะพร้อมกันกับที่มีเสียงดังออกมาจากในตัวรถอีกครั้ง ก็ปรากฏร่างหญิงชราเลิกม่านผ้าเหินออกมา พริบตาก็มาหยุดลอยกลางอากาศเบื้องหน้ารถสัตว์อสูร
เป็นหญิงชราเส้นผมขาวโพลน มาในชุดคลุมยาวไร้ลวดลายแลดูเรียบง่าย ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น อย่างไรก็ตามหว่างคิ้วของนางกลับเต็มไปด้วยความองอาจห้าวหาญ เห็นได้ชัดว่าครั้งยังเยาว์ต้องเป็นสตรีที่ดุดันเอาเรื่องคนหนึ่ง
หลังจากหญิงชราปรากฏกาย สองตาของนางก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนทันที
กล่าวให้ถูกคือมองจ้องไปยังป้ายที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวของต้วนหลิงเทียน
จากนั้นหญิงชราก็โบกมือเบาๆ
พริบตาต่อมาป้ายที่ห้อแขวนอยู่ที่เอวของต้วนหลิงเทียน ก็ลอยออกไปตกลงในมือของหญิงชรา เชือกที่ร้อยป้ายไว้ เห็นชัดว่าถูกพลังไร้สภาพตัดขาด
“ต้วนหลิงเทียน?”
หลังยืนยันความถูกต้องของป้ายประจำตัวศิษย์หลักนิกายหมอกเร้นลับแล้ว หญิงชราก็มองไปยังชื่อที่สลักไว้ด้านหลังป้าย จากนั้นก็พอหันกลับไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตาของนางก็เผยความประหลาดใจอยู่บ้าง “เจ้าก็คือศิษย์คนใหม่ที่พึ่งเข้านิกายหมอกเร้นลับได้ไม่นาน แต่สามารถคว้าอันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์ของศิษย์สายในขอบเขตเทพคนนั้น?”
“เจ้ากลายเป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับแล้ว?”
“เท่าที่ข้ารู้มา ศิษย์หลักขอบเขตเทพคนล่าสุดของนิกายหมอกเร้นลับ ก็เห็นจะเป็นอาวุโสเชวียไห่ชวนเมื่อ 10,000 ปีก่อน…ไม่คิดเยว่าหลังผ่านไปหมื่นปีจะปรากฏคนอย่างเจ้าขึ้นมา!”
ฟังจากคำพูดของหญิงชรา เห็นได้ชัดว่านางก็รู้เรื่องต้วนหลิงเทียนมาบ้าง
แต่เห็นได้ชัดว่านางยังไม่รู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นศิษย์หลักแล้ว
เหตุผลก็เป็นเพราะ ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะกลายเป็นศิษย์หลักเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าจะมีคนของนิกายหมอกเร้นลับน้อยคนที่ไม่ทราบ แต่เรื่องราวก็ยังไม่ได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
และคำพูดของหญิงชรา ก็นำพาความแตกตื่นมาสู้ผู้คนอีกรอบ “อะไร? เจ้าหนุ่มนั่นก็คือศิษย์อัจฉริยะของนิกายหมอกเร้นลับที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นไม่นานมานี้รึ?”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น เดิมเป็นนักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ แต่มันถูกรองประมุขนิกายหมอกเร้นลับ มู่หรงสุยเฟิง แนะนำให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับในฐานะศิษย์สายในก่อนกำหนด กระทั่งยังเสนอชื่อให้เข้าร่วมการทดสอบประเมินศิษย์หลัก…ก่อนการทดสอบมันก็ได้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาเพราะคว้าอันดับ 1 ในการแข่งขันไต่บันไดสวรรค์สำหรับศิษย์สายในขอบเขตเทพของนิกายหมอกเร้นลับ จากนั้นยังสังหารฉินอวี่อดีต 1 ใน 10 ศิษย์สายในขอบเขตเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมอกเร้นลับ…ตอนนี้ผู้คนก็กำลังรอดูผลกันว่า มันจะผ่านการทดสอบศิษย์หลักได้หรือไม่…”
“เท่าที่เห็น ดูเหมือนมันจะผ่านการทดสอบศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับได้แล้ว และกลายเป็นศิษย์ขอบเขตเทพคนแรกในรอบหมื่นปีของนิกายหมอกเร้นลับ!”
“เช่นนั้น…ต้วนหลิงเทียนคนนี้ ก็มีโอกาสกลายเป็นเชวีไห่ชวนคนที่ 2 งั้นรึ?!”
…
พอผู้คนรอบๆกล่าวถึง ‘เชวียไห่ชวน’ ท่าทีก็แลดูยกย่องไม่น้อย เพราะเชวียไห่ชวนไม่ใช่คนของนิกายหมอกเร้นลับเท่านั้น แต่บัดนี้ได้กลายเป็นอาวุโสที่มีสถานะไม่ธรรมดาในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพแล้ว
นอกจากนั้น ในฐานะคนที่ออกมาจากขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ แต่กลับประสบความสำเร็จในขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพไม่ใช่ชั่ว เป็นถึงชนชั้นผู้อาวุโสที่มีฐานะไม่ธรรมดา ก็นับว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนในเมืองจวินหลิง
ทำให้สถานะของเชวียไห่ชวนในใจผู้คน ไม่ต่ำต้อยเลย
“ต้วนหลิงเทียน อยู่ดีๆเจ้ามาหยุดรถสัตวอสูรของตระกูลหลิงหูข้าทำไม?”
ชายชรามองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนพลางถามเสียงหนัก “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับ แต่สถานะเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากอาวุโสฝ่ายในคนหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้เจ้ากล้าไม่เห็นหัวผู้ใดแล้วรึ?”
“นอกจากนั้น ดูเหมือนเจ้าคิดจะผสานพลังเทพเข้ากับเสียงเพื่อส่งผ่านม่านอาคมของข้า นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ที่แท้เมื่อครู่หญิงชราก็ได้หยุดการส่งเสียงเข้าไปในรถม้าของต้วนหลิงเทียน ทำให้ผู้คนในรถม้าไม่อาจได้ยินคำพูดของเขาได้
ตระกูลหลิงหู?
พอหญิงชรากล่าวคำออกมา ผู้คนโดยรอบก็เริ่มฮือฮากันอีกครั้ง “นี่มันรถสัตว์อสูรของตระกูลหลิงหู!”
ตระกูลหลิงหู สำหรับเมืองจวินหลิงและพื้นที่ในละแวกนี้ กล่าวได้ว่าเป็นตระกูลอันทรงพลังดั่งยักษ์ใหญ่ สถานะไม่ได้ด้อยไปกว่านิกายหมอกเร้นลับ หรือนิกายหมื่นปีศาจเลย!
มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของเมืองจวินหลิง จะพบเจอนิกายหมอกเร้นลับ
ลงใต้จะพบเจอนิกาหมื่นปีศาจ
ไปทางทิศตะวันตกพบเจอขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ
และถ้าหากขึ้นเหนือ ก็จะพบเจอตระกูลหลิงหู
ตระกูลหลิงหู นิกายหมอกเร้นลับ นิกายหมื่นปีศาจ ทั้ง 3 ล้วนเป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่อยู่ในละแวกเมืองจวินหลิง และในฐานะที่เป็นขุมกำลังระดับจอมราชันเทพดุจเดียวกับนิกายหมอกเร้นลับ ความแข็งแกร่งและมรดกของตระกูลหลิงหู ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านิกายหมอกเร้นลับเลย
“เมื่อครู่ชายวัยกลางคนเรียกหาแม่เฒ่าผู้นั้นว่าอาวุโสชิงเจ๋อ…หรือนางจะเป็นหลิงหูชิงเจ๋อ ‘แม่ม่ายดำ’ แห่งตระกูลหลิงหูที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเขตคฤหาสน์ตงหลิง?”
“สวรรค์! นางคือแม่ม่ายดำรึ!? ย้อนกลับไปตอนนั้น แม่ม่าดำเหมือนจะเป็นราชาเทพขั้นสูงที่น่ากลัว ไม่ทราบมีราชาเทพขั้นสูงตกตายด้วยน้ำมือของนางกี่คนต่อกี่คน…ข้าคิดว่านางตกตายไปแล้วเสียอีก เพราะเงียบหายไปนานปี ไม่คิดเลยว่าที่ทั้งมีชีวิตอยู่…”
“จากตำนานที่แม่ม่ายดำสร้างไว้ในอดีต…ตอนนี้นางสมควรเป็นจอมราชันเทพแล้วกระมัง?”
…
แม่ม่ายดำ หลิงหูชิงเจ๋อ
เมื่อ 10,000 ปีก่อน ในเขตคฤหาสน์ตงหลิงแห่งนี้นางนับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย กระทั่งตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพมากมายก็รู้จักนาง…ถึงแม้นางจะมาจากตระกูลระดับจอมราชันเทพก็ตาม
และเหตุผลที่นางมีชื่อเสียงโด่งดังนั้น ก็ไม่ใช่เพราะพลังฝีมือของนาง
นางเป็นแค่ราชาเทพขั้นสูงเท่านั้น
และราชาเทพขั้นสูงก็เดินเกลื่อนในเขตคฤหาสน์ตงหลิง ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพก็มากมาย ไม่เว้นขุมกำลังระดับจักรพรรดิ
ที่นางกลายเป็นที่รู้จักนั้น เพราะนางฆ่าสามีของนางที่คบหาดูใจกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เหตุผลเพราะสามีของนางนอกใจไปมีสตรีอื่น…ต่อมานางก็ฆ่าสตรีชู้ผู้นั้น กระทั่งยังฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับชายโฉดหญิงชั่วจนไม่เหลือ
ผู้เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ตายตก มีหลายพันชีวิต!
ในบรรดาคนที่ตกตายเพราะนางยังมีราชาเทพขั้นสูงไม่ต่ำกว่า 10
ต่อมาผู้อาวุโสจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ที่ไม่อาจนิ่งดูดายการฆ่าคนไม่เลือกหน้าของนาง ก็ได้ออกหน้าหมายหยุดยั้ง
แต่ตอนนั้นเองก็มีจอมราชันเทพของตระกูลหลิงหูออกตัวปกป้องนาง และกล่าวคำขอขมาต่อผู้อาวุโสของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพคนนั้น และสัญญาว่าจะลงโทษแม่ม่ายดำ นับตั้งแต่วันนั้น หลิงหูชิงเจ๋อก็หายไปไม่ปรากฏตัวอีกเลย…ทิ้งไว้แต่การลงมืออันโหดเหี้ยม จนผู้คนเรียกหากันว่าแม่ม่ายดำเท่านั้น
“ผู้อาวุโส”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจฟังบทสนทนารอบกายแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือยืนยันตัวตนของคนในรถสัตว์อสูร ว่านางใช่เค่อเอ๋อภรรยาเขาหรือไม่!
เพราะรูปโฉมมันเหมือนกันเกินไป…
��