Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 656 ดาบแฝด
กู่ฉิงซานบินกลับลงมายังวังร้อยบุปผา
ณ เวลานี้ ภายในโถงร้อยบุปผาได้จมลงสู่ความเงียบงันไปแล้ว
เพราะทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน เหลือเพียงนางเซียนไป่ฮั่วผู้เดียวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หมื่นบุปผา
นางเซียนไป่ฮั่ววางศอกลงบนพนัก โน้มตัวลงวางแก้มแนบกับมือและกล่าว “ถึงเจ้าจะบอกเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง แต่ข้าเกรงว่ามันอาจจะไร้ประโยชน์อยู่ดี”
กู่ฉิงซานหัวเราะ “ศิษย์พี่ใช้เวลาส่วนใหญ่เอาแต่เล่น แต่ข้าเชื่อว่าตราบใดที่เขาตั้งใจจริง เขาย่อมสามารถเข้าใจในสิ่งที่ข้าจะสื่อได้อย่างแน่นอน”
ระหว่างกล่าว จู่ๆ เมฆครึ้มก็เริ่มปรากฏขึ้นมาจากสุดขอบฟ้าไกล
ฝนที่แต่เดิมตกปรอยๆ บัดนี้เริ่มตกหนักขึ้น
ค่ำคืนอันสงบสุขเกิดแปรผัน เป็นสัญญาณของพลังงานบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
ชั่วเวลานั้นเอง
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าพลันฟาดผ่าลงมา
“นี่มันทัณฑ์สวรรค์ ไม่คาดหวังเลยว่ามันจะมาเร็วถึงขนาดนี้” กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
นางเซียนไป่ฮั่วแสดงออกถึงความสุขบนใบหน้า “ข้าหวังว่าเขาจะตั้งใจฝึกยุทธ์เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่รีบหมดไฟไปเสียก่อน ”
เธอปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะ เพื่อสังเกตฉินเซี่ยวโหลวที่อยู่บนว่าว ดวงตาของเธอปิดลง ไร้ซึ่งผลกระทบใดๆ จากสายลมและสายฝน ทั้งคนทั้งร่างดูจริงจังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ข้าคิดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ทัณฑ์สวรรค์ของเซี่ยวโหลวจึงจะจบลง ฉิงซาน ระหว่างนี้ก็จงเอ่ยธุระของเจ้ามา”
“อาจารย์ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีบางสิ่งในใจจะเอ่ยถาม?” กู่ฉิงซานสงสัย
“ดูด้วยสายตาก็รู้” เซี่ยเต๋าหลิงมองเขาและกล่าว “ตั้งแต่ข้ากลับมา ก็เห็นว่าเจ้าคล้ายมิได้อยู่ในห้วงอารมณ์ที่ดีนัก”
กู่ฉิงซานเงียบไป สุดท้ายก็สารภาพด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้ามิอาจเล็ดลอดสายตาของท่านอาจารย์ไปได้จริงๆ”
เขาตบลงในถุงสัมภาระ หยิบกล่องหยกยาวออกมาและเปิดมัน
ปรากฏให้เห็นถึงดาบพิภพที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวถูกวางไว้ในนั้นอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานกล่องหยกขึ้น และมอบมันให้แก่เซี่ยเต๋าหลิง
“ดาบพิภพ? เหตุใดมันจึงได้รับความเสียหายร้ายแรงขนาดนี้?” เซี่ยเต๋าหลิงอุทานเบาๆ
เธอบินลงมาจากบัลลังก์หมื่นบุปผา ตกลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน และเริ่มตรวจสอบดาบยาวอย่างระมัดระวัง
“มันแทบจะพังทลายลงแล้ว…นี่ไม่น่าเป็นไปได้ ก่อนหน้านี้เจ้าพานพบสิ่งใดมาหรือ?” นางเซียนทั้งตอบและถาม
กู่ฉิงซานบอกเล่าเรื่องราว “พวกเราบังเอิญได้ไปเผชิญกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์ ในโลกที่ถูกทิ้งไว้โดยเหล่าทวยเทพ ช่วงเวลานั้น มอนสเตอร์เกือบจะเอาชีวิตข้า ดาบพิภพจึงเร่งทุ่มเต็มกำลัง ดูดซับแต้มพลังวิญญาณทั้งหมดที่ข้ามี รวมพลังกันสังหารสัตว์ประหลาดตัวนั้นลงได้ในที่สุด”
ในหลากหลายเรื่องราว กู่ฉิงซานไม่คิดซ่อนความจริงจากเซี่ยเต๋าหลิง
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องของร่างใหญ่และมอนสเตอร์ตนนั้น เขาจะไม่ยินยอมอธิบายถึงรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับมัน
กระทั่งก่อนหน้านี้ ที่เขายอมเล่าถึงเรื่องของระบบ กู่ฉิงซานก็แค่เล่าแบบคลุมเครือ และไม่ได้บอกถึงที่มาของระบบของเทพสวรรค์
เพราะความลับบางอย่าง ตราบใดที่ส่งเสียงพูดออกมา การดำรงอยู่อันลึกลับอาจจะสังเกตเห็นถึงมิติและเวลาที่เขาอยู่ก็เป็นได้
สำหรับกู่ฉิงซาน มอนสเตอร์ตัวนั้นมันประหลาดมากเกินไป กู่ฉิงซานจึงไม่ต้องการบอกเรื่องนี้กับใคร
นี่หาใช่เรื่องความไม่ไว้วางใจไม่ แต่เป็นความห่วงใยที่เขามีต่อผู้คนรอบตัวต่างหาก
การเก็บงำความลับนี้เอาไว้ ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยปกป้องร่างใหญ่ แต่ยังสามารถช่วยปกป้องผู้คนจากนิกายร้อยบุปผา ที่ไม่ล่วงรู้ถึงความลับนี้ ไม่นำพาอันตรายใดๆ มาสู่พวกเขา
เซี่ยเต๋าหลิงยื่นมือออกมา และลูบไล้ไปตามตัวดาบพิภพ กล่าวอย่างแผ่วเบา “มันกำลังจะตาย”
“ไม่จริง นั่นมันเป็นไปไม่ได้!” กู่ฉิงซานสวนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ไม่หรอก นี่เป็นเรื่องจริง สันดาบของตลอดทั้งดาบพิภพได้กลายเป็นสีขาวอมเทาแล้ว และจิตแห่งดาบเองก็อยู่ในสถานะไร้สติโดยสิ้นเชิง คงสามารถยื้อชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”
เซี่ยเต๋าหลิงถอนหายใจ “มันได้รับความเสียหายร้ายแรง แต่ก็สามารถช่วยปกป้องชีวิตเจ้าเอาไว้ได้…ถือว่ามันได้ทำหน้าที่ตนเองอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“อาจารย์ ท่านสามารถซ่อมมันได้หรือไม่?”
“มันได้กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ข้าเองก็มิทราบวิธีในการซ่อมแซมมัน และเกรงว่าบางทีตลอดทั้งโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ ก็คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงวิธีการซ่อมแซมมัน” เซี่ยเต๋าหลิงส่ายหัว
ในจิตใจของกู่ฉิงซานกลายเป็นว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง
ดาบพิภพคือดาบของนิกาย เป็นดาบที่ท่านอาจารย์ไว้วางใจมอบมันให้แก่เขาด้วยตนเอง
กู่ฉิงซานเคยคิดว่า หากนำดาบพิภพกลับมา ท่านอาจารย์จะต้องมีวิธีในการซ่อมแซมมันอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความปรารถนาที่เขาคิดไปเองเสียแล้ว
ในความเป็นจริง ในหัวใจของเขาเองก็ยังตระหนักดี ว่าการที่ตัวดาบแตกร้าวถึงขนาดนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะซ่อมแซม
แต่เขาก็แค่ยังลังเล ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน
กู่ฉิงซานค่อยๆ ก้มหน้าลง
ตลอดทั้งเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ของเขา ก็มีดาบพิภพนี่แหละที่ร่วมทางเดินมาด้วยกันตั้งแต่เริ่มต้น
แต่สุดท้ายเขากลับตอบแทนมันเช่นนี้หรือ?
หลายต่อหลายครั้งหากไม่มีดาบพิภพ ตนเองก็ไม่ทราบว่าจะรอดชีวิตมาได้หรือไม่
ตัวอย่างเช่นในช่วงเวลาที่สังหารเซ่าหวูชุ่ย หากมิใช่เพราะอำนาจของดาบพิภพ เขาคงไร้ซึ่งความหวังที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามให้ตกตายลงในกระบวนท่าเดียว
บังเกิดความเงียบงันขึ้นในห้องโถง
เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กังวานไปทั่วทุกสถานที่ แต่กู่ฉิงซานก็ยังนิ่งงันอยู่อย่างนั้น คล้ายกับไม่รับรู้ถึงสิ่งใดเลย
ดาบพิภพ
เขาไม่สามารถช่วยอะไรมันได้…
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มฟุ้งไปด้วยความเศร้าหมอง
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอาจารย์”
เขาโค้งกายคำนับนางเซียนไป่ฮั่ว “ข้าต้องไปแล้ว”
“ไป? เพิ่งจะกลับมาก็จะไปเสียแล้วหรือ?” นางเซียนไป่ฮั่วอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ แค่ได้กลับมาแล้วเห็นว่าท่านอาจารย์ยังสุขสบายดี เซี่ยวโหลวมีความก้าวหน้า ซิวซิวกำลังเติบใหญ่ และได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฉินรั่วและว่านเอ๋อ ข้าก็ไม่สิ่งใดต้องกังวลอีกแล้ว”
“แล้วเจ้าจะไปที่ใด?”
“ท่องไปในหมื่นโลกา เพื่อสรรหาวิธีซ่อมแซมดาบพิภพ”
“ดาบพิภพหาใช่ดาบทั่วๆ ไปไม่ มันมิใช่สิ่งที่ผู้ใดก็ได้จะสามารถซ่อมแซม ข้าเกรงว่ามันจะจากไปเสียก่อนที่เจ้าจะค้นพบผู้ที่ซ่อมแซมมัน”
“แต่นี่คือดาบข้า มันเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ดังนั้นยามนี้ข้าก็จะต้องช่วยชีวิตมันเช่นกัน”
กู่ฉิงซานกล่าว เขาประสานหนึ่งกำปั้นหนึ่งฝ่ามือให้แก่อีกฝ่าย
“ท่านอาจารย์ โปรดอนุญาตให้ข้าออกไปด้วย”
เซี่ยเต๋าหลิงมองเขาและเอ่ยถาม “เจ้าจะออกค้นหาโดยวิธีใด?”
กู่ฉิงซานกล่าว “ข้าจะกลับไปยังสมาคมกำปั้นเหล็ก จากนั้นก็จะใช้ช่องทางมิติของโลกมิติอนันต์ออกค้นหาสหายของแบรี่ ไปปรึกษาพวกเขาว่าพอจะมีทางออกหรือไม่”
เซี่ยเต๋าหลิงจมอยู่ในการตริตรองอย่างลึกล้ำ
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง แสงจากสายฟ้าฟาดสาดเข้ามาในห้องโถงใหญ่
ระหว่างช่วงเวลาของประกายสายฟ้า กู่ฉิงซานสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงความลังเลบนใบหน้าของเซี่ยเต๋าหลิง
ท่านอาจารย์มักจะมีความคิดที่ดี และตัดสินใจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว แต่วันนี้เหตุใดกัน ทำไมนางถึงได้เผยถึงการแสดงออกเช่นนี้?
กู่ฉิงซานคิดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ในเวลานั้นเอง ตาของเซี่ยเต๋าหลิงก็ตรึงอยู่กับร่างของกู่ฉิงซานอีกครั้ง
เธอจ้องมองกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ ปากเอ่ยถามเสียงกระซิบ “ฉิงซาน ในเมื่อเจ้าได้เดินทางไปในอาณาจักรทั้งหมื่นโลกามาแล้ว เช่นนั้นเจ้าเคยคารวะผู้อื่นหรือไม่? เคยได้เข้าสู่นิกายอื่นๆ อย่างเป็นทางการหรือเปล่า?”
ไม่รีรอให้กู่ฉิงซานเอ่ยปาก เธอก็อธิบายในสิ่งที่เพิ่งกล่าวไป “ข้าไม่ถือโทษใดๆ หากเจ้าคิดศึกษาเรียนรู้จากผู้อื่น ตลอดทั้งหมื่นโลกามีตัวตนทรงอำนาจที่ควรค่าคารวะและเข้ารับการเรียนรู้จากพวกเขาอยู่มากมาย ฉะนั้นการที่เจ้าจะเข้าไปอยู่ในนิกายฝึกยุทธ์อื่นๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“ไม่เคยขอรับ” กู่ฉิงซานตอบ
เซี่ยเต๋าหลิงพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังคิดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ถอนหายใจ “อันที่จริงแล้ว…วิธีการของเจ้ามันไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นเหล่าจ้าววงการ ก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถซ่อมแซมดาบพิภพได้”
เธอวาดมือออกไป จัดวางค่ายกลปิดกั้นนับสิบ ปิดผนึกตลอดทั้งโถงร้อยบุปผาด้วยวิชาลับ
“จากนี้ไป พวกเราจะสื่อสารกันด้วยจิตสัมผัสเทวะเท่านั้น เจ้ามิต้องเอ่ยคำใดออกมา”
เซี่ยเต๋าหลิง “ดาบเล่มนี้สามารถสะบั้นสิ่งใดได้บ้าง? ฉิงซาน เจ้ารู้หรือไม่?”
เมื่อเห็นถึงความระแวดระวังของท่านอาจารย์ กู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างรอบคอบก่อนจะตอบกลับไป
ในอดีต ครั้งหนึ่งดาบพิภพได้เคยสังหารผู้คุมวิญญาณระดับต่ำจากในประภพมาก่อน
ซึ่งผู้คุมวิญญาณ แม้จะมีระดับต่ำ แต่แท้จริงแล้วก็ถูกจัดว่าเป็นผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ
กู่ฉิงซานตอบผ่านจิตสัมผัสเทวะ “ดาบพิภพ…ดูเหมือนว่ามันจะสามารถสังหารลูกหลานของทวยเทพได้”
เซี่ยเต๋าหลิงมองเขา แต่มิได้เอ่ยคำใด
กู่ฉิงซานนิ่งไปสักพัก และทันใดนั้นเอง ก็เหมือนกับว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
“จริงสิ! ในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นน่ะ ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทวยเทพ แต่ดาบเล่มนี้กลับสามารถสังหารผู้สืบสายโลหิตจากพวกเขาได้ นี่มันแปลกเกินไป”
“เพราะมันไม่มีใครหรอก ที่คิดสร้างอาวุธที่สามารถใช้ฆ่าลูกหลานของตนเองขึ้นมา”
กู่ฉิงซานกำลังคิดอย่างลับๆ
ในเวลานี้ เซี่ยเต๋าหลิงก็ส่งเสียงผ่านความคิดกลับมา “นี่คือดาบประจำนิกายในครั้งอดีตของข้า มันเป็นดาบที่ได้รับการเคารพบูชา ที่บรรพบุรษนิกายได้นำมาจากโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์”
“หากคิดจะซ่อมแซมดาบเล่มนี้ เจ้าจะต้องเดินทางไปยังโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ เพื่อค้นหาอีกครึ่งหนึ่งของมัน”
กู่ฉิงซานเฝ้ามองอาจารย์ตน แต่ก็ยังไม่สามารถกลั่นกรองในสิ่งที่เธอกล่าวได้
อดีตนิกาย?
โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์?
อีกครึ่งหนึ่งของมัน?
ในสองประโยคข้างต้น ข้อมูลที่อัดแน่นอยู่ในมันมีมากเกินไป
“ทุกคนต่างก็คิดกันว่าโลกสวรรค์ได้ถูกทำลายลง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
“ทว่าในโลกทั้งใบ กลับยังคงมีข้า ศิษย์คนสุดท้ายแห่งวังสวรรค์เมฆาวิเวก ที่รู้ว่ามันมิได้เป็นเช่นนั้น”
“ดังนั้น หากเจ้าต้องการซ่อมแซมดาบพิภพ เจ้าก็จะต้องก้าวเข้าสู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ และพยายามเฟ้นหาแฝดของดาบพิภพ”
“ดาบเล่มนั้นถูกเรียกกันว่า ‘ดาบนภา’”
“นภาและพิภพ…สวรรค์และปฐพี มีเพียงสองดาบนี้เท่านั้นที่สามารถตัดสะบั้นเทพบรรพกาลได้”
“ฉิงซาน เดิมทีข้าไม่ต้องการบอกเรื่องเหล่านี้กับเจ้า แต่ข้ารู้ดีว่าเจ้าคือผู้ฝึกดาบ และดาบคือทุกสิ่ง ดังนั้น หากจะให้ต้องออกไปภายนอก เผชิญกับความเศร้าโศกที่มิอาจช่วยเหลือดาบพิภพจนมันสิ้นใจลงได้แล้วล่ะก็ เช่นนั้นข้าขอบอกความจริงข้อนี้แก่เจ้าเสียดีกว่า”
ใบหน้าของเธอเผยถึงความอ่อนโยน “ดาบพิภพอยู่คู่กับข้ามานาน และเจ้าเองก็เป็นศิษย์ข้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไร”
“อาจารย์ แล้วท่านเคยไปยังสถานที่แห่งนั้นหรือไม่?” กู่ฉิงซานถาม
“แน่นอนว่าข้าเคยไปที่นั่น อันที่จริงแล้วผู้นำวังสวรรค์เมฆาวิเวกแต่ละรุ่น ทุกคนจะได้รับโอกาสให้เข้าสู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ มิฉะนั้นแล้วเจ้าคิดว่าข้าสามารถเรียนรู้สกิลเทวะแห่งหกวิถีมาได้มากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
เซี่ยเต๋าหลิงเผยถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแย้ม “เมื่อครั้งอดีต ข้าเคยเป็นสาวกของวังสวรรค์เมฆาวิเวก เคยได้อ่านหนังสือโบราณของนิกายที่กล่าวกันถึงทฤษฎีเกี่ยวกับเทพวิญญาณ เดิมทีแล้วข้าคิดว่านิกายข้าช่างอวดโอ้ยิ่งนัก”
“จนกระทั่งข้าได้ค้นพบว่ามันเป็นเรื่องจริง เมื่อได้เดินทางเข้าสู่โลกใบนั้น”
………………………………….