World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 101.2
Thตอนที่ 101 อู่ไร้พ่าย! (2)
ขณะที่ฟูชางยิ่งรู้สึกขมขื่น ฟางผิงพูดไม่ออก กัวเพิ่งรู้สึกมึนงง
“ฉันเป็นใคร?”
“ฉันอยู่ไหน??
นี่เป็นสิ่งที่กัวเพิ่งกําลังคิด!
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกเขาถูกต่อยเข้าที่หัวตอนที่กําลังดูความวุ่นวาย จากนั้นเขาก็ตัดสินใจอย่างแรงกล้าว่าจะไปขอคําอธิบายจากฟางผิง
แล้วจากนั้น
มันไม่มี” จากนั้นแล้ว!
จากนั้นคนอื่นก็ไปไล่จํานวนที่เกินออกไป ส่วนเขายืนอยู่ที่มุมห้อง เขาสับสนและอยู่คนเดียวไม่มีใครสังเกตเห็น
เขาไม่ได้ออกไปเช่นกัน…ใช่แล้ว เขาไม่ได้ออกไป!
เขาแค่อยากถามฟางผิงว่าทําไมต้องโจมตีเขาด้วย!
นี่เป็นเหตุผลที่เขายืนอยู่ใกล้ฟางผิงและเตรียมจะถามฟางผังเมื่อลงมาจากเพดาน ในเมื่อเขาเป็นคนใจดี ทําไมต้องมาที่ฉันด้วยล่ะ?
ไม่มีใครไล่เขาไป บางที่มันเป็นเพราะไม่มีใครอยากเข้าใกล้ฟางผิง หรือบางทีมันเป็นเพราะจํานวนคนไม่เกิน
เมื่อเปิดอาคารอีกครั้ง เขาก็อยู่ที่ชั้นสี่แล้ว!
ไม่มีคลื่นลม ไม่มีการคัดค้านอะไรเลย..
หลังจบเรื่องทุกอย่าง เขาก็เดินตามกลุ่มมาด้วยความรู้สึกสับสนุนงง เขาเดินไปเรื่อยๆจนเริ่มสงสัยโชคของตนเองแล้ว ฉันเข้าสู่สาขาศัสตราวุธได้อย่างไร?
สนามหนึ่ง
อาจารย์สาขาศัสตราวุธตั้งโต๊ะในสนาม
ถังเฟิงขี้เกียจพูดไร้สาระ เขาเดินไปที่โต๊ะและพูด “เลือกอาจารย์ได้ตามสบาย จําไว้ อ่านข้อกําหนดของอาจารย์แต่ละคนที่ระบุไว้บนโต๊ะ!”
“ทุกคนควรรู้ว่าอาจารย์ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ อาจารย์ที่เหมาะสมที่สุดนั่นแหละคืออาจารย์ที่ดีที่สุด!
“อาจารย์บางคนเก่งกาจ แต่สอนไม่ค่อยเป็น”
“อาจารย์บางคนอาจอ่อนแอ แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งมากกว่าพวกเธอ! อย่าทระนงตัวเกินไปอย่าคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานจนอาจารย์สอนอะไรให้ไม่ได้!”
” ตอนนี้ฉันจะไม่พูดมากนัก รีบเลือก หลังเลือกเสร็จ พรุ่งนี้จะมีวันหยุดวันนึง หลังวันมะรืนเป็นต้นไป เธอต้องเข้าร่วมฝึกฝนกลุ่มหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นชั้นเรียนถึงจะเริ่มจริง”
จากนั้นก็มีนักศึกษามากมายวิ่งมาหาถังเฟิง
อาจารย์ก็ขี้เกียจอธิบายเรื่องไร้สาระ ข้อกําหนดถูกระบุไว้บนโต๊ะอย่างชัดเจน
“ผู้ฝึกยุทธ ไม่จํากัดเพศ ขัดเกลาสองครั้งจะได้สิทธิพิเศษ ส่วนใหญ่จะสอนเพลงหมัดมวยรับศิษย์ห้าคนเท่านั้น!”
นี่เป็นข้อกําหนดของถังเฟิง มันไม่สูงและไม่ต่ํา อย่างน้อยข้อกําหนดแรกฟางผิงก็ตกแล้ว
แน่นอนถ้าฟางผิงเลือกเขา เขาก็ไม่ปฏิเสธ อาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่ปฏิเสธขัดเกลาสองครั้งหรือขัดเกลาสามครั้ง
ฟางผิงเหลือบมองก่อนจะหันไปมองอาจารย์คนอื่น
หลัวอี้ชวน อาจารย์ที่ฟูชางมิ่งเล็งไว้ระบุความต้องการสูงมาก “ผู้ฝึกยุทธ หรือผู้มีที่ปราณและเลือดสูงกว่า 180แคล”
“คนที่ขัดเกลากระดูกแขน และคนที่ฝึกจวงกงบรรลุขั้นยืนมั่นคง”
ฟูชางยิ่งก็เห็นเช่นกัน เขาคอตก “อะไรกัน? ฉันขัดเกลากระดูกขาก่อน มันไม่โอเคเหรอ?”
เขาหันไปดูข้อกําหนดของอาจารย์ไปลั่วซีอย่างไม่ลังเล
“ผู้หญิง ไม่จํากัดความคืบหน้าการขัดเกลากระดูก งมงายวิชากระบี่ ส่วนใหญ่จะสั่งสอนเพลงกระบีพื้นฐาน เคล็ดกระบี่เน้นพลิกแพลง คนที่สู้โดยไร้การพลิกแพลง อย่าเลือกฉัน!”
“บ้าเอ้ย เธอรับแต่ผู้หญิง!”
ฟูชางยิ่งคอตกยิ่งกว่าเดิม ถ้าเขาไปหลัวอี้ชวนอาจไม่ปฏิเสธเขา แต่ถังเฟิงได้เลือกเขาไว้แล้ว
เขามีทางเลือก แต่เขายังลังเล
ฟางผิงไม่สนใจฟูชางยิ่ง เขาไล่ดูต่อ ไม่นานเขาก็เห็นโต๊ะของสวีเจี้ยนโจว อาจารย์ที่เขาเล็งไว้เมื่อวาน
ฟางผิงไม่เคยพบอีกฝ่ายมาก่อน แต่ชื่อของอาจารย์ถูกเขียนไว้บนโต๊ะ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่เขาจะดูผิดคน
“เปิดรับทุกเพศ นักศึกษาขัดเกลาสองครั้งจะได้สิทธิพิเศษ ส่วนใหญ่จะสอนเพลงดาบพื้นฐาน”
“ ปล. ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ลูกศิษย์จะถูกละเลย ส่วนใหญ่รุ่นพี่ปีสี่หลัวเฟิงจะเป็นคนชี้แนะ…”
ฟางผิงขมวดคิ้ว ราชสีห์ถังไม่ถูกใจเขาและคิดว่าฟูชางยิ่งเหนือกว่าเขา เขาก็มีความภาคภูมิใจเขาจึงไม่อยากเลือกราชสีห์เท่าไหร่
ส่วนหลัวอี้ชวนเพลงหอกไม่เท่าไหร่ แต่อีกฝ่ายรับศิษย์ที่ขัดเกลากระดูกแขนก่อน ซึ่งมันไม่เหมาะกับฟางผิงเท่าไหร่ เขาฝึกจวงกงท่าขี่ม้าเพราะเขาอยากฝึกฝนกระดูกขาก่อน
แน่นอนถ้าเขาทะลวงสู่ขั้นสอง มันก็ไม่ต่างกัน แถมฟางผิงยังรู้สึกว่าเขาจะบรรลุขั้นสองได้เร็ว
สวีเจี้ยนโจวไม่ได้ขออะไรมาก และฟางผิงก็ผ่านข้อกําหนด แต่อาจารย์ให้ลูกศิษย์มาสอนเด็กใหม่แทน และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฟางผิงต้องการ
มีอาจารย์นักศึกษาใหม่ขั้นหก 5 คน
อีกสองคน คนนึงเป็นชายชราที่เชี่ยวชาญวิชาฝ่ามือ ไม่ใช่เพลงหมัดมวยกระแสหลัก แต่ฝ่ามือเหล็กของเขาค่อนข้างโด่งดัง
แต่ฟางยิ่งไม่ชอบ เพราะเขารู้สึกว่ามันจํากัดเกินไป
อีกคนเป็นหญิงกลางคนที่มีชื่อโคตรเท่!
มันเท่มาก นักศึกษาหลายคนแอบดูชื่อเธอ อู่ไร้พ่าย!
ใช่แล้ว มันสุดยอดขนาดนั้นเลย! เธอมั่นใจมาก! เธอคืออู่ไร้พ่าย!
ฟางผิงตะลึง เมื่อวานฟูชางยิ่งไม่เห็นบอกเลยว่ามีอาจารย์แบบนี้อยู่ด้วย
ข้อกําหนดของเธอก็ไร้พ่ายพอกัน
“ฟางผิง ฟูซางยิ่ง จ้าวเหล่ย หยางเสี่ยวม่าน เฉินหยุนซี (ห้าคนนี้สามารถเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ!)”
“จ้าวเสวี่ยเหมย ถังซ่งถึง จินเหล่ย สวอี้ข่าย จางหาน (สิบสี่คนนี้เป็นศิษย์ฝึกงานได้ สามารถเลื่อนเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการหากมีผลงานยอดเยี่ยม)”
ฟางผิงมั่นใจว่าเขาอ่านไม่ผิด!
พวกเขา 19 คนเมื่อวานที่ทนแรงกดดันได้ เขาเป็นนักศึกษาขัดเกลาสามครั้งเพียงคนเดียวส่วนอีกสี่คนเป็นผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสองครั้ง
ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการได้ อีกสิบสี่คนที่เหลือเป็นแค่ศิษย์ฝึกงาน!
คณบดีรู้ความสุดยอดของผู้หญิงคนนี้ไหม?
รองอธิการบดีรู้ไหม?
อู่ไร้พ่าย…ชื่อน่าอายนี้เป็นของจริงเหรอ?
ฟางผิงไม่ใช่คนเดียวที่มอง นักศึกษาก็มอง แม้แต่อาจารย์ก็มอง มุมปากพวกเขากระตุกเบาๆ!
“ไร้พ่าย เอาจริงดิ?”
เมื่อเห็นแบบนั้น ถังเฟิงแทบอยากควักลูกตาออกมา ผู้หญิงบ้าคนนี้กําลังวางแผนอะไรอยู่?
อาจารย์ขั้นหกคนอื่นๆแอบย้ายโต๊ะ ปีนี้มหาลัยคงอับโชค อยู่ให้ห่างจากคนบ้าดีกว่า!”
เมื่อฟางผิงมองดูและเตรียมหลบสายตา อู่ไร้พ่ายก็พูดอย่างอารมณ์ดีราวกับเห็นฟางผิงจ้องมองมาที่เธอ ” ฟางผิง มาหาฉัน!”
“ฉันจะปกป้องเธอ ทําให้มั่นใจว่าเธอจะปลอดภัย!”
“ไม่งั้นเธอเละแน่!”
” หวังจินหยางมีศัตรูอยู่ทุกที่ ไม่มีใครปกป้องเธอได้ เขาคว่ําศิษย์ของถังเฟิง ศิษย์หลัวอี้ชวนศิษย์สวีเจี้ยนโจว”
” เขาจัดการศิษย์ของทุกคนยกเว้นศิษย์ของฉัน!”
“อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องขําๆ การต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ พ่ายแพ้ให้กับคนระดับเดียวกันถือเป็นความบาดหมางครั้งใหญ่ พวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าหวังจินหยางจะแพ้พ่าย!”
” และเธอก็ยั่วโมโหเด็กใหม่ทุกคนอีกเช่นกัน! เธอมีศัตรูทุกที่ เธอต้องมาหาฉัน ไม่งั้นแม้แต่หัวสิงโตก็ปกป้องเธอไม่ได้!”
(ผู้แปล : ไม่รู้เกี่ยวกันไหม หัวสิงโตประโยคนี้คือ 3Jiิ น ความหมายอีกอย่างเป็นชื่อเรียกอาหารหมูสับปั้นราดน้ําแดง น่าจะเป็นฉายาล้อเลียน ราชสีห์คลั่ง)
ถังเฟิงขมวดคิ้ว เขากล่าวอย่างโกรธเคือง ”ศิษย์ฉันไม่ได้ใจแคบแบบนั้น!”
อู่ไร้พ่ายกล่าวเบาๆ “ถ้าทั้งสองแค่มาจากเมืองเดียวกัน มันคงไม่เป็นไร จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหวังจินหยางเป็นกึ่งอาจารย์ของฟางผิง? หัวสิงโต คุณสาบานไหมว่าศิษย์คุณจะไม่หาทางแก้แค้น?”
“คุณ….”
ถังเฟิงพูดเสียงต่ําในลําคอ แต่เขาไม่ได้แย่งตัวฟางผิงอีก
มันจะไม่เป็นไรเลยถ้าทั้งสองมาจากเมืองเดียวกัน โรงเรียนเดียวกัน หรือแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนนั่งโต๊ะติดกันก็ไม่เป็นไร เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชายุทธ
อย่างไรก็ตามมันจะเป็นคนละเรื่องเลยถ้าหวังจินหยางเป็นกึ่งอาจารย์ของฟางผิง!
ถ้าฟางผิงอยู่ระดับขั้นพลังเดียวกับศิษย์คนอื่นของเขา และอยู่ในมหาลัยเหมือนกัน เป็นไปได้สูงที่ฟางผิงจะไม่ได้พักแม้แต่น้อยเว้นแต่จะมีใครสักคนพังทลายลง
“กึ่งอาจารย์?”
หลายคนขมวดคิ้วเล็กน้อย อาจารย์บางคนมีสีหน้าไม่พอใจ
เหล่าหวังมาเซี่ยงไฮ้ ไม่ไว้หน้าพวกเขาและจัดการลูกศิษย์ของพวกเขาจนสภาพย่ําแย่
ถ้าพวกเขารับฟางผิงเป็นศิษย์จริงๆ ศิษย์ของพวกเขาก็อาจมีเรื่องกัน
แน่นอนพวกเขาไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ถ้าฟางผิงสนใจพวกเขาจริงๆ พวกเขาก็จะรับฟางผิงเป็นศิ ษย์ แต่อย่างมากพวกเขาก็ทําได้แค่ป้องกันไม่ให้ศิษย์ที่ขั้นพลังสูงกว่ามาข่มเหงฟางผิง
ส่วนการต่อสู้ปกติ พวกเขาห้ามปรามไม่ได้
เมื่อมองสีหน้าของอาจารย์ ฟางผังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอก!
ด้วยผลงานของเขา เขาไปหาใครก็ได้ที่เขาต้องการ รวมถึงถังเฟิงด้วย
หลังคําพูดของอู่ไร้พ่าย แม้ว่าเหล่าอาจารย์จะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็เห็นชัดเจนว่าพวกเขารู้สึกลําบากใจอยู่บ้าง
ที่จริงเขาไม่ได้พบกับหวังจินหยางบ่อยนัก คนนอกไม่สามารถระบุความสัมพันธ์ที่แน่นอนของพวกเขาได้
อู่ไร้พ่ายก็แค่เดา แต่เธอพูดการคาดเดาของตัวเองออกมาจนทําให้คนมากมายคุยกัน เวลานี้ฟางผิงดูไม่พอใจ
ต่อให้เป็นใครก็ไม่อาจทําหน้ามีความสุขกับการถูกหลอกได้
อู่ไร้พ่ายไม่สนใจ เธอกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ “มา มาเป็นศิษย์ฉัน! ฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่เสียใจ!”
“ในโม่อู่ ฉันเป็นรองปรมาจารย์ แต่ฉันก็ยังสู้หัวสิงโตได้เ”
“ฉันมีหุ้นในบริษัทหลอมยา เธอจะมียาใช้ไม่อั้น!”
“ถ้าเธอถูกข่มเหง ก็มาปรึกษาฉัน ในฐานะอาจารย์ของเธอ ไม่ว่าฉันจะอยู่เหนือหรือใต้ ฉันก็จะมาหาเธอ!”
“ในอดีต ตาแก่ตระกูลฟางจากตงหูข่มเหงฉันด้วยระดับปรมาจารย์ ฉันตามล่าเขามาสิบปีทุกคนรู้ว่าฉันอู่ไร้พ่ายเป็นคนอาฆาตแค้นที่สุด!
” เธอเข้าใจไหม?”
“อาจารย์ของเธอมีปรมาจารย์หนุนหลัง!”
ฟางผิงช็อค อาจารย์คนอื่นๆก็อับอายเกินกว่าจะคบหากับเธอ!
แน่นอน ไม่มีใครโต้แย้งอะไร เพราะที่เธอพูดเป็นความจริง เพราะงั้นเธอถึงกล้าเรียกตัวเองว่าอู่ไร้พ่ายเธอมีปูมหลังยิ่งใหญ่! พวกเขาไม่เพียงแต่จะล่วงเกินปรมาจารย์ไม่ได้เท่านั้นพวกเขาไม่อยากล่วงเกินเธอด้วย!