World’s Best Martial Artist - ตอนที่ 143.1 เชี่ยวชาญการต่อยหน้า (1)
ช่วงกลางวัน ทุกคนใช้เวลาช่วงนี้คุยกัน
ตอนกลางคืน พวกเขาอยู่กันที่โรงฝึก
ฟางผิงพึ่งมาถึง จ้าวเหล่ยก็พูดขึ้นมาทันที ฟางผิง ดูเหมือนจะถึงเวลาเปลี่ยนหัวหน้าคลาสแล้วใช่ไหม?
ถ้าเขาไม่พูดถึง ฟางผิงก็คงลืมไปแล้ว
เมื่อเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ฟางผิงก็ขมวดคิ้ว ฉันเกือบลืมไปแล้ว ฉันยังไม่ได้ 20 คะแนนของเดือนที่แล้ว ฝีมือนายเหรอ?
ฮึ่ม!
จ้าวเหล่ยแค่นเสียง ดูถูกชัดเจน
‘ฝีมือฉัน?’
‘ฝีมือฉันบ้านป้าแกสิ!’
ในโม๋อู่ นักศึกษามีสิทธิ์อะไรทำแบบนั้น? ฟางผิงประเมิณเขาสูงเกินไปจริงๆ!
ฉันตัดสินใจแล้ว
เวลานั้นเอง ถังเฟิงก็ก้าวเข้ามาและพูดออกมาลวกๆ คะแนนของมหาลัยไม่ได้มาจากอากาศเปล่า เดือนก่อนทุกคนอยู่ข้างนอกกัน ผ่านมาสองรอบแล้ว แต่ไม่มีใครท้าประลอง ดังนั้นจึงหยุดให้คะแนนชั่วคราว
เนื่องจากมีคนพูดถึง ตอนนี้มาดูกันว่าใครจะได้รับ 20 คะแนนของเดือนก่อน
ฟางผิงเข้าใจที่ถังเฟิงสื่อ เขารีบพูดขึ้นมา อาจารย์หมายถึง…
ถูกต้อง ใครได้เป็นหัวหน้าคลาสครั้งนี้จะได้รับ 20 คะแนนของเดือนก่อนด้วย
พูดอีกนัยนึง คนที่ได้เป็นหัวหน้าคลาสครั้งนี้จะได้รับไป 30 คะแนน
ทุกคนออกไปทำภารกิจมาย่อมเข้าใจว่า 30 คะแนนหมายถึงอะไร
ผู้ฝึกยุทธขั้นสองชั้นต้นจะได้รับ 10-15 คะแนน
ผู้ฝึกยุทธขั้นสองชั้นกลางจะได้รับ 15-20 คะแนน
ผู้ฝึกยุทธขั้นสองชั้นสูงจะได้รับ 20-25 คะแนน
ผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดจะได้รับ 25-30 คะแนน
แน่นอนตัวเลขนี้ไม่ได้ถูกกำหนดไว้เจาะจง บางครั้งรางวัลก็สูงกว่านี้ บางครั้งรางวัลก็ต่ำกว่านี้
บางครั้งพวกเขาจะได้เป็นเงินสดแทน บางครั้งพวกเขาก็จะได้เป็นคะแนน
แต่โดยรวมแล้ว มันก็อยู่ในขอบเขตเหล่านี้
30 คะแนนเทียบเท่ากับภารกิจขั้นสองชั้นต้น 2 ภารกิจ แทนที่จะออกไปเสี่ยงชีวิตข้างนอก แบ่งให้กับหลายคนเท่าๆกัน
ในคลาส ตราบใดที่พวกเขาเอาชนะฟางผิงได้ พวกเขาก็จะได้รับ 30 คะแนนเข้ากระเป๋า
เมื่อถังเฟิงพูดจบ สายตาของนักศึกษาหลายคู่ก็เปลี่ยนไป บางคนก็แววตาเปล่งประกายพร้อมลงมือ
จ้าวเหล่ยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แววตาของเขาลุกโชนจ้องมองฟางผิง
ฟู่ชางติ่งที่ยืนอยู่ข้างๆสั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน เขาพูดเบาๆ ฟางผิง ด้วย 30 คะแนนนี้ ฉันเกรงว่าคราวนี้นายลำบากขึ้นแล้วแหละ
ด้วยความสัมพันธ์ของเรา แทนที่จะมอบให้จ้าวเหล่ย ทำไมนายไม่ให้ฉันแทนล่ะ?
เอาแบบนี้ไหม? พอจ้าวเหล่ยท้านาย นายก็จัดการเขา จากนั้นนายก็ยอมแพ้ให้ฉัน ฉันจะให้นาย 10 คะแนน นายคิดว่าไง?
ฟางผิงมองเขาผ่านหางตาและรู้สึกไม่ชอบใจ นายคิดว่าฉันโง่เหรอ? ฉันจัดการเองได้ ฉันจะให้นายทำไม?
ฟางผิง ไม่ว่านายจะเก่งแค่ไหน นายก็มีศัตรูมากเกินไป หลังจากนี้ทุกคนจะพยายามท้านาย ลองคิดดูสิ นายจะต้องใช้เม็ดยาหลายเม็ดเพื่อฟื้นฟูปราณและเลือด…
ฟางผิงคร้านจะคุยด้วย ถังเฟิงเปิดปากถาม มีใครอยากท้าทายตำแหน่งหัวหน้าคลาสไหม?
อาจารย์ ผมอยากลอง!
จ้าวเหล่ยพูดขึ้นมาคนแรก กระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด
อาจารย์ ผมด้วย!
ผมก็ด้วย!
…
นักศึกษาสี่ห้าคนพูดพร้อมกัน ฟู่ชางติ่งก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ถังเฟิงพูด ฟางผิง ในฐานะที่เธอเป็นหัวหน้าคลาส เธอต้องยอมรับคำท้า แน่นอนเธอมีเวลาพักช่วงจบประลองแต่ละครั้ง
นอกจากนี้ ในฐานะที่เธอเป็นหัวหน้าคลาส เธอมีสิทธิ์เลือกรับคำท้าใครก่อน
ไม่ต้องพูดถึงความเป็นธรรม สุดท้ายใครถูกเลือกก็เป็นชะตาของคนนั้น
ด้วยกฎเอาแต่ใจแบบนี้ คนสุดท้ายย่อมได้เปรียบ
ยิ่งกว่านั้น การประลองสุดท้ายเป็นตัวเลือกของผู้ชนะคนก่อน มันก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์พวกเขาและวิธีตัดสินของผู้ชนะ
ถ้าสังเกตดีๆตอนนี้มันมีประโยชน์มาก
ฟางผิงมองคนที่อยู่ตรงหน้า เขามองฟู่ชางติ่งก่อน ฟู่ชางติ่งรีบยิ้มทำสีหน้าบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันเพื่อให้ฟางผิงล้มเลิกความคิดทุบตีเขาตอนนี้
สายตาเขากวาดไปทางหยางเสี่ยวม่าน สายตาของหยางเสี่ยวม่านเหล่มองไปทางจ้าวเหล่ยทันทีบ่งบอกว่าเขาต่างหากที่เป็นศัตรูที่แท้จริง
อย่างไรก็ตามสายตาของฟางผิงจับจ้องมองเธอไม่ขยับ หยางเสี่ยวม่านทนไม่ไหวหันมามองฟางผิงและพึมพำออกมา ประลองผู้หญิงก่อน นายไม่ละอายหน่อยเหรอ?
ก่อนที่ฟางผิงจะได้เปิดปากพูด จ้าวเหล่ยก็พูดขึ้นมาก่อน ฟางผิง มาเจอกันฉันก่อน!
นายแน่ใจนะ?
ไม่ว่านายจะเป็นหัวหน้าคลาสไหม มันก็ไม่สำคัญ ฉันอยากแก้แค้นนาย!
จ้าวเหล่ยไม่สนใจว่าเขาจะแพ้ไหมและไม่สนใจตำแหน่งหัวหน้าคลาสด้วย เขาแค่อยากแก้แค้นฟางผิง อยากทุบตีฟางผิงจนหน้าบวมเป็นหัวหมู!
ไหนๆนายก็แส่อยากโดนกระทืบ ฉันก็ไม่คิดมากหรอกนะ
ฟางผิงยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองถังเฟิง อาจารย์ เราใช้อาวุธได้ไหม?
ได้!
ถังเฟิงตอบอย่างเรียบง่าย นักศึกษาบางคนก็ฝึกแต่วิชาอาวุธ ถ้าเขาไม่ยอมให้ใช้อาวุธ นักศึกษาจะใช้จุดแข็งที่สุดของตัวเองออกมาได้อย่างไร?
ยังไงเสียเขาก็อยู่ด้วย ตอนนี้พวกเขาไม่ได้กำลังทำภารกิจ เขาย่อมไม่ยอมให้นักศึกษาประมือกันจนถึงขั้นเสียชีวิต
งั้นรอเดี๋ยว
ฟางผิงไม่ได้อธิบายและเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด
จ้าวเหล่ยลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปข้างๆและหยิบอาวุธตนเองขึ้นมา ในคลาส ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่จะใช้พลองไม่ก็ดาบ
ของจ้าวเหล่ยเป็นพลองอัลลอย อาจารย์เขาถังเฟิงไม่เชี่ยวชาญอาวุธ ดังนั้นใช้พลองจึงเหมาะสมกว่า
จากนั้นไม่นาน ฟางผิงก็เดินออกมา
เมื่อพวกเขาเห็นฟางผิงถือดาบยาว สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนมาสงสัย
ในกลุ่มนักศึกษา จ้าวเสวี่ยเหมยมองฟางผิงด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เกิดอะไรขึ้น?
เขาใช้ดาบสั้นไม่ใช่เหรอ?
ดาบเล่มนี้ไม่ใช่เบาๆใช่ไหม? ฟางผิงจะแกว่งดาบไหวเหรอ?
ท่วงท่าเขาดีมาก ที่สำคัญที่สุดคือเขาจะใช้มันได้ไหม…
หลายคนคุยกันเบาๆ จ้าวเหล่ยก็ให้ความสนใจเช่นกัน เขาจ้องมองดาบฟ่งจุ่ยอยู่ครู่นึง คุณภาพอาวุธไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามันยาวกว่าหรือใหญ่กว่า!
ดาบฟ่งจุ่ยยาว 1.8 เมตรไม่ถือว่าเป็นอาวุธสั้นแน่นอน
อาวุธยาวไม่ได้แปลว่ามันจะแข็งแกร่ง เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้กัน อาวุธยาวย่อมใช้ออกได้ยาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาวุธที่เหมือนดาบง้าว พลองใช้ดีกว่าแน่นอน
ฟางผิงยิ้ม นายจะได้รู้หลังฉันทดสอบ เออใช่ วันนี้นายจะไม่ร้องไห้ใช่ไหม?
ฮึ่ม!
อย่าร้องไห้ละกัน ไม่งั้นถ้าฉันทุบตีนายจนน้ำตาร่วงทุกครั้ง ฉันคงไม่กล้าโจมตีนายอีก
งั้นก็ลองดู!
ฉันว่าครั้งก่อนนายก็มั่นใจแบบนี้นะ!
เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!
จ้าวเหล่ยเริ่มหมดความอดทน
เมื่อเขาพูดจบ ขาของฟางผิงก็เบลอไปวูบ ระยะห่างหดสั้นลงในพริบตา ดาบยาวส่งเสียงหวีดหวิวผ่านอากาศ
สีหน้าของจ้าวเหล่ยไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขายกพลองขึ้นมาขวาง ขยับเท้าอยากประชิดตัวฟางผิงให้มากขึ้น ด้วยจำนวนขัดเกลากระดูกของตน เขาเข้าใกล้ฟางผิงและทำให้มันเป็นการต่อสู้ระยะประชิดจึงเหมาะสมกว่า
ขณะที่เขาขยับเท้า จ้าวเหล่ยก็พลันถอยกลับไปก้าวหนึ่ง สองมือถือพลองสั่นเทาเหน็บชาแปลบๆ
ทรงพลังมาก!
สีหน้าของจ้าวเหล่ยแข็งทื่อ ความแข็งแกร่งที่ฟางผิงระเบิดออกมาแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
ขณะอยู่ในห้วงความคิด ฟางผิงก็ยกดาบขึ้นฟันจากบนลงล่างอีกครั้ง!
แคร้ง!
ดาบพลองปะทะกัน ประกายไฟแล่นแปลบ ส่งเสียงดังเสียดหู
จ้าวเหล่ยก้าวถอยอีกครั้ง สีหน้าไม่น่าดู
เมื่อเขาต้องก้าวถอย ฟางผิงก็ก้าวประชิด
แคร้ง!
ง่ามมือจ้าวเหล่ยชา เขารู้สึกราวกับจับพลองไม่อยู่
แคร้ง แคร้ง แคร้ง!
ฟางผิงไม่ได้ประชิดเข้าใกล้เกินหรือไกลเกิน เขารักษาระยะดาบจากจ้าวเหล่ยตลอด
เมื่อเผชิญกับการฟันมากกว่าสิบครั้ง ง่ามมือของจ้าวเหล่ยก็ปริแตก กระแสเลือดไหลลงมาจากง่ามนิ้วอาบชโลมพลองอัลลอย