World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 119 ขายยา (1)
หลังพักอยู่บ้านสองสามวัน ฟางผิงก็เตรียมกลับมหาลัยในเช้าวันที่ 5
วันที่ 6 เป็นวันจันทร์ โม๋อู่จะกลับมามีเรียนอีกครั้ง
ครั้งก่อนที่เขาออกบ้าน ฟางหยวนร้องไห้หนักมากจนฟางผิงสะเทือนใจ
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่ฟางหยวนส่งเขาขึ้นรถไฟ
…..
ณ สถานีรถไฟ
ฟางผิงจ้องมองเด็กสาวอยู่ครู่นึง แต่จากนั้นสักพัก เขาก็รู้สึกหงุดหงิด “ยัยเด็กอกตัญญู!”
ครั้งก่อนเธอร้องไห้แทบเป็นแทบตาย แต่ตอนนี้ล่ะ?
ฟางหยวนมาส่งเขาอย่างอารมณ์ดี แถมยังหวังให้เขารีบขึ้นรถไฟเร็วๆด้วยสีหน้าบ่งบอกว่า’พี่ชาย ทำไมพี่ยังไม่ขึ้นรถไฟล่ะ?’ ฟางผิงรู้สึกแทบกระอักเลือด
ฟางผิงย่อมรู้เหตุผลว่าทำไม
เมื่อเขากลับมา ประเด็นเรื่องบีบแก้มยังเป็นเรื่องเล็กๆ ปัญหาหลักคือไม่กี่วันมานี้ความฝันการกลายเป็นเจ้ใหญ่ของเธอพังลง ไม่มีสมาชิกสมาคมหยวนผิงกล้ามาหาเธอเลย
ฟางหยวนดูงงงวย เธอไม่ได้แสร้งทำเป็นเศร้าด้วยซ้ำ “พี่ชาย วันหยุดหน้าถ้ากลับมาอย่าลืมโทรบอกล่วงหน้าด้วยนะ!”
“ต่อให้ไม่ใช่วันหยุด พี่ก็จะกลับมา!”
ฟางผิงแค่นเสียงและกล่าวอย่างไม่พอใจ “อย่าก่อเรื่องให้มากนัก ยุบสมาคมหยวนผิงให้เร็วที่สุด!!”
“นอกจากนี้ถ้าพี่กลับมาแล้วเห็นของหายไปอีก…”
“ยังเหลือของอีกตั้งเยอะ…” ฟางหยวนพึมพำเสียงเบา
ของที่ขายไปก็ถูกขายไปแล้ว จะเอาอะไรอีก?
นอกจากนี้ตลาดถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ฟางหยวนพึมพำ
ทุกอย่างที่เป็นที่ต้องการถูกซื้อไปหมดแล้ว ตอนนี้ต่อให้เอาของฟางผิงไปวางขาย มันก็อาจขายไม่ออกด้วยซ้ำ เธอจะไม่ขายของฟางผิงแล้ว
สีหน้าของฟางผิงดูอึมครึม เขาบีบแก้มเธอจนเกือบถึงเวลารถไฟออก “ดูแลพ่อแม่ด้วย ตอนนี้น้องเป็นผู้ใหญ่แล้ว น้องควรมีเหตุผลมากขึ้น”
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาหาพี่ ถ้าโทรไม่ติดก็ไม่ต้องห่วง พี่อาจยุ่งอยู่ ถ้าโทรไม่ติดเลยจริงๆ น้องไปขอความช่วยเหลือผู้อำนวยการถานได้”
“โอเค หนูเข้าใจแล้ว…”
“เป็นเด็กเก่งเด็กฉลาดนะ อย่าถูกคนเลวหลอกล่ะ”
“ไม่มีทาง!” “…”
เมื่อสองพี่น้องคุยกันเสร็จ ฟางผิงก็หันหน้ามาและโบกมือลาฟางหยวน
ทันทีที่ฟางผิงเดินลับไป ฟางหยวนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็วแล้วกดโทร “เรียกพี่น้องมารวมตัวกันที่เดิม!” เธอพูดอย่างโอ่อ่า
…..
ณ สถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ถูกหยุด เขาได้รับอนุญาตให้ออกไปได้อย่างรวดเร็วเมื่อแสดงใบอนุญาตวิชายุทธ
เขาไม่ได้ขึ้นรถไฟใต้ดินอีก แต่เขาขึ้นแท็กซี่กลับมหาลัยแทนด้วยเวลาไม่ถึงสี่สิบนาที
…..
เมื่อกลับมาถึงมหาลัย ฟางผิงก็ไปเก็บกระเป๋าที่หอแล้วเดินตรงไปแผนกโลจิสติกส์
สำนักงานแลกเปลี่ยน เมื่อผู้ฝึกยุทธคนก่อนหน้านี้เห็นฟางผิง เขาก็จำฟางผิงได้และทักทายด้วยรอยยิ้ม “นักศึกษาฟางผิง มาแลกเปลี่ยนสิ่งของอีกแล้วหรือ?”
“ฉันบอกแล้วว่ารองเท้ามีประโยชน์ เธอพึ่งได้รับ 40 คะแนน นับแค่เม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 4 เม็ด เธอก็ได้ทุนคืนแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องการประลองในชมรมวิถียุทธ
ฟางผิงไม่แปลกใจ เขายิ้ม “อาจารย์หลี ครั้งนี้ผมมาแลกเม็ดยา”
“อาจารย์ของเธอยาหมดแล้วเหรอ?” ผู้ฝึกยุทธหลีหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“เอาล่ะ เธออยากแลกเปลี่ยนอะไร? ยาชำระกระดูกขั้นหนึ่ง?” เขากล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“ในช่วงขัดเกลากระดูก ยาชำระกระดูกขั้นหนึ่งมีผลดีสุด บวกกับยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งอีกไม่กี่เม็ด มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว” “อาจารย์หลี ผมขอแลกยาปราณและเลือดสามัญ 67 เม็ด”
“67 เม็ด…”
ผู้ฝึกยุทธหลีพลันมีสีหน้าโง่งม จากนั้นเขาก็มองฟางผิงด้วยความแปลกใจ หลังจากนั้นสักครู่เขาก็กล่าว “เจ้าหนู เธออย่าเห็นแก่เงินดีกว่า!”
“คะแนนหายาก!”
“ตอนนี้เธอมีคะแนนเยอะ มีมากกว่า 200 คะแนน ถ้าเธอจะแลกยาปราณและเลือดสามัญ มันก็ได้อยู่ แต่เธอจะฝึกฝนได้ยากขึ้นนะ”
“ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครในมหาลัยวิชายุทธที่ขายทรัพยากร แถมทางมหาลัยก็ไม่ได้ห้าม เพราะเธอเป็นคนหาคะแนนมาด้วยตนเอง”
“แต่ก็มีบางอย่างที่เงินซื้อไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะมีเงินเท่าไหร่ก็ตาม”
“ไม่ต้องพูดถึง ถ้าเธออยากขายทรัพยากร มันอาจไม่คุ้มทุนก็ได้ เธอคิดดีแล้วเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าฟางผิงคงไม่อาจใช้ยาปราณและเลือดสามัญทั้ง 67 ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นข้อสรุปก็ต้องเป็นเขาตั้งใจจะเอายาไปขาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องหายากอะไร
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ส่วนใหญ่ คนที่อยากทำแบบนี้จะเป็นนักศึกษารุ่นพี่ปีสามปีสี่ พวกเขาสะสมคะแนนไว้แลกเปลี่ยนเม็ดยาเพื่อช่วยเหลือสถานการณ์การเงินของครอบครัว
นักศึกษาใหม่อย่างฟางผิงไม่เคยใช้คะแนนทั้งหมดแลกเปลี่ยนในคราวเดียว
การที่นักศึกษาใหม่จะหาคะแนนมาแต่ละคะแนน มันยากมากถึงมากที่สุด สำหรับนักศึกษาใหม่แล้ว คะแนนทุกคะแนนควรถูกใช้เท่าที่จำเป็นและไม่ใช้อย่างมักง่าย
“อาจารย์หลี ผมรู้ แล้วสรุปผมแลกได้ไหม?”
ผู้ฝึกยุทธหลีมองเขาและพยักหน้าเบาๆ“แลกได้ คะแนนเป็นของเธอ ตราบใดที่มีคะแนน เธอจะแลกอะไรก็ได้” ไอรีนโนเวล
“ตามใจแล้วกัน เนื่องจากเธอดูไม่เหมือนคนโง่ เธอควรคิดดีแล้ว”
หลังพูดเตือนครั้งสุดท้าย พนักงานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ไม่นานพนักงานก็มอบขวดยา 7 ขวดให้
“มีเม็ดยาทั้งหมด 67 เม็ด ลองเอาไปนับเอง หลังหักไป 201 คะแนน เธอจะเหลืออยู่คะแนนนึง ทำไมไม่เอาไปกินข้าวให้มันเหลือเลขกลมๆเลยล่ะ?” อาจารย์หลีพูดหยอกล้อ
1 คะแนน นอกจากกินหรือดื่ม มันก็แทบทำอะไรไม่ได้แล้ว
ฟางผิงรับเม็ดยามาแล้วยิ้ม “ผมจะเก็บไว้ บางทีครั้งหน้าผมอาจได้รางวัลอีก 50 คะแนนบวกกับ 1 คะแนนก็พอแลกเปลี่ยนอีกรอบแล้ว”
“เธอยังมีแผนทำแบบนี้อีกเหรอ?” อาจารย์หลีส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ถ้าเธอคิดดีแล้วก็ไม่เป็นไร และอย่าขายในปริมาณมาก ถูกตำรวจจับไปก็ลำบากอยู่เหมือนกัน”
“แม้ว่ามหาลัยวิชายุทธจะไม่ได้ห้ามขาย แต่การขายเม็ดยาเป็นธุรกิจผูกขาด”
“ถ้าเธอโดนจับ พวกเขาไม่เพียงแต่จะยึดยาเท่านั้น ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าเธอถูกปรับจนล้มละลาย ใจเย็นหน่อยดีกว่า”
อำนาจอย่างรัฐบาล มหาลัยวิชายุทธและกองทัพต่างก็มีส่วนร่วมในธุรกิจยา
รายบุคคลอย่างฟางผิงขายยาในปริมาณเล็กน้อยย่อมไม่เกิดปัญหา อย่างไรก็ตามถ้าเขาถูกจับได้ว่าขายยาในปริมาณมาก ต่อให้เขามาจากโม๋อู่ เขาก็มีปัญหาแน่นอน
“ขอบคุณที่เตือนครับอาจารย์”
“…”
หลังพูดขอบคุณ ฟางผิงก็รับยามาและจากไปอย่างเร่งรีบ เวลานี้ค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นมา 670,000 ตามที่คาดไว้! ตอนนี้ค่าสถานะของฟางผิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ทรัพย์สิน : 6,700,000
ปราณและเลือด : 265แคล (273แคล)
จิตใจ : 238เฮิรตซ์ (241เฮิรตซ์)
เขาไม่ได้เสียเวลาอยู่บ้านเปล่าๆไปหลายวัน เขาขัดเกลากระดูกต่อจนเสร็จไป 28 ชิ้น
“ค่าทรัพย์สินฉันมี 6,700,000 แล้ว ฉันทิ้งยาให้ฟางหยวน 3 เม็ด ตอนนี้ฉันยังมียาปราณและเลือดสามัญอยู่ 70 เม็ดและยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งอีก 11 เม็ด”
นั่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย
หลังพิจารณาเล็กน้อย ฟางผิงก็โทรเข้าโทรศัพท์ของหลี่เฉิงเจ๋อ
หลังพูดทักทายไม่กี่คำ ฟางผิงก็เอ่ยถาม “ตอนนี้ผมมียาปราณและเลือดจำนวนมาก จะสะดวกไหมถ้าเอายาไปขาย?”
หลี่เฉิงเจ๋อไม่คิดเลยว่าฟางผิงจะมีความตั้งใจจะขายยาอีก เพราะครั้งก่อนเขาพึ่งขายไปชุดเล็กๆ
หลังคิดเล็กน้อยเขาก็เอ่ยถาม “มีเท่าไหร่ครับ?”
“70 เม็ด…”
“มากขนาดนั้นเชียว!”
หลี่เฉิงเจ๋อช็อคเล็กน้อยและกล่าวอย่างรวดเร็ว “คุณฟาง ยาจำนวนขนาดนั้นไม่ได้ขายง่ายๆ สาเหตุหลักเป็นเพราะเราอ่อนแอเกินไป”
“มันไม่มีปัญหาถ้าบริษัทใหญ่ๆแอบเอาไปขาย แต่บริษัทเรา นอกจากคุณแล้ว เราไม่มีผู้ฝึกยุทธอยู่เลยสักคน”
“การขายยาจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ เราจะถูกค้นพบได้ในทันที แถมมันยังอันตรายด้วย”
เม็ดยา 70 เม็ด ต่อให้มันเป็นแค่ยาปราณและเลือดสามัญ มันก็มีราคากว่า 6 ล้านหยวนแล้ว ยิ่งกว่านั้นฟางผิงยังมียาขั้นหนึ่งอีก 11 เม็ดซึ่งมีค่าเกือบสิบล้าน “ผมเข้าใจแล้ว ผมจะลองหาทางอื่นดู”
ฟางผิงไม่กลัวที่จะนำยาไปขาย เขาแค่จำเป็นต้องขายให้ถูกคน
หลังคิดเล็กน้อย ฟางผิงก็เดินตรงกลับหอพัก
…..