World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 140 กลับมหาลัย รับรางวัล
แม้ว่าฟางผิงจะมีความตั้งใจเปลี่ยนอาวุธ แต่เวลานี้เขาไม่มีเวลากลับมหาลัย
วันที่ 20 พฤศจิกายน ทางมหาลัยส่งข้อความถึงนักศึกษาคลาสฝึกพิเศษทุกคน
ข้อความไม่อ้อมค้อม มีแค่สถิติง่ายๆไม่กี่บรรทัด
ทีมฟางผิง : 132 คะแนน
ทีมจ้าวเหล่ย : 128 คะแนน
ทีมฟู่ชางติ่ง : 110 คะแนน
ทีมหยางเสี่ยวม่าน : 108 คะแนน
ทีมเฉินหยุนซี : 90 คะแนน
ทีมฟางผิง กับพวกจ้าวเหล่ยทำภารกิจของตนสำเร็จ ส่งผลให้คะแนนสะสมเหนือกว่าทีมจ้าวเหล่ยจนได้
กระนั้น มันก็ยังเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองทีมชั้นยอด
มีเพียงทีมเฉินหยุนซีเท่านั้นที่ถูกทิ้งห่างไปมาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะตั้งใจหรือเพราะภารกิจล้มเหลว ไม่มีใครทราบได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อทีมจ้าวเหล่ยมีคนเสียชีวิต คนในทีมเฉินหยุนซีจึงแนะนำให้อยู่เฉยๆและหยุดทำภารกิจ
บางทีเฉินหยุนซีอาจควบคุมทีมไม่อยู่ เป็นไปได้ว่าเพื่อนร่วมทีมเธอถ่วงเวลาเพราะไม่อยากทำภารกิจอีก
ความตั้งใจของมหาลัยชัดเจน พวกเขาอยากกระตุ้นนักศึกษาผลักดันตนเอง
ยิ่งกว่านั้นเพื่อไม่ให้ทีมที่ได้อันดับหนึ่งหย่อนยาน ฟางผิงจึงได้รับข้อความที่สองอย่างรวดเร็ว
สำหรับทีมที่ได้อันดับหนึ่ง หลังสะสมคะแนนได้ 100 คะแนน พวกเธอจะได้คะแนนเพิ่ม 50%
หลังสะสมคะแนนได้ 150 คะแนน จะได้คะแนนเพิ่ม 60%
หลังสะสมคะแนนได้ 200 คะแนน จะได้คะแนนเพิ่ม 70%…
คะแนนเพิ่มขึ้นทุก 50 คะแนนจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นอีก 10%
ถ้าพวกเขาทำได้ 350 คะแนน รางวัลพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า บวกกับที่ทางมหาลัยเพิ่มให้อีกสองเท่าแต่เดิม พวกฟางผิงจะได้คะแนนถึง 1050 คะแนน!
มันเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย!
ผู้ฝึกยุทธขั้นสามส่วนใหญ่เท่านั้นจะได้รับคะแนนมากเท่านี้ในหนึ่งปี แถมมันยังไม่รับประกันด้วย
ตอนนี้ทีมหาคะแนนได้ขนาดนี้ภายในเวลาแค่เดือนเดียว แม้ว่าทีมจะมีสิบคน แต่ทุกคนพึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งมาไม่นาน การมีคะแนนมากมายขนาดนี้จะทำให้พวกเขาได้เปรียบกว่านักศึกษาคนอื่นมากมายมหาศาล
ทีมฟางผิงได้รับข้อความนี้ แต่ทีมเฉินหยุนซีไม่ได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ข้อความเตือนอื่นแทน สำหรับทีมที่ได้คะแนนน้อยกว่า 120 คะแนน ทางมหาลัยจะไม่มอบรางวัลสองเท่า
ในช่วง 10 วันที่เหลือ ถ้าทีมเฉินหยุนซีทำภารกิจที่ได้ 30 คะแนนไม่สำเร็จ ทางมหาลัยจะไม่มอบสิทธิพิเศษให้พวกเขา
ภายใต้แรงกดดันและแรงจูงใจจากมหาลัย แต่ละทีมจึงมุ่งมั่นทำภารกิจสุดความสามารถ
…
ใน 10 วันนี้ ทีมย่อยของฟางผิงทำภารกิจขั้นสองถึงสามภารกิจ แต่สุดท้ายก็สำเร็จเพียงสองภารกิจเท่านั้น
ส่วนภารกิจสุดท้าย พวกฟางผิงหาเป้าหมายไม่พบจึงได้แต่ยอมแพ้
ภารกิจไม่ได้ราบรื่นไปซะทั้งหมด อาชญากรบางคนก็ปกปิดตัวเองเป็นอย่างดี หาเป้าหมายไม่พบไม่ใช่เรื่องแปลก
ทีมจ้าวชิงก็สถานการณ์คล้ายกัน พวกเขาทำภารกิจสำเร็จมากกว่ากลุ่มฟางผิงหนึ่งภารกิจ แต่มีสมาชิกได้รับบาดเจ็บ
วันที่ 30 ทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้ง
…
ณ เซี่ยงไฮ้
เมื่อทุกคนกลับมายังมหาลัย ทางมหาลัยก็ขอให้แต่ละทีมมารวมตัวกันที่โรงฝึก
เมื่อสมาชิกทีมฟางผิงมาถึงครบทุกคน เขาก็เปิดปากพูด เราหาตัวเป้าหมายภารกิจสุดท้ายไม่พบ แถมยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย เราจึงต้องยกเลิกภารกิจ
เราคิดว่าถ้าเราทำภารกิจสุดท้ายสำเร็จ เราจะได้คะแนนครบ 200 คะแนน
ตอนนี้เรามี 186 คะแนนเท่านั้น น่าเสียดาย
มันน่าเสียดายจริงๆ ด้วย 186 คะแนน เมื่อได้โบนัส 60% พวกเขาจะได้รางวัลเพิ่ม 111 คะแนนเท่านั้น
ถ้าพวกเขาทำภารกิจสุดท้ายสำเร็จ ทีมฟางผิงจะได้คะแนนเพิ่มกว่าสิบคะแนน
กลับกันจ้าวเสวี่ยเหมยพอใจมาก มันดีพอแล้ว 186 คะแนนเทียบเท่ากับการทำภารกิจขั้นสาม 3-4 ภารกิจ
ในหนึ่งเดือน พวกเราผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งทำผลงานได้ดีมากแล้ว!
แม้แต่ถังซ่งถิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
ต่อให้พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสาม มันก็ไม่รับประกันว่าพวกเขาจะทำภารกิจระดับนั้นสำเร็จ 3-4 ภารกิจในหนึ่งเดือน
ขณะที่ทีมคุยกัน ทีมเฉินหยุนซีก็เดินเข้ามาในห้อง ทุกคนตัวเปื้อนมอมแมมเต็มไปด้วยคราบฝุ่น
สมาชิกคนนึงบ่นพึมพำ ทั้งหมดเป็นเพราะเฉินเจียหลงถ่วงเรา ดีจริงๆ แค่ 100 คะแนน ไม่ต้องพูดถึงคะแนนสองเท่าเลย เราแทบไม่ได้อะไรเลย!
พวกเราทั้ง 10 ทำงานหนักแทบตายมาทั้งเดือน แต่เราได้ไม่ถึง 10 คะแนนด้วยซ้ำ!
เหลวไหล มันเกี่ยวอะไรกับฉัน! นายนั่นแหละไม่พยายาม นายเอาแต่ดูพวกเราลงแรง นายมีผลงานแค่ 7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอีก! อย่างน้อยฉันก็ได้ 11%!
นายก็แค่บังเอิญ ไม่งั้น…
เลิกเถียงได้แล้ว พวกนายทั้งสองแหละต้องรับผิดชอบ โจวเจี้ยนบาดเจ็บ แถมยังไม่มีเงินพอซื้อยา!
…
พวกเขาเริ่มทะเลาะกัน บางคนก็ไม่พอใจ บางคนก็โกรธ
สมาชิกที่ได้รับบาดเจ็บของทีมยังคงมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้พูดอะไร ความไม่พอใจปรากฏชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องพูด
ในทีมสิบคน พวกเขาผ่านความยากลำบากมาทั้งเดือน แต่พวกเขาไม่ได้รางวัลสองเท่าด้วยซ้ำ ร้อยคะแนน ถ้านำไปหารกันก็เหลือคนละ 10 คะแนน คนที่มีส่วนร่วมน้อยก็จะได้เพียง 5-6 คะแนนเท่านั้น
มันก็เท่ากับว่าพวกเขาได้รับเม็ดยาปราณและเลือดสามัญ 2 เม็ดต่อเดือน มันไม่พอเติมเต็มปราณและเลือด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับรักษาอาการบาดเจ็บ
เฉินหยุนซีก้มหน้าต่ำ เธอไม่ได้พูดอะไรเลยนับตั้งแต่เข้ามาในห้อง
เพื่อนร่วมทีมใส่ไฟกันเองโดยข่มกลั้น แต่ไม่มีใครมาพูดกับเฉินหยุนซี
ทีมฟางผิงจ้องมองพวกเขาอยู่เงียบๆ บางคนก็รู้สึกโชคดีที่อยู่ทีมฟางผิง ถ้าพวกเขาอยู่ทีมเฉินหยุนซี พวกเขาต้องลำบากแน่
ทีมจ้าวเหล่ยก็ไม่ต่างกัน ทีมนั้นมีคนเสียชีวิตด้วยซ้ำ ข่าวลือบอกว่าพวกเขาผลักดันตัวเองหนักเกินไปในภารกิจหลังๆ มีคนบาดเจ็บสาหัสมากขึ้น
ไม่นานทุกคนก็เห็นทีมจ้าวเหล่ยเดินเข้ามา
พวกเขาไม่มีสีหน้าตื่นเต้น ไม่มีความรู้สึกยินดีที่ได้คะแนนจำนวนมาก สีหน้าพวกเขาดูอึมครึมกันทุกคน
จ้าวเหล่ยก็เช่นกัน เมื่อเขาเห็นฟางผิง เขาก็เบือนหน้าหนี
พวกเขาเงียบกันทั้งทีม ไม่มีพูดกันสักคำ
ความเงียบที่น่าอึดอัดหายไปทันทีเมื่อฟู่ชางติ่งมาถึง
ฮ่าฮ่า พวกนายมาถึงกันแล้ว? ภารกิจยากมาก แต่เราโชคดีไม่เบา ช่วงโค้งสุดท้ายเราทำภารกิจสำเร็จพอดี ตอนนี้เราจะได้พักผ่อนเต็มที่สักที
เป็นเพราะนายนั่นแหละ นายเป็นหัวหน้าที่ยอดเยี่ยม นายคาดเดาได้หมดว่าเป้าหมายซ่อนตัวอยู่ไหนโดยไม่ต้องหาข้อมูลให้มากมาย
ต้องขอบคุณพระเจ้า ฉันแค่เดาไปเรื่อย โชคดีที่ฉันเดาถูก
หัวหน้าเก่งจัง! เสียงหวานดังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสียงของหนึ่งในสองสาวงาม
ขณะที่พวกเขาคุยกัน ทั้งทีมก็พากันเข้ามาในโรงฝึกอย่างอึกทึก
หลังสัมผัสกับบรรยากาศที่ตึงเครียด ฟู่ชางติ่งก็บิดคอตามความเคยชินและรีบเข้ามาหาฟางผิง เขาถามเบาๆ เกิดอะไรขึ้น?
ฉันก็ไม่รู้
ฟางผิงไม่ได้บอกรายละเอียด เขายิ้มแล้วกล่าว ดูเหมือนพวกนายทำภารกิจได้ไม่เลวนะ?
ฟู่ชางติ่งอารมณ์ดี ของมันแน่อยู่แล้ว!
ถังซ่งถิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ฉันไม่ได้ตาบอด ใช้หัวแม่ตีนคิดยังได้เลย นายให้ครอบครัวจ้างคนไปค้นหาใช่ไหม?
ฟู่ชางติ่งไม่ได้เถียงหรือปฏิเสธ เขาพูดออกมาลวกๆ มันก็เป็นความสามารถของฉัน นายทำแบบนี้ได้มั้ยล่ะ?
เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังซ่งถิงก็แค่นเสียง แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก
ฟู่ชางติ่งขอความช่วยเหลือจากครอบครัวก็เป็นสิทธิ์ของเขา ยังไงเสียทรัพยากรของครอบครัวก็เป็นทรัพยากรเหมือนกัน
ฟู่ชางติ่งเลิกสนใจอีกฝ่าย เขายิ้มให้ฟางผิง พวกนายได้ที่หนึ่งใช่ไหม?
ไม่แน่ใจ เราไม่รู้ว่าทีมจ้าวเหล่ยจะได้เท่าไหร่
นายไม่รู้แต่ฉันรู้! ฟู่ชางติ่งยิ้มกว้าง ภารกิจสุดท้ายจ้าวเหล่ยเริ่มตระหนก เขาเร่งรีบทำภารกิจ พวกเขาเจอเป้าหมายแล้ว แต่เป้าหมายหนีรอดจากวงล้อมไปได้!
ตัดสินจากสีหน้าน่าเกลียดของพวกเขา นายน่าจะเดาผลลัพธ์ออกใช่ไหม?
ฟางผิงรู้สึกขบขัน นายรู้มากจริงๆ
แน่นอน ทีมนึงมีกันหลายคน จะมีความลับอะไรได้เยอะแยะ?
แม้แต่พวกนาย ถ้าพวกนายไม่แยกทางกัน ฉันก็รู้ทุกอย่างไม่ต่างจากหลังมือตัวเอง…
ฟู่ชางติ่งไม่ได้คิดมากที่จะบอกฟางผิงว่าตนเองรู้สถานการณ์ของทีมเขาด้วย
อันที่จริงมีคนในทีมฟางผิงที่มาสอบถามสถานการณ์เช่นกัน
ขณะที่พวกเขาคุยกัน หยางเสี่ยวม่านก็นำทีมมาเป็นทีมสุดท้าย
ฟู่ชางติ่งยิ้มกว้างและไปทักทายพวกเขา หยางเสี่ยวม่าน ฉันได้ยินว่าเธอไล่ตามฉัน เธอมีกี่คะแนนแล้ว?
มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่ไล่ตามนาย!
หยางเสี่ยวม่านสบถ เธอไม่ได้เสียใจเท่าเฉินหยุนซีและไม่ได้ฝืนใจเท่าจ้าวเหล่ย เธอพูดออกมาเบาๆ 138 คะแนน แล้วนายล่ะ?
138…จุ๊ จุ๊ จำนวนไม่เลว! แต่ฉันมี 150 คะแนน ดูเหมือนเธอจะตกรอบแล้ว
อย่าลำพองให้มากนัก!
หยางเสี่ยวม่านแค่นเสียงใส่ทีนึงก่อนจะเดินไปหาเฉินหยุนซีและปลอบเธอเบาๆ
การแบ่งกลุ่มรอบนี้ ทีมเฉินหยุนซีทำผลงานได้แย่สุด
แม้ว่าทีมจ้าวเหล่ยจะมีคนเสียชีวิต แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ทำภารกิจได้ดี แถมเพื่อนร่วมทีมยังฟังเขา
ทีมเฉินหยุนซียุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ เกือบทุกคนรู้กันดี
…
ขณะที่เหล่านักศึกษาคุยกันเป็นกลุ่มๆ เหล่าอาจารย์ก็เดินเข้ามา
หวงจิ่งก็มาด้วยเช่นกัน
เมื่อเขาเข้ามาในห้อง หวงจิ่งก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา เงียบ!
ทุกคนเงียบลงทันที
หวงจิ่งมองรอบๆ เขาไม่ได้พูดถึงคนอื่นก่อน แต่จ้องไปที่จ้าวเหล่ยโดยตรง จ้าวเหล่ย เพราะความเสี่ยงที่คุณรับ นักศึกษาลู่คุนเฉียงถูกสังเวยระหว่างภารกิจ คะแนนที่คุณได้รับ 30% จะถูกหักออกและมอบเป็นค่าชดเชยให้แก่ครอบครัวของลู่คุนเฉียง คุณมีความเห็นอะไรไหม?
ไม่ครับ
จ้าวเหล่ยส่ายหน้า
สมาชิกทีมคนอื่นจะถูกหัก 10% ไปเป็นค่าชดเชย
ในทีมจ้าวเหล่ย บางคนก็ไม่เต็มใจ บางคนก็เงียบ
จากคะแนนที่พวกเขาได้ พวกเขาจึงไม่ได้ที่หนึ่ง พวกเขามีคะแนน 350 กว่าคะแนนเท่านั้น
เมื่อหักจ้าวเหล่ย 30% และคนอื่นอีก 10% มันก็จะถูกหักไปอย่างน้อย 60 คะแนน
แม้ว่าบางคนจะรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของอาจารย์ที่ไม่ช่วยพวกเขา แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าไม่ควรพูดออกมา
อาจารย์ไม่ได้รับประกันว่าจะช่วยพวกเขา อาจารย์เตือนพวกเขาก่อนออกเดินทางแล้วด้วยว่าอาจารย์ไม่ได้มีอำนาจและเป็นไปได้ว่าจะมีคนเสียชีวิตระหว่างภารกิจด้วย
หวงจิ่งไม่สนใจว่าพวกเขาจะพอใจไหม เขาพูดต่อ ฉันคิดว่าครั้งนี้พวกคุณคงได้รับประสบการณ์มามากมายเช่นกัน
นักศึกษาถูกสังเวยในภารกิจ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก นี่แหละคือผู้ฝึกยุทธ เราต้องต่อสู้กับความเป็นความตายตลอดเวลา
บางคนอาจไม่พอใจ ทำไมอาจารย์ถึงไม่ช่วย?
ฉันไม่อยากอธิบายอะไร ถ้าคุณฝึกฝนวิชายุทธด้วยความคิดว่าจะมีคนช่วยคุณตลอดเวลา คุณคิดผิด!
ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ ครั้งนี้ทีมที่ได้อันดับหนึ่งคือทีมฟางผิง ได้คะแนนทั้งหมด 186 คะแนน
มหาลัยจะมอบรางวัลให้ 186 คะแนน กับโบนัสที่ได้อันดับหนึ่งอีก 112 คะแนน รวมเป็น 484 คะแนน
อันดับสองคือทีมจ้าวเหล่ย ได้ 179 คะแนน รวมเป็น 358 คะแนน
อันดับสาม ทีมฟู่ชางติ่งได้ 150 คะแนนรวมเป็น 300 คะแนน
อันดับสี่ ทีมหยางเสี่ยวม่านได้ 138 คะแนนรวมเป็น 276 คะแนน
อันดับห้า ทีมเฉินหยุนซีได้ 100 คะแนน!
เมื่อคะแนนของทั้งห้าทีมถูกประกาศออกมา หลายคนก็ตกใจ ความแต่งต่างกว้างใหญ่เกินไปแล้ว!
อันดับหนึ่งทีมฟางผิงได้คะแนนเกือบ 500 คะแนน!
และทีมอันดับห้า ทีมเฉินหยุนซีได้ 100 คะแนนเท่านั้น
ทางด้านฟางผิง หลายคนมีสีหน้าสดใส เปี่ยมไปด้วยความสุข
แม้ว่าฟางผิงจะได้คะแนนมากสุด เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆก็ได้คะแนนอย่างยุติธรรมเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะได้คะแนนน้อยกว่า แต่พวกเขาก็ยังได้มากกว่าทีมเฉินหยุนซี
เอาล่ะ เราได้มอบคะแนนให้พวกคุณแล้ว พวกคุณไปตรวจสอบได้ภายหลัง
หวงจิ่งขัดจังหวะบทสนทนาของทุกคนแล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้พวกคุณบางคนก็ทำได้ดี บางคนก็ทำได้แย่ ฉันไม่อยากเอ่ยชื่อใคร
วันนี้พวกคุณพักได้หนึ่งวัน วันรุ่งขึ้นคลาสฝึกพิเศษจะแบ่งกลุ่มใหม่
จะมี 10 คนเป็นทีมเริ่มต้น และอีก 39 คนเป็นทีมสำรอง
ฉันคิดว่าพวกคุณส่วนใหญ่คงพอเดาได้แล้วว่าตัวเองจะอยู่ทีมไหน
ฉันมีเรื่องให้พูดแค่นี้ พวกคุณไปสรุปผลกำไรขาดทุนเดือนนี้ให้ดี!
เมื่อเขาพูดจบ หวงจิ่งก็จากไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างอะไรกับขามาตามปกติ
…
เมื่อหวงจิ่งจากไปแล้ว ทุกคนก็ไปหาอาจารย์ที่รับผิดชอบเพื่อตรวจสอบผลงาน
ฟางผิงพบว่าเขาได้ผลงาน 30% ซึ่งเป็นจำนวน 145 คะแนน!
ถังซ่งถิง 18% จ้าวเสวี่ยเหมย 16% จ้าวชิง 12%…
อีกหกคนที่เหลือรวมเป็น 24% ซึ่งตีเป็น 4% ต่อคน กระนั้นก็ไม่มีใครรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
แม้ว่าพวกเขาจะได้แค่ 4% แต่พวกเขาก็ได้กันแต่ละคนเกือบ 20 คะแนนแล้ว
นอกจากคะแนน พวกเขายังได้รางวัลอื่นอีกเช่นกัน อย่างเม็ดยาปราณและเลือด เงินสด เม็ดยาชำระกระดูก และแม้แต่อาวุธอัลลอย
ยิ่งกว่านั้นไม่มีใครบาดเจ็บร้ายแรง รางวัลพวกเขาก็ไม่ใช่น้อย บวกกับของที่ทางมหาลัยมอบให้ตอนแรกซึ่งตีเป็นคะแนนได้ 30 คะแนน แม้แต่คนที่ได้รางวัลน้อยสุดก็ได้รวมเกือบ 60 คะแนน
ทีมอื่น แม้แต่ทีมจ้าวเหล่ยก็ไม่ได้มากเท่านี้
พวกเขาถูกหักไป 10% แถมยังบาดเจ็บกันเกือบทุกคน การรักษาอาการบาดเจ็บก็มีค่าใช้จ่ายพอควร
…
ฟางผิงไม่ได้คุยกับคนอื่นเท่าไหร่ เขารีบไปแผนกโลจิสติกส์เพื่อรับคะแนนรางวัล
หลังรับคะแนนมาแล้ว ฟางผิงก็มีคะแนนถึง 161 คะแนน!
ถ้านับคะแนนเดิมด้วย เขาคงมีเกิน 200 คะแนนไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ฟางผิงใช้ 40 คะแนนแลกดาบอัลลอยมาเล่มนึง
นี่ไม่ใช่จำนวนคะแนนสุดที่เขาสะสมมาได้
ปัจจุบันฟางผิงยังมีเม็ดยาอีกมากมายอยู่ในมือ
เขามีเม็ดยาปราณและเลือดสามัญ 50 เม็ด ยาชำระกระดูกขั้นหนึ่ง 5 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 8 เม็ด น้ำเยียวยา 1 ขวด และยาปราณและเลือดขั้นสองอีก 2 เม็ด
เขายังมีดาบอัลลอยเกรดอี รองเท้าคอมแบทอัลลอยคู่นึง มีดอัลลอยสองเล่ม และสนับอัลลอยเกรดดี
ส่วนเงินสด ฟางผิงไม่ได้รับมาเลย ดังนั้นเขาจึงมีเงินสดอยู่ 6 ล้านเท่าเดิม
แต่จากคะแนนที่ได้รับมาครั้งนี้ ค่าทรัพย์สินองฟางผิงเพิ่มขึ้นมา 2.9 ล้าน
เม็ดยาและอาวุธที่เขาได้รับมายังเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาอีกเกือบ 4 ล้าน
ในหนึ่งเดือนนี้ ฟางผิงเพิ่มค่าทรัพย์สินได้มากกว่า 7 ล้านซะอีก
แน่นอน ค่าทรัพย์สินที่เขาใช้ไปก็น่าตกใจเช่นกัน
ทรัพย์สิน : 12,080,000
ปราณและเลือด : 300แคล (308แคล)
จิตใจ : 257เฮิรตซ์ (269เฮิรตซ์)
ขัดเกลากระดูก : 55 ชิ้น(90%) 1 ชิ้น (45%) 150 ชิ้น(30%)
ก่อนเริ่มภารกิจ ค่าทรัพย์สินของฟางผิงก็มีถึง 10 ล้านแล้ว ด้วยค่าทรัพย์สินที่เขาได้มาเดือนนี้ถึง 7 ล้าน เดิมทีเขาควรมีมากกว่า 17 ล้าน
อย่างไรก็ตามเดือนนี้ฟางผิงใช้ค่าทรัพย์สินไปประมาณ 5 ล้าน
นอกจากใช้ขัดเกลากระดูก บางส่วนก็ถูกใช้ในระหว่างต่อสู้
ฉันควรวางแผนให้รอบคอบกว่านี้
หลังดูค่าสถานะ ฟางผิงก็ตัดสินใจใช้ประโยชน์จากรางวัลที่ได้มารอบนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
ช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างก็พัฒนาขึ้นมาก ถ้าเขาพัฒนาขึ้นอีกครั้ง มันก็ไม่ได้น่าแปลกใจเท่าไหร่
ถ้าเขาไม่ใช้ค่าทรัพย์สิน มันก็คงฝุ่นเกาะอยู่ตรงนั้นไม่เป็นประโยชน์อะไร การแปลงค่าทรัพย์สินเป็นความแข็งแกร่งต่างหากที่สำคัญ