Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 709 สู้ตายไม่ยอมถอยหนี!
- Home
- Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์
- ตอนที่ 709 สู้ตายไม่ยอมถอยหนี!
คลื่นลมที่เกิดจากแรงระเบิดพัดกระพือขึ้นจากผืนทราย หลอมรวมเข้ากับดาบสายลมกลางเวหา ก่อกำเนิดพายุเฮอริเคนปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า บดบังไปทั่วผืนดิน
ซีน้อยยังคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ เธอจั่วไพ่อีกใบออกมา ปลดปล่อยเทคนิคมนตราซ้ำแล้วซ้ำเล่าเข้าใส่ศัตรูที่เหลืออยู่
กู่ฉิงซานคลายหอกปีศาจแดง และทันใดนั้นเกราะรบ ‘ของขวัญแห่งชีวิต’ ก็กลับมาสวมทับบนกายเขาอีกครั้ง
นอกเหนือไปจากนี้ ยังมีโล่แห่งความตายห้าดวง โคจรรอบกายเขา
มีบางคนพยายามที่จะโจมตีสังหารกู่ฉิงซานให้จบในคราวเดียว แต่ก็พบว่ากระทั่งโล่แห่งความตาย ตนก็ยังไม่สามารถทะลวงมันไปได้
กู่ฉิงซานวาดมือออกไป
สองดาบบินวาบผ่านท้องฟ้า กลับมาในมือของเขา
พลังป้องกันซ้อนทับกัน พุ่งสูงขึ้นจนอีกฝ่ายมิอาจคุกคาม ในฐานะผู้ฝึกดาบ กู่ฉิงซานก็ไม่จำเป็นต้องคอยพะวงเกี่ยวกับการต่อสู้อีกต่อไป
ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!
สับ!
ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!
หั่น!!
ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!
ฆ่าให้สิ้น!!!
ผสานไปกับเทคนิคมนตรากระสุนระเบิดของซีน้อย กู่ฉิงซานเริ่มเก็บเกี่ยวชีวิตของศัตรูอย่างไม่รู้จบ
กระแสลมจากแรงปะทะ พัดพาเมฆหมอกหายไปจนสิ้น
กลุ่มนักล่าเงินรางวัลนับสิบ ตกตายลงภายใต้การร่วมมือกันของซีน้อยกับกู่ฉิงซาน
ทันใดนั้นเอง ยักษ์เทาพลันเปล่งเสียงคำราม “ทุกคนจงมารวมตัวกัน เปล่งคำสาบานยอมสู้ตาย!”
ลูกน้องที่ยังเหลือรอดหันไปมองเขา และเร่งปฏิบัติตามทันที
กู่ฉิงซานหยุดดาบ
หากผู้เชี่ยวชาญหลายคนรวมตัวกัน และเริ่มการโจมตีโดยไม่คำนึงถึงชีวิตแล้วล่ะก็ ต่อให้เขาถือครองไพ่ที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ มันคงเป็นปัญหาไม่น้อย
แท้จริงแล้วกลับเห็นยักษ์เทามองมาที่เขาและซีน้อยอย่างมืดมน ปากเอ่ยลั่น “พวกเรากลุ่มนักล่าเงินรางวัลก่อตั้งมายาวนานกว่าเจ็ดร้อยปีแล้ว แต่ไม่เคยถูกทำลายลงเลย พวกแกรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
ซีน้อยถามกลับด้วยความสงสัย “เพราะอะไร?”
“นั่นเป็นเพราะว่าหากพวกเราถูกโยนลงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างชีวิตและความตาย พวกเราจะตัดสินใจทำการเผาผลาญชีวิตของพวกเราด้วยม้วนคัมภีร์ลึกลับ และทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารศัตรู!” ยักษ์เทายิ้มเหี้ยมเกรียม
แล้วเขาก็หยิบม้วนคัมภีร์ออกมาอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ คลี่มันออก
เบื้องหลังเขา เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาต่างระเบิดพลังทั้งหมด ถ่ายเทลงไปในคัมภีร์
“เจ้าลูกกระต่ายสองตัว จงสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว!” ยักษ์เทาคำราม
ในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เบื้องหลังเขาก็เริ่มแสดงท่าทีตื่นเต้นและบ้าคลั่ง
พวกเขาเองก็กรีดร้องคำรามด้วยเช่นกัน
“สู้ตายไม่ยอมถอยหนี!”
“สู้ตายไม่ยอมถอยหนี!”
“สู้ตายไม่ยอมถอยหนี!”
ในอากาศ ฟุ้งไปด้วยเจตนาสู้ คล้ายกับว่าทุกคนกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมครั้งสุดท้าย
กู่ฉิงซานเฝ้ามองฉากอันงดงามนี้ สีหน้าแปรเปลี่ยน “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เพื่อแสดงถึงความเคารพที่ฉันมีต่อศัตรู ฉันเองก็จะทุ่มสุดฝีมือเช่นกัน”
เขายกสองดาบขึ้น ขับเคลื่อนพลังวิญญาณเต็มเปี่ยม ทั้งคนทั้งร่างกลายเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
ซีน้อยมิได้กล่าวอันใด เธอเพียงจั่วไพ่อย่างเงียบๆ เฝ้ารับมือกับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า ยักษ์เทาคลี่ม้วนคัมภีร์จนสมบูรณ์ในที่สุด!
เห็นแค่เพียงม้วนคัมภีร์ที่สามารถดึงดูดพลังได้มากพอ สาดแสงเข้าห่อหุ้มกลุ่มนักล่าเงินรางวัลทุกคนที่ยังเหลือรอดอยู่ทั้งหมด
ตูม!
บังเกิดเสียงพังครืนราวกับสวรรค์ล่มสลาย
กลุ่มแสงที่สาดออกมา ทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้า ฉับไวดั่งดาวตก บินหายลับไปในอากาศอันห่างไกลอย่างรวดเร็ว!
ประกายแสงกะพริบไหวสองสามครั้ง และหายไปท่ามกลางท้องฟ้าที่ทอดยาวไกลออกไป ไม่ทราบเช่นกันว่ามันไปที่ไหน
กลุ่มนักล่าเงินรางวัล…
เผ่นหนีไปแล้ว!
“…” กู่ฉิงซาน
“…” ซีน้อย
ทั้งสองยืนตั้งท่าต่อสู้เต็มรูปแบบ ทว่าผลลัพธ์กลับออกมาเป็นแบบนี้
“พวกเขาเร็วเกินไป เกรงว่าพวกเราคงไม่สามารถไล่ตามทัน” ซีน้อยกล่าว
“ใช่ คงไล่ไม่ทัน ถ้าทันจะตบกระบาลมันซักป้าบ” กู่ฉิงซานสบถ
เออ ยักษ์เทามันไม่ได้โกหกไปซะทั้งหมด
ด้วยสกิลการหลบหนีและทักษะการแสดงที่หน้าด้านหน้าทนเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมกลุ่มนักล่าเงินรางวัลของเขาถึงสามารถอยู่รอดมาได้ยาวนานกว่าเจ็ดร้อยปี และยังไม่ถูกทำลายลง
กู่ฉิงซานยืนอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นพลันสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งกำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่ช้า
ทั่วทุกตำแหน่งที่ก่อให้เกิดพลังวิญญาณเริ่มปรับตัวขึ้น พลังวิญญาณจากทั้งร่างกายถูกกระตุ้นอย่างบ้าคลั่งเป็นประวัติการณ์
กู่ฉิงซานเริ่มจะเกิดความเข้าใจอย่างช้าๆ
ปรากฏว่านี่คือหายนะโทษทัณฑ์!
พวกนักล่าเงินรางวัลนับสิบ ล้วนแข็งแกร่งกว่าตนเอง แถมยังดาหน้ากันมาห้อมล้อมสังหารเขา ทว่าเนื่องจากซีน้อยได้ใช้เงาคู่ จึงกลับกลายเป็นอีกฝ่ายที่ตกตายลงเสียเอง สุดท้ายหลบหนีไป
หายนะโทษทัณฑ์ที่แท้ก็จบลงด้วยการแก้ปัญหานี้
“ฉันต้องการหยุดพักสักครู่” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาไม่ได้ทิ้งตัวลง แต่เริ่มทำการจัดตั้งหลายสิบค่ายกลกลางอากาศ จากนั้นคุกเข่าลงและเริ่มเหนี่ยวนำพลังวิญญาณจากภายในร่างกาย
เพียงครู่ เขาก็จมลงสู่ห้วงสมาธิ
การตัดผ่านขอบเขต กำลังดำเนินไปอย่างช้าๆ ภายใต้สถานะที่มั่นคง และไม่อาจย้อนกลับได้
นี่คือการยกระดับโดยไม่ต้องเผชิญกับทัณฑ์สายฟ้า
อย่างไรก็ตาม หากต้องเลือกเผชิญระหว่างสามหายนะโทษทัณฑ์กับทัณฑ์สายฟ้า กู่ฉิงซานแน่นอนว่าย่อมต้องเลือกทัณฑ์สายฟ้า
แต่เนื่องจากบุญที่เขาสั่งสมมามันมีมากเกินไป ทำให้กู่ฉิงซานต้องเผชิญกับหายนะโทษทัณฑ์เพียงสามครั้งเท่านั้น
ขณะที่ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ที่กระทำเรื่องราวชั่วร้าย มักจะตกตายลงในขอบเขตพันวิบัติ เนื่องเพราะต้องเผชิญกับหายนะโทษทัณฑ์นับร้อยนับพันครั้ง
ชนิดที่ว่าอาจจะดื่มน้ำ แล้วดันสำลักตายได้
ชีวิตคือสิ่งไม่แน่ไม่นอน ยากที่จะคาดคำนวณใดๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
กู่ฉิงซานก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตขีดสุดความว่างเปล่าแล้ว!
บนหน้าต่างเทพสงคราม ปรากฏบรรทัดแสงหิ่งห้อยขึ้น
“ขั้นตอนการยกระดับได้จบลงแล้ว”
“คุณสามารถยกระดับขึ้นสู่ขีดสุดความว่างเปล่าได้สำเร็จ”
“คุณได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธขีดสุดความว่างเปล่า”
“เนื่องจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณ ของขอบเขตพันวิบัติได้ยกระดับไปถึงจุดที่สามารถรับรู้ถึงหายนะโทษทัณฑ์ได้ ส่งผลให้พลังของมันถูกใช้ไปมากเกินความจำเป็น ดังนั้นการรับรู้ทางจิตวิญญาณของคุณจะใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ทั้งนี้ทั้งนั้น ระยะเวลาขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณเอง”
“โปรดทราบ ว่าการยกระดับในขอบเขตร่างเทวะ พันวิบัติ และขีดสุดความว่างเปล่า จะไม่เกิดการเหนี่ยวนำกระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ คุณจะต้องยกระดับขึ้นสู่ลมปราณจิตเสียก่อน จึงจะสามารถปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ได้”
แล้วบรรทัดแสงหิ่งห้อยก็ค่อยๆ หายไป
ไอ้เรื่องคำอธิบายพลังศักดิ์สิทธิ์น่ะ กู่ฉิงซานไม่สนใจหรอก เพราะเขาเคยได้อ่านคำอธิบายราวๆ นี้มาก่อนแล้ว จากตอนยกระดับขึ้นสู่พันวิบัติ
แต่การรับรู้ทางจิตวิญญาณที่หายไปชั่วคราวนี่ต่างหาก คือความท้าทายของจริง
เนื่องจากผู้ฝึกยุทธชมชอบที่จะใช้สัญชาตญาณของตนเองเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นหากขาดการรับรู้ทางจิตวิญญาณไป พวกเขาคงรู้สึกอึดอัดคล้ายหายใจไปออก
เขาหันไปมองรอบๆ
เห็นแค่เพียงซีน้อยที่สะดุ้งผงกหัวขึ้น ส่ายหัวไปมาอย่างแรง ทั้งคนทั้งร่างง่วงเหงา แต่ก็ยังฝืนปกป้องเขาอย่างเงียบๆ
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“งั้นก็ดี ยกระดับได้แล้วสินะ” ซีน้อยอ้าปากหาว
“ทำไมเธอถึงดูเหนื่อยขนาดนี้?” กู่ฉิงซานถาม
“เป็นเพราะว่าใช้เงาคู่”
“เพราะใช้เงาคู่? แล้วทำไมฉันถึงได้ไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ?”
“มันแน่นอนอยู่แล้วว่านายต้องไม่รู้สึกอะไร” ซีน้อยขยี้ตาง่วงๆ “เพราะยศของนายต่ำเกินกว่าที่จะเปิดใช้งานไพ่ได้ ดังนั้นภาระที่ต้องเปิดโหมดเงาคู่ประจัญบานที่จำต้องใช้พลังของสองคนจึงมาตกอยู่กับฉันเพียงคนเดียว”
“ขอโทษจริงๆ นะ งั้นช่วยบอกวิธี ที่จะทำให้ราชทูตตัดสินบาปแข็งแกร่งขึ้นหน่อยสิ ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับเธอ” เขาขออภัย
ซีน้อย “มีอยู่สามวิธีที่จะช่วยให้แข็งแกร่งขึ้น หนึ่งคือยกระดับตามธรรมชาติ สองคือกลืนกินไพ่ใบอื่นๆ สามคือค้นหามรดกที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยเทพวิญญาณ นำมันมาใช้ยกระดับยศไพ่ของตัวเอง”
มรดกที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพวิญญาณ?
กู่ฉิงซานพาลนึกไปถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ในโลกสมบัติของทริสเต้ ระบบของราชามาร ต้นกำเนิด เองก็ได้รับมรดกตกทอดจากเทพวิญญาณเหมือนกัน มันจึงสามารถเร่งยกระดับกลายเป็น หมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ ปฏิวัติ
เขาไม่คาดคิดเลยว่า จู่ๆ ตนเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับระบบ จำเป็นต้องได้รับสิ่งดังกล่าวจึงจะสามารถแข็งแกร่งขึ้น
ซีน้อยอธิบายต่อ “การยกระดับเองตามธรรมชาติ คือวิธีที่เชื่องช้าที่สุด กลืนกินไพ่ใบอื่นๆ สิถึงจะเร็วกว่า แต่มันไม่เหมาะสมกับนาย เพราะนายจะต้องออกตามหาไพ่ที่เหมาะสมกันกับนายเท่านั้น และสุดท้าย , อาศัยมรดกที่เทพวิญญาณทิ้งไว้เบื้องหลังนั้นรวดเร็วที่สุด แต่มรดกเหล่านี้ล้วนเป็นความลับ ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถค้นหาได้โดยง่าย”
“โอเค กำลังคิดในใจว่าอธิบายเยอะจังเลยอยู่ใช่ไหม ไม่อธิบายต่อก็ได้ นายไปคิดเองแล้วกัน ฉันขอตัวนอนก่อน”
ซีน้อยกล่าวปิดประโยค
ภายในไพ่ เธอเปลี่ยนไปเป็นสวมเสื้อและกางเกงนอนดูน่ารัก เอาหัวมุดลงไปใต้หมอน
กู่ฉิงซานค่อยๆ เก็บไพ่ลงในกล่องหยกอย่างอ่อนโยน และสอดเข้าไปในแขนเสื้อ
เขามองไปที่หน้าต่างเทพสงคราม
เห็นแค่เพียงไพ่ใบหนึ่งปรากฏขึ้นใจกลางหน้าต่าง
มันคือไพ่สีเทา โดยมีตัวเขากุมสองดาบ ลอยอยู่กลางอากาศ
“ไพ่สีเทา ผู้ฝึกดาบกู่ฉิงซาน”
“ระดับ ไพ่สีเทาระดับ ศูนย์”
“คู่หู นางฟ้าตัดสินบาปซี”
“สังกัดสำรับไพ่ สำรับไพ่ผู้หลบหนี”
แล้วข้อมูลทั้งหมดก็หายไปในทันที
บรรทัดตัวอักษรเล็กๆ ปรากฏขึ้นใต้ไพ่
“ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลของคุณได้รับการปรับปรุง เปลี่ยนจากระดับศูนย์เป็นหนึ่งดาวอย่างเป็นทางการ”
“คุณได้กลายเป็นไพ่ระดับหนึ่งดาว แล้ว”
“คุณได้รับไพ่สกิลสีเทา เจาะเกราะ”
ไพ่อีกใบที่มีพื้นหลังสีเทาปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง
เบื้องหน้าของไพ่ เป็นภาพกระบี่ยาว โดยบริเวณใบของกระบี่สาดแสงเย็นเยียบออกมาเป็นครั้งคราว
“ไพ่สกิล เจาะเกราะ”
“หลังจากที่คุณติดตั้งไพ่ใบนี้ ทุกครั้งที่คุณสร้างความเสียหายแก่ศัตรู ศัตรูจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติมขึ้นสามเปอร์เซ็นต์”
“คำอธิบาย นี่เป็นสกิลติดตัวจากไพ่สีเทา เมื่อคุณต่อสู้ ไพ่ใบนี้จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และจะถูกใช้งานต่อไปจนจบการต่อสู้”
“เนื่องจากมันเป็นไพ่สีเทา มันจึงต้องพยายามอย่างหนัก”
หลังจากอ่านข้อมูลนี้ กู่ฉิงซานรู้สึกว่าไพ่ของเขาช่างอ่อนแอเหลือเกินหากเทียบกับซีน้อย
…ลืมมันเถอะ ยศของตนเองยังต่ำมาก ฉะนั้นจะไปมีไพ่ดีๆ กับเขาได้ยังไง
กู่ฉิงซานปลอบประโลมจิตใจตนเอง
…………………….