World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 104.2
ตอนที่ 104 มหาลัยวิชายุทธไม่ใช่โรงเรียน! (2)
ฉินเฟิ่งชิงพูดเบาๆ “มันเป็นความจริงที่การโจมตีของเขาโหดเหี้ยมมาก แต่มันไม่ได้ไร้เหตุผล”
“โม๋อู่ครอบครองทรัพยากรมากเกินไป นายก็เห็นแล้วว่าเราเราใช้คะแนนไม่มากเพื่อแลกเม็ดยา”
“อย่างไรก็ตามถ้านายคิดว่ามหาลัยวิชายุทธทุกแห่งเป็นแบบนี้ นายคิดผิด!”
“มหาลัยวิชายุทธบางแห่งแค่มีแพล็ตฟอร์มให้อย่างเดียว ทรัพยากรต้องหาเอง!”
“ไม่กี่ปีมานี้ เมื่อมหาลัยวิชายุทธทั่วๆไปมีนักศึกษาอัจฉริยะ สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทําคือการท้าทายมหาลัยดังอย่างโม๋อู่หรือมหาลัยวิชายุทธปักกิ่ง”
“เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและสถานะที่สูงส่ง มหาลัยเหล่านี้จึงต้องโหดเหี้ยมเช่นกัน”
”นายคิดว่าพวกเขาเล่นขายของกันเหรอ?”
“มีหลายสิ่งที่เกี่ยวพันด้วย ทุกปี นักศึกษาส่วนใหญ่ที่มาท้าทายจะเป็นอัจฉริยะขั้นสาม ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตที่มหาลัยดัง หวังจินหยางที่เป็นขั้นหนึ่งอาจเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นต่ําสุดที่มาท้าทายในรอบหลายปีมานี้”
“บางทีมันอาจไม่ใช่ความตั้งใจของเขาเอง มันอาจเป็นความต้องการของมหาลัยวิชา ยุทธหนานเจียงและมหาลัยวิชายุทธทั่วๆไปแห่งอื่น”
“ถ้าเขาไม่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม นายคิดว่านักศึกษาธรรมดาอย่างเขาจะมาถึงขั้นนี้ได้เหรอ?”
“มหาลัยวิชายุทธไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่นายคิด แม้ว่าฉันจะไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด แต่หวังจินหยางอาจมีข้อตกลงกับมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงหรือมหาลัยวิชายุทธแห่งอื่น”
“ไม่ว่ายังไง ตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าโม่อู่และมหาลัยดังแห่งอื่นจะไม่ได้มีทรัพยากรลดลง แต่ทรัพยากรของมหาลัยทั่วๆไปเพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
“มันอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาก่อนหน้านี้!”
“บางที่หวังจินหยางอาจไม่ใช่คนต้นคิด แต่สําหรับมหาลัยดังๆแล้ว ตัวตนของเขามันรกหูรกตา ปกติแล้วเหล่าอาจารย์ย่อมไม่สนใจเขา”
” แต่นักศึกษามากมายเกลียดเขา!”
“มีข่าวลือว่ามหาลัยดังๆมีโอกาสมากที่จะลดทรัพยากรลงในอนาคต เพราะไม่อยากใช้ทรัพยากรฝึกฝนนักศึกษาห่วยๆมากไป ที่ฉันบอกนายเพราะฉันอยากให้นายรู้ว่านายมีปัญหามากมายรออยู่ตรงหน้า”
“มันมากกว่าที่นายคิดเสียอีก!”
ฉันเพิ่งชิงยิ้ม “ฉันได้ยินว่านายยอมรับอาจารย์หลู่ พวกเขาบอกว่ามันบังเอิญ แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว”
“หือ?”
” นายไม่สังเกตเหรอว่าอาจารย์คนอื่นๆไม่เป็นมิตรอย่างที่คาดไว้?”
แม้ว่าฉินเฟิ่งชิงจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย แต่เขาเหมือนเห็นด้วยตาตนเอง เขายิ้มกว้าง ”นายเป็นเตรียมผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสามครั้งคนเดียว”
“ยิ่งกว่านั้น วรยุทธ จวงกงก็ไม่ได้อ่อนแอ ฐานะครอบครัวก็ธรรมดา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร มาก”
นักศึกษาประเภทนี้แหละที่อาจารย์ชื่นชอบ!”
” และคนอย่างฟูชางติ่งที่มีปูขั้นหก ที่จริงอาจารย์ไม่ค่อยชอบนักศึกษาแบบนี้”
” ถ้าเป็นไปตามที่ผ่านมา นายจะถูกอาจารย์เก่งๆแย่งแน่นอน แต่เมื่อวานเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไหม?”
ฟางผิงนึกอยู่ชั่วครู่แล้วส่ายหน้า
”เห็นมั้ย!”
“เพราะว่ามันไม่คุ้ม!”
ฉินเฟิ่งชิงพูดต่อ ”อาจารย์หลู่ชอบสร้างปัญหา แต่เพราะเธอเป็นยอดยุทธขั้นหกสูงสุด ไม่ว่าเธอจะทําอะไร เธอก็ไม่สร้างปัญหาให้นักศึกษาซี่ซั่ว”
“เมื่อวาน เธอทั้งขู่ทั้งปลอบ นายคิดว่าแค่ให้นายยอมรับเหรอ?”
ฟางผิงขมวดคิ้วผูกกันเป็นปม และฉินเฟิ่งชิงก็ถอนหายใจ ” เธออาจได้สัญญาณจากคนอื่นที่ไม่อยากให้นายสร้างปัญหา คนๆนั้นเลยให้อาจารย์หลู่ยอมรับนายไปให้จบๆ”
”เพราะยังไงนายก็เป็นอัจฉริยะ นายไม่เหมาะกับอาจารย์คนอื่น แต่อาจารย์หลู่ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้”
“ยิ่งกว่านั้น อัตราเสียชีวิตของลูกศิษย์อาจารย์หลู่สูงจริง ดังนั้นการทําแบบนี้อาจสงบความโกรธของบางคนได้”
” นี่อาจเป็นผลมาจากการประนีประนอมของเบื้องบนของโม๋อู่”
ฟางผิงดูเรียบเฉย แต่หัวใจเขาไม่เฉยตาม
หลังจากนั้นพักใหญ่ ฟางผิงก็เอ่ยถาม ” ทําไมคุณถึงบอกเรื่องนี้กับผมล่ะรุ่นพี่ฉิน?”
“ฉันแค่ไม่อยากให้นายไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย ฉันไม่ได้เจอนายบ่อย แต่ฉันก็พบว่านายมีปัญหาใหญ่!”
“นายไม่เข้าใจความโหดร้ายของผู้ฝึกยุทธ ความคิดของนายก็ผิด ต่อให้ปากนายจะพูดถึงการต่อสู้ แต่ความคิดของนายเหมือนคนนอก”
“อยู่กับอาจารย์หลู่ คนอย่างนายอาจตายไวมาก”
“นายคิดว่ามหาลัยเป็นสรวงสวรรค์เหรอ?”
”นายคิดว่ามหาลัยเป็นเขตปลอดภัยของมนุษย์เหรอ?”
” หรือนายคิดว่าอาจารย์มหาลัยวิชายุทธเป็นเหมือนอาจารย์มหาลัยทั่วๆไป? และรุ่นพี่ของนายเป็นรุ่นพี่มหาลัยทั่วๆไป?”
“เด็กน้อย ตื่นซะ บางอย่างก็ซับซ้อนและอันตรายกว่าที่นายคิด!”
“นายรู้ไหมว่าทําไมทะเลสาบแห่งนี้ถึงถูกเรียกว่า” ที่หลบภัย??”
“ที่แห่งนี้ถือเป็นเขตปลอดภัยแห่งเดียวในมหาลัย ที่อื่นไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เ”
“ถ้านายเป็นคนธรรมดาหรือคนไร้ความสามารถ งั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่!”
“อย่างไรก็ตาม นายขัดเกลาสามครั้ง นายพัวพันกับศัตรูของหวังจินหยาง นายคิดว่านายจะผ่านสี่ปีนี้ไปได้อย่างราบรื่นเหรอ?”
ฟางผิงอดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้ เมื่อวานกว่าถังเฟิงจะพูดเตือนว่า อัตราเสียชีวิตสูงก็หลังจากเขาเลือกหลู่เฟิงโหรวแล้ว
เขาคิดว่าคําพูดนั้นพูดให้เขาได้ยิน แต่ดูเหมือนจะเป็นการพูดเตือนนักศึกษาคนอื่นมากกว่า
ฟางผิงเลือกหลู่เฟิงโหรวน่ะไม่เป็นไร แต่นักศึกษาคนอื่นย่อมไม่เหมาะนัก
ไม่งั้นทําไมถังเฟิงที่อยู่ขั้นหกสูงสุดถึงนึกเรื่องนี้ออกหลังฟางผิงตัดสินใจเรียบร้อยล่ะ?
ยิ่งกว่านั้นหลู่เฟิงโหรวยังพุ่งเป้ามาที่เขาตั้งแต่แรก ฟางผิงคิดว่าเธออยากได้อัจฉริยะ แต่ต่อมา เธอก็ทําตัวไม่ต่างจากอาจารย์คนอื่น
เธอไม่ได้ดูแลฟางผิงเป็นพิเศษเพราะเขาขัดเกลาสามครั้ง เมื่อเอามาเชื่อมโยงกับคําพูดของฉินเฟิ่งชิง ท่าทีของเธอเป็นเหมือนท่าทีของคนที่พึ่งทํางานเสร็จมากกว่า
เขาคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะนี่เป็นทางเลือกของเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเขามาลองคิดๆดู ดูเหมือนผลลัพธ์จะถูกกําหนดมาตั้งแต่ต้น
ถังเพิ่งบอกว่าไม่ได้ประเมิณฟางผิงดีนัก และอาจารย์ขั้นหกคนอื่นก็ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ยกเว้นหมู่เพิ่งโหรวที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก แต่ก็ยังถือว่าเป็นมิตรอยู่
เมื่อตระหนักเรื่องนี้ ฟางผิงก็หดหูเล็กน้อย เขากล่าวแกมหงุดหงิด “ผมไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ํา พี่หวังก็เป็นแค่ขั้นสาม จําเป็นเหรอที่ยอดยุทธขั้นหกขั้นเจ็ดต้องทําแบบนี้”
“มันไม่เกี่ยวกับนาย มันคือการแข่งขันระหว่างมหาลัยดังและมหาลัยทั่วๆไป มันเป็นการต่อสู้ แย่งชิงทรัพยากรด้วย”
“ยอดยุทธไม่จําเป็นต้องเกี่ยวข้องกับพวกนายสองคน หรือจะบอกว่าพวกเขาไม่สนใจพวกนายก็ได้”
“อย่างไรก็ตามหวังจินหยางมีส่วนเกี่ยวข้อง และนายก็เกี่ยวโยงกับเขา แถมบังเอิญมาโม่อู่ ผลงานของนายก็โดดเด่นอีกต่างหาก…”
“ปัจจัยหลายอย่างทําให้เกิดสถานการณ์ปัจจุบัน”
“ไม่ใช่ว่ามีคนตั้งใจคิดร้ายกับนาย ในมุมมองฉัน ที่จริงทางมหาลัยกําลังปกป้องนาย อย่างน้อยพวกเขาก็หวังว่านายจะไม่มาพัวพันกับเรื่องนี้อีก ไม่งั้นพวกเขาจะขอให้อาจารย์หลู่ยอมรับนายทําไม?”
“คุณกําลังบอกว่าที่ผมเลือกอาจารย์หลู่เป็นการปกป้องอย่างนึงงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง เพราะอาจารย์หลู่แข็งแกร่งพอ มีคนหนุนหลังใหญ่พอภายใต้สถานการณ์ปกติไม่ มีใครอยากมีเรื่องกับเธอด้วยเรื่องเล็กน้อย
“ถ้าเกิดผมไม่ได้เลือกอาจารย์หลู่ล่ะ?”
“ฉันไม่รู้ สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือนายได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและดรอปเรียน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ นายอยากเป็นเสือ แต่หัวใจเท่ามด นายไร้เดียงสาเกินไป นายควรพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ”
” ที่ฉันพูดมากขนาดนี้ก็เพื่อใช้หนี้หวังจินหยาง…”
ฟางผิงประหลาดใจอีกครั้ง หนี้?
ฉินเฟิ่งชิงพูดอย่างเฉยเมย “เขาหักซีโครงฉันแค่ไม่กี่ซี่และหลีกเลี่ยงจุดสําคัญฉัน ฉันติดหนี้เขา”
” พูดตามตรง นายแย่กว่าหวังจินหยางมาก”
ฟางผิงเคืองๆเล็กน้อยปนๆกับความรู้สึกกังวล ฉันแย่ขนาดนั้นเลย?”
หรือเป็นเพราะอิทธิพลของชีวิตก่อนทําให้มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น แต่ก็นํามาซึ่งผลเสียอย่างการคุ้นชินกับความปลอดภัย
เมื่อคนธรรมดาเกิดในโลกที่สงบสุขมาเกิดใหม่ในโลกที่คล้ายกับโลกก่อนมาก สิ่งที่คนๆนั้นต้องการที่สุดก็ยังเป็นความสงบสุข
ไม่เหมือนคนอื่นที่ต้องการต่อสู้หลั่งเลือด!
ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจเขาและแค่นเสียง “ฉันพูดจาไร้สาระมาเยอะแล้ว เอาล่ะ แค่นี้แหละ”
“นอกจากนี้ชมรมวิถียุทธกําลังหาสมาชิกใหม่ แต่ความเห็นฉัน ถ้าทําได้ก็อย่าเข้าเลย มันไม่ได้มีความหมายเท่าไหร่”
“ถ้านายอ่อนแอเกินไป ยังไงนายก็เป็นได้แค่ผู้ช่วยในชมรมวิถียุทธฉันไปล่ะ”
เมื่อเขาพูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็จากไปทันที
สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นต่างจากที่ฟางผิงคิดไว้ เขาคิดว่าฉันเพิ่งชิงมาทาบทามเขา แต่ฉันเพิ่งชิงพูดถึงเรื่องแพ้ให้กับหวังจินหยางแทน”
เขาคิดว่าฉินเฟิ่งชิงมาแก้แค้น แต่ฉันเพิ่งชิงดันมาเตือนเขาว่ามหาลัยวิชายุทธไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เขาคิด
อีกฝ่ายยังเตือนด้วยว่าอย่าเข้าชมรมวิถียุทธ เพราะเขาอ่อนแอเกินไป เข้าชมรมไปก็ไม่มีประโยชน์
ทั้งหมดนี้แตกต่างจากที่ฟางผิงจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง และมันก็ทําให้เขารู้ปัญหาทันที!
เขาต้องไม่มองว่านักศึกษามหาลัยวิชายุทธเป็นเหมือนนักศึกษาปกติ พวกเขาผ่านอะไรมามากกว่าที่เขาคิด!
เขายังจําตอนที่เจอกับฉันเพิ่งชิงตอนแรกได้ ฉินเฟิ่งชิงพึ่งกลับมาจากทําภารกิจ กําลังถือดาบที่เปื้อนเลือด
ถ้าให้มองคนแบบนี้เป็นนักศึกษาปีสามมหาลัยธรรมดาๆ มันเหมาะสมไหม?
มหาลัยวิชายุทธไม่ใช่โรงเรียน หรือจะพูดได้ว่ามันไม่ใช่มหาลัยสังคมศาสตร์ธรรมดา ถ้าเข ยังมีความคิดเหมือนเดิม มันเป็นไปได้สูงว่าจะมีปัญหา
ในที่สุดฟางผิงก็ตระหนักแล้ว!
ในโม๋อู่ ผู้แข็งแกร่งมีมากมายเหมือนปุยเมฆ มีมากมายที่อยู่ขั้นหกหรือขั้นเจ็ด ทุกคนไปเป็นผู้สําเร็จราชการได้ พวกเขากระทั่งคุมบริษัทผลิตยาหรืออาวุธได้รวมทั้งธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายแห่ง พวกเขาจะได้รับความมั่งคั่งแทบไม่อาจนับ สถานที่แบบนี้จะทําเหมือนมันเป็นโรงเรียนได้จริงเหรอ?
นี่ไม่ใช่โรงเรียน อย่างน้อยมันก็ไม่ตรงกับนิยามคําว่าโรงเรียน นี่เป็นองค์กรขนาดมหึมา
เมื่อเขานึกถึงหลี่เฉิงเจ๋อที่จบการศึกษาจากมหาลัยธรรมดาชื่อดังมาแปดปี แต่ก็ยังปฏิบัติต่อนักศึกษาใหม่โม่อู่อย่างเขาด้วยความเคารพ ฟางผิงก็น่าจะตระหนักถึงปัญหานี้นานแล้ว