World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 122.2 ฟางผิงผู้เมตตา (2)
นักศึกษาทุกคนต่างก็ประหลาดใจ
มันเป็นไปได้เหรอ?
ฟางผิงก็ประหลาดใจเช่นกัน ลูกไม้ของหลู่เฟิ่งโหรว…มันยอดเยี่ยมมาก!
ถังเฟิงและอาจารย์คนอื่นๆไม่เห็นด้วยอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายพวกเขาก็เห็นด้วยโดยไม่ได้พูดอะไร
ในมหาลัยวิชายุทธ เราควรสู้เพื่อสิ่งที่ต้องการ
แม้การบีบบังคับคนอื่นจะไม่ดี แต่หลู่เฟิ่งโหรวพูดถูกที่บอกว่าเด็กใหม่ขาดแรงจูงใจ บางทีมันอาจเป็นทางออกก็ได้
งานประลองระดับประเทศอีกไม่นานแล้ว พวกเขาต้องใช้ทุกทางที่มี
“ได้คะแนนโดยไม่ต้องทำอะไร…” ฟางผิงพึมพำ
หลู่เฟิ่งโหรวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “แน่นอน คนที่เป็นหัวหน้าคลาสเปลี่ยนแปลงได้เมื่อมีความสามารถเหนือกว่า ทุกครึ่งเดือนเป็นไง? หัวหน้าคลาสจะได้รับ 10 คะแนนทุกครึ่งเดือน ด้วยวิธีนี้ ทุกคนน่าจะมีแรงจูงใจแย่งตำแหน่งกันมากขึ้น”
ไม่มีใครคัดค้านอะไรกันอีก แววตาของนักศึกษาเปล่งประกาย
ทุกครึ่งเดือน?
มีเวลาสามเดือนก่อนถึงงานประลอง สามเดือนก็หกครั้ง 60 คะแนน!
60 คะแนนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!
ฟางผิงอดมองหลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้ อาจารย์ของเขาทำเพื่อประโยชน์เขาใช่ไหม?
เห็นได้ชัดว่าเธอช่วยเขาให้ได้รับผลประโยชน์อย่างลับๆ!
ถังเฟิงและคนอื่นๆก็คิดแบบนั้น พวกเขามองหลู่เฟิ่งโหรวอย่างโกรธๆ
หลู่เฟิ่งโหรวหาว “มองฉันเพื่อ? เพื่อกระตุ้นทุกคน มันเป็นความคิดที่ไม่ดีงั้นเหรอ?”
“ลองถามนักศึกษาสิว่าพวกเขายอมไหม?”
แม้จะไม่มีใครพูด แต่ถังเฟิงก็ดูออกว่าลูกศิษย์เขา จ้าวเหล่ยและหยางเสี่ยวม่านต่างก็กระตือรือร้นกับรางวัลนี้
นักศึกษาคนอื่นที่แข็งแกร่งก็โห่ร้องด้วยเช่นกัน
ข้อเสนอของหลู่เฟิ่งโหรวหยาบไปหน่อย แต่นักศึกษาถูกกระตุ้นอย่างเห็นได้ชัด
ถังเฟิงรู้สึกจนใจ เขารู้ว่าฟางผิงแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับคนอื่น
ก็ได้ ถ้าสุดท้ายฟางผิงได้เป็นหัวหน้าคลาสตลอดหกเดือน คนอื่นๆก็คงโกรธเหมือนกัน ให้นักศึกษามีคู่แข่งก็เป็นความคิดที่ไม่เลว
ยังไงซะมันก็แค่ 60 คะแนน
หลังคิดเล็กน้อย ถังเฟิงก็กล่าว “งั้นเราจะทำตามข้อเสนอของอาจารย์หลู่ ใครมีความเห็นอะไรไหม?”
แม้จะมีใครอยากพูดอะไร แต่มันก็น่าอายเกินไป ถ้าพวกเขามีคำถาม มันก็แปลว่าพวกเขาไม่มั่นใจในตนเอง
หลังถังเฟิงให้ไฟเขียว หลู่เฟิ่งโหรวก็ยิ้มให้ฟางผิง เธอทำหน้าอย่างกับจะบอกว่า ‘เจ้าหนู ฉันช่วยนายแล้วนะ’
ฟางผิงหัวเราะเบาๆโดยไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าไม่มีใครคัดค้าน งั้นก็เริ่มเลือกตั้งเลย ใครสนใจมาสมัครชิงตำแหน่งนี้ได้เลย”
หลังถังเฟิงพูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวก็พูดขึ้นมาฉับพลัน “อย่าเสียเวลาเลย ฉันมีเรื่องต้องทำ”
“ฟางผิง ออกมา!”
ฟางผิงเดินออกมา หลู่เฟิ่งโหรวพูดกับเขาตรงๆ “อยากเป็นหัวหน้าคลาสไหม?”
“ครับ!”
คราวนี้ฟางผิงไม่ลังเลเลย 60 คะแนนเชียว!
จากที่เขาสังเกตเห็นในระบบภารกิจวันก่อน แม้แต่รางวัลสังหารผู้ฝึกยุทธขั้นสองก็ไม่เยอะเท่านี้ รางวัลได้แค่ 20 คะแนนเท่านั้น
60 คะแนนเกือบเป็นรางวัลขึ้นต่ำของภารกิจสังหารผู้ฝึกยุทธขั้นสาม
แม้แต่สังหารผู้ฝึกยุทธขั้นสาม เราก็ได้รางวัลเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้มันเป็นคะแนนได้มาฟรีๆ ฟางผิงจะไม่ต้องการได้อย่างไร?
“ดี”
หลู่เฟิ่งโหรวกล่าวขณะขบคิด “ศิษย์ทั้งสองของอาจารย์ถังโดดเด่นมาก มันชัดเจนสำหรับทุกคน”
“พวกเราต่างก็เป็นอาจารย์ขั้นหก ฉันก็ไม่อยากเสียหน้าเหมือนกัน”
“นายเป็นศิษย์ฉัน บางคนก็กลัวว่าฉันไม่เหมาะกับการเป็นอาจารย์ ฉันต้องพิสูจน์สักหน่อยว่าฉันคู่ควรกับเงินเดือนที่ได้รับ”
“นายต้องประลองกับลูกศิษย์ทั้งสองของอาจารย์ถัง ถ้านายชนะ นายก็จะได้เป็นหัวหน้าคลาส ถ้านายแพ้ นายก็จะทำงานให้คนอื่นฟรีๆ มีอะไรอยากพูดไหม?”
ฟางผิงไม่อาจทำให้อาจารย์เสียหน้าได้ แถมเธอยังทำเพื่อผลประโยชน์เขา เขาตอบโดยไม่ลังเล “ไม่มีครับ!”
“แล้วคนอื่นล่ะ?”
หลู่เฟิ่งโหรวถาม แต่ไม่มีใครตอบ
จ้าวเหล่ยกับหยางเสี่ยวม่านเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักศึกษาปีหนึ่ง ถ้าฟางผิงชนะพวกเขาได้ งั้นก็คงไม่มีใครเอาชนะฟางผิงได้แล้ว
“จ้าวเหล่ย หยางเสี่ยวม่าน พวกเธอล่ะ?”
จ้าวเหล่ยตอบทันที “ผมไม่มีปัญหา”
หยางเสี่ยวม่านลังเลสักพักก่อนจะส่ายหน้าเช่นกัน
“มาเริ่มกันเถอะ ใครอยากมาก่อน?”
จ้าวเหล่ยกล่าวโดยไม่ลังเล “ผม!”
ฟางผิงเดินออกมาโดยไม่พูดจาไร้สาระ เขาหัวเราะ “จ้าวเหล่ย มาตกลงกันก่อน อย่ามาร้องไห้หรือแค้นเคืองกันทีหลังแล้วกัน”
“นอกจากนี้ ถ้านายแพ้ นายต้องทำงานให้ฉันฟรี นายจะต้องนัดทุกคนและแจ้งเรื่องคาบเรียนให้ทุกคนทราบ”
จ้าวเหล่ยทำเสียงฮึดฮัด “ได้ ถ้านายแพ้ นายต้องทำให้ฉัน”
“ตกลง!”
ฟางผิงตอบตกลงอย่างง่ายดาย เขาไม่รอคำสั่งเริ่ม แต่ดีดตัวพุ่งไปข้างหน้าทันที
จ้าวเหล่ยยังไม่ทันตั้งตัว กำปั้นของฟางผิงก็มาอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ขณะที่เขากำลังโต้กลับ ฟางผิงก็ถอยกลับ
หมัดเขาถูกชักกลับกระทันหัน จ้าวเหล่ยไม่คิดเลยว่าฟางผิงจะโจมตีก่อน แถมยังเป็นการแสร้งโจมตีอีก
เขาขยับตัวล่าถอย แต่แล้วขาของฟางผิงก็ปะทะเข้ากับเข่าเขาอย่างจัง
จ้าวเหล่ยสะดุด เกือบล้มลงกับพื้น เวลานั้นเองฟางผิงก็กำหมัด เหวี่ยงปะทะเข้าที่จมูก
“อั่ก…”
เลือดกำเดาไหลทะลักออกจมูก น้ำตาเริ่มรินไหล
“ฉันบอกแล้วว่าอย่าร้องไห้ แต่นายก็ยังร้องอีก!”
ฟางผิงชกใส่หน้าผาก เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาแค้นกัน แต่นายดันแค้นฉัน!”
“ปัง!”
“ที่จริงฉันเป็นคนพูดง่าย แต่นายคิดว่าฉันไม่ได้ยินที่นายพูดกับหยางเสี่ยวม่านงั้นเหรอ?”
“ปัง!”
“นายชอบมาทำให้ฉันโกรธ ขัดเกลากระดูกมากกว่าฉันแล้วคิดว่าเก่งมากเลยใช่ไหม?”
“ปัง!”
“ครั้งหน้านายมายั่วโมโหฉันอีก ฉันจะจัดการนายจนพ่อนายก็จำนายไม่ได้!”
“ปัง!”
“ตอนนี้น้องสาวฉันเป็นเจ้ใหญ่ ฉันอยากเป็นลูกพี่เด็กใหม่บ้าง นายมีปัญหาไหม?”
“ปัง!”
“…”
ก่อนที่ทุกคนจะได้ตั้งตัว ฟางผิงก็จับจ้าวเหล่ยกดลงกับพื้นและต่อยใส่ไม่ยั้ง หมัดแล้วหมัดเล่ากระแทกเสียงดัง เขามึนงงจนลืมไปแล้วว่าตนเองอยู่ที่ไหน
ถังเฟิงมุมปากกระตุก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
ฟางผิงไม่ได้ต่อยหนักนัก มันดูรุนแรง แต่ผลของการโจมตีทำให้บาดเจ็บแค่พื้นผิวเท่านั้น
แต่เขาโจมตีที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าบ้างได้ไหม?
เมื่อพิจารณาจากใบหน้าของจ้าวเหล่ยตอนท้าย เขาคงไม่กล้าออกไปไหนทั้งอาทิตย์
…..
ในฝูงชน
เฉินหยุนซีเฝ้ามองสีหน้าซีดเผือดของหยางเสี่ยวม่าน เธอกล่าวเสียงเบา “ยอมแพ้เถอะ จ้าวเหล่ยเป็นผู้ชาย แต่ถ้าฟางผิงทำแบบนั้นกับเธอล่ะก็…”
หยางเสี่ยวม่านหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม
เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าเธอจะใช้ชีวิตสี่ปีต่อจากนี้ได้อย่างไรถ้าถูกฟางผิงทุบตีจนเหมือนหัวหมู
หลังจากนั้นสักครู่ ฟางผิงก็พอใจ เขาลุกขึ้นยืนและหัวเราะ “หยางเสี่ยวม่าน ถึงตาเราแล้ว!”
“นะ…นายอยากต่อยฉันด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ เธอไม่ได้ยินที่อาจารย์ถังพูดเหรอ? สู้กับสาวสวยก็เป็นวิธีฝึกเช่นกัน อาจารย์ถัง ผมไม่ได้พูดผิดใช่ไหม?”
สีหน้าของถังเฟิงดูอึมครึม ส่วนหลู่เฟิ่งโหรวยิ้มกว้าง
“ฉะ…ฉันยอมแพ้!”
หยางเสี่ยวม่านทั้งอายทั้งโกรธ เธอไม่กล้าขึ้นไปประลองด้วย
ฟางผิงค่อนข้างเสียใจ “ว้า แย่จัง ก็ได้ ทีหลังอย่ามาแค้นกันอีกล่ะ ฉันไม่ชอบปัญหา แถมข่มความแค้นไว้ก็ไม่ดีต่อร่างกาย ดูฉันสิ ฉันไม่เห็นแค้นใครเลย”
ผู้หญิงคนนี้พูดจาไร้สาระลับหลังเขาหลายครั้ง
จ้าวเหล่ยก็ด้วย!
ทุกคนคิดว่าเขาไม่โกรธเลยงั้นเหรอ?