Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 616
ในพริบตา ทิศทางของสงครามขั้นแตกหักระหว่างโลกเก้าร้อยล้านชั้นก็ได้หักเหไปอย่างรวดเร็ว
จอมมารที่แท้จริงได้จากไปอย่างกะทันหัน พร้อมกันกับกองทัพของเขา
ตัวตนทรงอำนาจ พันธมิตร อาณาจักรและองค์กรต่างๆ ของโลกเก้าร้อยล้านชั้น ทั้งหมดแข็งค้าง นิ่งงันอยู่ในสถานที่เดิม
“พวกมันหนีไปอย่างงั้นหรือ?” บางคนเอ่ยถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“น่าจะเป็นแบบนั้นนะ…แต่บางทีมันอาจจะเป็นกับดักก็ได้” อีกคนพูดอย่างไม่มั่นใจ
ฝูงชนอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเสี่ยวเหมียว
เพราะท้ายที่สุดนี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าพลังมิติของเสี่ยวเหมียวร้ายกาจเพียงใด ดังนั้นหากเป็นเธอ ย่อมต้องรู้แน่ๆ ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันคืออะไร
เสี่ยวเหมียวทำการรับรู้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “การส่งผ่านจากรอยแยกมิติได้หายไป ดูเหมือนว่ามารที่แท้จริงจะถอยทัพกลับไปยังดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรูแล้ว!”
เมื่อได้ยินถึงคำประกาศนี้ ความปั่นป่วนก็ระเบิดขึ้นท่ามกลางฝูงชน
เพราะมันน่าแปลกเกินไป ชัดเจนว่าสงครามกำลังดำเนินมาถึงจุดสูงสุด
เห็นได้ชัดว่าจอมมารที่แท้จริงกำลังจะปรากฏตัวออกมา
แต่ทำไม…มารที่แท้จริงถึงเลือกที่จะถอยทัพกลับไปอย่างกะทันหันล่ะ?
ผู้นำพันธมิตรและองค์กรต่างๆ เริ่มใช้สมาธิไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งของผู้หญิงก็ดังขึ้น
จิตวิญญาณพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ เลดี้เทสส์ เอ่ยปากออกมา “เราทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เนื่องจากเดิมทีแล้วเป้าหมายของพวกมันคืออัลเบอัส พวกมันต้องการที่จะปลดปล่อยโลกของทริสเต้ เพื่อช่วยให้ระบบของราชามารแพร่กระจายออกมาสู่ชั้นโลกโดยรอบ”
“อย่างไรก็ตาม ระบบของราชามารตอนนี้ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว!”
“มารที่แท้จริงมิอาจบรรลุเป้าหมายของตนเองได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกมันจึงถอนกองทัพกลับไป!”
รับฟังจนจบ หัวใจของผู้คนก็ราวกับถูกสั่นสะท้าน ทั้งหมดหมดต่างระเบิดเสียงฮือฮาออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วเป็นใครกัน ที่ทำลายระบบของราชามาร และจบทุกอย่างลง” บางคนทนไม่ไหว ต้องเอ่ยถามออกมา
“เหมันต์ยามค่ำอีเลีย”
เธอนั่นเอง!
คนแล้วคนเล่าเริ่มเข้าใจในทันใด
“งั้นหมายความว่าสมบัติเหล่านี้ ก็เป็นเธอที่ส่งมาช่วยเหลือพวกเราเหมือนกันใช่ไหม?” อีกคนหนึ่งถาม
“แน่นอนว่าไม่ เพราะไม่มีใครสามารถสั่งรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามได้ยกเว้นเชื้อพระวงศ์แห่งหนาม ดังนั้นสมบัติเหล่านี้สมควรเป็นฝีมือของราชินีองค์ใหม่แห่งอาณาจักรหนาม” เทสส์ตอบ
เมื่อเธออธิบายจบ ก็บังเกิดฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจขึ้น
ไอเท็มทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ เกราะรบ หรือสมบัติ ต่างก็หลุดจากการควบคุมของผู้คน ลอยกลับไปยังรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
“อืม…”
ตลอดทั้งสนามรบ มันช่วยไม่ได้เลยที่ผู้คนจะพากันถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย
แต่ทุกคนก็รู้ดี ว่าพวกเขาไม่สมควรหวงแหนในสมบัติเหล่านั้น
เพราะถึงแม้รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามจะไม่เคยมีความคิดริเริ่มที่จะต่อกรกับสิ่งมีชีวิต แต่หากมีใครกล้าที่จะไปกระตุ้นมันแล้วล่ะก็…
เอาเถอะ อย่างน้อยแค่ได้ลองใช้สมบัติของอาณาจักรหนามครั้งหนึ่งในชีวิต แค่นี้ก็รู้สึกว่าเป็นบุญมากแล้ว
เหล่าตัวตนทรงอำนาจค่อยๆ สลายความเสียดายเล็กน้อยนี้ออกจากจิตใจ
แล้วแต่ละคนก็เริ่มทยอยกันโห่ร้องออกมา
“พวกเราชนะแล้ว!”
“ระบบของราชามารม้วนหางกลับไปยังดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรูแล้ว!”
“นี่เจ้าเห็นหรือเปล่า ว่าพวกมารที่แท้จริงนั้นขี้ขลาดเพียงใด?”
“ฮะฮ่าฮ่า! ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่!”
…
ย้อนเวลากลับไปสักเล็กน้อย
ภายในโรงแรมอัลเบอัส
ระหว่างที่รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในสนามรบ และสงครามใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด
ลอร่าก็เสร็จสิ้นการร่ายมนตราของเธอ ทุกชนิดของไอเท็มได้ถูกส่งออกไป
กู่ฉิงซานถอนหายใจ “กระหม่อมว่าสกิลนี้ไม่ควรจะถูกเรียกว่าเจตจำนงแห่งกษัตริย์ แต่มันน่าจะมีชื่อว่า คำอวยพรแห่งกษัตริย์เสียมากกว่า”
เพราะสกิลดังกล่าว เป็นการสนับสนุนจากระยะไกลที่ฉีกกฎของมิติและเวลา สามารถช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ , มอบอุปกรณ์ และเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ให้แก่เป้าหมายได้
ถึงแม้ในความเป็นจริงแล้ว กระบวนการทั้งหมดนี้ ผู้ที่มีส่วนร่วมจริงๆ จะเป็นรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามก็ตาม
แต่ในเวลานี้ ตลอดทั้งหมื่นโลกา นอกเหนือไปจากลอร่า ยังจะมีผู้ใดอีกที่ได้รับความโปรดปรานจากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกหรือ?
ในสงครามครั้งใหญ่เช่นนี้ พรสวรรค์ของเธอนับว่ามีประโยชน์มากจริงๆ
ลอร่ากล่าว “หากเป็นเจ้า เราจะไม่เรียกสมบัติกลับคืน แต่คนเหล่านั้นไม่ได้สนิทสนมอันใดกับเรา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถมอบสมบัติของอาณาจักรให้แก่พวกเขาได้”
พอได้ยินประโยคดังกล่าว หัวใจของกู่ฉิงซานก็กระตุกไหว เขานึกได้ทันทีถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง
“ลอร่า”
“ว่าไง?”
“หลังจากสงครามสิ้นสุดลง ท่านจะต้องประกาศเตรียมงานยกย่องและมอบรางวัลให้แก่เหล่าตัวตนทรงอำนาจด้วยนะ”
“แต่พวกเขาจะมาเข้าร่วมงานหรือ?” ลอร่าถาม
“พวกเขาจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานหัวเราะ “และหากท่านทำเช่นนั้น มันจะเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้แก่ตัวท่านเองเป็นอย่างมาก”
อีเลียคิดและกล่าว “แต่ปัญหาเดียวก็คือ ทางอาณาจักรสมควรจะมอบอะไรให้แก่พวกเขาดี?”
ลอร่าตบลงบนโต๊ะ “ไว้ค่อยคิดก็ได้ แต่เราตัดสินใจแล้ว ว่าจะประกาศออกไปตามนี้”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
อีเลียและทหารพิทักษ์แห่งหนามตนอื่นๆ ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
อีเลียเดินออกจากโซนที่นั่งพิเศษทันทีและกล่าว “เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมสถานที่มอบรางวัลทันที”
หนึ่งในทหารพิทักษ์เอ่ยปาก “ส่วนทางเรา จะไปหาสถานที่กักขังทริสเต้ก่อนเป็นอันดับแรก”
“จริงสิ ข้าลืมไปเลย งั้นไปเถอะ ข้าจะไปกับพวกเจ้าก่อน” อีเลียกล่าว
ว่าจบ ทั้งหมดก็พาทริสเต้ออกจากที่นั่งโซนพิเศษ
เวลานี้ ภายในโซนพิเศษจึงเหลือแค่กู่ฉิงซานกับลอร่าเท่านั้น
ลอร่านั่งลงบนโซฟากว้าง ทิ้งตัวลงบนเบาะนุ่มนิ่มแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
กู่ฉิงซานก็เช่นกัน
เขารออยู่ไม่กี่ลมหายใจ เมื่อไม่ตกอยู่ในสายตาของผู้ใด ตนก็หยิบแชมเปญออกจากถังน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มหลากชนิดขึ้นมา
เป๊าะ!
จุกก๊อกถูกเปิดออก พร้อมกับฟองแชมเปญที่ฟูฟ่องออกมา
“ขวดที่สามแล้วนะนั่น ว่าแต่ทำไมคราวนี้ถึงเลือกแชมเปญล่ะ?” ลอร่ามองเขา
“เพราะแชมเปญเหมาะที่จะใช้เปิดงานเฉลิมฉลอง และตอนนี้ก็ได้เวลาที่ พวกเราจะต้องฉลองกันจริงๆ แล้ว!” กู่ฉิงซานหัวเราะ
“ฉลองงั้นหรือ?”
“ใช่ เพราะตอนความทรงจำของทริสเต้ เมื่อเวลานี้มาถึง จอมมารที่แท้จริงก็จะทำการเชื่อมต่อกับโลกของทริสเต้ได้อีกครั้ง”
“และเมื่อเขาพบว่าปฏิวัติได้ถูกทำลายลงแล้ว เขาจะต้องเลือกหนทางที่มันชาญฉลาด ลดการสูญเสียลงให้น้อยที่สุดอย่างแน่นอน”
ลอร่าตะลึง “หมายความว่ามารที่แท้จริงจะล่าถอยออกไปงั้นหรือ?”
“อืม และสงครามก็สมควรจะจบลงเช่นกัน”
กู่ฉิงซานเทแชมเปญลงในแก้วของตัวเอง และยกมันขึ้นดื่มอย่างช้าๆ
“เรานึกไม่ถึงเลยว่าสงครามขั้นแตกหักของโลกเก้าร้อยล้านชั้นจะสิ้นสุดลงอย่างกะทันหันแบบนี้” ลอร่าถอนหายใจ
“แล้วมันไม่ดีหรือไง?” กู่ฉิงซานหัวเราะ “พวกเราสามารถโค่นระบบของราชามารลงได้ นั่นหมายถึงสามารถป้องกันอุบัติเหตุและความสูญเสียมากมายที่จะเกิดขึ้นจากสงครามได้นะ”
“มันก็ดีจริงๆ นั่นแหละ”
“โอ้ใช่สิ กระหม่อมมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะถามฝ่าบาท” กู่ฉิงซานกล่าว
“ว่ามาสิ” ลอร่าอนุมัติ
“ในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู ระบบของราชามารวิวัฒนาการไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นขั้นที่สูงกว่าปฏิวัตินะ แต่เราลืมชื่อของมันไปแล้ว”
“มันแข็งแกร่งมากหรือไม่?”
“แน่นอนว่ามาก มารที่แท้จริงทุกตนล้วนทำการดาวน์โหลดระบบหลักที่ว่านั่น ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของมารที่แท้จริงทิ้งห่างจากอสุรกายประเภทอาวุธอยู่มากโข”
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าเวลานี้ยังไม่ใช่โอกาสที่ดี ที่เขาจะต่อกรกับระบบหลักของราชามาร
เพราะฝ่ายตรงข้ามทรงพลังเกินไป
ดังนั้นตัวเองจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากยิ่งกว่านี้โดยเร็วที่สุด
เขาหันไปมองหน้าต่างเทพสงคราม และกำลังจะเลือกดูในส่วนของภารกิจเทพสงคราม
แต่ลอร่ากลับเอ่ยปากออกมาเสียก่อน “กู่ฉิงซาน เรามีความลับจะบอกเจ้า”
กู่ฉิงซานจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปัดหน้าต่างทิ้งไปก่อนและเอ่ยถาม “ความลับอะไรงั้นหรือ?”
ลอร่าหันไปมองรอบๆ และเมื่อเห็นว่าโซนที่นั่งพิเศษไม่มีใครอยู่อีก กระทั่งประตูห้องก็ยังปิด เธอจึงยอมเฉลยออกมา “พรสวรรค์ที่สามของเราตื่นขึ้นมาแล้ว”
“ถ้าเรื่องนั้นกระหม่อมได้ยินที่ฝ่าบาทพูดตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”
“พรสวรรค์แรกคือที่ลี้ภัยแห่งหมื่นโลกา สองคือเจตจำนงแห่งกษัตริย์ แต่พรสวรรค์ที่สามล่ะคืออะไร? เจ้าลองเดาดูสิ”
“กระหม่อมไม่ขอเดาหรอก แต่ในเมื่อยังไม่มีใครได้เห็น ก็จงเก็บมันไว้เป็นไพ่ตายที่กว่า ขอแนะนำว่าท่านอย่าเปิดเผยมันออกมา และเก็บมันไว้ให้มิดชิดจะดีที่สุด” กู่ฉิงซานแนะนำอย่างจริงจัง
ลอร่าพอได้ฟังก็รู้สึกผิดหวัง “พรสวรรค์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปิดบังอะไรถึงขนาดนั้นหรอก”
“อย่าคิดแบบนั้นจะดีกว่า ท่านก็รู้ดีนี่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเป็นยังไง”
“…เอาเถอะ สรุปสั้นๆ ว่าเราอยากจะบอกเจ้าก็แล้วกัน”
ลอร่ากล่าว และยื่นมือของเธอออกไปคว้าในอากาศที่ว่างเปล่า
ด้วยการเคลื่อนไหวของเธอ มือเล็กก็ผลุบหายเข้าไปในมิติ คว้านลึกลงไปเกือบทั้งแขนของเธอ ราวกับว่าเธอได้ฉีกมิติไปยังพื้นที่อื่น
“เกิดอะไรขึ้นกับมือของท่าน?” กู่ฉิงซานผงะตกใจ
“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่กำลังพยายามจะสัมผัสอะไรสักอย่าง” ลอร่ากล่าว
สัมผัสอะไรสักอย่างงั้นหรือ?
กู่ฉิงซานเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด
จากการเคลื่อนไหวของลอร่า เหมือนว่ากับมือของเธอที่ยื่นออกไปจะกำลังควานหาอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ
เท่าที่ดู ท่าทีมันก็คล้ายกับการควานหาสมบัติอยู่เหมือนกัน
สักพักหนึ่ง ดวงตาของลอร่าก็เปล่งประกายสดใส
“เราจับมันได้แล้ว!” ลอร่าอุทานด้วยความดีใจ
เห็นแค่เพียงมือของเธอก็ถอนออกจากในอากาศที่ว่างเปล่า
พร้อมกับโล่สีม่วงเล็กๆ ที่ติดมือเธอกลับมา
ลอร่ามอบมันให้แก่กู่ฉิงซานและกล่าว “ดูนี่สิ นี่คือพรสวรรค์ใหม่ของเราล่ะ!”
กู่ฉิงซานรับเอาโล่กลมสีม่วงมา และสำรวจมันอย่างไม่แน่ใจ
ตลอดทั้งโล่ดูละเอียดอ่อนและประณีตเป็นอย่างมาก มันไม่หนักมากจนเกินไป
บนผิวโล่ ปรากฏถึงอำนาจบางอย่างที่กู่ฉิงซานไม่สามารถเข้าใจได้แผ่ออกมา
ขณะเดียวกัน บรรทัดเส้นแสงบนหน้าต่างเทพสงครามก็ผุดเตือนขึ้น
“ชื่อไอเท็ม โล่ของนายพลปีศาจแห่งกองทัพพันธมิตร”
“คุณภาพ มหากาพย์”
“พลังเฉพาะตัว หยิบยืมอำนาจจากอากาศธาตุ โล่ใบนี้สามารถทานทนต่อการโจมตีทางมนตราส่วนใหญ่ได้”
“วิชายุทธเทพสงคราม โล่ใบนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับนายพลปีศาจ ไม่มีสกิลใดที่สามารถเรียนรู้ได้”
“คำอธิบายพงศาวดารวันสิ้นโลก นี่คือโล่รุ่นใหม่ล่าสุดของนายพลปีศาจแห่งกองทัพพันธมิตร”
กู่ฉิงซานที่กำลังถือโล่ในมือนิ่งค้าง ตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง
ถึงจะไม่ใช่อุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่โล่นี่ก็นับว่าเป็นของดีทีเดียว
“เอ่อ…นำโล่ออกมา นั่นคือพรสวรรค์ที่สามของฝ่าบาทอย่างงั้นหรือ?” เขาถาม
“คนโง่ ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย” ลอร่าบ่น
คล้ายกับว่าเธอจะโกรธเล็กน้อย เลยยื่นมือเข้าไปในมิติที่ว่างเปล่า และทำการควานหาอีกครั้ง
ไม่นานนัก
ลอร่าก็จับได้ถึงอีกสิ่งหนึ่ง และรีบกระชากมือของเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว
คราวนี้ในมือของเธอเป็นกระบี่ยาว
กระบี่ยาวถูกโยนให้กับกู่ฉิงซาน ลอร่าบ่นฮึดฮัด “เอ้า คราวนี้เจ้าลองตรวจดูอีกครั้งสิ”
กู่ฉิงซานมองลงบนกระบี่ยาว และตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง
นี่เป็นกระบี่ยาวที่อยู่ในระดับตำนาน คืออาวุธเย็นที่ในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นที่สามารถได้มาครอบครองด้วยโชค มิใช่การค้นหา
“นี่มันของดีนี่นา!” กู่ฉิงซานอุทาน “กระหม่อมพอจะเข้าใจพรสวรรค์ที่สามของฝ่าบาทแล้ว มันคือสกิลที่ช่วยให้ฝ่าบาทสามารถนำสมบัติจากอาณาจักรออกมาได้ตลอดเวลาใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่” ลอร่าปฏิเสธ
‘คราวนี้ก็ยังเดาไม่ถูกหรือ?’ กู่ฉิงซานงุนงงเล็กน้อย
ก็ถ้าไม่ใช่อย่างที่ว่า แล้วโล่กับกระบี่นี่มันมาจากที่ไหนกัน?
“พรสวรรค์ที่สามของเรามีชื่อว่า ‘นักสะสมขุมทรัพย์พเนจร’” ลอร่าอธิบาย
นักสะสม…
ขุมทรัพย์พเนจร?
กู่ฉิงซานนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “อย่าบอกนะว่า…”
ลอร่าพอเห็นว่าเขาเข้าใจ ก็ยืดอกกล่าวอย่างภาคภูมิ “ใช่แล้ว! ในตลอดโลกเก้าร้อยล้านชั้น สมบัติใดที่สาบสูญ กระจัดกระจาย และไร้ซึ่งเจ้าของ จะไม่สามารถหลีกลี้จากพรสวรรค์นี้ของเราไปได้”
“ทุกครั้งที่เราใช้ออกด้วยสกิลนี้ เราจะสามารถควานหาสมบัติเหล่านั้นจากในอากาศที่ว่างเปล่าได้เลยโดยตรง”
กู่ฉิงซานคิดอย่างรอบคอบและเอ่ยถาม “แต่พรสวรรค์ที่ร้ายกาจเช่นนี้ ราคาที่ต้องจ่ายออกในการใช้มันคงจะสาหัสไม่น้อย”
“อืม มันก็เป็นอย่างที่เจ้าว่ามานั่นแหละ”
“แล้วราคาใดกันที่จะต้องจ่ายออก?” กู่ฉิงซานเริ่มกังวล
“ใช้มันทีไร เรามักจะรู้สึกหิวทุกทีเลย…”
………………………………………………..