World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 106 ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง!
พฤหัสบดี วันที่ 4 กันยายน
ณ หอพักนักศึกษาใหม่เขตหนึ่ง
วันนี้ฟางผิงไม่ได้ฝึก เขาเตรียมใจรอหลู่เฟิ่งโหรวมา
มีเม็ดยาสามเม็ดอยู่บนโต๊ะกาแฟ เป็นยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง ยาชำระกระดูกขั้นหนึ่ง และยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นหนึ่ง
เขาได้เม็ดยาพวกนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้ใช้
นอกจากเม็ดยาตรงหน้า ฟางผิงยังมียาปราณและเลือดสามัญ 18 เม็ด ยาฟื้นฟูเลือดและลมปราณขั้นหนึ่ง 7 เม็ด ซึ่งถือเป็นจำนวนมากพอควรเลยสำหรับนักศึกษาใหม่
อย่างไรก็ตามจากที่คนอื่นพูดกัน เพราะเขาขัดเกลาสามครั้ง การทะลวงขั้นของเขาไม่ได้อันตรายเท่าไหร่ ดังนั้นเขาอาจต้องใช้แค่เม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งเม็ดเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเงินเป็นปัจจัยภายนอก ชีวิตต่างหากที่เป็นของเขา
ฟางผิงไม่ยินยอมพาตัวเองตกอยู่ในอันตรายโดยไม่จำเป็นเพื่อประหยัดยาเพียงไม่กี่เม็ด
…..
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้มาเช้านัก เธอมาถึงตอนเก้าโมง
เมื่อเธอเข้ามา หลู่เฟิ่งโหรวก็มองไปรอบๆ เมื่อเธอเห็นเม็ดยาบนโต๊ะกาแฟ เธอก็ยิ้มเหน็บแหนม “นายเตรียมมากเกินพอแล้ว”
ใบอนุญาตวิชายุทธของนักศึกษาใหม่ออกวันนี้ และฟางผิงไม่ได้ไปร่วมการฝึก เขาย่อมไม่ได้รับใบอนุญาต
ถ้าเป็นแบบนั้น เม็ดยาเหล่านี้ย่อมเป็นฟางผิงเตรียมมาเอง
หลู่เฟิ่งโหรวรู้ฐานะครอบครัวฟางผิงดี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะรวบรวมยาทั้งสามตรงหน้านี้ได้ก่อนเข้ามหาลัยวิชายุทธ
มีครอบครัวฐานะดีจำนวนมากที่ทำงานหนักหลายปีแต่ก็มีเงินไม่พอซื้อ
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดเรื่องไร้สาระอีก เธอพูดเสียงต่ำ “ขีดจำกัดอะไรที่เตรียมผู้ฝึกยุทธทะลวงสู่ขั้นหนึ่ง?”
“การขยายเส้นลมปราณ!”
“นายฝึกฝน’เคล็ดเสริมสร้าง’มาก่อน นายควรรู้อย่างชัดเจนถึงผลของ’เคล็ดเสริมสร้าง’ มันเปิดเส้นเลือดใหญ่ในร่างกาย ทำให้ปราณและเลือดไหลเวียนได้อย่างราบรื่น ปราณและเลือดจะช่วยหล่อเลี้ยงกระดูกและร่างกาย”
“เตรียมผู้ฝึกยุทธที่ฝึกฝน’เคล็ดเสริมสร้าง’จะบ่มเพาะเส้นเลือดใหญ่อย่างเดียว มีเส้นเลือดใหญ่ 14 เส้นที่ไหลผ่านทั้งร่างกายมนุษย์”
“แน่นอนนี่เป็นแค่การอธิบายแบบกว้างๆ ร่างกายมนุษย์เป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนที่สุดแม้แต่ตอนนี้มันก็อาจยังระบุได้ยากว่าร่างกายมนุษย์มีเส้นเลือดกี่เส้น”
“เตรียมผู้ฝึกยุทธทะลวงขั้นหนึ่งคือการเปิดเส้นเลือดลมเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ปราณและเลือดแทรกซึมเข้าไปขัดเกลากระดูกและเลือดเนื้อได้ลึกยิ่งขึ้น”
“นายคงเตรียมขัดเกลากระดูกขาก่อนใช่ไหม?”
“ครับ”
ฟางผิงพยักหน้า นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้นานแล้ว
“เนื่องจากนายจะขัดเกลาขาก่อน นายจำเป็นต้องขยายเส้นเลือดขาเตรียมไว้สำหรับขัดเกลาในอนาคต”
หลังหลู่เฟิ่งโหรวพูดจบ เธอก็ถาม “จนถึงตอนนี้ การขยายเส้นเลือดขาจำเป็นต้องขยายเส้นเลือดลมทั้งหมด 62 เส้น พอเข้าใจไหม?”
ฟางผิงรีบตอบ “ผมเข้าใจ ร่างกายมนุษย์มีกระดูก 206 ชิ้นและเส้นเลือดลม 206 เส้น เส้นเลือดลมแต่ละเส้นจะสอดคล้องกับกระดูกแต่ละชิ้น ซึ่งเตรียมไว้สำหรับขัดเกลากระดูกในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น”
“กระดูกขามีทั้งหมด 62 ชิ้น…”
ทั้งหมดนี้มีอธิบายไว้ใน’วิธีฝึกฝนขั้นพื้นฐาน’ แถมยังออกสอบในวิชาทั่วไปศึกษาด้วย ฟางผิงยังมีความเข้าใจอยู่บ้าง
“แล้วเส้นเลือดลมทั้ง 62 สาย นายเข้าใจชัดเจนไหม?”
“ชัดเจนครับ…”
หลู่เฟิ่งโหรวเข้าประเด็นและเปิดโครงสร้างร่างกายมนุษย์ขึ้นมา “ชี้จุดเส้นเลือดลมทั้ง 62 จุดแล้วบอกฉันมาว่าควรขยายเส้นไหนก่อนตามลำดับ ถ้านายรู้ทั้งหมด นายก็เลือกทะลวงได้เลย”
“จำไว้ นายต้องเข้าใจเรื่องนี้ก่อน! ถ้าไม่เข้าใจและขยายเส้นเลือดลมมั่ว พิการไปก็อย่าตำหนิฉัน!” ฟางผิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นเชิงเข้าใจ เขาจะไม่ล้อเล่นกับชีวิตตัวเอง และมันก็เห็นได้ชัดจากที่เขาเตรียมยาทั้งสามเม็ดแล้ว
เขาชี้เส้นลมปราณและเส้นเลือดลมบนโครงสร้างทีละจุดตามลำดับที่เขาจะเริ่มขยาย
หลู่เฟิ่งโหรวอยู่เงียบๆ รอให้เขาชี้เสร็จก่อนถึงพูดขึ้น “ไม่เลว ใช้ยาป้องกันอวัยวะภายในก่อน จากนั้นค่อยใช้ยาชำระกระดูก จะใช้ยาปราณและเลือดต่อเมื่อรู้สึกว่าปราณและเลือดไม่พอเปิดเส้นเลือดลม ใช้การเพิ่มปราณและเลือดของยาเพื่อระเบิดและขยายเส้นเลือดลมที่อยู่สภาพกึ่งปิดผนึกต่อ”
“เส้นเลือดลมทั้ง 62 เส้นนี้ไม่ได้ถูกผนึกสมบูรณ์ มันถูกผนึกแค่ครึ่งเดียว ดังนั้นการทะลวงผ่านไปจึงไม่ได้ยากมากนัก”
“ด้วยปราณและเลือดของนาย ความเป็นไปได้ที่จะทะลวงผ่านไปได้ทั้งหมดค่อนข้างสูง ต่อให้ไม่ใช้ยาปราณและเลือดก็ตาม” “นอกจากนั้น…”
หลู่เฟิ่งโหรวหยุดชั่วครู่ จากนั้นจู่ๆเธอก็โพล่งออกมา “กลัวตายจริงนะ!”
ฟางผิงอาย ไม่เห็นต้องพูดเลย!
เขาแค่เตรียมทุกอย่างที่จำเป็นเองไม่ใช่เหรอ?
มียาแต่ไม่ใช้ แต่เลือกที่จะเสี่ยงแทน นั่นเป็นแค่ความโง่เขลาเท่านั้น ถ้ามีอัตราทำสำเร็จ 100 เต็ม 100 ไม่เห็นต้องไปเสี่ยงด้วยวิธีที่สำเร็จ 99% เลย
ฟางผิงไม่กล้าเถียง เขาเริ่มกินยาเพื่อเตรียมตัวทะลวงขั้น
หลู่เฟิ่งโหรวยืนดูอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ที่จริงเธอรู้สึกว่าเธอจะมาไม่มาก็ไม่ต่างกัน เพราะฟางผิงขัดเกลาสามครั้ง แถมยังเตรียมยาทั้งสามเม็ดมาด้วย!
ถ้าเขาทะลวงขั้นล้มเหลว เตรียมผู้ฝึกยุทธคนอื่นคงอยากฆ่าตัวตาย! จะมีใครที่สิ้นเปลืองได้เท่าฟางผิงอีก!
เม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งมีราคาตลาด 300,000 หยวน!
เม็ดยาชำระกระดูกขั้นหนึ่งมีราคาตลาด 500,000 หยวน!
เม็ดยาป้องกันอวัยวะภายในมีราคาตลาด 600,000 หยวน!
รวมทั้งสามเม็ด 1.4 ล้านหยวน รวมกับที่ฝึกฝนประจำวัน ฟางผิงเตรียมผู้ฝึกยุทธใช้ทรัพยากรไปมากกว่าผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งเสียอีก
ส่วนเรื่องทะลวงสู่ขั้นหนึ่ง มีคนน้อยมากที่ใช้ยาป้องกันอวัยวะภายใน เว้นแต่ว่าครอบครัวคนๆนั้นจะฐานะดีมาก
…..
การขยายเส้นเลือดลม 62 เส้นง่ายกว่าที่เขาคิด
แม้จะมีจำนวนเส้นเลือดลมเยอะ แต่มันไม่ได้ถูกปิดสมบูรณ์
ฟางผิงขัดเกลาสามครั้ง มีปราณและเลือดถึง 209แคล ที่จริงเขาทะลวงเส้นเลือดลมไปบางส่วนแล้ว
เมื่อเขาใช้ยาป้องกันอวัยวะภายในและยาชำระกระดูก เขาก็ทะลวงไปมากกว่าสิบเส้นแล้วในพริบตาโดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาปราณและเลือด
ฟางผิงรู้สึกอีกว่าเขาน่าใช้เวลาสักพักเลยเพื่อสังเกตการผลาญปราณและเลือด
เมื่อเขาสังเกตดู เขาก็เห็นว่ามันลดน้อยกว่าที่เขาคิด
ปราณและเลือด 198แคล (215แคล)
เส้นเลือดลมบางส่วนถูกทะลวง ปราณและเลือดของฟางผิงเพิ่มขึ้นมา 6แคล แต่ปราณและเลือดเขาหมดไป 11แคลเท่านั้น
ฟางผิงรู้สึกโล่งอกมาก เขาหันไปจดจ่อกับการทะลวงเส้นเลือดลมต่อ
…..
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ฟางผิงทะลวงไปมากกว่าครึ่งแล้ว เวลานี้ ปราณและเลือดเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ปราณและเลือด : 175แคล (225แคล)
…..
อีกด้านนึง หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียง มันเป็นความคืบหน้าที่คาดเดาได้อยู่แล้ว
เมื่อพิจารณาจากสีหน้าฟางผิง เขาคงทำได้โดยไม่ใช้ยาปราณและเลือด้วยซ้ำ
…..
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
ตอนนี้เหลือเส้นเลือดลมสองเส้นเท่านั้นที่ฟางผิงยังไม่ได้ทะลวง
เขาใช้ปราณและเลือดไปมากกว่าที่คิด
ปราณและเลือด : 132แคล (234แคล)
ฟางผิงพิจารณาอยู่ครู่นึง จากนั้นเขาก็ยัดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งเข้าปาก
หลู่เฟิ่งโหรวมุมปากกระตุก ก่อนหน้านี้เธอรับไม่ได้กับลูกศิษย์ที่บ้าบิ่นไม่กลัวตาย ตอนนี้มันเป็นกลับกัน?
เธอไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดีเมื่อได้พบกับลูกศิษย์ที่กลัวตาย!
เธอบอกได้อย่างง่ายดายว่าปราณและเลือดของฟางผิงยังสูงมาก อย่างน้อยก็ประมาณ 130แคล
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ต่อให้เหลือเส้นเลือดลมมากกว่าครึ่ง บางคนก็คงเลือกทำต่อ
เตรียมผู้ฝึกยุทธทั่วๆไปมีปราณและเลือดเพียง 150 แคลเท่านั้น เพราะงั้นพวกเขาจึงต้องอาศัยความช่วยเหลือของเม็ดยา
ฟางผิงแข็งแกร่งกว่านั้นมาก แต่เขาก็ยังอยากใช้ยา!
หลู่เฟิ่งโหรวไม่อยากออกความเห็นอีก ถ้าฟางผิงทะลวงขั้นล้มเหลว เธอคงต้องเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น ‘คนตาบอด’!
…..
อีกเจ็ดแปดนาทีผ่านไป ฟางผิงพลันลืมตาขึ้น เขาถอนหายใจยาวเหยียด กล่าวด้วยสีหน้ามีความสุข “อาจารย์ ผมทะลวงแล้ว!”
“อืม”
หลู่เฟิ่งโหรวตอบเรียบเฉยมาก มันคาดไม่ถึงตรงไหน?
มันน่าแปลกใจตรงไหน?
มันเป็นเรื่องที่เดาได้อยู่แล้ว โอเคมั้ย?
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจความยินดีของฟางผิง เธอกล่าวอย่างเรียบเฉย “นายควรใช้โอกาสนี้ฝึกฝน’เคล็ดเสริมสร้าง’ก่อน ใช้ยาปราณและเลือดสามัญฟื้นฟูปราณและเลือด มาดูว่าปราณและเลือดสูงสุดตอนนี้เท่าไหร่”
ผู้ฝึกยุทธปกติที่พึ่งทะลวงขั้นหนึ่งจะมีปราณและเลือดประมาณ 180แคล
ฟางผิงต่างออกไป เขาเป็นผู้ฝึกยุทธที่พึ่งทะลวงขั้น แต่เขาขัดเกลาสามครั้งและมีปราณและเลือด 209แคลก่อนทะลวงเสียอีก
เซี่ยเหล่ย อีกคนที่ขัดเกลาสามครั้งในโม๋อู่ไม่ได้มาถึงขั้นนี้ เขาทะลวงตอน 200แคล และเข้าสู่ขั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้เซี่ยเหล่ยสู้ฟางผิงไม่ได้
…..
หลู่เฟิ่งโหรวไม่แปลกใจเลย แต่ฟางผิงอึ้ง!
เขาเริ่มฝึกฝนตอนเดือนเมษายนจนถึงตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 5 เดือน
สำหรับคนอื่น ห้าเดือนสั้นมาก แต่สำหรับฟางผิง ห้าเดือนเป็นเวลาที่ยาวนานมาก!
ตอนแรกที่ได้รู้เรื่องผู้ฝึกยุทธ เขารู้สึกอิจฉาปนๆชื่นชม และตอนนี้เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธอย่างเป็นทางการแล้ว เขาไม่อาจข่มความยินดีของตนเองได้!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฟื้นฟูปราณและเลือด แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้มันสูงแค่ไหน
เวลานี้ ค่าสถานะของฟางผิงเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทรัพย์สิน : 6,635,000 ปราณและเลือด : 145แคล (239แคล)
จิตใจ : 189เฮิรตซ์ (219เฮิรตซ์)
เนื่องจากผลของยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งที่เขากินเข้าไปยังออกฤทธิ์อยู่ ปราณและเลือดของเขาจึงยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้แตะต้องค่าทรัพย์สิน ค่าทรัพย์สิน 5000 แต้มที่เขาใช้ไปก่อนหน้านี้ เพราะเขาอยากรักษาสภาพสูงสุดของตัวเองเอาไว้
การขยายเส้นเลือดลม 62 เส้นช่วยเพิ่มขีดจำกัดปราณและเลือด 30แคลและขีดจำกัดจิตใจอีก 10เฮิรตซ์!
ตอนที่เขาถามถานเจิ้นผิงว่ามีปราณและเลือดสูงแค่ไหน ฟางผิงยังจำได้แม่น
ถานเจิ้นผิงบอกเขาว่าเขามีปราณและเลือดสูงสุด 250แคล
ยิ่งกว่านั้นฟางผิงยังไม่ได้เริ่มขัดเกลาระดับที่ลึกขึ้นเลย เขายังไม่ได้ขัดเกลากระดูกขา 62 ชิ้นเลยสักนิด ดังนั้นมันจึงยังอีกไกลกว่าจะถึงขีดจำกัดของร่างกาย
เวลานี้ ฟางผิงมีปราณและเลือดถึง 239แคลแล้ว!
ถ้าเขาขัดเกลากระดูกขาเสร็จ เขาจะมีปราณและเลือดขนาดไหน!
ถ้าขัดเกลากระดูกแต่ละชิ้นเพิ่มขีดจำกัดให้เขาได้แค่ 1แคล ปราณและเลือดของเขาก็ยังทำได้ถึง 300แคล ซึ่งสูงกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วไปมาก!
ขัดเกลาสามครั้งไม่ใช่แต่เพิ่มความเร็วการฝึกฝนเท่านั้น มันยังช่วยเพิ่มขีดจำกัดอีกด้วย ความอดทนและพลังการปะทุก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
หลู่เฟิ่งโหรวบอกให้เขาฟื้นฟูปราณและเลือด เนื่องจากฟางผิงไม่อาจใช้ค่าทรัพย์สินเติมเต็มปราณและเลือดต่อหน้าเธอได้ เขาจึงได้แต่กลืนยาปราณและเลือดสามัญเข้าไปหนึ่งเม็ด
ฟางผิงกลืนยาปราณและเลือดอย่างไม่เต็มใจ
ยาปราณและเลือดสามัญเม็ดนึงข้างนอกขายกันแสนหยวน!
ถ้าเขาใช้ค่าทรัพย์สิน เขาต้องใช้เกือบ 100,000 แต้มเพื่อฟื้นฟูปราณและเลือดเช่นกัน แต่ค่าทรัพย์สิน 100,000 แต้มช่วยให้เขาฟื้นฟูไปถึงจุดสูงสุดได้
ยาปราณและเลือดสามัญไม่ใช่แค่ช้าเท่านั้น มันยังเป็นเรื่องยากด้วยที่ยาปราณและเลือดเม็ดสามัญเม็ดเดียวจะฟื้นฟูปราณและเลือดของเขาจนเต็ม
ฟางผิงแอบชำเลืองมองหลู่เฟิ่งโหรวและแอบใช้ค่าทรัพย์สินเพื่อฟื้นฟูปราณและเลือดพร้อมกับอาศัยฤทธิ์ของยาไปด้วย
ค่าทรัพย์สินเขายังเหลือเศษอีก 35,000 หลังใช้หมดเขาค่อยพิจารณาอีกที
…..
‘หือ?’
ขณะที่ฟางผิงใช้ทั้งยาและค่าทรัพย์สินฟื้นฟู หลู่เฟิ่งโหรวก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
‘ปราณและเลือดของเขาฟื้นตัวเร็วผิดปกติ!’
หลู่เฟิ่งโหรวช็อคเล็กน้อย ‘ประสิทธิภาพน่าตกใจ เขาดูดซึมผลของยาได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?’
‘หรือคนที่ขัดเกลาสามครั้งทุกคนจะเป็นแบบนี้กัน?’
แม้จะเป็นเธอ เธอก็ได้พบกับผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสามครั้งไม่มากนัก เธอเคยพบมาน้อยมาก
ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่ใช่คนรู้จักของเธอ ดังนั้นเธอจึงสังเกตตอนฝึกฝนไม่ได้
ฟางผิงเป็นศิษย์เธอ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงดูฟางผิงฝึกฝนได้อย่างไร้ยางอาย
อย่างไรก็ตามหลู่เฟิ่งโหรวไม่คิดเลยว่าแค่ยาปราณและเลือดสามัญเม็ดเดียว ฟางผิงจะทำให้มันออกฤทธิ์ได้ถึงขั้นนี้ ในสายตาเธอปราณและเลือดของฟางผิงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ!
‘มันเกือบ 200แคลแล้ว…’
‘เร็วมาก!’
หลู่เฟิ่งโหรวคิดเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นมาอย่างฉับพลัน “กินยาปราณและเลือดอีกเม็ด!”
ฟางผิงมุมปากกระตุก เขากระพริบตาปริบๆ “อาจารย์…ทำไมเราไม่รอมันฟื้นฟูเองตามธรรมชาติล่ะ…อีกอย่าง ผลของเม็ดยายังดูดซึมได้ไม่หมด…”
หลู่เฟิ่งโหรวกระชากเสียงใส่อย่างใจร้อน “ฉันมียาปราณและเลือดสามัญ เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม!”
เธอให้ยาฟางผิงไปแล้วสิบเม็ด แต่ฟางผิงก็ยังขี้เหนียวมาก มันทำให้เธอรู้สึกขับขนและโมโห
ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วการดูดซึมผลของยาของฟางผิงทำให้เธอตกใจมาก เธออยากเห็นมากว่าเด็กคนนี้จะดูดซึมผลของยาสองเม็ดในครั้งเดียวได้ไหม
ฟางผิงปฏิเสธไม่ได้ เขาจึงหยิบยาออกมาอีกเม็ด ตอนนี้เขาเหลือแค่ยาปราณและเลือดสามัญ 16 เม็ดกับยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 7 เม็ดแล้ว
แน่นอน ความเร็วการดูดซึมผลของยาของฟางผิงไม่ได้ผิดปกติ
เขากังวลว่าหลู่เฟิ่งโหรวจะอยากให้เขากินยาเพิ่ม ฟางผิงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ค่าทรัพย์สินฟื้นฟูปราณและเลือดต่อ
…..
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
ปราณและเลือดของฟางผิงฟื้นฟูจนมาจุดสูงสุดแล้ว
ทรัพย์สิน : 6,580,000
ปราณและเลือด : 239แคล
จิตใจ : 200เฮิรตซ์ (219เฮิรตซ์)
หลู่เฟิ่งโหรวจ้องมองฟางผิงด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ฟางผิงดูดซึมเม็ดยาปราณและเลือดสามัญไปสองเม็ด!
คนอื่น แม้แต่คนระดับเธอก็มีอัตราการดูดซึมเร็วกว่าฟางผิงเล็กน้อยเท่านั้น
เด็กที่พึ่งเข้าสู่ขั้นหนึ่งมีความเร็วดูดซึมเม็ดยาเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธขั้นสี่!
‘ปราณและเลือดของเขาประมาณ 230-250’
หลู่เฟิ่งโหรวประเมิณและโยนเรื่องความเร็วการดูดซึมเม็ดยาทิ้งไป เธอรู้สึกพึงพอใจ “ไม่เลว ผู้ฝึกยุทธโดยเฉลี่ยคงพึงพอใจแล้วถ้ามีปราณและเลือด 180แคลหลังทะลวงขั้น”
“ผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสองครั้งมีปราณและเลือดประมาณ 200แคล”
“นายเริ่มต้นด้วยปราณและเลือดมากกว่า 230แคล มันเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก!” “ด้วยปราณและเลือดของนาย ระเบิดพลังได้แข็งแกร่งและมีความทนทานมาก ความเร็วการขัดเกลาของนายจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน…”
“ดูเหมือนขัดเกลาสามครั้งจะมีประโยชน์มาก ถ้าเป็นไปได้ ทางมหาลัยควรพยายามฝึกคนขัดเกลาสามครั้งเพิ่ม…”
หลู่เฟิ่งโหรวพูดได้ครึ่งทางก็หยุดไปและส่ายหน้าเบาๆ ขัดเกลาสามครั้งใช้ทรัพยากรมากเกินไป แถมยังกินเวลาไปมหาศาล มันไม่เหมาะสำหรับทุกคน
วิธีนี้ใช้จริงไม่ได้ ถ้าทำได้ ทางมหาลัยคงทำไปนานแล้ว
แม้แต่ขัดเกลาสองครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้
นอกจากนี้ ถ้าพวกเขาไม่ปล่อยให้นักศึกษาทะลวงขั้น ให้พวกเขาอยู่ขั้นเตรียมผู้ฝึกยุทธ นักศึกษาก็จะรู้สึกกดดันมาก
ในสายตาของประชาชน ผู้ฝึกยุทธกับเตรียมผู้ฝึกยุทธต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าพวกเขาจะขัดเกลาสองครั้งหรือขัดเกลาสามครั้งก็ตาม!
“วันนี้นายพึ่งทะลวงขั้น ทำความคุ้นเคยกับปราณและเลือดที่เพิ่มขึ้นฉับพลันก่อน”
“พรุ่งนี้…”
“ไม่ วันเสาร์นี้ มาหาฉันพร้อมกับจ้าวเสวี่ยเหมย ไม่ต้องมาที่บ้านฉัน ให้ไปที่โรงฝึกของนักศึกษาใหม่ ฉันจะสอนอะไรบางอย่างให้”
“พวกนายสองคนเป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว ฉันเห็นฝีมือพวกนายแล้ว และเพลงเตะพื้นฐานนายก็โอเค แต่นายขาดกระบวนท่าเพิ่มความเร็วระเบิดพลัง นายสมดุลเกินไป ขาดความร้ายแรง”
“ฉันจะสอนวิชาช่วยชีวิตสักหน่อย ต่อไปตารางของนายคือขัดเกลากระดูก เส้นเลือดลมและร่างกายรวมไปถึงศึกษาวัฒนธรรมศึกษาและทฤษฏีศาสตร์การต่อสู้พื้นฐาน” เมื่อพูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวก็ไม่รอช้าเดินจากไปทันที
หลังเธอจากไป ฟางผิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น เขาพึ่งทะลวงขั้นกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ เขาต้องไปบอกข่าวดี!