Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 846 รวมกลุ่ม
รถบรรทุกเซเล็กน้อยก่อนมาจอดข้างถนน
ชายวัยกลางคนผมดำ ผู้หญิง ผู้ชายผมดำและผู้ชายผมบลอนด์
พวกเขากระโดดลงจากรถเพื่อขยับที่กั้นถนนชั่วคราว
กู่ฉิงซานมองพวกเขาอย่างเย็นชา ยังไม่ตัดสินใจใดๆ
เขาพบว่าสี่คนนี้ทำการขนของตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครในเมืองออกมาช่วย
นี่นับว่าแปลก
ตัดสินจากภาพในหนังสือพิมพ์ โลกคล้ายกับกำลังเผชิญกับหายนะอย่างการกลายพันธุ์ทางชีวภาพและกำลังมุ่งหน้าไปสู่จุดจบ
ปกติแล้วถ้ามีรถบรรทุกกลับมาในเวลานี้ ผู้คนในเมืองควรตื่นตัวแล้วพากันมาตรวจสอบรถบรรทุกแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมีความปรารถนาเรื่องอาหารกับข้อมูลบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดก็น่าจะมีคนออกมาสอดแนมบ้าง
แต่ความเป็นจริงก็คือไม่มีใครในเมืองปรากฏตัวออกมา
กู่ฉิงซานพิงกับกำแพงขณะมองพวกเขาย้ายที่กั้นถนนอย่างเงียบงัน
พวกเขาเคลื่อนไหวได้อย่างช่ำชองราวกับทำสิ่งเหล่านี้มาบ่อย
ผ่านไปสักพัก อาจจะเพราะเหนื่อยจากการขนของเล็กน้อย ชายวัยกลางคนผมดำที่มีปืนอยู่ด้านหลังหอบออกมาก่อนกล่าวเสียงดังว่า “ฉันไม่อยากย้ายที่กั้นถนนนี้อีกแล้ว ใครก็ได้ช่วยหาคนที่ยังรอดชีวิตให้หน่อย”
ชายผมดำกล่าวอย่างจริงจังว่า “อย่ามาล้อเล่นน่า ถ้าไม่มีที่กั้นถนนนี่พวกเราได้จบเห่ไปแล้ว”
“ตอนนี้ฉันทำได้เพียงขอให้เทพอำนวยพรให้ ในการค้นหาอนาคต พวกเราต้องหาคนที่ยังรอดชีวิตเพื่อเติมเต็มกำลังคน” ชายผมบลอนด์กล่าว
ขณะสนทนา การขยับมือของพวกเขาหยุดลงอย่างช้าๆ
ตอนนี้ ดวงตะวันคล้อยต่ำลงอีกครั้ง อุณหภูมิลดต่ำลงมาก
เมื่อเห็นว่าราตรีกำลังจะมาเยือน
ชายสามคนและหญิงหนึ่งคนมารวมตัวกัน ซ่อนอยู่ในเงาของรถบรรทุก จุดบุหรี่และเริ่มสูบอย่างช้าๆ
ชายผมบลอนด์กล่าวอย่างกังวลว่า “คืนนี้เป็นอีกคืนที่วุ่นวาย อีกสักพัก ทุกคนจะต้องนอนพักกันก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่รอดแน่
ชายวัยกลางคนผมดำที่ชื่อเหล่าหลี่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดาย ไม่มีใครมาแทนที่ได้ โชคไม่ดีจริงๆ เป็นการยากนักที่จะหาเจอสองคน แถมยังเป็นผู้หญิงอีก”
ผู้หญิงเพียงคนเดียวจ้องเขาแล้วกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เป็นผู้หญิงแล้วมันไม่ดียังไง ยังไงก็เถอะ พวกเธอสามารถช่วยพวกเราซักผ้าและทำความสะอาดห้องได้”
เหล่าหลี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันยอมทำเองยังดีเสียกว่า ขอแค่พวกเธอสามารถหยิบปืนมาจัดการกับสัตว์ประหลาดได้ ฉันก็พอใจแล้ว”
หญิงสาวกล่าวว่า “พวกเธอก็แค่วัยรุ่นสองคนเท่านั้น ให้ไปสงบสติอารมณ์หน่อยจะดีกว่า จะให้พวกเธอฆ่าสัตว์ประหลาดด้วยปืนได้ยังไง”
เหล่าหลี่ยักไหล่ เผยสีหน้าจนใจออกมา
“ฉันหิวแล้ว ช่วยแก้ปัญหาเรื่องท้องก่อนเถอะ”
ชายผมดำที่ไม่คิดหาทางไกล่เกลี่ยกล่าวขึ้น
หลายคนเดินไปที่ด้านหลังรถแล้วเปิดประตูท้าย
กู่ฉิงซานซ่อนอยู่ในความมืดขณะหรี่ตามองอย่างระวัง
เขาเห็นว่ารถบรรทุกขนของนานาชนิดมาด้วย มีทั้งอาหาร เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าหรือแม้กระทั่งหมูเป็นๆ
หมูกำลังกินกะหล่ำปลี
ทั้งสี่คนยกกล่องลงมาก่อนเปิดอย่างประณีต
ในกล่อง กระป๋องดีบุกวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ แถมมีเครื่องดื่มรวมอยู่ด้วย
ในวันโลกาวินาศ นี่คือกล่องที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย
“ฉันไม่ชอบเนื้อวัวเท่าไหร่” หญิงสาวพึมพำ
“ไม่ได้นะ พวกเราต้องกินกันสามกระป๋องไม่ใช่หรือ อย่างน้อยเธอต้องกินสองกระป๋อง ไม่อย่างนั้นพละกำลังกายภาพจะไม่ได้รับการเสริมสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นปัญหาในคืนนี้เอาได้” เหล่าหลี่กล่าว
จิตของกู่ฉิงซานขยับ
ในวันโลกาวินาศ เนื้อวัวกระป๋องเป็นของดีแท้ๆ แต่นางยังจะมานั่งเลือกอีก
แถมคนเหล่านี้ไม่มีการจำกัดจำนวนการกิน…สามกระป๋องมากพอจะให้ผู้ใหญ่หนึ่งคนกินได้
ดูท่าสภาพการใช้ชีวิตของพวกเขาค่อนข้างดีทีเดียว
โชคยังดี กู่ฉิงซานเชี่ยวชาญหลายภาษา ทำให้เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดด้วยภาษามนุษย์พื้นเมืองเมื่อนานมาแล้ว
ประกอบกับบทสนทนาก่อนหน้านี้ของกลุ่มดังกล่าว เป็นเรื่องง่ายที่จะรู้ว่าพวกเขาพาผู้หญิงสองคนที่สู้ไม่เป็นมาด้วย
สถานการณ์ของผู้หญิงสองคนก็ปลอดภัยมากเช่นกัน
ดวงตาของกู่ฉิงซานจับจ้องแผ่นหลังของเหล่าหลี่ขณะตรวจสอบปืนอย่างละเอียด
นี่คือปืนไรเฟิลสไนเปอร์ที่เก่าแก่และคร่ำครึมาก
กู่ฉิงซานเคยลองเกราะจักรกลมาก่อน อีกทั้งยังเคยสร้างกลไกสำคัญยิ่งอย่างเซราฟมาก่อน สำหรับอาวุธปืน มันเป็นอาวุธพื้นฐานที่สุดที่เข้าใจได้ง่าย
ปืนไรเฟิลสไนเปอร์บนแผ่นหลังของเหล่าหลี่โจมตีศัตรูได้ในระยะแปดร้อยถึงหนึ่งพันเมตรเท่านั้น สามารถสังหารศัตรูขนาดเล็กได้ ไม่มีประสิทธิผลกับเบเฮโมทจักรกลที่เต็มไปด้วยโลหะผสม
แม้กระทั่งปืนสไนเปอร์ที่อยู่นอกเหนือระยะการมองเห็นก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้
แต่เมื่อมองดูท่าทีทะนุถนอมของเหล่าหลี่ ปืนไรเฟิลสไนเปอร์กระบอกนี้น่าจะอยู่ข้างกายมานานและเป็นอาวุธโจมตีหลัก
…ช่างอ่อนแอเหลือเกิน
พวกเขาดูเหมือนจะขาดคน แถมยังหาเจอแค่ผู้หญิงที่ไม่มีประโยชน์
นี่สามารถยืนยันนิสัยและสภาพแวดล้อมของคนเหล่านี้ได้ในแง่มุมหนึ่ง
ประกอบกับกล่องเนื้อวัวและหมูที่รอดชีวิตอยู่บนรถบรรทุก
การเริ่มต้นแบบนี้ดูไม่เลวนัก
กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อย
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
ด้านนอก ชายผมบลอนด์มอบกระป๋องให้ทุกคน จากนั้นก็หันไปที่รถบรรทุกเพื่อหยิบขวดไวน์หนึ่งขวดกับแก้วสี่ใบออกมา
“อย่าดื่มมากไปล่ะ ทุกคนดื่มได้มากสุดหนึ่งแก้ว” เหล่าหลี่เตือน
พวกเขาชนแก้วก่อนดื่มไวน์
มีเสียงเกิดขึ้นไม่ไกลกันนัก
หลายคนตื่นตัวทันที
พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตูของบ้านที่ถูกไฟไหม้
“ช่วย…ช่วยด้วย…”
ชายคนนั้นพิงกับราวบันไดขณะอ้าปากค้าง
“อย่าขยับ!”
“ไม่ใช่สัตว์ประหลาด”
“อยู่ตรงนั้น อย่าขยับ!”
“รอเดี๋ยว นั่นคนที่รอดชีวิต”
พวกเขาตะโกนกันอย่างบ้าคลั่งก่อนรีบหยิบอาวุธออกมา
ขณะยืนอยู่ตรงนั้น กู่ฉิงซานอดที่จะพูดอะไรไม่ออกอยู่เล็กน้อย
การตอบรับของคนเหล่านี้ไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย
ในระดับพวกเขา หากเผชิญหน้ากับมือสังหารตัวจริง…อย่างจางยิงเหา ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะถูกสังหารไปแล้วกี่ครั้ง
“ช่วย…ด้วย…”
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ มีปัญหาอะไรหรือ” ชายผมดำถามเสียงดัง
“หิวน้ำ…” กู่ฉิงซานตอบ
ทั้งสี่คนมองหน้ากัน
ชายผมบลอนด์หยิบกล้องส่องทางไกลออกมาสังเกตกู่ฉิงซานอย่างละเอียด
“เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนจะแค่ไม่มีเรี่ยวแรงเฉยๆ ”
“แววตาไม่เปลี่ยน เป็นคนธรรมดา”
ขณะสังเกตการณ์ ชายผมบลอนด์พูดกับคนอื่นอีกหลายคน
“เอาน้ำไปให้เขาดื่ม” ชายผมดำกล่าว
“แต่น้ำที่พวกเราเอามามีจำกัดนะ” เหล่าหลี่กล่าว
“งั้นให้เขาดื่มไวน์” ชายผมดำกล่าว
“ไม่ได้ ร่างกายของเขามีอาการขาดน้ำมากแล้ว พากลับไปที่ฐานแล้วให้น้ำกับเขา” หญิงสาวกล่าว
“ไกลเกินไป ให้ดื่มไวน์ดับกระหายไปก่อน” เหล่าหลี่ยืนกราน
“นายจะให้ดื่มไม่ได้ ดื่มไปก็ไม่ได้ดับกระหายหรอก แถมจะส่งผลต่อจิตใจที่อ่อนแออีกด้วย” ชายผมดำส่ายหน้าเช่นกัน
ชายผมบลอนด์ร่วมวงพูดคุย “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ความจริง ในยุคโบราณ ผู้คนหวาดกลัวการปนเปื้อนของน้ำ พวกเขาเลยทำสุราขึ้นมาดื่มแทน”
กู่ฉิงซานฟังคนเหล่านี้โต้เถียงกันเงียบๆ
เมื่อเห็นว่าดวงตะวันกำลังคล้อยต่ำ ราตรีมาเยือนอย่างช้าๆ
ถ้าจริงอย่างที่พวกเขาพูด ตอนกลางคืนต้องอันตรายแน่ๆ นั่นไม่ใช่เรื่องดีนักหากจะอยู่ที่นี่
พวกเจ้าอยากเสียเวลาอยู่ที่นี่งั้นหรือ
กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างเงียบงัน
“น้ำ ขอน้ำ…ให้ผมหน่อย”
หลังจากกล่าวเช่นนี้ เขาเข้าสู่อาการสาหัสทันที
การโต้เถียงระหว่างสี่คนหายไปสิ้น
“พาเขากลับไปและให้ดื่มน้ำ”
เหล่าหลี่ตัดสินใจในตอนท้าย
…
เขากระแทกไปตลอดทาง
ใครบางคนเปิดปากเขาก่อนเทน้ำลงไป
กู่ฉิงซานดื่มไปหลายอึกก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ
หญิงสาวอายุสิบหกถึงสิบเจ็ดปีกำลังป้อนน้ำเขาอยู่
“คุณได้สติแล้วหรือ ดื่มน้ำเองได้หรือเปล่า” หญิงสาวถามอย่างหวาดกลัว
“ได้”
กู่ฉิงซานพยายามนั่งบนโซฟา รับแก้วมาแล้วดื่มน้ำที่อยู่ข้างในเข้าไป
รู้สึกดีขึ้นเยอะ
“เอาน้ำอีกหรือเปล่า”
“เอา”
หญิงสาวอีกคนส่งขวดน้ำแร่มาให้
กู่ฉิงซานรับขวดน้ำมา บิดเกลียวออกแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
ด้วยน้ำจำนวนมาก ในที่สุดร่างกายก็ฟื้นคืนกลับมาเล็กน้อย
“ขอบคุณมาก ขอบคุณที่ช่วยผม”
กู่ฉิงซานมองหญิงสาวสองคนก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มออกมา
“ไม่หรอก พวกฉันก็ถูกช่วยเอาไว้เหมือนกัน” หญิงสาวกล่าว
กู่ฉิงซานหันศีรษะมามองอีกฝั่งแล้วถามว่า “พวกคุณเป็นคนช่วยผมไว้สินะ”
ตรงข้ามเขา ทั้งสี่คนมองมาอย่างระแวดระวัง
กู่ฉิงซานสงบลงมาก
เขารับรู้ถึงนิสัยคร่าวๆ ของคนเหล่านี้แล้ว ขอแค่จัดการอย่างรอบคอบก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ชายผมบลอนด์ถือกริชในมือ
ที่มือของหญิงสาวคล้ายกับถืออาวุธเอาไว้ สายตาของนางจับจ้องกับกู่ฉิงซาน
ชายผมดำอยู่ตรงหน้า เหล่าหลี่พิงอยู่ด้านหลังเล็กน้อย พวกเขาวางอาวุธไว้ที่ขา
เป็นรูปแบบการระวังตัวที่ดี
กู่ฉิงซานลอบชื่นชม
ดูท่านอกเหนือจากการทะเลาะกันแล้ว พวกเขายังมีความสามารถพอสมควร
นั่นเป็นการตัดสินจากมาตรฐานของคนธรรมดา
“พ่อหนุ่ม คุณทำหน้าที่อะไร” เหล่าหลี่ถามก่อน
“เป็นนักวิทยาศาสตร์” กู่ฉิงซานตอบ
หลายคนตกตะลึง
ไม่คิดเลยว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้
“คุณมาจากที่ไหน” ชายผมดำถาม
“ทางหลวงทิศตะวันออกเฉียงใต้”
“ทางนั้นไม่ราบเรียบเสียด้วยสิ” ชายผมบลอนด์ขมวดคิ้ว
“แถมมีพวกกากเดนอีกด้วย” หญิงสาวพึมพำเสียงต่ำราวกับอารมณ์อยู่ผิดที่ผิดทางเล็กน้อย
กู่ฉิงซานตอบทันทีว่า “ใช่ พาหนะของผมถูกปล้นไปก็เลยต้องเดินมาถึงที่นี่จนเกือบตายกลางทาง”
“พวกมันไม่ฆ่าเจ้าหรือ”
“ตอนนั้นผมขับคันใหญ่ไป พอเห็นพวกมันบางส่วนจากไกลๆ ผมรีบฝังตัวเองลงในทรายอย่างรวดเร็ว พวกมันค้นหาสักพัก ดวงอาทิตย์ร้อนแรงมาก พวกมันทนไม่ไหวก็เลยเอารถผมไป”
“ฉลาดไม่เบา…คุณบอกว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ คุณกำลังวิจัยอะไรล่ะ”
“อาวุธ”
“ปืนหรือ”
“ไม่ ก้าวหน้ายิ่งกว่านั้น” กู่ฉิงซานตอบ
“เครื่องบินขับไล่ รถถังหรือปืนใหญ่” ชายผมดำถาม
กู่ฉิงซานยิ้ม
ในมุมมองของอีกฝ่าย นี่นับเป็นผลงานระดับสูงสุด
ตอนนี้เป็นไปได้ที่จะสรุปว่าระดับเทคโนโลยีของโลกนี้คล้ายกับที่เขาคาดการณ์เอาไว้
พวกเขาเพิ่งเริ่มสัมผัสกับอาวุธความร้อนมาได้ไม่เกินสามร้อยปี จักรกลยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเช่นกัน
จักรกล…
กู่ฉิงซานอดที่จะจมสู่ความทรงจำไม่ได้
ความจริง ในยุคโบราณ อาวุธต่อสู้เพียงชิ้นเดียวอย่างจักรกลก็ไม่เคยเป็นที่โปรดปรานของผู้ชำนาญการทหารอยู่แล้ว
ขีปนาวุธลูกเดียวสามารถแก้ปัญหาได้หลายอย่าง
มูลค่าของเกราะศึกเคลื่อนที่สูงยิ่งกว่าขีปนาวุธหลายพันเท่า
อาวุธเข้ามาแทนที่เกราะศึกเคลื่อนที่ พวกมันบรรลุเป้าหมายทางทหารโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
แสดงว่าไม่มีใครยอมใช้พลังงานหลายร้อยเท่าเพื่อสร้างเกราะศึกเคลื่อนที่ขึ้นมา
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน
จนกระทั่งเทคโนโลยีพัฒนาจนถึงระดับที่เกราะศึกเคลื่อนที่สามารถปรากฏตัวด้วยบทบาทที่คล้ายกับ “ซูเปอร์ฮีโร่” ได้ก่อนจะเข้าสู่สายตาสาธารณชนอีกครั้ง
อารยธรรมทางเทคโนโลยียังคงดำเนินต่อไป
ปัญหาค่าใช้จ่ายของเกราะศึกเคลื่อนที่ได้รับการคลี่คลาย ปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่การออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ
จักรกลสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งด้วยตัวเองได้ก่อนเข้ามาแทนที่ผู้คนแทบจะทุกอย่าง มนุษย์เข้าสู่ยุคแห่งความสุขสบาย
เมื่อจักรกลเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของมนุษย์ ความขัดแย้งภายในของมนุษย์จึงยิ่งหยั่งรากลึกมากขึ้น เพราะความแตกต่างทางระดับวิทยาศาสตร์และการพัฒนาเทคโนโลยีในหลายประเทศ ความสามารถของเกราะศึกเคลื่อนที่จึงแตกต่างกันมากเช่นกัน
ภายหลัง สงครามจึงได้เกิดขึ้น
เกราะศึกเคลื่อนที่จำนวนมากเข้ามาแทนที่มนุษย์ในการต่อสู้อย่างรุนแรงครั้งใหญ่ที่ดุเดือดมากกว่าครั้งไหนๆ
วันหนึ่ง สถานการณ์กลับตาลปัตร
มีการค้นพบว่าเมื่อจักลกรสงครามขนาดใหญ่เข้าสู่สงคราม บางครั้งก็กระจายกำลัง บางครั้งก็หาตัวได้ยากยิ่ง
สิ่งที่เป็นตัวแทนสูงสุดอย่างเกราะศึกเคลื่อนที่นั้นกลับติดต่อสื่อสารกันเอง
พวกมันสร้างภาษาจักรกลที่มนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้ขึ้นมาก่อนทำการเรียนรู้และคัดลอกให้กัน จากนั้นทำการสร้างการวิวัฒนาการคล้ายเครื่องจักรขึ้นมา
มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจการสื่อสารของเกราะศึกเคลื่อนที่เหล่านี้ได้
เกราะศึกเคลื่อนที่เข้าใจมนุษย์และเข้าใจสงครามเป็นอย่างดี
ในเวลาเดียวกัน พวกมันเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งโลก เรียนรู้และสังเกตการณ์โครงสร้างสังคมมนุษย์กับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนรู้สึกถึงความสยองขวัญอย่างแท้จริงจากเทคโนโลยีขึ้นมา
สงครามสิ้นสุดลงทันที
นับจากนั้นเป็นต้นมา แกนปัญญาอิสระของเกราะศึกเคลื่อนที่ได้ถูกลบล้าง เกราะศึกแต่ละตัวต้องถูกควบคุมและดูแลโดยมนุษย์เท่านั้น
นี่คือกฎเกณฑ์แรกอันโด่งดังของเกราะศึกเคลื่อนที่: คำสั่งของมนุษย์มีอิทธิพลต่อทุกการกระทำของเครื่องจักร
“พวกคุณรู้จักจักรกลหรือเปล่า”
กู่ฉิงซานตื่นจากความทรงจำก่อนถามออกไป
“คุณจะบอกว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์จักรกลหรือ” เหล่าหลี่ถาม
“ใช่แล้ว” กู่ฉิงซานพยักหน้า
“น่าเสียดายที่พวกฉันไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ที่นี่” เหล่าหลี่กล่าวอย่างเสียดาย
“ถ้างั้น ตัวตนของคุณก็ไม่ได้รับการยืนยัน พวกฉันจึงเชื่อใจไม่ได้” หญิงสาวกล่าว
ชายผมบลอนด์กล่าวเช่นกันว่า “ถ้าคุณมาจากพวกกากเดนนั่นแล้วมาที่นี่เพื่อมาจัดการพวกฉันโดยเฉพาะล่ะก็…”
บรรยากาศพลันเคร่งขรึมทันที
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “ที่จริง มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะยืนยันตัวตนของผม…ผมรู้บางสิ่งเกี่ยวกับเครื่องจักร พวกคุณสามารถทดสอบผมได้”
“คุณจะให้ทำยังไง” เหล่าหลี่ถาม
“แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ” กู่ฉิงซานอ้าแขนขณะถามกลับ
ตราบที่มีวัตถุดิบและเวลาที่มากพอ ย่อมสามารถสร้างอาวุธโบราณทรงพลังขึ้นมาได้
ก็แสดงมันออกมาที่นี่เสียสิ!
หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับท่าทางและการแสดงของเขา
สมาชิกกลุ่มพวกนั้นไม่รู้เรื่องทักษะเครื่องจักร ก่อนจะเข้าสู่วันโลกาวินาศ พวกเขาก็ยังเป็นแค่อันธพาล
หลายคนมองหน้ากัน
“คุณสามารถสร้างสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับเครื่องจักรได้จริงหรือ” ชายผมดำถาม
“ผมไม่กล้าพูดว่าสร้างได้ทั้งหมด แต่ด้วยระดับของผมในสาขาเครื่องจักร น่าจะสามารถพอรับได้ ไม่ใช่ปัญหาที่จะรับมือกับสถานการณ์พวกนั้น” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างถ่อมตัว
ของโบราณเป็นสิ่งที่เรียบง่ายมาก แต่มันไม่ได้หมายรวมว่าต้องเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่นี่คือโลกดิน อาจจะมีหลายสิ่งที่ยังไม่เคยรู้อยู่ก็ได้ แค่ต้องทำการสำรวจไปอย่างช้าๆ
“งั้น คุณสามารถซ่อมได้หรือไม่” หญิงสาวถาม
ซ่อมหรือ
การซ่อมง่ายยิ่งกว่าการผลิต นั่นก็เพราะโครงสร้างเครื่องจักรทั้งหมดอยู่ตรงหน้าแล้ว แค่ต้องหาปัญหาแล้วคลี่คลายมันก็เท่านั้น
ไม่ว่าจะรถบรรทุกหรืออาวุธปืนหรือแม้กระทั่ง “การซ่อม” รถขุดเพื่อช่วยให้พวกเขาจัดการกับที่กั้นถนนได้ มันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับกู่ฉิงซานมาก
กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ผมเก่งเรื่องการซ่อมของอยู่แล้ว”
หลายคนมองหน้ากันอีกครั้ง พวกเขาเผยความยินดีออกมา
บรรยากาศในห้องผ่อนคลายมากขึ้น
“ขอบคุณพระเจ้า ผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่นี่แล้ว…ห้องน้ำของพวกฉันเสียมานานแล้วน่ะ” ชายผมดำกล่าวอย่างจนใจ
กู่ฉิงซานตัวแข็งทื่อ