World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 142.1 เราต้องใช้เงินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง (1)
- Home
- World’s Best Martial Artist
- ตอนที่ 142.1 เราต้องใช้เงินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง (1)
ฟางผิงกลับมายังหอพัก
เขาเดินตรงไปที่ห้องฟู่ชางติ่ง
เมื่อฟู่ชางติ่งเปิดประตู ฟางผิงก็พูดขึ้นมาทันที ฉันขายยาต่อ มียาปราณและเลือดสามัญ 100 เม็ด ขั้นหนึ่ง 8 เม็ด กับยาชำระกระดูกขั้นหนึ่ง 5 เม็ด!
ห๊ะ!
ฟู่ชางติ่งตะลึง จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ นายจะบ้าเหรอ? ขายอีกแล้ว! แล้วคราวนี้นายได้มาเยอะขนาดนี้ได้ไง?
ฟางผิงพึ่งขายยามูลค่าเกือบสิบล้านไปครั้งที่แล้ว!
และเขาก็เอายามาขายอีกครั้ง!
ฟางผิง เจ้าหมอนี่ทำภารกิจได้มามากขนาดไหนเนี่ย?
ฟางผิงโบกไม้โบกมือ เข้าเรื่องเถอะ นายจะซื้อไหม? ถ้านายไม่ซื้อ ฉันจะไปถามพวกหยางเสี่ยวม่าน
ฐานะครอบครัวของคนพวกนี้ไม่ได้แย่ พ่อของจ้าวเหล่ยเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นห้าเช่นกัน ฟางผิงไม่ได้ถามถึงครอบครัวของหยางเสี่ยวม่าน แต่อย่างน้อยเธอต้องมีผู้อาวุโสขั้นสี่ขั้นห้าแน่นอน
ยิ่งครอบครัวใหญ่เท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งต้องการเม็ดยาสามัญเหล่านี้
เช่นเดียวกับฟางผิง ถ้าเขาไม่ใช้ค่าทรัพย์สิน เขาต้องใช้ยาปราณและเลือดสามัญอย่างน้อย 10 เม็ดต่อเดือนเพื่อทำการฝึกฝน
100 เม็ดฟังดูเยอะ แต่มันเป็นจำนวนแค่ให้ผู้ฝึกยุทธที่ใกล้เคียงกับขั้นหนึ่งสูงสุดอย่างฟู่ชางติ่งใช้ในหนึ่งปีเท่านั้น
ฉันจะซื้อ!
ฟู่ชางติ่งพูดไม่ออกเล็กน้อย แต่เขาก็ยังปล่อยให้ฟางผิงเข้ามา เขาคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะพูดขึ้นมา เม็ดยาของนายมีราคาตลาด 14.9 ล้านถูกไหม?
อือฮึ
ลดยี่สิบเปอร์ 13 ล้าน ไม่น้อยเลยนะ
ฟางผิงประหลาดใจ นายคิดว่าฉันตกเลขเหรอ? ลดยี่สิบเปอร์เซ็นคือ 13.112 ล้าน นายจะโกงกันรึไง?
นาย…นาย…
ฟู่ชางติ่งแทบกระอักเลือด ปัดเศษเป็นเลขกลมๆเป็นเรื่องที่ทำกันทั่วไปไม่ใช่เรอะ?
เขามองฟางผิงและตอบอย่างหงุดหงิด เม็ดยาที่ทิ้งไว้นานจะมีฤทธิ์เสื่อมลง ของรอบก่อนฉันยังใช้ไม่หมดเลย
ยิ่งกว่านั้น มันเป็นการซื้อขายส่วนตัว นายไม่ต้องจ่ายภาษี นายปัดเศษทิ้งไม่ได้ไง?
ก็ได้ 13 ล้านก็ 13 ล้าน งั้นคืนนี้นายต้องเลี้ยงมื้อเย็น
นายต่างหากที่ต้องเลี้ยงฉัน!
ฟู่ชางติ่งรู้สึกไม่พอใจ เจ้าหมอนี่ขายเม็ดยาให้เขา 22 ล้านในสองครั้ง!
แต่เจ้าหมอนี่ก็ยังอยากให้เขาเลี้ยงอีก!
กระนั้น ส่วนลดยี่สิบเปอร์เซ็นก็ถูกกว่าไปซื้อเอง ถ้าฟางผิงต้องการ เลี้ยงข้าวนิดหน่อยเขาก็ทำให้ได้
หลังครุ่นคิด ฟู่ชางติ่งก็ยังคงเอ่ยถาม ฟางผิง บางครั้งของบางสิ่งก็ไม่อาจซื้อได้ด้วยเงิน ฉันคิดว่านาย…
ฟางผิงขายเม็ดยาเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องสืบเลย คะแนนฟางผิงหมดแน่นอน
เขาเป็นแค่ขั้นหนึ่ง มันเป็นเหตุบังเอิญที่ช่วงนี้ฟางผิงมีโอกาสสะสมคะแนนได้มากขนาดนี้
อนาคตอาจไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว
ฟางผิงใช้คะแนนไปมาก เงินที่เขาได้มาก็เอาไปลงกับใครก็ไม่ทราบได้ ครอบครัวของฟางผิงไม่มีทุนสนับสนุนแน่นอน ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไป เมื่อฟางผิงไปถึงขั้นสอง ค่าใช้จ่ายในการฝึกฝนก็จะสูงขึ้นมาก เขาจะไปเอาทรัพยากรมาจากไหน?
ไม่เป็นไร ฉันรู้
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาส่งมอบเม็ดยาให้ฟู่ชางติ่ง ฟู่ชางติ่งตรวจสอบทีนึงก่อนจะโทรไปหาพ่อ
พ่อเขาก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วย ยังไงเสียเม็ดยาเหล่านี้ก็เป็นของใช้ประจำ ถ้าฟางผิงขายเม็ดยาป้องกันอวัยวะภายใน 100 เม็ดแทน คงมีคนไม่มากที่ยอมซื้อ
อย่างไรก็ตามเม็ดยาปราณและเลือดกับเม็ดยาชำระกระดูกต่างเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ฝึกยุทธที่ต่ำกว่าขั้นสาม ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่มีใครเอา
นี่ไม่ใช่การซื้อขายครั้งแรกของทั้งสอง ดังนั้นฟางผิงจึงได้รับข้อความแจ้งเตือนเร็วมาก
ยอดเงินคงเหลือ : 14.5 ล้าน!
นอกจากนี้ค่าทรัพย์สินเขายังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ระบบประเมิณราคายาไว้ที่ประมาณ 70% ของราคาตลาด ดังนั้นราคาจึงไม่ต่างกันมากนัก
ตอนนี้ฟางผิงขายไปที่ราคา 88% ซึ่งมากกว่าราคาตลาด 18%
แน่นอนมันไม่ได้แน่นอนนัก บางครั้งการคำนวณของระบบก็อาจสูงกว่าหรือต่ำกว่า ครั้งนี้ค่าทรัพย์สินของฟางผิงเพิ่มขึ้นมา 2.6 ล้าน บวกกับห้าแสนจากการแลกเปลี่ยนเม็ดยาที่แผนกโลจิสติกส์เมื่อกี้ด้วย
ค่าทรัพย์สินของฟางผิงเพิ่มขึ้นรวม 3.1 ล้าน!
ตอนนี้ฟางผิงมีค่าทรัพย์สินทั้งหมดถึง 15.18 ล้าน!
ความรู้สึกปวดใจที่ตกค้างตอนซื้อดาบเป็นเงินมหาศาลเมื่อครู่จางหายไปในเสี้ยววิ
เขามีเงินสด 15 ล้านกว่า บริษัทที่มีมูลค่านับสิบล้าน อาวุธมูลค่าสิบล้าน และยังมีเม็ดยาปราณและเลือดขั้นสองอีกสองเม็ด
ผู้ที่ร่ำรวยพอๆกับเขา ทั้งโม๋อู่บางทีอย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสามขั้นสี่เลยถูกมั้ย?
…
ฟางผิงกลับห้องแล้วโทรหาที่บ้าน
คนที่รับสายเป็นหลี่อวี้อิง ก่อนที่ฟางผิงจะได้คุยกับแม่ โทรศัพท์ก็ถูกฟางหยวนแย่งไปเสียแล้ว
มันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ฟางหยวนถึงว่าง
เมื่อเธอแย่งโทรศัพท์มา ฟางหยวนก็ยิ้มกว้าง ฟางผิง นายมีเงินไม่พอใช้งั้นเหรอ? หนูควรโอนค่าขนมไปให้พี่บ้าง…
ห๊ะ?
ฟางผิงอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ คราวนี้ขายอะไรของพี่อีก?
บ้าเหรอ ใครขายของนายกัน?
ฟางหยวนปฏิเสธทันควันและหัวเราะคิกคัก หนูหาเงินมาเอง อีกอย่างตอนนี้หนูเป็นอาจารย์แล้ว
ห๊ะ?
หนูสอนจวงกงให้คนอื่น หนูสอนหนึ่งชั่วโมงทุกวันหลังเลิกเรียนและเก็บเงินสิบหยวนต่อคน ตอนนี้หนูสอนมากกว่าสิบคนแล้ว หนูจึงได้มาร้อยกว่าหยวนต่อวัน…
รอบนี้ฟางผิงไม่ได้สั่งสอนเธอ สิบหยวนต่อชั่วโมง? ในสายตาน้องเห็นแค่นี้เหรอ?
จวงกงของฟางหยวนอาจไม่ดีนัก แต่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธสรุปได้คำเดียวนั่นก็คือ แพง!
ไม่ว่ายังไงจวงกงของฟางหยวน ฟางผิงเป็นคนสอน จวงกงฟางผิงมาถึงขั้นหนักแน่นแล้ว แถมตอนนี้ยังมีหวังก้าวไปสู่ขั้นถัดไป
และจวงกงของเขาก็ถูกสอนมาจากหวังจินหยาง
หวังจินหยางย่อมแข็งแกร่งกว่าฟางผิงแน่นอน
ต้นกำเนิดจวงกงของฟางหยวนไม่ได้แย่ อย่างน้อยก็ดีกว่าเวอร์ชั่นที่ถ่ายทอดกันมาของพี่น้องถาน จวงกงของพี่น้องถานมาจากถานเจิ้นผิง
แม้ว่าฟางหยวนจะซุกซน แต่ค่าธรรมเนียมสิบหยวนต่อชั่วโมงไม่ได้มากมายอะไรเลย
หลังพูดจบ ฟางผิงก็ครุ่นคิดครู่นึง น้องสอนจวงกงได้ แต่สอนแค่พื้นฐานก็พอ อย่าไปสอนเรื่องอื่น คนอื่นมีปราณและเลือดไม่เพียงพอ ถ้าพวกเขาฝึกล้ำลึกเกินไป พวกเขาจะทำตัวเองบาดเจ็บเอา น้องเข้าใจใช่ไหมว่าพี่หมายถึงอะไร?
ถ้าสอนจวงกงท่าขี่ม้า งั้นมันก็เป็นการเสริมสร้างและฝึกฝนร่างกาย
อย่างไรก็ตามถ้าเรียนจวงกงกันจริงๆ มันจะเป็นการผลาญปราณและเลือดเป็นจำนวนมาก เพื่อนร่วมชั้นของฟางหยวนย่อมแบกรับไม่ไหวและอาจทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้ง่าย
หนูรู้ หนูบอกพวกเขาแล้ว พวกเขาก็รู้เหมือนกัน พวกเขาแค่อยากเรียนรูปแบบจวงกง
ฟางผิง นายอยากให้หนูโอนเงินให้ไหม?
ไม่จำเป็น เก็บไว้เถอะ ช่วงนี้พี่ก็ได้มาพอควรเหมือนกัน…
นายหาเงินได้มาเหมือนกันเหรอ?
อือฮึ
นายได้มาเท่าไหร่?
แค่ราวๆสิบล้าน
เหอะ เหอะ!
เหอะเหอะอะไร น้องจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ ส่งโทรศัพท์ให้แม่หน่อย
โทรศัพท์ถูกส่งไปอยู่ในมือของหลี่อวี้อิงอย่างรวดเร็ว ฟางผิงได้ยินฟางหยวนบ่นอยู่ข้างๆ แม่ ฟางผิงโม้อีกแล้ว เขาบอกได้เงินมาสิบล้าน หนูอุส่าใจดีบอกจะโอนเงินค่าขนมไปให้ แต่ฟางผิงหยิ่งเกินไปไม่ยอมเอาเงิน…
ฟางผิงไม่ได้คิดมาก เขายิ้ม แม่ ผมจะโอนเงินให้ใช้ที่บ้านห้าแสน ถ้าแม่ต้องใช้เงิน แม่ก็ไม่ต้องเสียดายนะ
ห้าแสน? ผิงผิง…
แม่ มันก็แค่ห้าแสน มันไม่ถือว่ามาก ที่มหาลัยวิชายุทธ ผมทำผลงานได้ไม่เลว พวกอาจารย์ประทับใจผม เม็ดยาเม็ดนึงที่ผมได้มาก็มีค่าหลายแสนแล้ว
ยังไงก็ตาม ถ้าแม่ต้องการเงิน แม่ก็มาบอกผมได้เลยนะ นอกจากนี้ดูฟางหยวนด้วย ยัยเด็กคนนี้
ดวงตาของเธอแทบเป็นรูปเหรียญหยวนแล้ว อย่าปล่อยให้น้องซุกซนนะแม่
เด็กคนนี้นี่…แม่ได้ยินว่าการฝึกฝนใช้เงินเป็นจำนวนมาก ถ้าจบแค่ครอบครัวไม่มีเงินให้ก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ลูกถึงกับมีเงินส่งให้เรา พ่อกับแม่จะใช้เงินมากขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ?
เตรียมไว้ไม่เป็นไรหรอก แม่เก็บไว้ เอาไว้ใช้เมื่อจำเป็น
ยังไงตอนนี้ผมก็เป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว พ่อกับแม่ไม่จำเป็นต้องประหยัด แม่ก็รู้ ผู้ฝึกยุทธเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ถ้าพ่อแม่ใส่เสื้อผ้าเก่าเก็บเหมือนขอทาน คนอื่นจะมองผมยังไง?
เอาไปซื้อเสื้อผ้า หรือจะเอาไปหัดขับรถก็ได้ อย่าปล่อยให้พ่อขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอีก หลังแม่ได้ใบขับขี่ก็ซื้อรถเถอะ
หลังฟางผิงพูดจบ หลี่อวี้อิงก็รู้สึกลังเล
ลูกชายเธอพูดถูก ผู้ฝึกยุทธเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องประหยัด ถ้าพวกเขาแต่งกายไม่ดี มันจะไม่ทำให้ลูกชายขายหน้าเอาเหรอ?
ขณะที่พวกเขาคุยกัน ฟางหยวนก็ขโมยโทรศัพท์ไปอีกครั้ง ฟางผิง นายได้เงินมาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?
น้องว่าไงล่ะ? อย่ามาเทียบกับพี่เลย น้องรีบหยุดสร้างปัญหาจะดีกว่า
เงินเก็บของน้องเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเงินพี่
ฟางหยวนเม้มปาก ถ้านายมีเงิน หนูก็ต้องมีเงินเหมือนกัน หนูยังเด็กอยู่ พอหนูโตขึ้น หนูจะต้องเก่งกว่านาย!
ใช่ๆๆ น้องเก่งมาก อย่าลืมซื้อของกินอร่อยๆ อย่าให้น้ำหนักลดล่ะ
หนูรู้สึกว่านายไม่ได้เป็นห่วงหนูเลย!
ฟางหยวนบ่น พี่ชายเธอโทรมาก็พูดเรื่องนี้ตลอด ให้กินเยอะๆ ห้ามให้น้ำหนักลด
ยัยเด็กนี่ ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย พี่เป็นห่วงน้องอยู่แล้ว…
สองพี่น้องคุยกันอีกสักพักถึงจะวางสาย อารมณ์ของฟางผิงดีขึ้นทันตา
ในหนึ่งเดือนมานี้ เขาต้องวิ่งเต้น ไล่สังหารไล่ทำร้ายคน ไม่ว่าเขาจะร่าเริงแค่ไหน เขาก็ยังจิตตกอยู่ดี
ตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากเลยแหละ