Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ - ตอนที่ 700 ไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อน
- Home
- Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์
- ตอนที่ 700 ไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อน
ภายในวิหารแห่งความตาย
เหรียญโบราณกำลังถูกเล่น พลิกกลับไปกลับมาบนห้านิ้วมือ
แต่ละนิ้วพลิกสลับเหรียญไปมาอย่างคล่องแคล่ว และสุดท้ายก็ดีดมันเด้งออกไปเบื้องหน้า
ติ๊ง
เหรียญโบราณเด้งไปยังใจกลางโต๊ะกลมขนาดใหญ่ ทว่าเมื่อตกกระทบ มันก็ยังคงหมุนวนอยู่อย่างนั้น มิได้คว่ำลงมาแต่อย่างใด
ภายในโถงของตัววิหาร บรรยากาศชวนน่าอึดอัด ทุกคนแทบจะไม่กล้าหายใจ
เหรียญยังคงหมุนอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดความสนใจของทุกผู้คน
เป็นเวลานานกว่า เสียงที่น่าเกรงขามก็ดังขึ้น
“นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของทางคริสตจักรเรา แต่พอเส้นทางสู่การเป็นทวยเทพถือกำเนิดขึ้น มันเลยถูกลืมเลือนไปชั่วคราว”
เสียงได้หยุดลง
แต่ยังคงไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร
สักพัก ชายในชุดคลุมดำก็ก้าวออกมา คุกเข่าข้างหนึ่งลงข้างๆ โต๊ะกลม
“ขออภัยจริงๆ ท่านพระสันตะปาปา เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของข้าเอง ฉะนั้นได้โปรดท่านลงโทษในความผิดบาปครั้งนี้ด้วย” เกรย์แฮนด์กล่าว
ซึ่งเกรย์แฮนด์ คือหนึ่งในแปดบิชอปของคริสตจักรแห่งความตาย
เขาย่อกายคุกเข่า น้อมรับความผิดพลาด
บรรยากาศภายในห้องโถงจึงค่อยคลายลง
ด้วยความกังวลเล็กน้อย พระสันตะปาปาเอ่ยปาก “เกรย์แฮนด์ ข้าได้ยินมาว่าลูกศิษย์ของเจ้าเองก็ตกตายลงใช่หรือไม่ จงอย่าได้โศกเศร้าไปเลย”
“เขาไม่อาจทำหน้าที่ของตัวเองได้ ฉะนั้นความตายจึงนับว่าเหมาะสมแล้ว” เกรย์แฮนด์ตอบ
“แล้วเจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อไป?” พระสันตะปาปาถาม
“ข้าจะออกไปตามล่าคนที่ทำลายแผนการอันยิ่งใหญ่ของพวกเราด้วยตัวเอง และช่วงชิง ‘ไพ่’ กลับมา”
“ไปด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ? ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ายังไม่ถูกจุดประกายเลยไม่ใช่หรือไง?” พระสันตะปาปาย้อน
“นั่นก็จริง แต่มันไม่มีทางเลือก” เกรย์แฮนด์ถอนหายใจ
ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน
หากเกรย์แฮนด์ออกไปลงมือด้วยตนเองในตอนนี้ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องล้มเลิกการจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กลางคัน
นี่เท่ากับเป็นการละทิ้งเส้นทางสู่การเป็นเทพ นับว่าเป็นบทลงโทษตนเองที่ร้ายแรงที่สุด
แต่ใครจะสามารถตำหนิเรื่องนี้ได้?
ในความเป็นจริง หากมิใช่เพราะเกรย์แฮนด์มีจุดประสงค์ที่จะจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็คงจะไม่จากโลกทะเลทรายมา
หากมิใช่เพราะต้องการล่วงรู้วิธีสู่การเป็นเทพ เกรย์แฮนด์ก็ยังคงอยู่ในโลกใบนั้น และปกป้อง ‘ไพ่’ ใบสำคัญต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พบว่าทุกเทคนิคมนตราทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับ ‘ไพ่’ ใบนั้นได้ถูกทำลายลงแล้ว
นั่นหมายความว่าการที่ทางคริสตจักรพยายามทุ่มเทอย่างหนักเป็นเวลากว่าหลายพันปี พริบตาเดียวพลันกลายเปล่าประโยชน์!
นี่นับว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ และเป็นบทลงโทษที่เกรย์แฮนด์จะต้องได้รับ
พระสันตะปาปาพอได้ฟังก็เงียบไปสักพัก สุดท้ายถอนหายใจออกมา
ถึงเรื่องนี้จะร้ายแรง แต่เขาก็กำลังพอใจกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่เส้นทางแห่งทวยเทพปรากฏขึ้นมา
แล้วอีกอย่าง ความสามารถของเกรย์แฮนด์มิใช่เลวร้าย แถมยังเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง
ดังนั้นถ้าจะตัดสินโทษขั้นเด็ดขาดกับเขา มันคงได้ไม่คุ้มเสีย
แถมตอนนี้ เกรย์แฮนด์ก็กำลังแสดงท่าทีสำนึกเสียใจและจงรักภักดีของเขาในฐานะบิชอปที่ทรงพลัง
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาก็เอ่ยเบาๆ “เอาเถอะ ข้าจะใช้คำทำนายของพระผู้เป็นเจ้าก็แล้วกัน”
ทันทีที่คำเมื่อครู่หลุดออก ทุกคนในสถานที่ปัจจุบันก็เร่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงอย่างรวดเร็ว
พระสันตะปาปา หยิบกล่องโลหะสีดำออกมาอย่างระมัดระวัง
เขาเปิดฝากล่องออก
วูบ!
เสียงที่บาดลึกถูกปลดปล่อยออกมาจากในกล่อง แต่ทั้งหมดก็เงียบลงไปทันที
ท่ามกลางม่านยามค่ำคืนอันมืดมิด คำทำนายของเทพแห่งความตายที่ถูกเก็บเอาไว้มานานปี ก็ดังขึ้นในจิตใจของทุกผู้คนที่อยู่ภายในโถงโดยตรง
ม่านอันมืดมิดหยุดลง และหายไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของทุกคนแสดงออกถึงความกระจ่างชัด
“เป็นอย่างไร ชัดเจนแล้วหรือไม่?” พระสันตะปาปาถาม
“เป็นที่ชัดเจน” บิชอปคนหนึ่งกล่าว “เมื่อเส้นทางสู่ทวยเทพปรากฏขึ้น ผู้ศรัทธาทุกคนไม่ว่าจะลำดับชั้นใดก็ล้วนได้รับคำสั่งให้ทำตามเป้าหมายเดียวกัน และจะต้องห้ามละเมิด หรือเปลี่ยนแปลงใดๆ”
พระสันตะปาปามองเกรย์แฮนด์และยิ้ม “การก้าวสู่เส้นทางแห่งทวยเทพเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดเอาไว้แล้ว ฉะนั้นเกรย์แฮนด์ จงอย่าคิดละทิ้งจากมันไป เจ้าจะต้องเฝ้ารอจนกว่าจะสามารถจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของตนขึ้น”
ทันใดนั้น เกรย์แฮนด์พลันก้มหัวโค้งกาย แสดงออกถึงความสำนึกคุณ
ก็ถ้าเขาเลือกได้ ใครมันจะไปอยากละทิ้งโอกาสที่ตนจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นเทพวิญญาณกัน?
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “พระสันตะปาปา ข้าขอคัดค้าน”
ฝูงชนหันไปมองเขาเป็นสายตาเดียว และพบว่าต้นเสียงคือบิชอปธรรมดาคนหนึ่ง
เขากล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ทางคริสตจักรได้ทุ่มเทเวลาเตรียมการตั้งนานหลายปี จนในที่สุดก็สามารถคว้าโอกาสเดียวในชีวิต ในช่วงเวลาที่เธออ่อนแอที่สุด ที่จะสามารถจับตัวเธอได้ แต่สุดท้ายแผนดันพังทลายลง แบบนี้ไม่ใช่ว่าเกรย์แฮนด์สมควรถูกลงโทษหรอกหรือ?”
พระสันตะปาปากล่าวด้วยความกรุณา “เหตุผลที่เกรย์แฮนด์ออกจากโลกแห่งทะเลทราย นั่นก็เพื่อตอบสนองต่อคำเรียกร้องของพระผู้เป็นเจ้า กลับมายังที่นี่เพื่อจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์”
“ส่วนเรื่องของไพ่ใบนั้น ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางคริสตจักรเรา”
“เมื่อเทียบเปรียบกับการที่เกรย์แฮนด์สามารถก้าวขึ้นสู่เส้นทางแห่งทวยเทพ แบบนั้นย่อมดีกว่า”
“บางทีพระผู้เป็นเจ้าอาจจะคิดว่า พวกเราไม่สมควรที่จะแสวงหาความลับ ดังนั้นจึงได้ดลใจส่งเกรย์แฮนด์กลับมาหาพวกเราก็ได้”
บิชอปธรรมดาขบริมฝีปากตนเอง สีหน้าของเขาเผยถึงความไม่ยินยอม “แต่ทั้งหมดมันเป็นเพราะเกรย์แฮนด์”
พระสันตะปาปาขัดจังหวะเขา “เส้นทางสู่การเป็นเทพคือประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าคิดว่าความคิดเห็นของเจ้ามีค่ามากกว่าความคิดอ่านของทวยเทพหรือไม่?”
ในช่วงท้ายๆ น้ำเสียงของพระสันตะปาปาฟังแลดูเย็นชาลง
บิชอปตกใจ เร่งกล่าวด้วยความหวาดกลัว “มิกล้า มิกล้า”
พระสันตะปาปาหันไปมองรอบๆ
ปรากฏว่าไม่มีใครโต้แย้งใดๆ อีกๆ
นี่เป็นคำทำนาย ที่ท่านเทพได้ทิ้งเอาไว้เป็นการส่วนตน
ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าจะกล้าคัดค้าน!
เมื่อถึงจุดนี้ เกรย์แฮนด์ก็ค่อยๆ ยืนขึ้น กล่าวขอบคุณอย่างสุดซี้ง
พระสันตะปาปา “ไม่เป็นไรหรอก เพราะคำพูดของพระผู้เป็นเจ้าถือว่าเป็นที่สุด ไม่อนุญาตให้ดูหมิ่นได้”
ในช่วงเวลานี้ บรรยากาศในห้องโถงก็ค่อยๆ คลายลง
ใช่แล้วล่ะ เทพวิญญาณน่ะได้จัดเตรียมคำทำนายทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว
ฉะนั้น ท่านจะไม่สามารถสังเกตเห็นถึงทิศทางของคริสตจักรได้อย่างไร?
บางที เทพวิญญาณอาจจะไม่ต้องการให้พวกเขาตรวจสอบความลับของ ‘ไพ่’ ใบนั้นก็ได้
ในหัวใจของทุกคนขบคิดอย่างเงียบๆ
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองลงตรงใจกลางโต๊ะกลมอีกครั้ง
เหรียญเก่าแก่บนโต๊ะ ค่อยๆ หมุนช้าลง
และหากคุณมีสายตาที่ดีมากพอ คุณจะสามารถมองเห็นถึงภาพที่แสดงอยู่บนเหรียญทั้งสองด้านได้
ด้านหนึ่งเป็นภาพของวัยรุ่นสาวที่กำลังหลับใหลอยู่
โดยรอบตัวของวัยรุ่นสาว มันสลับซับซ้อนไปด้วยเครื่องหมายที่แลดูลึกลับ
เครื่องหมายอันลึกลับเหล่านี้ คอยรายล้อมและปกป้องวัยรุ่นสาวที่อยู่ในกลางของเหรียญ
อีกด้านหนึ่งของเหรียญ คือกระแสมิติอันโกลาหลอันไร้ที่สิ้นสุด หากเฝ้ามองมันไปนานๆ คุณจักรู้สึกว่าภายในหัวใจสั่นสะท้าน
ใช่แล้วล่ะ นี่คือหนึ่งในเหรียญที่ถูกจัดอันดับจากเลขนับหนึ่งพันหนึ่ง มันคือเหรียญที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่สาม!
เหรียญหมายเลขเก้าร้อยเก้าสิบเก้า วัยรุ่นสาวที่กำลังหลับใหล
หากในแง่ของความลึกลับ เหรียญเลขเก้าร้อยเก้าสิบเก้านี้ นี้นับว่าเป็นเหรียญที่ลึกลับที่สุดจากทั้งหมดหนึ่งพันหนึ่งเหรียญ
หากเหรียญนี้ปรากฏขึ้นในโลก ย่อมไม่มีใครสามารถล่วงรู้ถึงชื่อที่แท้จริงของเหรียญได้
เพราะเหรียญทั้งสามอันดับแรก ต่างล้วนมีด้วยกันทั้งสิ้นอย่างละเหรียญเดียว
และเนื่องจากเหรียญนี้ไม่มีแม้แต่ข้อมูลพื้นฐานใดๆ ปรากฏมาก่อน
มันจึงเป็นหนึ่งในสามเหรียญที่ลึกลับที่สุดในดินแดนชิงอำนาจ
เหรียญนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง
แต่มันคือตัวแทนของความลึกลับที่มีค่ามหาศาลยิ่งกว่าเงินตราจะสามารถนับคำนวณได้
หากกู่ฉิงซานอยู่ที่นี่ เขาคงจะประหลาดใจไม่น้อย เพราะรูปของวัยรุ่นสาวที่ปรากฏขึ้นบนเหรียญ มันแทบจะไม่แตกต่างจากวัยรุ่นสาวที่เขาเพิ่งให้การช่วยเหลือไปเลย
น่าเสียดาย ที่เขาคงไม่อาจล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ไปอีกนาน
ภายในห้องโถงใหญ่ เสียงของพระสันตะปาปาดังขึ้นอีกครั้ง
“เอาล่ะ เรื่องนี้ถูกตัดสินแล้ว เกรย์แฮนด์จะอยู่ที่นี่ คอยจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง คนอื่นๆก็เช่นกัน จนกว่าจะสามารถจุดประกายได้ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน”
“ขณะเดียวกัน พวกเราก็จะตั้งรางวัลนำจับสูงค่า ปล่อยออกไปทั่วทั้งดินแดนชิงอำนาจ เพื่อจับตัวคนคนนั้น”
“ผู้ศรัทธาทุกคนจะได้มุ่งมั่นในหนทางสู่การเป็นเทพ นี่คือเป้าหมายสูงสุด เรื่องอื่นสมควรโยนทิ้งเอาไว้เบื้องหลังก่อน!”
“เรื่องต่อไป”
“แอนนากำลังจะกลับมาแล้ว”
“เส้นทางสู่การเป็นเทพถูกเปิดออกโดยเธอกับซูเค่อเอ๋อจากวิหารแห่งโชคชะตา นี่นับว่าเป็นพรจากทวยเทพ และเกียรติยศสูงสุด”
…
ภายในโลกทะเลทราย
ท่ามกลางเนินทรายที่ถูกล้อมไปด้วยค่ายกลปกปิด
กู่ฉิงซานกำลังจีบออกด้วยวิชาลับ
ทันใดนั้นเม็ดทรายก็ถูกกวาดออกไปด้านข้าง ผลึกคริสทัลน้ำแข็งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาและวัยรุ่นสาวในชุดขาว
ภายในผลึกน้ำแข็ง หญิงงามที่เปรอะไปด้วยเลือด สภาวะตกอยู่ในอาการโคม่า สลบไสลอยู่
ตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการ หยุนจี
“นี่น่ะหรือคนที่นายต้องการให้ฉันช่วย?” วัยรุ่นสาวในชุดขาวเอ่ยถาม
“ใช่ ช่วยดูให้หน่อยนะ” กูาฉิงซานกล่าว
วัยรุ่นสาวก้าวออกมาข้างหน้า นั่งคุกเข่าลงตรงข้ามผลึกน้ำแข็ง
“อำนาจเทวะผลึกน้ำแข็ง…ช่างเป็นความทรงจำที่ชวนให้คิดถึงจริงๆ”
วัยรุ่นสาวลูบไล้ผิวผลึก ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์
กู่ฉิงซานยกคิ้วขึ้น ปากเอ่ยถาม “นี่เธอรู้ด้วยหรือว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร? แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนใช้เทคนิคนี้?”
วัยรุ่นสาวส่ายหัว “อำนาจเทวะนี้มีมานานนมแล้ว มีเทพวิญญาณมากมายที่สามารถเปิดใช้งานมันได้ ฉะนั้นฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นฝีมือของใคร”
“แต่จากนี้ไป จะเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาเธอ ตอนนี้นายอย่าเพิ่งพูดมาก”
“โอเค” กู่ฉิงซานรับคำ
เห็นแค่เพียงวัยรุ่นสาวจั่วไพ่หลายใบออกมาจากในความว่างเปล่า
เธอนำไพ่แตะลงบนผิวน้ำแข็ง ไพ่แล้วไพ่เล่า แตะเสร็จก็หยิบขึ้นมันมา ทำซ้ำไปเรื่อยๆ
ภายใต้ผลึกน้ำแข็ง สีหน้าของหยุนจีค่อยๆ ดีขึ้น บาดแผลตามร่างกายเธอเริ่มถูกฟื้นฟู
กู่ฉิงซานเมื่อได้เห็นก็รู้สึกสุขใจยิ่ง
แต่แล้วเมื่อเก็บไพ่ทั้งหมดกลับคืน วัยรุ่นสาวก็ผุดลุกและกล่าว “ไม่ดีแน่ ฉันไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้”
กู่ฉิงซานตะลึงกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
เขาให้กำลังใจวัยรุ่นสาว “แต่คนในผลึกเหมือนจะถูกรักษาดีขึ้นแล้วนะ อย่าท้อแท้สิ ช่วยลองมันอีกครั้ง”
วัยรุ่นสาวส่ายหัว “หากเป็นฉันเพียงลำพัง ย่อมไม่สามารถช่วยเหลือได้”
ว่าแล้วเธอก็หยิบหนังสือ และดึงไพ่ออกมา
วัยรุ่นสาวหันมามองกู่ฉิงซาน และถอนหายใจ “ในเมื่อนายช่วยฉันไว้ ฉะนั้นฉันจะยอมปลดภูมิปัญญาของตัวเองก็แล้วกัน”
ไพ่เหล่านั้นพลันสาดแสง และค่อยๆ ผลุบหายเข้าไปในร่างกายของวัยรุ่นสาว
วัยรุ่นสาวยืนนิ่งงัน
ทว่าห้วงอารมณ์ของเธอกลับแปรเปลี่ยนไป
การแสดงออกของเธอดูเคร่งขรึมจริงจัง ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และสง่างาม
วัยรุ่นสาวไม่ได้พูดมากความ เธอวางมือลงบนผลึกน้ำแข็ง
“เทคนิคแห่งเทพวิญญาณเอ๋ย จงเปิดเผยถึงความลับของเจ้า” เธอเปล่งเสียงกระซิบ
ขณะเดียวกันกับการเคลื่อนไหวของวัยรุ่นสาว ผลึกคริสทัลก็เริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรง
กู่ฉิงซานเฝ้ามองด้วยความวิตกกังวล
หากผลึกน้ำแข็งพังทลายลง หยุนจีก็จะต้องตาย
อย่างไรก็ตาม การที่วัยรุ่นสาวสามารถสั่นคลอนผลึกน้ำแข็งได้ นี่ย่อมหมายความว่าเธอสามารถค้นพบวิธีการบางอย่างแล้ว
ถึงตอนนี้ กู่ฉิงซานจะยังไม่รู้ว่าการนำเด็กสาวคนนี้มาช่วยรักษา ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่าก็เถอะ
ในระหว่างนั้น วัยรุ่นสาวก็ชักมือกลับ และยืนขึ้นอีกครั้ง
เธอปาดเหงื่อบนหน้าผาก หันมาพูดกับกู่ฉิงซาน “สถานการณ์มันค่อนข้างซับซ้อน นายจะต้องเชื่อฟังคำสั่งจากนี้ไปของฉัน”
กู่ฉิงซานพยักหน้า
ฉันเกรงว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกช่วยเหลือเอาไว้โดยท่านหญิงแบล็กซี คนอื่นที่เหลือคงถูกสังหาร และกลืนกินวิญญาณโดนสัตว์ประหลาดนั่นหมดแล้ว
วัยรุ่นสาว “อำนาจเทวะผลึกน้ำแข็งทั้งสามร้อยแปดสิบเอ็ดชิ้นก่อตัวกันเป็นวัฏจักร มันสร้างเครื่องมือดูดซับพลังงานขึ้นมา การทำงานของมันใกล้เคียงกับค่ายกลของผู้ฝึกยุทธ์แบบนาย”
“เครื่องมือที่คล้ายกันกับค่ายกลนี้ สามารถดูดซับพลังงานทั้งหมดจากในมิติของดินแดนชิงอำนาจ เพื่อเติมพลังงานให้กับตัวเองได้”
“ในกรณีนี้ ส่งผลให้ผลึกน้ำแข็งสามารถคงอยู่ได้เป็นระยะเวลานาน คนที่อยู่ภายในมันจึงยังสามารถรักษาพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายเอาไว้ได้ ไม่ตกตายลง”
“แต่ปัญหาก็คือ ยามที่ผลึกน้ำแข็งถูกยกเลิก นายจะต้องช่วยรักษาทั้งสามร้อยแปดสิบเอ็ดคนได้พร้อมกัน ทั้งหมดจึงจะสามารถรอดชีวิตมาได้”
กู่ฉิงซานงง “ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทำไมไม่สามารถช่วยทีละคนได้?”
วัยรุ่นสาวจ้องมองผลึกน้ำแข็ง สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความชื่นชม
“ในความเป็นจริง อำนาจเทวะนี้สามารถตั้งค่าให้ช่วยเหลือทีละคนก็ได้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งจงใจตั้งค่าให้ต้องช่วยเหลือพร้อมๆ กันเท่านั้น ซึ่งนี่มันมีความหมายที่ลึกซึ้งมากทีเดียว”
“ความหมายลึกซึ้งที่ว่าคืออะไร?”
“ก็คือ หากนายไม่มีความแข็งแกร่งชนิดเหนือจินตนาการ จนสามารถช่วยเหลือทุกคนได้ในครั้งเดียว ถ้าแบบนั้นก็อย่าสอดเข้ามาช่วยจะดีกว่าอย่างไรล่ะ ฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่ผู้ใช้เทคนิคนี้อยากจะสื่อ” วัยรุ่นสาวกล่าว
กู่ฉิงซานคิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยถาม “แล้วเธอสามารถช่วยเหลือคนสามร้อยคนในเวลาเดียวกันได้หรือเปล่า?”
“ไม่ได้หรอก ความสามารถของฉันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษา หากอาศัยแค่มัน ย่อมไม่สามารถทำอย่างที่นายขอได้” เธอกล่าว
ดวงตาของกู่ฉิงซานสาดประกายสดใส “ฟังจากที่พูด หมายความว่ายังพอมีวิธีช่วยเหลือพวกเขาได้อยู่ใช่ไหม?”
“ใช่”
วัยรุ่นสาวหยิบหนังสือออกมา ยื่นให้กู่ฉิงซาน “วิธีอื่นที่เร็วที่สุดก็คือการกลายเป็นเทพวิญญาณ ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์แล้ว แม้ว่าเทพแห่งชีวิตจะเป็นเทพปีศาจ แต่ขณะเดียวกันเขาก็เชี่ยวชาญทางด้านการรักษา หากสามารถเข้าถึงกฎเกณฑ์สูงสุดของเทพแห่งชีวิตได้ ก็จะสามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้ได้เช่นกัน”
กู่ฉิงซานก้มลงมองหนังสือ
ตรงหน้าปกของมัน เขียนเอาไว้ว่า บทสรุปการศึกษากฎเกณฑ์ของเทพแห่งชีวิต
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา
ไม่นานมานี้ ในระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่ท่ามกลางกระแสมิติอันเชี่ยวกราก ตัวเขาเคยได้กลายเป็นผู้ศรัทธาวิหารแห่งชีวิต
แต่ทันทีหลังจากที่ได้รับคำตอบจากร่างมนุษย์แสง เขาก็ยกเลิกสถานะของผู้ศรัทธาทันที
ถ้ารู้แต่แรกว่าตนจำเป็นต้องกลายเป็นเทพ เขาคงไม่ตอบปฏิเสธไปแบบนี้หรอก
ตอนนี้ เขาได้ละทิ้งหนทางสู่การเป็นเทพไปแล้ว ดังนั้นย่อมไม่สามารถรับอนุญาตให้เข้าสู่วิหารแห่งชีวิตได้อีก
แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี?
กู่ฉิงซานเงียบ สายตาจับจ้องลงบนผลึกน้ำแข็ง
หยุนจีที่อยู่ภายในกำลังหลับตาอยู่เงียบๆ คล้ายกับเจ้าหญิงนิทรา
กู่ฉิงซานพลันตระหนักได้ถึงอีกเรื่องอย่างกะทันหันว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่แค่หยุนจี แต่บางทีเฉินหยางก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่
แล้วไหนจะพี่หมี แขนจักรกล และสหายที่ดีของแบรี่อีกมากมาย ที่ตอนนี้เพียงสามารถรักษาชีวิตตนเอาไว้ได้ชั่วคราว
พวกเขาไม่ได้เป็นแค่สหายที่ดีของแบรี่ แต่พวกเขาก็ยังปฏิบัติต่อกู่ฉิงซานเป็นอย่างดีเช่นกัน
เฉินหยางไม่เพียงเคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ แต่ยังเคยช่วยท่านอาจารย์ของเขาอีกด้วย
แต่ตัวเขาเองกลับเลือกที่จะละทิ้งเส้นทางสู่การเป็นเทพ!
กู่ฉิงซานกุมหนังสือในมือ บังเกิดห้วงอารมณ์โศกเศร้า
“เฮ้ๆ นายช่วยมีท่าทีกระตือรือร้นหน่อยจะได้ไหม ที่นายต้องทำก็แค่ทุ่มเทพยายามให้หนักขึ้นเท่านั้นเอง พอกลายเป็นเทพแล้ว จะได้สามารถช่วยเหลือพวกเขาไง”
หลังการคุยเรื่องสำคัญจบลง ท่าทีของวัยรุ่นสาวก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม
กู่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สุดท้ายกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันคงไม่สามารถกลายเป็นเทพได้”
แล้วเขาก็อธิบายเหตุผลออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ใครจะรู้ ว่าหลังจากที่วัยรุ่นสาวรับฟังอย่างเงียบๆ สุดท้ายเธอกลับถอนหายใจโล่งอก!?
“นายจะไม่กลายเป็นเทพ นี่มันยอดไปเลย! เพราะถ้านายกลายเป็นเทพ ฉันคงต้องรีบหนีนายไปให้ไกลซะแล้ว” วัยรุ่นสาวกล่าวด้วยความยินดี
“ทำไมกันล่ะ?” กู่ฉิงซานงง
“เพราะฉันเกลียดเทพวิญญาณ” วัยรุ่นสาวย่นจมูกของเธอ
“อ่า…ถ้าอย่างนั้นพอจะมีวิธีอื่นอีกไหมที่จะสามารถช่วยคนที่ติดอยู่ในผลึกได้?” กู่ฉิงซานถาม
“นี่นายต้องการจะช่วยเหลือคนพวกนี้จริงๆ หรือ? นายเข้าใจหรือเปล่าว่าด้วยความแข็งแกร่งของนาย มันจะต้องใช้ความพยายามอย่างยากลำบากถึงขนาดไหน มันถึงจะเป็นไปได้?”
“เธอกำลังจะบอกว่าฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นหรือ?”
“ใช่ นายต้องแข็งแกร่ง แกร่งยิ่งกว่าคนส่วนใหญ่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ก้าวเข้าไปสู่ขีดขั้นความแข็งแกร่งที่ตลอดทั้งชีวิตของบางคนมิอาจเอื้อมถึงได้”
“นั่นคือหนทางที่ฉันกำลังก้าวเดินอยู่” กู่ฉิงซานบอกเธอ
วัยรุ่นสาวรับฟังอย่างเงียบๆ เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางกู่ฉิงซาน สีหน้าปรากฏแววลังเล
คล้ายกับว่าวัยรุ่นสาวกำลังพิจารณาถึงสิ่งสำคัญบางอย่างอยู่
“คำถามต่อไปนี้สำคัญมาก นายต้องตอบด้วยความซื่อสัตย์ วัยรุ่นสาวกล่าว “นาย เกลียดผู้ใช้ไพ่หรือเปล่า?”
กู่ฉิงซานตกใจ
แม้ว่าเขาจะยังงงกับคำถาม แต่ก็ตอบกลับไป “ไม่หรอก ไม่ได้เกลียดเลย”
ถูกต้อง เพราะซูเซี่ยเอ๋อเองก็เป็นผู้ใช้ไพ่เหมือนกัน
“แล้วถ้าเป็นไพ่ล่ะ? นายคิดอย่างไรกับไพ่?” วัยรุ่นสาวถามต่อ
“คิดว่ามันเป็นการดำรงอยู่ที่วิเศษมาก” กู่ฉิงซานตอบ
“ปากบอกว่าวิเศษ แต่จริงๆ แล้วนายเกลียดไพ่หรือเปล่า? นายคิดว่าการดำรงอยู่ของฉันมันแปลกประหลาดไหม?” วัยรุ่นสาวยังคงถาม
“ไม่นะ เพราะตลอดทั้งสวรรค์และโลกในหมื่นโลกา มันมากล้นไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายประเภท แล้วถ้าหากเทียบเธอกับพวกนั้นแล้ว ฉันว่าเธอน่ารักกว่าเยอะ” กู่ฉิงซานกล่าวตามความสัตย์จริง
เขาย้อนนึกไปถึงบรรดาเหล่าราชาภูตผี และกษัตริย์ปีศาจ
มารสวรรค์นั้นช่างแสนงดงาม ขณะเดียวกันอาชูร่าหญิงก็ไม่เลวเลย นอกจากสองเผ่าพันธุ์นี้แล้ว ก็ยังมีปีศาจเผ่าอื่นๆ ที่มีความงามเหนือล้ำยิ่งกว่าขอบเขตความงามของมนุษย์
วัยรุ่นสาวได้ยินคำตอบของเขาก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เชิดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
เธอถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นแบบนั้น ถ้านายต้องการจะช่วยคนพวกนี้จริงๆ อันที่จริงแล้วฉันมีวิธีอยู่”
กู่ฉิงซานอุทานด้วยความสุข “อ้า ถ้าเช่นนั้นก็รีบบอกวิธีที่ว่าให้กับฉันเถอะ”
“แต่วิธีการนี้ค่อนข้างยุ่งยาก และหากนายคิดใช้วิธีที่ว่า ฉันจะเหนื่อยมาก” วัยรุ่นสาวถอนหายใจอีกครั้ง
“เธอจะเหนื่อยมากอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานสับสน
“ใช่ หน้าใหม่อย่างนายนี่มันไม่เข้าใจอะไรเลยนะ รู้ไว้ด้วยว่า ถ้าฉันใช้วิธีนี้แล้ว มันจะสร้างภาระกับฉันอย่างมาก” วัยรุ่นสาวกล่าวด้วยท่าทีอิดออด
กู่ฉิงซาน ประสานสองกำปั้น “ถ้าเช่นนั้นได้โปรดใช้วิธีที่ว่ากับฉัน ฉันจะรู้สึกขอบคุณมากๆ และย่อมตอบแทนกลับไปอย่างแน่นอน”
“แล้วนายจะตอบแทนฉันอย่างไร?” วัยรุ่นสาวถาม
“เธอลองเสนอมาได้เลย” กู่ฉิงซานรับคำเสียงดัง
“ฉันพึ่งตื่นจากการหลับใหลมาอย่างยาวนานได้ไม่นานมานี้เอง เลยยังไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตจะเอาอย่างไรต่อดี ถ้าเช่นนั้นจากนี้ไปนายจะต้องรับผิดชอบในด้านอาหาร เสื้อผ้า การเดินทาง และที่อยู่อาศัยของฉัน แบบนี้ดีไหม?”
“นั่นมันแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่มีปัญหาเลย!”
กู่ฉิงซานตบหน้าอกของเขา
โดยคล้ายจะลืมไปแล้วว่าเวลานี้ตนเป็นเพียงยาจกคนหนึ่ง
เมื่อได้รับฟัง วัยรุ่นสาวก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
“ฉันเฝ้าสังเกตนายมาสักพักหนึ่งแล้ว และนายก็ดูเป็นคนดี ฉันจะเชื่อใจนายสักครั้งก็แล้วกัน”
ระหว่างกล่าว วัยรุ่นสาวก็หยิบสองสิ่งออกมาด้วยท่าทีจริงจัง
หนึ่งคือ…
พู่กัน
และถังสีสีเทา
เธอวางถังสีลง ถือพู่กันแล้วมองมาทางกู่ฉิงซาน
“นั่นมันอะไร?” กู่ฉิงซานงง
“อย่าพูดสิ”
การแสดงออกของวัยรุ่นสาวกลายเป็นจริงจัง
เธอจ้องมองกู่ฉิงซานอย่างรอบคอบ นิ่งงันเป็นเวลานาน สุดท้ายเอ่ยถาม “อาชีพของนายคืออะไร”
“พ่อครัว”
“ตลกละ ฉันหมายถึงอาชีพที่ใช้ต่อสู้”
“อ้อ ก็ผู้ฝึกดาบไง”
“ถ้าเช่นนั้นช่วยเอาดาบนายออกมาถือด้วย”
กู่ฉิงซานทำตามคำขอ สองมือคว้าจับไปในอากาศ หนึ่งมือกุมเช่าหยิน อีกหนึ่งมือกุมดาบขุนเขาเทวะหกโลกา
“ยืนนิ่งๆ เอาไว้นะ อย่าขยับ ห้ามเปิดปากพูด” วัยรุ่นสาวเตือน
“ฮื่อ”
กู่ฉิงซานส่งคำตอบเป็นลมผ่านทางรูจมูก
อันที่จริงแล้ว การที่อีกฝ่ายต่างเชื่อใจและยอมทำตามกันและกัน มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิดต่อโลกที่คล้ายคลึงกัน ไหนจะเรื่องช่วยกันหาวิธีการทำลายผลึกน้ำแข็งอีก
และไพ่บางใบที่วัยรุ่นสาวใช้ ก็ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง
เหตุผลที่เธอพ่ายแพ้เขา หนึ่งเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอปิดผนึกภูมิปัญญาของตนเองไว้ และสองเธอไม่ได้ทุ่มเต็มกำลัง
หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว และมองเขาอีกครั้ง
“ไม่ดีกว่า ฉันว่านายลอยตัวขึ้นสักหน่อย ภาพมันจะได้ดูดีขึ้น”
เธอกวักมือขึ้น
กู่ฉิงซานย่ำลง กระโดดขึ้นเบาๆ สูงจากพื้นประมาณครึ่งเท้า สองมือกุมดาบ ลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบๆ
วัยรุ่นสาวเฝ้ามองเขา เอียงคอซ้ายทีขวาทีและกล่าว “สูงขึ้นอีกนิด”
อะ กู่ฉิงซานลอยสูงขึ้น
“ไม่ๆ แค่นิดเดียวก็พอ กลับลงมาอีกหน่อย”
“ต่ำไปแล้ว ขึ้นมาอีกสิ”
“เออๆ”
ในที่สุด วัยรุ่นสาวก็เผยท่าทีพึงพอใจออกมา
หลังจากนั้นเธอก็ยกถังสีขึ้น และจุ่มพู่กันลงไป
วัยรุ่นสาวเริ่มลากเส้นวาดกู่ฉิงซานที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่า ขีดเขียนจนปรากฏอักษรรูนโบราณขึ้นตามมิติโดยรอบ
ขณะวาด เธอก็พึมพำคาถาไปด้วยตลอดเวลา
การแสดงออกของเธอดูตื่นตัวมากๆ คล้ายกับกลัวว่าหากผิดพลาดแม้เพียงน้อยจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
ทุกการกระทำ ทุกๆ จังหวะการเคลื่อนไหวของเธอจะต้องขบคิดอย่างรอบคอบเสียก่อน และจึงเริ่มขีดเขียนมัน
ตลอดกระบวนการนี้ ปากของเธอไม่เคยหยุดร่ายคาถาเลย
ค่ำคืนกำลังจะผ่านพ้นไป
ท้องฟ้าเริ่มสาดแสง อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย
ในที่สุดวัยรุ่นสาวก็หยุดเขียน
เธอมองงานของเธอโดยละเอียด และสุดท้ายพยักหน้าด้วยความพอใจ
บังเกิดความรู้สึกอ่อนเพลีย วัยรุ่นสาววิ่งเข้าหากู่ฉิงซานและกล่าว “นิ่งต่อไปนะ อย่าพึ่งขยับ”
ตรงข้ามกับเธอ ทั้งคนทั้งร่างของกู่ฉิงซานบัดนี้อยู่ในกรอบที่ลอยล่องไปด้วยอักษรรูนโบราณ
อักษรรูนเหล่านี้ล้วนเป็นสีเทา ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดูลึกลับ ลอยล่องอยู่ในความว่างเปล่าอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานไม่เคยเห็นอักษรรูนที่สลับซับซ้อนเช่นนี้มาก่อนเลย
เฝ้าสังเกตอักษรรูนอย่างใกล้ชิด ในหัวใจตนจะคล้ายบังเกิดความอ้างว้างอย่างมิอาจอธิบายได้
กู่ฉิงซานพยายามทำการรับรู้อย่างเงียบๆ
เขาพบว่าไม่มีวี่แววของหายนะโทษทัณฑ์
การรับรู้ทางจิตวิญญาณมิได้บ่งบอกใดๆ
ตั้งแต่ต้นจนจบ วัยรุ่นสาวไม่ได้แสดงเจตนาร้ายใดๆ
แต่สรุปแล้วนี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่เนี่ย?
วัยรุ่นสาวร้องขอตนอย่างจริงจังว่าห้ามเคลื่อนไหว กระทั่งเอ่ยปากพูดก็ไม่ได้
แล้วจากนั้น เธอก็เริ่มร่ายคาถาเป็นเวลานาน
แต่คิดว่าตอนนี้ยังไม่เป็นการสมควรที่จะเอ่ยถาม
กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือก นอกจากเก็บความสงสัยเอาไว้เต็มอก และยังคงรักษาสภาวะสงบนิ่งต่อไป
โชคยังดีที่เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตพันวิบัติ ดังนั้น การเกร็งตัวให้อยู่ในสภาพนิ่งแบบนี้ มันจึงไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป
วัยรุ่นสาวร่ายคาถา กุมพู่กันไว้ในมือ และยังคงวาดอักษรรูนสีเทาในความว่างเปล่ารอบตัวกู่ฉิงซานต่อไป
จากนั้นสักพัก
ในที่สุดวัยรุ่นสาวก็หยุดวาด เธอถอนหายใจยาวออกมา
“เกือบจะเสร็จแล้ว นายยังไม่ต้องขยับนะ รอให้สีของฉันแห้งก่อน เดี๋ยวเรามาเริ่มขั้นตอนสุดท้ายกัน”
วัยรุ่นสาวกล่าว
กู่ฉิงซานหยุดอยู่นิ่งๆ ต่อไป
เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่ากำลังตั้งท่าโพสต์ให้คนอื่นวาดภาพอยู่เลย
เขาไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อน
ว่าแต่วิธีนี้มันจะสามารถช่วยหยุนจีกับเพื่อนๆ ได้จริงๆ น่ะหรือ?
หรือว่านี่คือวิธีการที่จะช่วยให้แข็งแกร่งขึ้น?
กู่ฉิงซานมิอาจหาเบาะแส หรือเงื่อนงำใดๆ จากการกระทำนี้ได้เลย
เขามองไปทางวัยรุ่นสาว
วัยรุ่นสาวเก็บถังสีและพู่กัน ถูสองมือเล็กๆ ของตัวเอง และพักเล็กน้อย
กู่ฉิงซานเงียบ
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเชื่ออีกฝ่าย ถ้าเช่นนั้นก็เฝ้ารอจนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็แล้วกัน
นี่คือสิ่งที่ในหัวเขาคิด
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง สายตาของกู่ฉิงซานก็เบนออกไปยังทิศทางหนึ่งอย่างกะทันหัน
เพราะบนหน้าต่างเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยหลายบรรทัดพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
“โปรดทราบ”
“อีกไม่นาน คุณจะกลายเป็นไพ่”
……………………………………
“แล้วเธอสรุปแบบนั้นไปได้อย่างไร? นี่มันไม่มีเหตุผลเลยนะ” กู่ฉิงซานสวน
“ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลนะ เห็นผู้หญิงตรงหน้าไหม เพราะอาการบาดเจ็บของเธอเกิดจากสิ่งแปลกประหลาด เกิดจากสิ่งที่เทพวิญญาณหวาดกลัวเป็นที่สุด ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนหวาดกลัวมันเช่นกัน ดังนั้นหากนายคิดจะช่วยเหลือพวกเขา ก็ต้องครอบครองพลังที่มากพอจะสามารถต่อกรกับมันได้!”
…………………………………………….